"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
29 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
จำปาลาวหรือจำปาขอม .. ต้นใหญ่ดอกหอม

Delight Moment 66 / สุมิตรา จันทร์เงา


วัดพู...อีกครั้ง ครั้งที่สองของปี

 

เส้นทางวัดพู-หลี่ผี-คอนพะเพ็ง

สถานที่เดิม แม่น้ำสายเดิม ...แต่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแบบที่เคยเห็นแม้แต่ครั้งเดียว แปลก...ที่การผ่านเส้นทางนี้มักเป็นหน้าฝนเสมอ ไม่ต้นฝน ก็กลางฝน และปลายฝน

 


ปีแรกที่ฉันไป โบราณสถานปราสาทหินวัดพูยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สภาพเดิมๆของเศษซากปรักหักพังยังไม่มีใครไปแตะต้องบูรณะ มันกองอยู่ในดงหญ้าสูงท่วมหัว กระจัดกระจายอยู่ทั้งสองฟากทาง เสานางเรียงล้มระเนนเป็นกรอบทางเดินแผ่นหินขรุขระที่ยังมิได้ปรับสภาพให้ราบเรียบแบบทุกวันนี้

ทางขึ้นปราสาทที่ทอดสูงสู่ภูเขาโรยดอกจำปากรุ่นหอม กลิ่นนั้นฟุ้งอยู่ในอากาศ เป็นกลิ่นดิบของป่าชื้นๆ กลิ่นสดของธรรมชาติที่ยังไม่ได้ปรุงแต่ง เหมือนรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าเด็กสาวบนดอยสูง

ครั้งนั้นฉันมีนักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญนำทาง ข้อมูลทางประวัติศาสตร์และตำนานหลายเรื่องอัดแน่นอยู่ในลิ้นชักความจำจนล้นปรี่ แต่ก็แทบไม่ได้ดึงออกมาใช้เลย

 


หลายเรื่องที่รู้เขียนไม่ออกเอาดื้อๆ หรือบางทีก็ไม่นึกอยากเขียนถึง และเกิดอาการลืม...ราวกับว่าไม่เคยรับรู้สิ่งใดมาก่อน กระทั่งมีคนใหม่มาพูดซ้ำอีก ถึงนึกได้ว่ามันอยู่ในหัวเรานี่เอง

วัดพู...ครั้งต่อมา เริ่มตื่นเต้นขึ้นเมื่อฝ่ายพิพิธภัณฑ์และวัตถุโบราณองค์การยูเนสโกร่วมกับอำนาจการปกครองและประชาชนท้องถิ่นสปป.ลาว สามารถนำเสนอกลุ่มสถานโบราณวัดพูจำปาสักเข้าจดทะเบียนเป็นมรดกโลกได้สำเร็จเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2545   

 

ซากปราสาทหิน โรงท้าว โรงนางที่ยังหลงเหลือให้เห็น


เขตคูเมืองโบราณของปราสาทหินวัดพูมีเนื้อที่ประมาณ 3.6 ตารางกิโลเมตร แต่อาณาเขตเมืองมรดกโลกโดยรวมนั้นกินพื้นที่กว้างขวางรวมไปถึงบริเวณที่ราบลุ่มจำปาสักหรือเมืองจำปาสักทั้งเมือง เทือกภูเก้าและพื้นที่ฝั่งตะวันออกแม่น้ำโขงบริเวณอุบมุงห้วยโต๊ะโม๊ะเลยไปถึงปากแม่น้ำโขงเขตเมืองปะทุมพอน

นับแต่นั้นกระบวนการอนุรักษ์กลุ่มปราสาทและโบราณสถานวัดพูให้ทรุดโทรมน้อยที่สุดก็เริ่มขึ้น ฉันเห็นตัวปราสาทถูกกอบกู้เป็นหลังขึ้นใหม่ มีแผ่นพับเล่าเรื่องราวความเป็นมาสั้นๆ และมีการเก็บค่าเข้าชมเพื่อบำรุงโบราณสถาน

อีกครั้ง...และอีกครั้ง การพัฒนามรดกโลกแห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นความตั้งอกตั้งใจของแขวงจำปาสักที่จะให้เป็นตัวอย่างการจัดการที่ได้มาตรฐานระดับสากลภายใต้กรอบกติกาของยูเนสโก ที่ต้องการให้พื้นที่แหล่งมรดกโลกเป็นขุมความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม สะท้อนรากเหง้าอารยะของกลุ่มชน มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวตามสมควร และต้องไม่เปลี่ยนแปลงสภาพโบราณสถานให้ผิดไปจากลักษณะดั้งเดิมของมัน

 

ซุ้มดอกจำปา เอกลักษณ์ทางขึ้นวัดพู

 

หนล่าสุดนี้สองครั้งซ้อน กลุ่มโบราณสถานปราสาทวัดพูผิดหูผิดตาไปจากที่เคยเห็นแทบจำไม่ได้ เพียงแค่ 10 กว่าปีของห้วงเวลาผ่านทางเป็นมรดกโลกแห่งที่สองของคนลาว รองจากเมืองมรดกโลกหลวงพระบาง

มีอาคารที่ทำการใหม่โอ่อ่าสวยงาม ห้องน้ำสะอาดสะอ้านทันสมัย มีร้านกาแฟเล็กๆให้นั่งทอดอารมณ์จมอยู่กับกลิ่นดอกจำปาในสวนเขียวขจี น่ามองไปทุกมุม

เมื่อก่อนเราต้องเดินจากประตูทางเข้าโบราณสถานผ่านบารายใหญ่ยักษ์เข้าไปหลายร้อยเมตรกว่าจะถึงตีนภู เข้าสู่เขตแถวเสานางเรียง และซุ้มดอกจำปาที่นำสายตาไปสู่เทวาลัยชั้นบนสุด

 

บารายขนาดใหญ่หน้าปราสาทหินวัดพู


บัดนี้จากการที่แขวงจำปาสักให้สัมปทานจัดการท่องเที่ยวแก่ภาคเอกชนลาว คือ กลุ่มบริษัทยิ่งโซคซัยเข้ามาบริหารจัดการมรดกโลกแห่งนี้ เราสามารถประหยัดเวลาในการเดินได้มากขึ้น เพราะมีรถกอล์ฟรับส่งไปถึงตีนภู

การเดินเท้าสั้นลง เหนื่อยน้อยลง โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงวัย แต่ก็ยังได้สัมผัสบรรยากาศปราสาทหินเก่าแก่ได้ชัดเจนเหมือนเดิม

ในความรู้สึกส่วนตัว ความสวยงามร่มรื่นชื่นตาชื่นใจของวัดพูสภาพปัจจุบัน ฉันให้คะแนนเอกชนลาวสูงกว่ามาตรฐานการจัดการโบราณสถานบางแห่งของไทย!

มองจากด้านนอกเข้าสู่โบราณสถานอาณาบริเวณของปราสาทวัดพูกว้างใหญ่ มีเทือกเขาเขียวขจีตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง นั่นคือภูเก้าหรือ ลิงคบรรพต

 

ภูเก้า หรือ ลิงคบรรพต มองจากตัวเมืองจำปาสัก


  คำว่า “ภูเก้า” นี้จึงมาจากสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ชาวบ้านมองเห็นยอดภูลักษณะคล้ายศิวลึงค์เทียบกับการมุ่นมวยผมหรือเกล้าผมของหญิงสาวชาวลาว จึงพร้อมใจกันเรียกว่าภูเก้า ที่ไม่ได้หมายถึงเลข 9 แต่เป็นเพราะภาษาลาวไม่มีตัวควบกล้ำ ร ล แบบภาษาไทยเลยออกเสียงเป็น “เก้า” ที่หมายถึงเกล้าผม 

ชาวบ้านบอกว่าก้อนหินที่เป็นแท่งศิวลึงค์บนภูเก้านั้นตั้งขึ้นเหมือนจอมปลวกบนลานหินธรรมชาติ สูงกว่า 10 เมตร เป็นจุดสูงสุดของภูเก้าที่ 1,416 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เบื้องหน้าภูเก้ามีแม่น้ำโขงกว้างใหญ่ไหลผ่านเทียบได้กับมหาสมุทรไพศาลทำให้เชื่อได้ว่านี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่สถิตแห่งองค์พระศิวะ

ลิงคบรรพตในระยะใกล้มองไม่เห็นเป็นรูปทรงแห่ง สวยัมภูวลึงค์ ชัดเจนนักและตัวปราสาทหินก็ดูเหมือนจะซุกซ่อนเร้นหลบอยู่ในกลุ่มสีเขียวของมวลไม้ โดยเฉพาะปราสาทองค์ประธานที่อยู่ชั้นสูงสุดนั้นมองจากด้านล่างแทบไม่ปรากฏร่องรอย

มีหลักฐานทางโบราณคดีทำให้เชื่อได้ว่าวัฒนธรรมขอมเคยรุ่งเรืองในย่านนี้ก่อนที่จะไปประกาศความยิ่งใหญ่บนแผ่นดินกัมพุช เพราะปราสาทวัดภูสร้างขึ้นก่อนอังกอร์วัด ราวพุทธศตวรรษที่ 12 ในสมัยของพระเจ้ามเหนทรวรมัน 

กลางฝนพรำ เดือนมิถุนายนปีนี้ ฉันยืนอยู่บนแผ่นหินปูทางก้อนแรก มองสูงขึ้นไป...

 

 

ทางเดินที่มีหญ้าเขียวแทรกอยู่ในดินแดงและก้อนหิน นำสายตาขึ้นไปสู่แนวซุ้มไม้สีเขียวจัด นั่นคือซุ้มจำปายืนตะคุ่ม นิ่งงัน เขียวเข้มอยู่ใต้ไอฝน  นอกจากก้อนเมฆเรี่ยต่ำลงมาโอบกอดหมู่ไม้แล้วไม่มีสิ่งใดให้มองเห็นได้อีก

เบื้องบนโน่น เทวาลัยคงชุ่มน้ำฟ้าอยู่ในป่าตะไคร่ เหงาเงียบ

ไม่มีใครอยากปีนก้อนหินลื่นบนบันไดแคบชัน เสี่ยงต่อการกลิ้งตกเขา

ฉันได้แต่มอง...และมอง ซึมซาบเอาความรู้สึกกรำฝนในสถานที่สำคัญแห่งนี้เอาไว้ 

เมื่อครั้งอดีต...จอมกษัตริย์แห่งอาณาจักรขอมคงใช้ทางดำเนินนี้ต่อเนื่องมาหลายแผ่นดิน แต่มิอาจคาดเดาได้ว่าทรงทอดพระบาทดำเนินมาตั้งแต่ต้นทางหรืออยู่บนราชยานคานหามแบบใด ด้วยหนทางจากประตูปราสาทจนถึงยอดภูนั้นไกลไม่แพ้ทางขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร


 พลับพลาใหญ่ 2 หลังซ้ายขวาในบริเวณปราสาทชั้นแรกที่นักโบราณคดีของลาวเรียกว่า “โรงท้าว-โรงนาง” นั้น ข้อมูลในหอพิพิธภัณฑ์วัดพูระบุว่าน่าจะเป็นพลับพลาเปลื้องเครื่องสำหรับกษัตริย์ก่อนเสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่พิธีโสรจสรง

ปราสาทหินทรายสองหลังนั้นอาบตะไคร่เก่าคร่ำอยู่ในแสงรำไร ดูหม่นเหงาใต้เงาฝน

ร่องรอยของกาลเวลาฝากไว้กับความทรุดโทรมร่วงโรย แต่ตัวปราสาทถูกขุดแต่งใหม่เรียบร้อย สวยงาม สวมทับลงไปในที่เดิม ทำให้เรามองเห็นภาพอดีตที่เคยจมลึกฝังซ่อนตัวเองอยู่ใต้ปฐพี ที่ถูกเผยโฉมออกมาอีกครั้ง   

พ้นจากหอเปลื้องทั้งสองหลังแล้วทางดำเนินที่ยังมีเสานางเรียงขนาบสองฟากฟั่งนำทางขึ้นสู่บริเวณปราสาทชั้นที่สองที่ไม่เหลือสภาพอาคารใดๆให้เห็นเป็นรูปร่างนัก มีเพียงซากโคปุระหรือซุ้มประตู ซากหน้าบันและทับหลังที่พังทลายลงมากองอยู่ตามไหล่เขาเป็นหย่อมๆ

นับจากจุดนี้เคียงข้างบันไดหินขึ้นไปจนถึงปราสาทองค์ประธานชั้นสูงสุด ต้นจำปาดอกไม้ประจำชาติลาวเข้ามาทำหน้าที่แทนเสานางเรียงเคียงอยู่กับทางเดิน

ร่มรื่นเขียวขจีในหน้าฝน และทิ้งใบออกดอกขาวพราวเต็มต้นส่งกลิ่นหอมยวนใจในหน้าแล้ง

 เดือนพฤศจิกายนปีนี้ ฉันกลับไปที่นั่นอีกครั้ง



จำปาชุ่มฝนเขียวขจีเมื่อเดือนมิถุนายนเปลี่ยนสีไปแล้ว ใบทึบปลิดก้านจากไปตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ เห็นกิ่งโปร่งตาสยายก้านชูช่อดอกพราวต้น...สีขาวนวลละลานตา กลิ่นหอมละมุนละไมอยู่ในไอชื้นของฝนบางเบาปลายฤดู

เป็นจำปาลาวหรือจำปาขอม ต้นใหญ่ดอกหอมต้นเดิม ที่มีเปลือกหุ้มเห็นปุ่มปมแข็งแกร่งบ่งบอกให้รู้ว่าผ่านกาลเวลามายาวนาน

ซุ้มจำปานี่เองที่เป็นภาพจำฝังใจของฉันกับวัดพู แต่ละต้นมีขนาดใหญ่โตเหลือเชื่อ แผ่ทรงพุ่มเต็มที่ กิ่งก้านเบียดกันแน่นขนัดบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งยืนยง

ดอกหอมหล่นเรี่ยทางเดิน กลิ้งอยู่ตามแผ่นหินและหญ้าชื้น ทั้งที่เพิ่งหล่นใหม่และซากเก่าซ้อนกันกระจัดกระจาย เหมือนการเดินทางของอารยธรรมที่ซ้อนทับกันเรื่อยมาจากรุ่นสู่รุ่น

จำปาขาวดอกเล็กมีใจดอกสีเหลืองลักษณะเดียวกับต้นลั่นทมในเขตพระจุฑาธุชราชฐานบนเกาะสีชัง ซึ่งมีปลายใบแหลมเรียวทรงพุ่มแน่นให้ร่มเงาดีและกลิ่นหอมแรง

ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องดอกจำปาแห่งวัดพูว่าสถิตเป็นแถวแนวอยู่เชิงลิงคบรรพตมาแต่เมื่อใด แต่เดิมเล่ากันว่ากลิ่นหอมดอกจำปาสามารถลดกำหนัดพระเณรที่บวชใหม่ได้ก็เลยนิยมปลูกกันเฉพาะในวัด ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ต้นจำปาเพิ่งจะนำมาปลูกไว้สองข้างทางขึ้นวัดพูตอนที่พุทธศาสนาเข้ามามีอิทธิพลแทนศาสนาฮินดูในช่วงหลังนี่เอง

 


จำปาเป็นพืชเขตร้อนก็จริงแต่ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดแถบนี้ มันเป็นพืชพื้นถิ่นในเม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และหมู่เกาะแคริบเบียน จากนั้นค่อยกระจายพันธุ์ไปยังพื้นที่ใกล้เคียงรายรอบ โดยเฉพาะที่ฮาวายซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งจำปาหรือลั่นทมหลากหลายสายพันธุ์ที่สุด

ต้นจำปามาถึงแถบสุวรรณภูมิเมื่อใดไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด มีเพียงข้อสันนิษฐานว่าอาจจะเข้ามาทางเขมรในราวพุทธศตวรรษที่ 17 สมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ก็เลยเรียกว่า “จำปาขอม” แล้วค่อยกระจายสู่ประเทศลาว หรือไม่ก็เข้ามาทางปากแม่น้ำโขงผ่านอาณาจักรจามหรือจามปาซึ่งเป็นเมืองโบราณแห่งหนึ่งของเวียดนาม

บางสมมุติฐานบอกว่าจำปาเข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่สมัยพระเจ้าท้ายสระแห่งกรุงศรีอยุธยาที่มีการติดต่อค้าขายกับสเปน โดยสมัยนั้นทหารสเปนเข้ามายึดฟิลิปปินส์เป็นเมืองขึ้นพร้อมกับนำต้นจำปาจากอาณานิคมแถบละตินอเมริกาเข้ามาปลูกและขยายต่อเข้าไปในเขมร เมื่อพระเจ้าท้ายสระแผ่อำนาจไปถึงอาณาจักรขอมก็ทรงนำดอกจำปาเข้ามาสู่กรุงศรีอยุธยานับแต่นั้น

เรื่องราวของดอกไม้ชนิดหนึ่งเคลื่อนที่เองไม่ได้ยังเดินทางยาวไกลมาได้ถึงเพียงนี้ ไฉนเรื่องราวของผู้คนจะไม่ซับซ้อนวุ่นวายเล่า?

ขอบคุณภาพประกอบ โดย ยุคคล จิตสำรวย

ขอบคุณ
มติชนออนไลน์
Delight Moment 66
คุณสุมิตรา จันทร์เงา

สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ




Create Date : 29 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2555 10:16:57 น. 0 comments
Counter : 5568 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.