JOB หางาน สมัครงาน งาน

<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 พฤษภาคม 2551
 

ทำยังไงถึงจะรวยอย่าง ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’

ทำยังไงถึงจะรวยอย่าง ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ [ 10/3/2551 ]

โดย เรื่อง วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ (โพสต์ ทูเดย์)


ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นิตยสารฟอร์บส์ประกาศผลการจัดอันดับบุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก ปรากฏว่าตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 1 คนล่าสุดตกเป็นของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เจ้าของอาณาจักรเบิร์กเชอร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) และเจ้าของสินทรัพย์ 6.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็นเงินไทยง่ายๆ ตกในราว 1.95 ล้านล้านบาทเท่านั้นเอง

วอร์เรน บัฟเฟตต์ หรือ วอร์เรน เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ ถือเป็นสุดยอดนักลงทุนมือฉมัง ขณะเดียวกันก็เป็นต้นแบบของมืออาชีพที่ผลตอบแทนการลงทุนต่อปีไม่เคยแพ้ผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาด วิธีการลงทุนของบัฟเฟตต์ไม่ใช่เรื่องลึกลับ รู้กันแพร่หลายว่าเขาเป็นนักลงทุนในหุ้นคุณค่า (Value Investor) หรือหุ้นที่มีคุณค่าของกิจการ หรือมีมูลค่าหุ้นที่แท้จริงสูง

เช่นเดียวกับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักลงทุนหุ้นคุณค่าที่ประสบความสำเร็จของไทย เขาดำเนินรอยตามแนวทางของวอร์เรน บัฟเฟตต์ อย่างเคร่งครัด เมื่อ 4 ปีก่อน ดร.นิเวศน์ทิ้งตำแหน่งใหญ่-ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารความเสี่ยงและนโยบาย ธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) เขาเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์อย่างจริงจังช่วงวิกฤตปี 2539-2540

ขณะนั้นราคาหุ้นตกต่ำอย่างมาก เขาเลือกลงทุนในหุ้นที่ดีแต่ราคาต่ำ และทยอยซื้อเก็บต่อเนื่องแบบไม่สนใจราคาที่ขึ้นลง หากยึดหลักลงทุนระยะยาว จนปัจจุบันมูลค่าการลงทุนในพอร์ตของเขาบอกก็ได้ว่าเป็นเลข 9 หลัก หรือเฉียดๆ ก็พันล้านบาท ปรมาจารย์ผู้นี้กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะดำเนินรอยตามวอร์เรน บัฟเฟตต์ และรวยให้ได้อย่างมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก !!

วิธีลงทุนของวอร์เรน บัฟเฟตต์

วอร์เรน บัฟเฟตต์ มองการลงทุนในหลักทรัพย์เหมือนการลงทุนทำธุรกิจ และธุรกิจที่วอร์เรนสนใจก็คือ ธุรกิจที่สร้างผลกำไรมากกว่าปกติด้วยแฟรนไชส์ที่ผู้บริโภคนิยม เช่น โค้ก มีดโกนยิลเลตต์ หรือไม่ก็วอชิงตันโพสต์ ธุรกิจที่วอร์เรนไม่สนใจเลย คือธุรกิจที่เขาไม่เข้าใจ เช่น คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ หากไม่รู้ว่าอีก 5 ปี ธุรกิจจะไปทางไหน เป็นอันเลิกพูด เขาเป็นนักลงทุนที่มีปรัชญาและความคิดค่อนข้างสุดโต่ง หากเชื่อว่าหุ้นที่เขาลงทุนนั้นมีคุณภาพสูง เขาก็จะถือหุ้นนั้นจนตาย

วอร์เรนเคยพูดว่า ไม่สนใจภาวะตลาดหุ้นหรือภาวะเศรษฐกิจเลย หากตลาดหุ้นจะปิดไปสัก 5 ปี เขาก็ไม่เดือดร้อน เพราะตลาดหุ้นที่เปิดอยู่ในความคิดของเขา คือโอกาสที่เขาจะซื้อหุ้นดีราคาถูกเมื่อนักลงทุนตกใจเทขายหุ้นดีๆ ทิ้ง นี่อาจเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยมีจอคอมพิวเตอร์ไว้ดูราคาหุ้นนาทีต่อนาทีแบบที่นักลงทุนทั้งหลายชอบทำกัน

ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ที่บัฟเฟตต์ลงทุนในหุ้น เขาลงทุนในหุ้นจำนวนไม่มากนัก แต่หุ้นที่บัฟเฟตต์ลงทุนจะลงทุนในสัดส่วนที่สูงมาก และเมื่อลงทุนแล้วก็จะไม่ค่อยขายออก เขาไม่เข้าบริหารกิจการโดยตรง แต่จะนั่งในเก้าอี้กรรมการบริษัทคนหนึ่งเท่านั้น ทำหน้าที่ตัดสินใจลงทุนเรื่องใหญ่ๆ ของบริษัท

วิธีบริหารพอร์ตของวอร์เรน บัฟเฟตต์

ด้านธุรกิจ

1.ต้องเป็นธุรกิจที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก และต้องเป็นธุรกิจที่เขาเข้าใจดี เขายกตัวอย่างหุ้นบริษัทคอมพิวเตอร์ หรือบริษัทซอฟต์แวร์ ซึ่งธุรกิจเปลี่ยนแปลงเร็ว แบบนี้ค่อนข้างอันตราย

2.ต้องมีผลการดำเนินงานสม่ำเสมอ เพราะถ้าเดี๋ยวมีกำไรเดี๋ยวขาดทุน ก็จะไม่สามารถคำนวณราคาที่ควรจะเป็นของหุ้นได้

3.ต้องมีอนาคตสดใส เติบโตในระยะยาว คู่แข่งทำลายได้ยาก บัฟเฟตต์มักใช้วิธีคิดเทียบเอาว่า หากเป็นตัวเองต้องเข้าไปลงทุนในธุรกิจแบบเดียวกันจะต้องใช้เงินเท่าไร จึงจะสร้างธุรกิจและสร้างมูลค่าของกู๊ดวิล (Goodwill) แบบนั้นขึ้นมาได้


ด้านการบริหาร


1.วอร์เรนเห็นว่า ผู้บริหารที่ดีต้องมีเหตุผลในการตัดสินใจ และไม่ทำตามคนอื่น เช่น เห็นว่าบริษัทคู่แข่งขายสินค้าตัดราคาจนขาดทุน ตัวเองก็ยอมขาดทุนบ้างเพื่อรักษาตลาด ในความเห็นของบัฟเฟตต์แล้ว ถ้าต้องขายขาดทุนหรือเสี่ยงเกินไปหยุดรอดีกว่า ปล่อยคู่แข่งทำไป จนสถานการณ์ดีขึ้น เมื่อคนอื่นเจ๊งหมด จึงเริ่มตะลุยเก็บคืน

2.ผู้บริหารต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงทุกอย่างให้ผู้ถือหุ้นทราบ

3.ผู้บริหารต้องมองเห็นประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก เช่น ถ้าบริษัทมีเงินสดมาก ขณะที่ธุรกิจกำลังตกต่ำหรือกำลังเป็นธุรกิจดาวร่วง เช่นนี้ต้องจ่ายเงินสดเป็นปันผล อย่าขยายงานหรือเข้าไปในธุรกิจใหม่ที่อาจเสียหายบานปลาย

ด้านการเงิน

1.เนื่องจากวอร์เรนถือว่าการซื้อหุ้นคือการลงทุนทำธุรกิจ ดังนั้น ธุรกิจที่ดีจะต้องให้ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นสูงกว่าฝากเงิน

2.บัฟเฟตต์ชอบธุรกิจที่มีมาร์จินหรือส่วนต่างกำไรที่เทียบกับยอดขายสูง แสดงให้เห็นว่าธุรกิจนั้นขายสินค้าคุณภาพดี จึงตั้งราคาได้สูงเมื่อเทียบกับต้นทุน ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะถูก แต่ซื้อเพราะคุณภาพและความนิยมในสินค้ายี่ห้อนั้น

ด้านราคาหุ้น

1.วอร์เรนจะดูว่าธุรกิจนั้นมีค่าเท่าไร พูดง่ายๆ เขาต้องรู้ว่า ราคาหุ้นที่แท้จริงของธุรกิจที่เขาจะซื้อคือเท่าไรกันแน่

2.เมื่อรู้ว่าราคาที่ควรจะเป็นคือเท่าไรแล้ว วอร์เรน บัฟเฟตต์ จะดูต่อไปว่า เขาสามารถซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่านั้นได้แค่ไหน สิ่งสำคัญก็คือต้องต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็นพอสมควร (Margin of Safety) เผื่อขาดเผื่อเหลือว่าราคาที่จ่ายก็ยังไม่แพงเกินไป ซึ่งหากใครรู้จักวอร์เรนดีก็จะรู้ว่า วิธีที่เขาชอบใช้คือเครื่องมือที่ชื่อว่า วิธีส่วนลดกระแสเงินสด (Discount Cash Flow) นั่นเอง

“วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นสุดยอดนักลงทุน วิธีคิดวิธีบริหารของเขาปรับทันสมัยเสมอ ความเห็นของเขาถือเป็นความเห็นที่มีผู้สนใจทั่วโลก เพราะทั้งแหลมคมและชี้แนวโน้มแม่นยำ” ดร.นิเวศน์พูดถึงวอร์เรนอีกว่า เคยเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกเมื่อหลายปีก่อน เสียตำแหน่งให้เพื่อนคือ บิล เกตส์ ไปหลายปี การกลับมาทวงตำแหน่งได้ยิ่งสะท้อนว่าเก๋าและเฉียบคม

ดร.นิเวศน์แนะคนอยากรวยว่า คิดจะรวยแบบวอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่ยาก เริ่มต้นจากพื้นฐานคือออมแล้วลงทุน สำคัญคือลงทุนต้องถูกวิธี รวมทั้งต้องมีเวลาลงทุนที่ยาวนานพอและลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่าออกจากตลาดถ้าไม่จำเป็น นั่นหมายถึงการใช้เงินต่อเงินไปเรื่อยๆ คิดอย่างเศรษฐีก็เป็นเศรษฐี วอร์เรน บัฟเฟตต์ -- เรียนรู้จากชีวิตเขา


Create Date : 12 พฤษภาคม 2551
Last Update : 12 พฤษภาคม 2551 10:16:13 น. 1 comments
Counter : 802 Pageviews.  
 
 
 
 
เนื้อหาดี มีสาระค่ะ
 
 

โดย: แสนซนคนกวนโอ๊ย วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:52:46 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

คนที่คุณไม่รู้ว่าเป็นใคร
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add คนที่คุณไม่รู้ว่าเป็นใคร's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com