|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
หลักปฏิบัติ(7)
คั้นออกมาจากศีล บทนำ
สัพเพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ : ในบรรดาการทำทานทั้งหลาย ทานธรรมะนั้น สูงสุดชนะเลิศทานใดๆดังนั้น ผู้มีธรรมในตน แล้วก็นำออกมาแจกทานได้โดยทางกายกรรม ทางวจีกรรม ทางมโนกรรมพร้อม ก็เป็นเยี่ยมสูงสุดชนะเลิศทานใดๆ อย่างแท้จริง
แต่
ถ้าผู้ใดยังไม่สามารถทำได้ถึงอย่างนั้น ก็อาจจะใช้วิธีจัดการลงทุน ลงแรง พิมพ์ธรรมะ อัดเทปธรรมะ ออกแจกทาน ก็ย่อมเป็นกายกรรม มโนกรรมที่สูงเยี่ยมเป็นยอด ชนะเลิศทานใดๆอย่างถูกตรงแท้จริงด้วย วิธีช่วยโลก หรือ ช่วยผู้อื่น ให้มีสันติสุขแท้จริง คือ...จงพยายามเค้นหา ความเห็นแก่ตัวของตนให้ออกให้ได้มากที่สุด และรีบทำในมุมที่ไม่เห็นแก่ตัวทันที แล้วท่านจะสันติสุขได้อย่างสูงยิ่ง
จงฟังธรรมแล้วเอาไปทำ... อย่าฟังธรรมแล้วเอาไปทิ้ง... ธรรมใดก็ไร้ค่าถ้าไม่ทำ
คนเราจะ "รู้" หรือ "คิด" ให้วิเศษวิโส เก่งเยี่ยมยอดอย่างไรก็อาจจะเป็นได้ไม่ยากนัก แต่ยากที่สุดที่จะทำได้ คือ "ทำ"คนที่ "ทำ" ได้แล้ว แม้จะรู้สึกว่าเรา "ไม่ค่อยรู้" หรือแม้จะมีใครมาว่าเรา "ไม่รู้" ก็ช่างเถิด สำคัญที่สุดคือ ต้องตรวจตนเองให้แน่ชัดแท้ว่าเรา "ทำ" ได้แน่แท้จริงหรือ หรือหลงตน!!
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมหาบพิตร ของ ๔ อย่างเหล่านี้ ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่าเล็กว่าน้อย ๔ อย่างนี้เป็นไฉน ของ ๔ อย่างคือ
๑. กษัตริย์ ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่ายังทรงพระเยาว์ ๒. งู ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่าตัวเล็ก ๓. ไฟ ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่าเล็กน้อย ๔. ภิกษุ ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่ายังหนุ่ม
ดูกรมหาบพิตร ของ ๔ อย่างเหล่านี้ ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่าเล็กว่าน้อยฯ (พระไตรปิฎก เล่ม ๑๕ สังยุต. สคาถ. ข้อ ๓๒๕)
เพราะขับไล่ ความหลับ... ความเกียจคร้าน... ความบิดขี้เกียจ...ความไม่ยินดี...และ ความมัวเมาในอาหาร ด้วยความเพียร อริยมรรคย่อมบริสุทธิ์ได้ (พระไตรปิฎก เล่ม ๑๕ นิททาตันทิสูตร สังยุต. สคาถ. ข้อ ๓๕)
พระพุทธเจ้าทรงสอนเราไว้ว่า ผู้ใดสอนให้คนหลงติดรูป (งามๆ ใหญ่ๆ ดีๆ อร่อยๆ ฯลฯ) และยินดีปรารถนาในเทวโลก (สวรรค์) ผู้นั้นสอนผิด เหมือนเป็นมารผู้ลามก ซึ่งทำเครื่องล่อ เครื่องดักผู้อื่น เพื่อฆ่าผู้อื่น หลอกกินเขานั่นเทียว
ดังจาก "นานาติตถิยสูตร" สังยุตตนิกาย สคาถวรรค พระไตรปิฎก เล่ม ๑๕ ข้อ ๓๑๙ - ๓๒๐ มีว่าดังนี้ :- "ลำดับนั้น มารผู้ลามกเข้าสิงเวฏัมพรีเทพบุตร แล้วได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
ผู้ใด ประกอบแล้วในความเกลียดบาปด้วยตบะ รักษาความสงบสงัดอยู่ ติดในรูป ปรารถนาเทวโลก ผู้นั้นย่อม สั่งสอนชอบ เพื่อ ปรโลกโดยแท้ ฯ" ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า นี้เป็นมารตัวร้ายกาจ จึงได้ทรงภาษิตคาถาตอบโต้มารผู้ลามกว่า รูปใดๆ จะอยู่ในโลกนี้ก็ตามที รูปทั้งหมดเหล่านั้น อันมารสรรเสริญ แล้ว (ก็เท่ากับมารได้)วางกับดักไว้แล้ว เหมือนเขาเอาเหยื่อล่อเพื่อฆ่าปลาฉะนั้น ฯ"
คุณลักษณะของ " อารยชน" ที่แท้จริง คือ เบิกบานแจ่มใส มัธยัสถ์ สุภาพ สงบ หมดความอยาก สิ้นความเสพหลักการเกื้อกูลโลกให้อยู่สุขของผู้เป็น "อริยะ" หรืออารยชนที่แท้จริง คือ ประโยชน์สูง ประหยัดสุดอย่าเข้าใจผิดว่า ความเร็ว หรือรีบร้อนนั้นคือ "คุณ" คือ "ประโยชน์" เสมอไปเป็นอันขาด ลองหัดทำตนให้ช้าลงๆ ทำให้ตรงเป้าหมายมากที่สุด คือ จุด ความรู้จัก พอ จงเข้าใจให้ชัดใน ไม่ กับ ให้และพยายาม ระงับ กับ สงบ แล้วโลกจะประสบความสุขเย็นเป็นสันติไปด้วย เพราะท่าน!!
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า อย่างนั้น ๆ อานนท์ ใครเล่าที่ไม่ใช่คนพาล (อพาลัสส) ไม่ใช่คนมุทะลุ (อทุฏฐัสส) ไม่ใช่คนงมงาย (อมูฬหัสส) ไม่ใช่คนมีจิตวิปลาส(อวิปัลลัตถจิตตัสส) จะไม่ชอบสารีบุตร เพราะสารีบุตรเป็นบัณฑิต มีปัญญามาก (มหาปัญโญ) เป็นเจ้าปัญญา (ปุถุปัญโญ) มีปัญญาชวนให้ร่าเริง (หาสปัญโญ) มีปัญญาแล่น (ชวนปัญโญ) มีปัญญาหลักแหลม (ติกขปัญโญ) มีปัญญาแทงตลอด (นิพเพธิกปัญโญ) มีความปรารถนาน้อย สันโดษ เป็นผู้สงัดกายสงัดใจ ไม่ต้องเสพ (อสังสัฏโฐ) ปรารภความเพียร เป็นผู้เข้าใจพูด (วัตตา) อดทนต่อถ้อยคำ (วจนักขโม) เป็นผู้โจทท้วงคนผิด (โจทโก) เป็นผู้ตำหนิคนชั่ว (ปาปครหี)
อานนท์ ใครเล่าที่ไม่ใช่คนพาล ไม่ใช่คนมุทะลุ ไม่ใช่คนงมงาย ไม่ใช่คนมีจิตวิปลาส จะไม่ชอบสารีบุตรฯ (จากพระไตรปิฎก เล่ม ๑๕ สังยุต. สคาถ. ข้อ ๓๐๔)
ธรรมบรรยายจากครูอาจารย์
Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2554 9:40:51 น. |
|
0 comments
|
Counter : 908 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|