Group Blog All Blog |
ขอเปลืองพื้นที่เพื่อพูดถึง code blue ที่สนุกเกินคาดแบบไร้สาระหน่อยนะคะ ---เป็นบทความที่เคยเขียนถึงเรื่อง code blue ไว้ในคลับบันเทิงแดนซากุระ ขอเอามาเก็บในบล็อคนะคะ--- ก่อนที่จะดูเรื่องนี้เคยอ่านเจอในห้องซากุระเนี่ยแหละ รู้สึกจะบ้านมะพีแหละมั้งคะถ้าจำไม่ผิด ว่าที่ญี่ปุ่นทำซีรี่ย์เกี่ยวกับหมอๆบ่อยๆ เพราะเค้าขาดแคลนหมอ เลยต้องสร้างซีรี่ย์เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ อะไรประมาณนี่ ตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าจริงรึเปล่า แต่หลังจากได้ดูเรื่องนี้จบ ก็คิดว่ามันจริงแฮะ หลังจากดูเรื่องนี้จบ คิดว่าเรื่องนี้กำลังส่งสาล์นท้าถึงคนหนุ่มสาวหรือเด็กๆทั่วประเทศ ถ้าคุณคิดว่าแน่จริง ถ้าคุณคิดว่าคุณเจ๋งจริง แก้ไขปัญหาต่างๆ แบบนี้ได้ก็มาเลย มาเป็นผู้ช่วยเหลือชีวิตผู้คนแต่ต้องแบกรับภาระที่อันหนักอึ้ง เรื่องนี้เราว่าถ้าดูเอาผ่านๆ เผินๆก็ไม่สนุกค่ะ ตามธรรมดาของซีรี่ย์ญี่ปุ่นแหละต้องเข้าใจและเข้าถึงมัน ถึงจะสนุกไปกับมันได้ คนทั่วไปอาจจะดูแล้วเฉยๆ ก็แค่หมอปฏิบัติหน้าที่ ผ่าตัดบ้าง ปฐมพยาบาลสำหรับผู้เจ็บหนักบ้าง ดูแล้วไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหน บางคนที่ดูซีรี่ย์ฝรั่งเทพๆมาอาจจะต่อต้านว่าเรื่องนี้ก็ไม่เห็นต่างจากซีรี่ย์ฝรั่งตรงไหน แถมฝรั่งยังทำดีกว่า แต่ก็นั่นแหละ สำหรับเราผู้ที่ห่างจากซีรี่ย์ฝรั่งแนวคุณหมอๆ มานานแล้ว ไม่ติดภาพไม่นึกเปรียบเทียบก็เลยดูสนุกล่ะมั้ง แล้วเราก็ไม่ได้ดูเอาผ่านๆด้วยก็เลยคิดว่าดูสนุกเพราะเข้าใจสาล์นที่เค้าจะสื่อถึงคนดูที่แฝงมากับดราม่าในเรื่องได้อย่างลงตัว เหมือนเราเป็นพวกอุปโลกตัวเองว่าเข้าใจซีรี่ย์ญี่ปุ่นอยู่เรื่อยเลยแฮะ เข้าใจเรื่องที่แฝงไว้ในซีรี่ย์ญี่ปุ่นแทบจะทุกเรื่องจริงๆน่ะเหรอ? อืม ไม่ทุกเรื่องหรอกนะที่เราดูแล้วเข้าใจแล้วสนุก จริงๆเรื่องของความเข้าใจ เราอาจจะเข้าใจหรือเข้าถึงแบบผิดๆก็ได้ แต่พอคิดตามไปว่าตัวเองเข้าใจแบบนี้ แบบนี้นะ มันก็สนุกขึ้นมาถึงขั้นหยุดดูไม่ได้เลยอ่ะค่ะ เล่าตามความเข้าใจนะคะ เราว่าเรื่องนี้บอกเล่าถึงอุปสรรคต่างๆของคนเป็นหมอ อุปสรรคที่ก้าวผ่านไปได้ยาก จนบางทีอาจถึงขั้นต้องเลิกอาชีพหมอไปเลย แต่กระนั้น ก็ยังคงปลอบประโลมแบบไม่เกินจริงไปด้วยว่า ไม่ว่าใครก็พลาดได้ แต่คุณจะจัดการกับความผิดพลาดนี้ยังไง ไม่มีใครปลอบคุณได้ หมื่นความเข้าใจ แสนคำปลอบใจ ล้านกำลังใจก็ไม่สามารถช่วยให้คุณหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการที่อยู่ในใจคุณได้ ตราบใดที่ใจคุณไม่สู้ ของอย่างนี้มันอยู่ที่ใจ ภาระกิจและอุปสรรคต่างๆในเรื่องเหมือนเป็นการท้าทายกับเด็กรุ่นใหม่ที่กำลังดูอยู่ที่หน้าจอว่า ถ้าคุณแน่เหมือนคนพวกนี้ที่อยู่ในจอ หรือคิดว่าแน่กว่า แก้ปัญหาได้ดีกว่าพวกเค้าก็มาเลย มาสัมผัสความร้อนรุ่มจากหัวใจของความเป็นหมอที่อยากจะช่วยชีวิตคนในสถานการณ์ฉุกเฉินให้ได้มากที่สุด เพ้ออะไรไปไม่รู้ยาวเชียว แค่อยากจะบอกว่าประทับใจเรื่องนี้เกินคาดค่ะ เพราะก่อนดู ก็นะหนังไอด้อลอีกแล้ว(เหยียดหนังไอด้อลอีกแล้วทั้งที่น่าจะเข้าใจจากโนบุตะแล้วเชียว -*- ก็นะ ไอด้อลเล่นทั้งนั้นนี่หน่า) แถมแรกๆยังหมั่นไส้พระเอกซ้า แต่ที่ชอบได้มากอาจจะเพราะตัวเองชอบหนังแนวๆที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานของคุณหมออยู่แล้วและเรื่องนี้ก็แสดงมันให้เห็นแบบตลอดทั้งเรื่องก็เลยประทับเรื่องมากกว่าที่คิดไว้ตอนแรกน่ะค่ะ อยากให้คุณหมอไม่ว่าชาติไหนได้ดูเรื่องนี้ แล้วทำความเข้าใจกับมันจังค่ะ เพราะสุดท้ายของบทสรุปทั้งหมดก็คือ การเป็นหมอที่ดีนั้นต้องทำยังไง ดังที่บอกไปอย่างโจ้งแจ้งในฉากที่พระเอกปล่อยให้คนไข้กลับบ้านไปเพราะคิดว่าเป็นอาการป่วยเพียงเล็กน้อย แต่คนไข้กลับทรุดหนักจนต้องหามเข้า ICU ทั้งที่ความจริงแล้วหมอไอซาว่าไม่ได้วินิจฉัยอะไรผิดเลย อาการของคนไข้ที่มาหาแทบไม่มีอะไรที่จะไปทำให้ทรุดหนักเลย แต่ทว่า ผอ.ของโรงพยาบาลก็สอนให้หมอไอซาว่า รู้จักคำว่าใส่ใจกับคนไข้ให้มากขึ้น จำรายละเอียดคำพูดได้ไม่หมดอ่ะนะ แต่เราน้ำตาร่วงเผาะๆเพราะประโยคนี้แหละ "ที่จริงถ้าเธอใส่ใจฟังคำบอกเล่าของคนไข้ซักหน่อย ก็จะพบว่าเธอมาพบหมอด้วยความกังวลใจเรื่องอะไร และสุดท้ายก็จะรู้ถึงอาการป่วยที่แท้จริงของเธอ" ถ้าเพียงใส่ใจกับคนไข้ให้มากขึ้น เราคิดว่าข่าวคราวเรื่องหมอกับคนไข้ก็คงจะลดน้อยถอยลงไปด้วย สุดท้ายอยากบอกว่า สามสาวชิราอิชิเซนเซ ฮิยามะเซนเซกับคุณพยาบาลน่ารักมากกกกก ทำให้เรื่องดูสดใสสดชื่นขึ้นเยอะเลยค่ะ และประทับใจฟูจิคาว่าเซนเซด้วย คอยเชียร์อยู่เรื่อยล่ะ แม้จะลุ้นไม่ขึ้นก็ตามที ^^" ชอบเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ
โดย: Vannessa วันที่: 19 กรกฎาคม 2556 เวลา:14:26:25 น.
|
kurakura
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] กลับมาอีกครั้งด้วยต้องการพื้นที่เวิ้นมากกว่า 140 ตัวอักษรในทวิตเตอร์!!! Friends Blog
Link |