|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
กระสือตัวสุดท้าย
บอกกล่าวก่อนอ่าน....
เป็นเรื่องสั้นเรื่องที่ 5 แล้วนะคะ มาอ่านกันค่ะว่า ระหว่างเรื่องผีโรงบาลคราวที่แล้ว กับเรื่องผีกระสือคราวนี้ เรื่องไหน น่ากลัวกว่ากัน
... หรือว่า ไม่น่ากลัวซ้ากกะเรื่อง (อืมม...มีสิทธิ์ๆ)
กรุงเทพราตรีนี้ พระจันทร์ลอยเด่น ยิ้มกริ่มอยู่เหนือท้องฟ้า ต่ำลงมาที่ตัวตึกสูงและท้องถนน แสงไฟก็ระยิบระยับ สว่างไสวไปทั่ว
คงไม่มีใครคิดหรอกว่า ในความสวยงามแบบไฮเทคของมหานครแห่งนี้ ยังจะมีบางสิ่งบางอย่างแอบแฝงอยู่...
‘ดลยา’ เปิดหน้าต่างออกไป มองซ้ายมองขวา มองท้องฟ้าอันเจิดจรัส แล้วเธอก็ยิ้มให้กับตัวเองอย่างพึงพอใจ เวลานี้ช่างเหมาะกับการออกไปสัมผัสลมหนาวบริสุทธิ์และลิ้มรสอาหารอร่อยๆเสียจริง
หญิงสาวแลบลิ้นเลียปากแผล็บๆก่อนจะเดินไปทอดร่างบนที่นอน และอีกไม่เกิน 2 นาทีต่อจากนั้น เธอก็...จัดการถอดหัวและไส้ออกจากลำตัว! ลอยละลิ่วผมปลิวสยายออกนอกหน้าต่างไป
...ถูกแล้ว...เธอคือกระสือสาวตัวสุดท้ายของประเทศไทย...
พอกันทีกับความไม่แน่ใจของผู้คนที่ว่า โลกนี้มีผีกระสือหรือไม่ เพราะดลยานี่ไงคือข้อพิสูจน์ กระสือมิใช่เป็นแค่ตำนานหรือนิทานหลอกเด็ก แต่มันเป็นเรื่องจริงแท้มาตั้งแต่โบราณและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
กระสือมีจริงและไม่มีวันสูญสลาย เพราะมีการถ่ายทอดสายพันธ์สุดสยองนี้ให้กับทายาทเรื่อยมาทุกรุ่น รุ่นของดลยาถือเป็นรุ่นล่าสุด คือรุ่นที่ 250 รุ่นก่อนหน้าเธอก็คือ แม่ ป้า ยาย ทวด และสืบสาวไปเรื่อยๆจนถึงรุ่นบรรพบุรุษในยุคบ้านเชียงนั่นเลยทีเดียว
หากว่าผู้คนเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ยังหน้าโง่ ไม่เชื่อว่ากระสือมีอยู่จริงเช่นนี้ กระสือก็คงดำรงเผ่าพันธ์ไปพร้อมๆกับอวสานของโลกและมนุษย์ เพราะไม่มีใครคิดที่จะปราบปรามหรือล้างเผ่าพันธุ์กระสืออย่างแน่นอน
ดลยารับเป็นทายาทกระสือมาจากแม่ของเธอ ก่อนแม่ตาย เธอได้กลืนน้ำลายของแม่เพื่อรับเอาเชื้อกระสือเข้าสู่ร่างกาย
“ ลูกเอ๋ย” เธอยังจำคำพูดก่อนตายของแม่ได้ “ อย่าวิตกหรือกลัวไปเลย เป็นกระสือสมัยนี้ ไม่ลำบากเหมือนสมัยก่อนแล้ว ลูกสามารถออกหากินได้สบายโดยกลมกลืนตัวเองไปกับแสงไฟที่มีอยู่เต็มท้องถนน ไม่มีใครคิดหรอกว่าลูกเป็นกระสือ เห็นปุ๊บปั๊บ เขาก็คิดว่าลูกเป็นดวงไฟ หรือหลอดไฟตามเสาไฟฟ้า ไม่มีใครสนใจลูกหรอก ส่วนเรื่องอาหารการกิน...”
แม่หยุดหอบ ก่อนจะแนะนำต่อไปอีกด้วยน้ำเสียงหนื่อยหนัก
“ ของเหม็นเน่าก็มีให้ลูกกินมากมายตามโรงฆ่าสัตว์หรือแถวตลาดสด หรือถ้าวันไหนลูกอยากกินไส้เด็กอ่อน ก็ลองไปคุ้ยถังขยะแถวๆคลินิคที่เขารับทำแท้งดูก็ได้ ที่นั่นมีเด็กทารกแรกรีดเยอะไปหมดละลูกเอ๊ย...”
แนะนำสั่งเสียเสร็จสรรพ แม่ก็สิ้นลม อีกหนึ่งเดือนถัดมา ดลยาก็กลายเป็นกระสือแทนแม่ผู้มีพระคุณ
สมาชิกในครอบครัวของเธอ ไม่ว่าน้องชาย น้องสาว หรือญาติๆต่างก็รู้ความจริงข้อนี้ ทุกคนยอมรับสภาพที่เป็นไปของตระกูล และต่างให้การช่วยเหลือดลยาโดยหาของสกปรกมาให้กินในบ้านแทนการที่จะให้เธอถอดหัวออกไปหากินข้างนอก
“ กินในนี้แหละพี่ ปลอดภัยดี” น้องชายว่า ” อย่าออกไปเสี่ยงข้างนอกเลย เดี๋ยวไส้พี่จะไปเกี่ยวเอาอะไรเข้า เดี๋ยวนี้ไม่ใช่มีแต่ลวดหนามเหมือนสมัยแม่ สมัยยายเรานะ พี่เจอเอาพวกสายไฟแรงสูงเข้าแล้วจะหนาว”
“ ใช่” น้องสาวเห็นด้วยกับน้องชาย ” แล้วพี่ก็ไม่ต้องถอดหัวถอดเหอให้น่าเกลียดด้วย หิวเมื่อไหร่ก็จัดการได้เลย”
“ ไม่ถอดหัวได้ยังไงล่ะ ถึงกินในห้อง พี่ก็ต้องถอด ไม่งั้นเขาจะเรียกกระสือเหรอ มันก็จะกลายเป็นปอบไปน่ะสิ ”
“ เออ...จริงด้วย งั้นก็ตามใจพี่เถอะ แต่ยังไงก็ขอให้ลอยไปลอยมาอยู่ในห้องนะ อย่าเที่ยวออกมาให้พวกเราเห็นล่ะ ไม่ได้รังเกียจนะพี่ แต่...เอ่อ...ดูแล้วมันน่ากลัวยังไงไม่รู้ง่ะ บรื๋อ!...” น้องสาวพูดก่อนจะเลี่ยงไปด้วยท่าทางขนลุกขนพอง
ดลยากินอาหารอยู่ในห้องได้ไม่นาน เธอก็รู้สึกอึดอัดจนต้องขอทุกคนออกไปหากินข้างนอก
“ โธ่! ทำไมล่ะพี่ พวกไส้หมูเน่า หมาเน่าที่เราหามาให้มันไม่อร่อยรึไง” น้องชายถาม
“ เปล่าหรอก ของเน่าๆพวกนั้นมันก็อร่อยดี แต่พวกเธอเข้าใจสัญชาตญาณของกระสือมั้ยว่าเป็นอะไรที่ต้องการอิสระที่สุด เวลาพี่เป็น พี่ก็อยากลอยไปไกลๆ ช่วงเวลานั้นน่ะนะ มันสบายใจที่สุดเลย มันเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง...”
“ แต่...”
“ เอาเถอะน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก พี่รับรองว่าจะระวังให้มากเหมือนที่แม่เราระวังและปลอดภัยมาแล้วนั่นแหละ”
ในที่สุดดลยาก็ได้ออกมาใช้ชีวิตกระสือสมบูรณ์แบบอยู่ข้างนอก และคืนพระจันทร์ยิ้มนี้ก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่เธอได้กวัดแกว่งไส้พุง ลอยคอออกมาอย่างร่าเริง ดลยาลัดเลาะไปตามอาคารบ้านเรือน เธอลอยสูง ลงต่ำตามความเหมาะสมโดยพยายามยึดความมืดเป็นเกราะกำบัง
กระสือสาวลอยคออย่างปลอดภัย เพราะถึงแม้จะพบเจอผู้คนบ้าง แต่ธรรมชาติของคนทั่วไปไม่ค่อยมองที่สูง และถึงจะมอง อย่างคืนนี้ทุกคนก็ได้แต่มองสูงปรี๊ดไปบนท้องฟ้า ต่างพุ่งความสนใจไปที่ปรากฏการณ์พระจันทร์ยิ้ม ไม่มีใครสังเกตเห็นเธอแม้แต่คนเดียว
กระสือดลยามุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเกรดต่ำแห่งหนึ่ง กินอะไรก็ไม่อร่อยเหมือนไส้เด็กทารก เธอลอยอ้อมไปด้านหลังของตัวตึก ที่นั่นมีถังขยะใบใหญ่วางอยู่หลายใบ ในถังก็แน่นอนว่าต้องมีซากศพของทารกที่บรรดาหมอใจยักษ์นำมาทิ้งปะปนกับข้าวของเครื่องใช้สกปรกของโรงพยาบาล
อย่างหิวโหย...กระสือสาวใช้ปากคาบฝาถังขยะให้เปิดออกและจัดแจงมุดศีรษะลงไปหาของกินในนั้น
“ จั๊บ จั๊บ ๆ อร่อยจริงๆ”
เลือดแดงฉานกลบปากของเธอ กลิ่นคาวคลุ้งอบอวลชวนอ้วก แต่ในความรู้สึกของกระสือ กลิ่นนี้ช่างหอมหวานดุจกลิ่นอาหารทิพย์...เธอก้มหน้าก้มตาหม่ำซากเด็กเต็มอิ่มจนรู้สึกกระเพาะขยาย ไส้แทบหลุดออกมาจากหัวเลยทีเดียว
กระสือดลยาค่อยๆพยุงหัวและตับไตไส้พุงอันหนักอึ้งออกจากที่แห่งนั้น ซึ่งขากลับนี้การล่องลอยเป็นไปแบบเรี่ยดินและเชื่องช้ากว่าขาไปหลายเท่า เป็นเพราะเธอสวาปามมากเกินไปนั่นเอง...โถ ...แม่กระสือตะกละ!
...วันเวลาผ่านไป...
“ แน่ใจนะคะหมอ”
ดลยาย้ำถามนายแพทย์ผู้ตรวจโรคของเธออย่างตกใจ ดวงตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นกันแดดเบิกกว้าง
“หมอเสียใจกับคุณด้วยจริงๆ ผลเลือดของคุณเป็นบวก นั่นหมายถึงคุณได้รับเชื้อไวรัสเอดส์ครับ”
เสียงของหมอเย็นชาตามไสตล์หมอทั่วไปที่ชาชินกับความเป็นความตายของคนอื่น
“ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ ดิฉันไม่เคยมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคนี้เลยนะคะ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใคร ไม่เคยใช้เข็มฉีดยา...”
พูดมาถึงตรงนี้แล้วเธอก็หยุดกึก...หรือว่า ?...ใช่แล้ว ต้องเป็นตอนที่เธอไปกินเด็กแน่ๆ ใครจะไปรู้ว่าเด็กพวกนั้นจะไม่มีเชื้อเอดส์อยู่...โอ...แล้วไหนเธอจะเผลอดูดเลียเลือดจากผ้าพันแผลหรือจากพวกเข็มฉีดยาที่อยู่ในถังนั้นอีกล่ะ
ดลยาโผเผกลับไปนั่งซึมที่บ้าน ใครเล่าจะซวยเท่าเธอ...เป็นทั้งกระสือ เป็นทั้งเอดส์ อีกไม่นานเธอก็จะเสียชีวิต และทายาทที่จะสืบทอดความเป็นกระสือต่อไปก็คือน้องสาวเธอ
แล้วนี่ เธอจะต้องให้น้องสาวกินน้ำลายที่มีเชื้อเอชไอวีอยู่อย่างนั้นหรือ ไม่แน่ใจว่าน้ำลายจะเป็นพาหะนำเชื้อ หมอบอกว่าหกสิบสี่สิบ แต่ทว่าก่อนที่เธอจะเสียชีวิต อาการของเธอคงจะทรุดหนัก อาจจะมีเลือดหรือหนองปะปนในน้ำลาย นั่นก็เท่ากับว่าทายาทจะต้องได้รับเชื้ออย่างแน่นอน
“ ฮือ ฮือ”
หญิงสาวยกสองมือปิดหน้า คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา นี่ถ้าเพียงแต่เธอไม่ตะกละจนลืมรอบคอบ เหตุการณ์นี้ก็คงไม่เกิดขึ้น กระสือคนต่อไปก็ยังเป็นกระสือบริสุทธิ์ ไม่ใช่กระสือเอดส์
เธอมัวแต่ระวังคน แต่ดันไม่ระวังของกิน บทเรียนนี้ช่างแสบทรวง
...ไม่อยากเชื่อเลยว่า ในที่สุดแล้วก็เป็นเธอ เธอคือกระสือผู้ทำลายล้างเผ่าพันธ์กระสือเสียเอง !...
...จบ....
Create Date : 18 ธันวาคม 2551 |
|
43 comments |
Last Update : 19 ธันวาคม 2551 10:21:17 น. |
Counter : 2564 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ทากชมพู 18 ธันวาคม 2551 16:28:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: ผู้ชมทางบ้าน IP: 114.128.139.83 18 ธันวาคม 2551 23:19:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 19 ธันวาคม 2551 1:20:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: (@-@) (ตาพรานบุญ ) 19 ธันวาคม 2551 1:30:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแอ๊ด 19 ธันวาคม 2551 8:25:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 19 ธันวาคม 2551 9:07:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: เป๋อน้อย 19 ธันวาคม 2551 9:35:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซาตานสีส้ม IP: 203.154.236.196 19 ธันวาคม 2551 10:04:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ใบไม้ดนตรี (benjarong9 ) 19 ธันวาคม 2551 10:21:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทากชมพู 19 ธันวาคม 2551 10:23:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทากชมพู 19 ธันวาคม 2551 11:54:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: เขาพนม IP: 203.113.0.206 19 ธันวาคม 2551 15:50:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฤทัยนาวา 19 ธันวาคม 2551 17:08:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนระพูสี 19 ธันวาคม 2551 18:45:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแอ๊ด 19 ธันวาคม 2551 21:54:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: padfoots IP: 125.24.238.6 20 ธันวาคม 2551 2:15:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: AJono 20 ธันวาคม 2551 7:01:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: SIMAKHA 20 ธันวาคม 2551 16:08:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: AJono 20 ธันวาคม 2551 22:42:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: SIMAKHA 21 ธันวาคม 2551 10:08:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: AJono 21 ธันวาคม 2551 14:34:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแอ๊ด 21 ธันวาคม 2551 16:50:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทาสบอยเอง IP: 58.147.48.150 22 ธันวาคม 2551 11:23:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: ใบไม้ดนตรี (benjarong9 ) 22 ธันวาคม 2551 11:29:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: กลางเขา 23 ธันวาคม 2551 15:38:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน...ขอให้สำเริงสำราญ
ช่วยประทับรอยเมนต์ไว้ให้นักเขียนคนยากด้วยนะคะ (มุกลิเกได้อีก จริงมั้ยจ๊ะท่านนายกของยายเนียม )