Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
หนึ่งในดวงใจ



หญิงสาวที่เดินนำชายหนุ่มหน้าตาคมสันเข้ามาภายในบริเวณสวนร่มครึ้มไปด้วยไม้ใหญ่น้อยโอบล้อมบ้านสีนวลขนาดกะทัดรัดทำให้ชายสูงอายุต้องรามือจากการตัดแต่งเถาพวงครามที่เลื้อยพันขึ้นไปตามคาคบไม้พร้อมชูช่ออวดดอกสีม่วงพราวจับตา หัวใจกระตุกวาบด้วยความรู้สึกหลากหลายอื้ออึงอลอยู่ภายในพร้อมจิตใจที่เริ่มไม่สงบจากภาพตรงหน้า ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่บุคลิกสง่าในชุดทำงานตรงเข้ามาหาพร้อมกับลูกสาวเขาเองที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะมีวัยเลยเบญจเพสไปได้ ด้วยความที่ใบหน้านั้นอ่อนใสประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเป็นนิตย์ประกอบกับรูปร่างที่แบบบางแทบจะปลิวลม ใครได้พบคงนึกว่าหล่อนเป็นเพียงสาวน้อยที่กำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษามากกว่าที่จะจบปริญญาโทและทำงานมาได้เกือบสองปีแล้ว

“พ่อของตะวันเองคะ” เสียงบุตรสาวดังขึ้นข้างตัว ก่อนที่จะตรงเข้ามาหอมแก้มอย่างที่ทำเสมอเมื่อกลับถึงบ้าน

“นี่คุณนริศ หัวหน้าของตะวัน แวะมาเยี่ยมพ่อด้วยคนค่ะ” คุณตฤณรับไหว้ชายหนุ่มที่โน้มศีรษะลงทำความเคารพอย่างรู้กาลเทศะ นัยน์ตาที่ผ่านโลกมานานพยายามสังเกตคนตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน คนนี้เองหรือที่ชื่อนริศ ได้ยินลูกสาวเล่าให้ฟังมานานแล้วถึงชายหนุ่มเจ้าของบริษัทคอมพิวเตอร์มีชื่อที่เจ้าตัวทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่ ดูจากรูปร่างหน้าตาและบุคลิกของคนตรงหน้าแล้วก็ไม่มีอะไรขัดตา เพียงแต่นิสัยใจคอเท่านั้นที่ยังไม่มั่นใจถึงลูกสาวจะเล่าให้ฟังบ้างแล้วก็ตาม ยิ่งรู้ว่าพ่อหนุ่มคนนี้เข้ามาติดพันลูกสาวตัวเอง ยิ่งต้องเพ่งเล็งเป็นพิเศษ

“พอดีวันนี้สะสางงานเสร็จเร็วเลยถือโอกาสมาเยี่ยมคุณอาด้วยครับ ที่จริงผมอยากจะมาตั้งนานแล้ว แต่ตะวันไม่ยอม อ้างว่ายังไม่แน่ใจในตัวผมครับ”

คุณตฤณนึกชมชายหนุ่มอยู่ในใจ หมอนี่นับว่าเป็นคนตรงไม่น้อย เจอพ่อของสาวเจ้าก็บอกออกมาตรง ๆ เลยว่ากำลังจีบลูกสาวเขาอยู่ นี่มันถึงเวลาแล้วหรือที่ตะวันจะมีคู่รัก เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง... ไม่กี่วันในความรู้สึกของคนเป็นพ่อ เทพธิดาตัวน้อย ๆ ของเขายังไม่ประสา เสียงน้อย ๆ ออดอ้อนฉอเลาะซักถามเรื่องราวนานัประการยังคงก้องอยู่ในความทรงจำ ลูกสาวที่ติดพ่อนักหนาเพราะความที่ขาดแม่บัดนี้โตพอที่จะมีรักมอบให้ชายหนุ่มอีกคนแล้วหรือไร

“อ้าว...ไหงพูดแบบนั้นละ ใครว่าตะวันมั่นใจแน่ใจอะไรกัน พ่ออย่าไปฟังเขานะคะ ตะวันแค่ทำตามคำพ่อเท่านั้นเองที่ว่าใครจะเข้ามายุ่มย่าม ให้พามาให้พ่อดูตัวก่อน แล้วตาคนนี้แกดันยุ่งไม่เลิก เลยต้องพามาให้พ่อจัดการค่ะ ถึงจะเป็นหัวหน้าก็เถอะ ไม่กลัวหร๊อก” หญิงสาวยิ้มสดใสให้กับทั้งพ่อและชายหนุ่มที่ยืนเคียง ดูจากภายนอกแล้วหนุ่มสาวคู่นี้เหมาะกันดีในสายตาของคุณตฤณ แต่เรื่องนิสัยใจคอนั้นไม่รู้ว่าจะดีพอสำหรับลูกสาวเขาหรือไม่

“ปกติลูกสาวผมไม่เคยยอมพาหนุ่มที่ไหนเข้าบ้าน ถามเขา...เขาก็บอกว่าจัดการซะกระเจิงไปหมดเสียทุกราย ไม่ต้องถึงมือพ่อ เห็นทีคุณคงจะร้ายไม่เบาทีเดียว” ชายสูงอายุเอ่ยยิ้ม ๆ กับชายหนุ่ม

“พอตัวเหมือนกันครับ เพราะลูกสาวคุณอาใจแข็งเหลือเกิน มีหนุ่ม ๆ เทียวไปเทียวมาที่บริษัทไม่เคยขาด แต่ก็ไม่เห็นเขาสนใจใครเลย ส่วนผมใช้วิธีค่อย ๆ ตื๊อ อาศัยเวลาช่วยให้เขาเห็นใจครับ กว่าตะวันจะยอมพาผมมาพบพ่อก็เกือบปีทีเดียว”

“เข้าไปคุยในบ้านเถอะคุณ ยิ่งรู้ว่ามาชอบพอลูกสาวผมด้วยแล้ว ยิ่งต้องคุยกันนาน”

“ขอบคุณครับ”

หลังจากที่หาน้ำหาท่าให้ชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวกลับปล่อยให้นริศอยู่สนทนากับบิดาเพียงลำพัง ส่วนตัวเองกลับขึ้นห้องผลัดเสื้อผ้าก่อนที่จะลงมาเตรียมทำอาหารเย็นไว้ ปกติมื้อเย็นถ้าตะวันกลับบ้านเร็ว หล่อนจะเป็นคนลงมือทำกับข้าวให้บิดารับประทานเอง แต่ถ้าวันไหนงานเร่งจนต้องกลับบ้านค่ำละก็ คุณตฤนจะเตรียมกับข้าวไว้ให้ลูกสาวสุดที่รักแทน โดยเฉพาะข้าวผัด หรือก๋วยเตี๋ยว ซึ่งตะวันชอบนักหนา ด้วยความอร่อยและคุ้นเคยที่กินมาแต่เล็ก ไม่ว่าจะไปกินข้าวที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือพ่อ

เย็นวันศุกร์แบบนี้หญิงสาวยิ่งอารมณ์ดีมีแก่ใจทำกับข้าวเป็นพิเศษเพราะวันรุ่งขึ้นก็เป็นวันพักผ่อนสุดสัปดาห์แล้ว เปิดตู้เย็นควานหาเนื้อสัตว์และผักต่าง ๆ กะว่าจะทำแกงจืดตำลึงหมูบะช่อ และยำปลาดุกฟู ด้วยรู้ว่าพ่อชอบ โดยปกติบ้านนี้จะมีกับข้าวและผักผลไม้ติดตู้เย็นอยู่ตลอดเวลา เพราะพ่อจะตื่นแต่เช้าเดินออกไปตลาดที่อยู่หน้าปากซอยทุกวัน แวะนั่งกินเต้าฮวยร้อนกับปาท่องโก๋ตัวเล็ก ๆ ก่อนจะจับจ่ายซื้อข้าวของอีกเล็กน้อยกลับเข้าบ้าน พ่อเป็นคนตื่นเช้าเสมอ ผิดกับลูกสาวที่ไม่เอาไหนตื่นเช้าเองไม่ได้ถ้าไม่มีคนปลุก ตั้งแต่เล็กจนโตพ่อจึงเป็นนาฬิกาปลุกของตะวันมาโดยตลอด จำได้ว่าสมัยเรียนหนังสือตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยม พ่อจะลุกขึ้นเตรียมอาหารเช้าตั้งแต่ก่อนฟ้าสางแล้วถึงมาปลุกเจ้าตัวเล็กที่ยังคงนอนงอก่องอขิงขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างแสนเสียดายเวลาค่ำคืนที่ผ่านไป เด็กหญิงงัวเงียลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทั้ง ๆ ที่ไม่ยอมลืมตาและจัดการกินข้าวก่อนไปโรงเรียนได้ภายในพริบตาก่อนที่รถโรงเรียนจะมารับ แม้แต่ตอนนี้ที่ตะวันโตเป็นสาวแล้ว พ่อก็ยังต้องปลุกไปทำงานทุกเช้า เพื่อจะเดินออกไปหน้าปากซอยพร้อมกัน และถ้าวันไหนกลับดึกก็พ่ออีกนั่นแหละที่จะต้องออกไปยืนรอที่หน้าปากซอยด้วยความเป็นห่วงทุกครั้ง

เตรียมตั้งหม้อต้มน้ำสองใบสำหรับแกงจืดและต้มปลาก่อนที่หญิงสาวจะออกไปสอยมะม่วงสามฤดูที่ปลูกไว้หลังบ้านมาเตรียมทำน้ำยำ และแวะเด็ดตำลึงริมรั้วเข้ามาอีกกำใหญ่ ได้ยินเสียงพ่อคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่สักครู่จึงค่อยไล่เรียงซักถามถึงประวัติชายหนุ่ม ท่าทางมารักมาชอบลูกสาวบ้านนี้นริศคงต้องคิดหนัก เพราะนอกจากตัวลูกสาวที่แสนจะเฉยชาจนน่าหมั่นไส้แล้วยังต้องมาเจอพ่อที่ทั้งห่วงทั้งหวงลูกอีกขนาดนี้ เห็นทีอาจถอดใจได้ง่าย ๆ

ชีวิตที่โตมากับคุณตฤนตามลำพัง ทำให้ความผูกพันระหว่างพ่อกับหล่อนทบทวีคูณกว่าพ่อลูกคู่อื่น ๆ หญิงสาวรู้ว่าโลกของพ่อตั้งแต่แม่เสียชีวิตนั้นทุ่มเทให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวที่รักยิ่งกว่าแก้วตา หลังจากเลิกงานพ่อจะรีบตรงกลับบ้านทันทีเพื่อมอบเวลาที่เหลือทั้งหมดให้กับดวงใจตัวน้อย เฝ้าดูแลเอาใจใส่ อบรมสั่งสอน ซึ่งไม่เพียงแต่พร่ำสอนด้วยวาจาเท่านั้น พ่อยังเป็นแบบอย่างของความเสียสละ อดทน และความดีทั้งหลายในชีวิตลูกสาว และโลกของตะวันเองก็มีเพียงพ่อที่เป็นชายเดียวในดวงใจ หล่อนไม่เคยคิดจะสนใจชายหนุ่มที่คอยเทียวไล้เทียวขื่อพยายามหาโอกาสเข้ามาใกล้ชิด เพราะตะวันกลัวว่าบิดาจะน้อยใจที่ลูกสาวแบ่งเวลาและความรักความสนใจให้คนอื่น ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นเพียงความคิดบ้าบอของตนเพียงฝ่ายเดียว คุณตฤณเองก็ไม่เคยออกปากห้ามปรามขัดขวางเมื่อบุตรสาวถึงวัยสมควรมีคู่ แถมยังคอยซักถามด้วยความเป็นห่วงว่าเมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาเสียที เนื่องจากรอจนตะวันทำงานเป็นหลักเป็นฐานแล้วก็ยังไม่เห็นจะมีทีท่าแต่อย่างใด คำขอร้องเพียงอย่างเดียวที่ท่านขออยู่เสมอคือ “ถ้าจะรักใครก็ขอให้พามาให้พ่อรู้จักด้วย พ่อพร้อมจะรักเขาคนนั้นของหนูเสมอ เพียงแต่ให้มั่นใจเท่านั้นว่าเขาเป็นคนดีและรักลูกของพ่อจริงเท่านั้น พ่อจะได้วางใจ”

เสียงสนทนาระหว่างพ่อและนริศที่แว่วเข้ามาในครัวเรียกสติหญิงสาวให้กลับสู่ปัจจุบัน นับว่าเขามีความพยายามกว่าชายหนุ่มอื่น ๆ ที่เข้ามาติดพัน เพราะโดยมากแล้วทุกคนต่างล่าถอยทัพไปในเวลาไม่นาน ไม่ว่าใครจะชวนไปเที่ยว ไปกินข้าวดูหนัง หรือไปไหนก็ตามแต่ ตะวันจะปฏิเสธทุกครั้ง โดยอ้างว่าไม่มีเวลาต้องกลับบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนบิดา จนในที่สุดพลอยหายหน้าหายตาไปทีละคนสองคน ส่วนนริศเคยออกปากชวนอยู่เหมือนกัน หญิงสาวก็ยังคงปฏิเสธเหมือนกรณีคนอื่น ๆ เพียงแต่ชายหนุ่มกลับไม่ย่อท้อ ยังคงหมั่นดูแลเอาใจใส่และเอื้ออาทรอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ด้วย ถึงใครจะพากันล้อแค่ไหนว่าเขาเป็นสมภารคอยกินไก่วัด แต่ไม่เห็นเจ้าของบริษัทจะใส่ใจคำพูดของใคร ตะวันเองเสียอีกที่นึกกระดากจนต้องคอยเลี่ยงหลบหน้าตลอดเวลา เพื่อนสาว ๆ ที่ทำงานด้วยกันกลับพลอยหาว่าหล่อนเล่นตัวจนเกินไป ไม่รู้จักทอดสะพานหัดจับผู้ชายที่พร้อมอย่างเขาซะบ้าง แต่หญิงสาวยังคงทำหูทวนลมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และด้วยความที่บริษัทนี้ค่อนข้างใหญ่ทำให้โปรแกรมเมอร์สาวไม่มีความจำเป็นต้องติดต่อหรือพบหน้ากับผู้บริหารอยู่แล้ว จึงไม่ถึงกับอึดอัดหรือหนักใจในการทำงานอะไรมากนัก

“ตอนนี้ผมเกษียณแล้วก็พักผ่อนอยู่กับบ้าน ไม่เหงาหรอกคุณ วัน ๆ แค่จัดการกับต้นหมากรากไม้ก็หมดเวลาแล้ว ตะวันเขาช่างหาไอ้โน่นไอ้นี่มาให้คนแก่ดูแลอยู่เรื่อยแหละ” เสียงพ่อยังคงคุยไปเรื่อย ๆ อย่างอารมณ์ดี หล่อนนึกว่าพ่อจะทำขรึมกับชายหนุ่มแปลกหน้าที่กล้าเข้ามาเหยียบถิ่นเสือเสียอีก

“ดูท่าตะวันจะเอาใจใส่คุณอามากนะครับ เห็นแล้วนึกถึงพ่อกับแม่ แต่น่าเสียดายที่ท่านไม่อยู่ให้ผมปรนนิบัติแล้วทั้งคู่ แบบนี้วันหลังผมขอแวะมาเยี่ยมคุณอาบ่อย ๆ นะครับ”

“ผมไม่ขัดข้องหรอก ใครมาถึงเรือนชานก็ต้อนรับเป็นธรรมดา ถ้าเจตนาดีคงไม่มีใครรังเกียจ หนุ่ม ๆ เดี๋ยวนี้หายากที่จะเข้าหาผู้ใหญ่ ถ้าคุณไม่รำคาญคนแก่ก็เชิญเลย”

“ผมบริสุทธิ์ใจกับตะวันครับ แล้วปกติผมก็ชอบคุยกับผู้ใหญ่อยู่แล้ว เพราะท่านเหมือนหนังสือเล่มหนาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจ”

“จะรักจะชอบกันผมก็ไม่ว่าอะไร เพียงขอให้เข้าตามตรอกออกตามประตูเท่านั้น แต่อย่างที่เขาว่าไว้ละนะ สมัยนี้ใครที่หวงลูกมักถูกกล่าวหาเป็นคนคร่ำครึ กักลูกไม่ให้เปิดหูเปิดตา คนหนุ่มเข้าใจว่าคนแก่โง่ แต่คนแก่รู้ชัดว่าคนหนุ่มโง่ เพราะย่อมได้เคยเห็นมาแล้วว่า มดกับน้ำตาลนั้นอยู่ใกล้กันไม่ได้ แต่คนหนุ่มสมัยใหม่เข้าใจว่า มดสมัยนี้ได้รับการศึกษาดี มีหัวคิด หารู้ไม่ว่ามดนั้นต้องการน้ำตาลอย่างยิ่ง ยิ่งเป็นมดมีความรู้ยิ่งเป็นอันตรายแก่น้ำตาลมากขึ้น โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้มันเป็นสมัยวิทยาศาสตร์ ความรักก็เดินตามแบบวิทยาศาสตร์ มีวิธีทดลอง แปรธาตุ ประสมธาตุ รวมไปในตัวเสร็จสรรพ แต่ผู้หญิงสมัยโบราณไม่ได้เรียนวิทยาศาสตร์ คิดเห็นว่าความรักคือหลุมพราง เมื่อจะกระโจนลงไปก็ต้องคิดแล้วคิดเล่า* ผมคงเลี้ยงตะวันให้หัวโบราณเกินไปกระมัง หรือคุณว่าอย่างไร”

คุณตฤณยังคงจับสังเกตสีหน้าท่าทางของหนุ่มตรงหน้า แต่เมื่อเห็นท่าทางตั้งใจฟังและคิดตามของอีกฝ่ายก็เริ่มพอใจ

“ผมเข้าใจครับ ไม่ง่ายเลยที่คนเป็นพ่อจะไว้วางใจจนยกลูกสาวให้ใครสักคน ถ้าผมมีลูกสาวก็คงห่วงคงหวงเป็นธรรมดา ไม่อยากให้ใครรับดวงแก้วในใจผมไปย่ำยี แล้วยิ่งมีลูกสาวสวยอย่างตะวันด้วยแล้วคนเป็นพ่อคงไล่มดแทบไม่ทัน”

“ตะวันเขาไล่ของเขาเองนั่นแหละ ลูกสาวผมติดจะใจร้อนและเอาแต่ใจตัวเองไปสักหน่อย ผู้ชายที่ไหนเข้ามาจีบก็คงไปทำหน้าหงิกหน้างอใส่เขาจนไม่มีใครทนไหว” เสียงกล่าวตำหนิบุตรสาว แต่แววตาของคุณตฤณกลับเป็นประกายด้วยความรักความเอ็นดูอย่างปิดไม่มิด

“นั่นนะสิครับ นับว่าผมมีความอดทนเกินกว่าปกติทีเดียว” เสียงหัวเราะขบขันของชายทั้งคู่ในบ้านทำเอาตะวันที่เข้ามาตามให้ไปรับประทานอาหารค่ำถึงกับแอบยิ้มตามไปด้วย

“คุณนริศมาวางยาเสน่ห์อะไรหรือค่ะ ทำเอาพ่ออารมณ์ดีเชียว” ตะวันเอ่ยถามชายหนุ่มเมื่อเดินนำมายังโต๊ะอาหารที่จัดสำรับไว้เรียบร้อยแล้ว โต๊ะไม้เนื้อหนาปูทับด้วยผ้าสีขาวสะอาดตาแต่งแต้มด้วยดาวกระจายสามสี่ดอกที่ปักอยู่ในแจกันขนาดเล็กแลดูสดใสรับกับสีนวลเย็นตาของห้องกินข้าวขนาดเล็กที่เชื่อมออกมาจากเรือนครัวทางด้านหลัง

“เปล่าหรอกครับ คุณพ่อคุณเอ็นดูผมต่างหากที่เฝ้าตื๊อลูกสาวท่านได้นานสองนานจนยอมใจอ่อน” ชายหนุ่มหันมายิ้มให้กับหญิงสาวทั้งปากและตา จนตะวันต้องรีบเบือนสายตาหลบก่อนที่จะเผลอยิ้มตอบให้อีกฝ่ายได้ใจ

“ผิดไปละค่ะ แค่ยอมให้คุณมาพบพ่อเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะยอมตกลงปลงใจรับรักนะ”

“ไม่เป็นไรครับ แค่ให้พ่อรัก อีกหน่อยลูกสาวก็รักตามไปเองละฮะ” คำตอบของคนตัวโตทำเอาตะวันแอบส่งค้อนให้เขาโดยไม่รู้ตัว ขนาดในบ้านหล่อนเองเขายังกล้าจีบต่อหน้าพ่ออีกแนะ เหลือบไปมองหน้าพ่อก็เห็นท่านลงนั่งประจำตำแหน่งหัวโต๊ะเรียบร้อย ใบหน้าติดจะยิ้ม ๆ ด้วยซ้ำ ไม่มีทีท่าว่าจะเขม่นคนพูดแต่อย่างไร

“วันนี้ทำกับข้าวน่ากินเชียวลูก ของโปรดของพ่อทั้งนั้นเลย ลองชิมกับข้าวฝีมือตะวันดูหน่อยนะคุณนริศ ว่าจะพอกินได้หรือเปล่า” คุณตฤณเชื้อเชิญชายหนุ่มให้นั่งลงเคียงข้างพลางเลื่อนโถข้าวให้บุตรสาวคอยตักบริการ

“เพิ่งรู้ว่าตะวันทำกับข้าวเป็น ผมนึกว่าเขาเก่งแต่งานนอกบ้านนะครับ”

“เพราะเราอยู่กันตามลำพังสองพ่อลูก ตะวันเลยต้องหัดช่วยเหลือตัวเองมาแต่เด็ก ถ้าวันไหนเขาอารมณ์ดี กับข้าวก็อร่อยหน่อย แต่วันไหนหงุดหงิดก็ต้องฝืนกินกันตายไปเท่านั้นละ” เสียงคุณตฤณหัวเราะขบขันอย่างอารมณ์ดี แซวลูกสาวตัวเองเล่นก่อนจะชวนทุกคนลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า

อาหารมื้อนั้นผ่านไปอย่างมีรสชาติ นริศทำตัวเป็นกันเอง ชวนคุณตฤณคุยด้วยหัวข้อต่าง ๆ ทั้งด้านปัญหาบ้านเมือง สังคม รวมถึงร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือหนังหาต่าง ๆ ที่ทั้งคู่เคยอ่าน ตะวันได้แต่เป็นฝ่ายนั่งฟังเงียบ ๆ ดูท่าทางพ่อจะถูกชะตากับเพื่อนใหม่ไม่น้อย ชีวิตหลังเกณียณที่ไม่ค่อยได้พบปะผู้คนมากมายเหมือนเมื่อครั้งก่อน อาจทำให้ท่านรู้สึกเหงาบ้าง นาน ๆ ครั้งพ่อถึงจะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเก่า ๆ หรือมีมิตรสหายมาเยี่ยมเยียนถึงบ้านในบางครา ตะวันนึกย้อนไปถึงวัยเด็กที่พ่อคอยสอนการบ้าน และเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังจนทำให้เด็กหญิงตัวน้อยที่ออกจะซุกซนรู้จักหันมาสนใจและไขว่คว้าหาอ่านหนังสือสารพันที่พ่อเก็บสะสมเอาไว้เต็มบ้าน ตั้งแต่สารานุกรม วรรณคดี ประวัติศาสตร์ ตลอดจนวิทยาศาสตร์ที่เรียงรายอัดแน่นอยู่ในตู้หนังสือขนาดเขื่องหลายใบ ตะวันสามารถขลุกอยู่กับหนังสือของพ่อได้เป็นวัน ๆ โดยไม่ต้องออกไปไหน ตอนนี้คงถึงตาหล่อนที่จะต้องเป็นฝ่ายคอยดูแลเอาใจใส่ท่านแทน ชีวิตนับว่ามีความสุขแล้วในโลกเล็ก ๆ ที่มีพ่อ ไม่อยากให้กาลเวลามาพรากพ่อไปจากหล่อน ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงหญิงสาวอยากจะขอให้ชีวิตตนเองสั้นกว่าอายุขัยที่แท้จริง เพื่อนำช่วงเวลาที่ถูกตัดทอนไปนั้นมาต่ออายุให้กับพ่อ เพื่อให้ท่านได้มีชีวิตยืนยาวและหมดลมไปพร้อมกันกับตะวันเอง

หลังจากนั่งคุยกับบิดาหล่อนอีกสักพักหลังอาหาร ชายหนุ่มจึงถือโอกาสลากลับ เมื่อส่งแขกเรียบร้อยแล้วคุณตฤณเลยแวะขึ้นมาคุยกับลูกสาวที่หนีมาอาบน้ำอาบท่าก่อน

“ตะวันจะนอนหรือยังลูก”

“ยังหรอกค่ะ ยังไม่ดึกมากนัก พ่อจะขึ้นนอนแล้วหรือจ๊ะ”

“เปล่าหรอกลูก อยากมาคุยกับหนูก่อนเท่านั้น เดี๋ยวค่อยลงไปอ่านหนังสือต่อ”

“นั่นแน่...พ่อจะถามตะวันเกี่ยวกับคุณนริศใช่มั้ยเอ่ย” หญิงสาวลุกขึ้นไปจูงมือบิดาให้เดินเข้ามานั่งตรงม้านั่งยาวริมหน้าต่าง สายลมเย็นที่พัดแผ่วเบาผ่านมุ้งลวดเข้ามาภายในห้องนอนช่วยคลายความร้อนอบอ้าวในช่วงเวลากลางวันได้เป็นอย่างดี ฟ้าภายนอกเปลี่ยนแปรเป็นสีแดง อีกไม่ช้าฝนคงตกลงมาให้นอนหลับสบายท่ามกลางละอองเย็นชื่นใจและไอดินกลิ่นหญ้า

“พ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ตะวันยังไม่ได้รักเขา เพียงแต่กลัวว่าใจจะอ่อนเข้าสักวัน เลยต้องรีบพามาให้พ่อช่วยดูก่อน” บุตรสาวยิ้มประจบ ก่อนที่จะนิ่งรอฟังคำของบิดา

“ลูกยังไม่ถึงกับปักใจรักเขา แต่ท่าทางเขาจะรักลูกเข้าให้แล้ว พ่อไม่ห่วงเราหรอก แต่สงสารพ่อหนุ่มคนนั้นมากกว่า อย่างตะวันนี่ใครได้ไป พ่อก็กลัวว่าเขาจะเอามาคืนทีหลัง” คุณตฤนเอ่ยล้อยิ้ม ๆ พลางลูบศีรษะบุตรสาวที่ปกคลุมไปด้วยผมดำเป็นมันระเต็มแผ่นหลัง

“ฮะ ฮะ... พ่อพูดถูกใจจัง แบบนี้ถึงใครมาขอ พ่อก็อย่าใจอ่อนยกลูกสาวให้เขาไปนะคะ”

“แต่ถ้าพ่อเห็นเขาดีจริง อาจแอบยกเราให้เขาไปปราบเอาเองก็ได้นะ” มือที่ลูบผมยาวสลวยเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นโอบให้ศีรษะนั้นเข้ามาอิงแนบอก

“พ่อเหนื่อยแล้ว เลี้ยงตะวันมาตั้งแต่แม่เราเสีย จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้จักโตเสียที ดูสิอ้อนพ่อเหมือนตอนเป็นเด็ก” ดวงตาชายสูงอายุหม่นเศร้าลงเมื่อเอ่ยถึงภรรยาคู่ชีวิตที่บุญน้อยด่วนทิ้งเขาและตะวันไว้เพียงลำพัง นี่ถ้าไม่มีลูกสาวเป็นเครื่องปลอบประโลมใจแล้วละก็ เขาคงไม่สามารถยิ้มได้อีกเลยชั่วชีวิตนี้

“ว้า...พ่อไม่รักตะวันแล้วเหรอจ๊ะ พอมีคนทำท่ามาสนใจลูกสาวก็จะรีบยกให้เขาเสียแล้ว เฮ้อ!...น่าสงสารตัวเองชะมัด ใคร ๆ ก็ไม่รัก” สีหน้าออดอ้อนพร้อมอ้อมแขนที่รัดรอบเอวของคุณตฤณ สามารถเรียกรอยยิ้มของบิดากลับคืนมาอีกครั้ง

“เท่าที่เห็น...พ่อว่าเขาเป็นคนอัธยาศัยใจคอดีทีเดียว แต่คงต้องค่อย ๆ ดูกันไปอย่าผลีผลาม อย่างที่ภาษิตโบราณท่านว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ถ้าเขาเป็นคู่ของลูกจริงก็คงไม่แคล้วกัน”

“สนับสนุนให้มีแฟนแบบนี้ แล้วไม่กลัวว่าเวลาที่ตะวันเคยมีให้พ่อจะถูกรอนให้เหลือน้อยลงหรือค่ะ”

“หนูโตพอที่จะมีครอบครัวเองแล้ว พ่อคงอยู่ดูแลตะวันได้อีกไม่นาน อันนี้เป็นสัจธรรม ไม่ช้าหรือเร็ว ต่อให้รักมากแค่ไหนสักวันก็ต้องจากกันอยู่ดี ถ้าตะวันพบคนดีเป็นคู่ครอง พ่อก็หมดห่วง” เสียงถอนหายใจช้า ๆ ของบิดายิ่งทำให้ตะวันรัดวงแขนรอบเอวหนานั้นแน่นขึ้น

“พ่อไม่ได้ต้องการลูกเขยที่มีชื่อเสียงมีหน้ามีตาในสังคม หรือเป็นเศรษฐีร่ำรวยเงินทอง ขอเพียงแค่เขาเป็นคนที่ยึดมั่นในคุณงามความดี และรู้จักเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน... เท่านั้น...พ่อก็พอใจแล้ว”

“พ่อพูดซะราวกับมีคนมาขอลูกสาวแต่งงานแล้วอย่างนั้นแหละค่ะ คุณนริศเขาแค่แวะมาครั้งแรกเองนะคะ” ตะวันเงยหน้าจากอกอุ่นที่ซุกอยู่ขึ้นมาเย้าคุณตฤณเบา ๆ นึกภูมิใจและดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกสาวของพ่อ ข้าราชการที่ไม่ร่ำไม่รวย แต่ยึดมั่นในศักดิ์ศรีและความซื่อสัตย์มากกว่าจะยอมก้มหัวให้กับอิทธิพลหรือเงินทองของใคร และพ่อที่รักและเสียสละให้ลูกได้ทุกอย่าง

“เห็นจากสายตาท่าทางของเขาแล้ว พ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนมั่นคงจริงใจทีเดียว แล้วพ่อก็มั่นใจว่าลูกสาวของพ่อคงดูคนไม่ผิด เท่าที่เพียรเอาใจใส่หนูมาเป็นปีนับว่าเขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายทีเดียว เอาเป็นว่าพ่อจะคอยดูต่อไปแล้วกันว่าเมื่อไหร่เขาจะเอ่ยปากขอตะวัน” คุณตฤณจบบทสนทนาพลางขยับตัวลุกขึ้นเตรียมผละจากไปเพื่อปล่อยให้ลูกสาวได้พักผ่อนตามลำพัง

“สงสัยคงออกปากขอตะวันไปช่วยทำงานเวลางานเร่ง ๆ มากกว่าละมั้งค่ะพ่อ” หญิงสาวตะโกนตามหลังบิดาก่อนที่ท่านจะเดินลับออกจากห้อง

เฝ้าแต่นั่งคิดทบทวนคำพูดเมื่อครู่ของบิดา พ่อไม่เคยพูดกับหล่อนเรื่องคู่ครองอย่างจริงจังแบบนี้มาก่อนเลย คราวนี้ท่านคงสังเกตเห็นแล้วว่าลูกสาวเริ่มมีความรักเพิ่มให้กับชายหนุ่มอีกคนที่ก้าวเข้ามาในชีวิต แต่ตะวันมั่นใจว่าความรักที่พร้อมจะมอบให้นริศนั้นจะไม่มีวันลดทอนความรักและความเอาใจใส่ที่หล่อนมีต่อบิดาได้เลย

ตัดสินใจเดินกลับลงไปข้างล่างอีกครั้ง ท่ามกลางบรรยากาศยามดึกอันเงียบสงัด หญิงสาวพบคุณตฤณนั่งมองภาพขนาดใหญ่ที่แขวนไว้ข้างฝาภายในห้องสมุดเนิ่นนาน ใบหน้าของสตรีสาวในรูปประพิมประพายคล้ายตะวัน หากแต่ประดับด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวานและดวงตาที่อ่อนโยนกว่ามอบให้ชายชราที่กำลังแหงนหน้าขึ้นมองอย่างเงียบ ๆ บนตักมีเพียงหนังสือเล่มหนาที่อ่านค้างไว้เป็นเพื่อน ภาพพ่อคู่กับหนังสือเป็นภาพที่ติดตาเจนใจตะวันมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่น้อยครั้งนักที่จะเห็นพ่อนั่งเหม่อคุยกับแม่แบบนี้ หล่อนตรงเข้าไปหาพลางยอบตัวลงคุกเข่าข้าง ๆ พร้อมทั้งเอนศีรษะลงซบกับบ่ากว้างแล้วกอดคนตรงหน้าไว้แน่นเหมือนเมื่อครั้งเด็กหญิงตัวน้อยเคยกอดพ่อจนสุดแรงของอ้อมแขน ก่อนที่จะยิ้มออกมาจากใจ

“ไม่ว่าจะอย่างไร พ่อก็เป็นที่หนึ่งในดวงใจของตะวันเสมอค่ะ พ่อขา”



************************************
( หมายเหตุ * จาก “เขียนไว้เมื่อวันวาน - ตำรา ณ เมืองใต้ )

ธราธร
๖ มีนาคม ๒๕๔๖



Create Date : 27 พฤษภาคม 2549
Last Update : 27 พฤษภาคม 2549 0:14:00 น. 0 comments
Counter : 218 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธราธร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หากมิเริ่มเพียงก้าว
เจ้าตรองดู
ฤาหาญสู้
อุปสรรคอีกนับพัน
Friends' blogs
[Add ธราธร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.