|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
กองทุนยุโรป กับ กลยุทธ์ Contrarian Investing
ในที่สุด ศุกร์ที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา ตลาดก็สามารถ breakout ผ่าน 661 จุดไปได้ โดยมี ปริมาณการซื้อขาย มากกว่า 2 หมื่นล้านบาท เป็นตัวยืนยัน การขึ้นรอบใหม่ ด้วยแรงซื้อหลัก จากค่ายสวิส หลังจากเคลื่อนตัว ในกรอบแคบๆ ระหว่าง 650-660 มาตลอดทั้ง เดือน ม.ค. โดยมีกองทุนไทย นั่ง งงๆ ทำอะไรไม่ถูก ทั้งในตลาดหุ้น และ ตลาด Futures
วันนี้ เราจะตามไปดู พฤติกรรมเจ้ามือ เอ้ย ไม่ใช่ …. เราจะตามไปดู พฤติกรรม การลงทุน ของ 2 ยักษ์ใหญ่ ผู้ควบคุมตลาดหุ้นไทย แบบเบ็ดเสร็จ และ วิเคราะห์ถึงเบื้องหลัง ของพฤติกรรมการลงทุน เหล่านั้น และลงเอยด้วย แผนการลงทุน ที่จะต้องปรับให้เข้ากับตลาด
“Beating the Market - by Going Against the Crowd” เป็นหลักการสำคัญของ Contrarian Investing พูดให้ง่าย เล่นสวนชาวบ้านซะงั้น ….. ข่าวดี ขาย ข่าวร้าย ซื้อ ….. เราจะซื้อ เมื่อ ส่วนใหญ่ขาย เราจะขาย เมื่อ ส่วนใหญ่ซื้อ
ข่าวดีเขาจะขาย ข่าวร้ายเขาจะซื้อ .... เวลาซื้อจะตั้ง bid ซื้อที่แนวต้าน ……เมื่อกลุ่มอื่น ขายหุ้นจนเกลี้ยงแล้ว เมื่อตนได้หุ้นครบ ตามจำนวนที่วางแผนแล้ว ก็จะกระชาก ลากให้ผ่านแนวต้าน อย่างรวดเร็ว จนเกิด Buy Signal ... ในทำนองเดียวกัน เวลาขาย จะเทขาย โครมลงมา ที่ฝั่ง bid ให้หลุดแนวรับ จนเกิด Sell Signal
สำหรับตลาดหุ้นไทย ดูเหมือนว่า CLSA สัญชาติฝรั่งเศส จะเป็นผู้นำ ด้าน Contrarian Investing ใน Downtrend และ ค่าย สวิส อย่าง UBS และ CS (Credit Suisse First Boston) จะเป็นผู้นำ ด้าน Contrarian Investing ใน Uptrend ….. ซึ่งกองทุนที่จะใช้ กลยุทธ์ เช่นนี้ได้ จำเป็นที่จะต้องใจเย็น มีสายป่านยาวมาก มีเม็ดเงินลงทุนมหาศาล เมื่อเปรียบเทียบ กับ Major Players อื่นในตลาด และ ต้องเป็น Active Funds ในตลาดนั้นๆ (CS ขึ้นแท่น Market Share อันดับ 1 ในเดือน ม.ค. 2550 ….. ที่มา: รายงานอันดับโบรกเกอร์ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุด 5 อันดับ, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
เมื่อข่าวร้ายท่วมตลาด ทุก Research House มอง “ลง”, Contrarian Player จะขายหุ้นโครมลงมา เพื่อให้หลุดแนวรับ พร้อมๆกับ “Long” Futures ไว้ เผื่อพลาด และเมื่อตลาดหุ้นหลุดแนวรับ พร้อมๆกับ ข่าวร้ายท่วมตลาด การร่วงลง ของดัชนี อย่างรวดเร็ว จะตามมา คราวนี้ เขาก็จะเริ่มหาจังหวะ เข้าซื้อ ด้วยการทยอยซื้อ อย่างใจเย็น .... เมื่อ Contrarian Player ทยอยซื้อ ระดับดัชนี ก็จะหยุดไหล เกิด Technical Rebound ไปสู่แนวต้าน และเมื่อถึงแนวต้าน เขาก็จะ block ราคาหุ้นไว้ ด้วยการขนหุ้นจำนวนมหาศาล มาวางขายที่ฝั่ง Offer พร้อมๆกับ ตั้งซื้อหุ้นที่ฝั่ง Bid
เมื่อถึงแนวต้าน แล้วมันไม่สามารถผ่านไปได้ คนส่วนใหญ่ ในตลาด ก็จะเริ่มขาย ขายลงมาเท่าไหร่ เขาก็รับซื้อ พร้อมๆกับ “Short” Futures ไว้ เผื่อพลาด ซึ่งการรับซื้อตรงนี้ อาจจะยาวนาน เป็นเดือนเลยก็ได้ นะครับ และเมื่อซื้อได้ครบ หรือ คนส่วนใหญ่ ไม่มีหุ้นติดมือแล้ว คราวนี้ Contrarian Player จะเริ่มบุกจู่โจม ทะลวงด่านแนวต้าน ให้ผ่านพ้นขึ้นไปได้ อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเกิด Buy Signal ซึ่งกองทุนต่างๆ ที่ขายไปก่อนหน้านั้นแล้ว จำเป็น จะต้อง “Follow Buy” ไม่งั้น ผู้ถือหน่วยลงทุน จะสูญเสียโอกาส อย่างมาก
ไม่แน่ใจว่า “Contrarian Investing” จะสามารถนำมาอุปมา ว่าเป็น กลยุทธ์ “สงครามกองโจร” ได้หรือไม่ หากเทียบกับกลยุทธ์ทางกรทหารแล้ว ไม่ต่างอะไรไปจาก การใช้เครื่องบินรบ ไล่ยิงภาคพื้นดิน แบบปูพรม แล้วแอบนำ นาวิกโยธิน ยกพลขึ้นบก อย่างเงียบๆ ตามด้วย เหล่าทหารกล้า บุกประชิด ศูนย์บัญชาการ ก่อนจะปักธง ประกาศชัย เหนือข้าศึก
อ่านเพิ่มเติม: วิเคราะห์ Fund Flow ต่างชาติ ในตลาดหุ้นไทย //www.thaidaytrade.com/readspecialreport.php?id=1170493360
ภาพตลาดรายวันและหุ้นเด่นประจำวัน มี update ทุกวันที่ www.ThaiDayTrade.com
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 14 มิถุนายน 2551 16:41:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 776 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|