Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2548
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 สิงหาคม 2548
 
All Blogs
 
Dead Poet Society

Carpe diem (Seize The Day)

Neil: For the first time in my life, I know what I want to do! And for the first time, I'm going to DO IT! Whether my father wants me to or not! Carpe diem!

John Keating: We don't read and write poetry because it's cute. We read and write poetry because we are members of the human race. And the human race is filled with passion. And medicine, law, business, engineering, these are noble pursuits and necessary to sustain life. But poetry, beauty, romance, love, these are what we stay alive for.


คำถาม
น้องๆ Seize อะไรจาก Dead Poet Society ได้บ้างครับ

การบ้าน
เขียนถึงหนัง หนังสือ เพลง เหตุการณ์ในชีวิต หรืออะไรก็ได้ครับ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้น้องได้เปลี่ยนแปลงความคิดอะไรบางอย่าง สิ่งนั้นอาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของน้องจากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่ง พี่ชอบอ่านการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ครับ ส่งมาให้พี่อ่านนะครับ ที่ tetetete23@yahoo.com



Create Date : 22 สิงหาคม 2548
Last Update : 22 สิงหาคม 2548 2:59:16 น. 37 comments
Counter : 2998 Pageviews.

 
ท่านเห็นอะไรจากความมืด ?
ท่านเห็นอะไรจากแสงสว่าง ?

เอาไปให้คิดเล่น ๆ อิอิ


โดย: blueblood@มาทุกวัน!!!! ^o^ วันที่: 22 สิงหาคม 2548 เวลา:5:47:38 น.  

 
สวัสดีค่ะ
อืมเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องที่ดีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจดจำเลยทีเดียว
เรื่องนี้ดูแล้วรู้สึกสงสารนีลมากเลยที่เดียว ทำไมชีวิตเค้าเป็นเช่นนั้น แต่นั่นคือสิ่งที่เค้าเลือกเอง เค้าเลือกที่จะทำตามใจพ่อ โดยยอมทิ้งความฝันของตัวเอง และในสุดท้ายเค้าก็เลือกที่จะตาย ทั้งที่มีสิ่งอื่นที่เค้าทำได้ อืม... และอีกเรื่องที่หนังเรื่องนี้พูดถึงคือการใช้ชีวิตที่อิสระ กับชีวิตที่มีกฎเกณฑ์ คือในโรงเรียนที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์แต่เมื่อ Keating เข้ามาก็ทำให้การใช้ชีวิตของนักเรียนก็เปลี่ยนไป ด้วยวิถีการสอนที่แปลกใหม่ เค้าสอนให้เป็นอิสระ ... แล้วทุกคนผิดด้วยเหรอ ... ที่จะเป็นอิสระ

เนติรัตน์ รังสิยะฉัตร
1450309396


โดย: น้องนู๋เน IP: 210.86.128.54 วันที่: 22 สิงหาคม 2548 เวลา:10:50:02 น.  

 
ดูเรื่องนี้แล้วเห็นกระจกสะท้อนของสังคมอ่ะ ชีวิตในวัยเด็กของหลายๆคนเป็นอย่างนี้จริงๆนะ ทุกคนแหละที่อยากตามหาฝันของตัวเองแล้วก็เดินไปให้ถึง แต่เราก็ต้องเข้าใจว่าความเป็นจริงมันมีกรอบของสังคมและกรอบอื่นๆอีกมากมาย เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้แล้วจึงต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเป็นอยู่ให้ได้แล้วก็อยู่กับมันพร้อมๆกับค้นหาฝันของตัวเองให้เจอ ผมว่านะ แม้เราออกมาจากกรอบได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความสุขเสมอไปหรอก อยู่ในกรอบก็มีความสุขได้ เพียงแค่ว่าเราต้องใช้ชีวิตให้เป็น โลกนี้มีทางออกไว้ให้ทุกๆคนเสมอ ถึงเราจะเลือกทางออกผิด แต่ยังไงในความผิดนั้นก็ยังแฝงความถูกต้องหรือสิ่งดีๆไว้ด้วย"ลองมองกลับหลังดูก็จะรู้ ขอเพียงแค่อย่าเพิ่งท้อและอย่าพูดว่า "เราแพ้" แล้วทุกอย่างจะดีเอง ผมว่าใช้ชีวิตที่เป็นอยู่ให้สนุกและคุ้มค่าและเป็นอย่างที่ตัวเราเป็นก็เป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้ว src=https://www.bloggang.com/emo/emo26.gif>
ณัฏฐพล ยิ้มแย้ม 1450305931


โดย: เอิร์ธ IP: 210.86.128.54 วันที่: 22 สิงหาคม 2548 เวลา:11:20:52 น.  

 
หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องนะคับที่ดีมากๆ สอนให้คนกล้าที่จะคิด กล้าที่จะฝัน แล้วก็กล้าที่จะทำในสิ่งที่ตนเองต้องการด้วย ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆคนยังไม่กล้าที่จะทำตามความฝันของตัวเอง อาจจะด้วยอะไรซักอย่างก็ตาม อย่างในเรื่องที่เห็นได้ชัดเลยก็คือชีวิตของนีลที่ต้องทิ้งความฝัน ทิ้งอนาคต ทิ้งชีวิตทั้งชีวิตไป ทั้งๆ ที่มีโอกาสอยู่แต่ไม่ยอมต่อสู้กับอุปสรรคที่มาขวาง แต่ก็นั่นแหละถ้าเราพร้อมที่จะทำตามฝันมากแค่ไหน มีคนเป็นร้อยคอยสนับสนุน แต่คนใกล้ตัว คนในครอบครัวไม่ชื่นชม ไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุน หรือไม่ภูมิใจในสิ่งที่เราทำ บางครั้งเราก็หมดกำลังที่จะต่อสู้เอาดื้อๆ ได้เหมือนกันนะ อย่างนีลงัยคับที่พ่อแม่ไม่สนับสนุนทั้งๆที่ได้เห็นความสามารถแล้วก็ความพยายามของเค้าแล้วแท้ๆ ก็ยังไม่ยอมรับ ไม่เข้าใจ

จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็ดูคล้ายๆ กับ เรื่อง Monalisa Smile ที่ Julia Robert เล่นเลยนะครับ เพียงแต่ว่า เรื่องนี้เป็นการสอนให้เด็กผู้ชายกล้าทำในสิ่งที่ตนเองต้องการจริงๆ แต่เรื่อง Monalisa Smile เป็นเรื่องที่สอนให้ผู้หญิงกล้าสู้ กล้าอยู่ กล้าทำอะไรๆ ด้วยตัวเอง ทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ โดยไม่ต้องรอพึ่งผู้ชาย

อ้อ ผมคิดว่าถ้าเด็กที่กำลังจะเอนทรานซ์ได้ดูหนังเรื่องนี้ ข่าวการฆ่าตัวตายอาจจะลงได้บ้างนะคับ เพราะว่าเด็กหลายคนที่ต้องเครียดเรื่องการสอบส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการคาดหวังของพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกเรียนอย่างนู้น เป็นอย่างนี้ จนลืมไปว่าความสามารถของลูกมีมากน้อยแค่ไหน ลืมแม้กระทั่งว่าคนที่เค้ากำลังบังคับอยู่นั้นเป็นลูกของเค้า ซึ่งมีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึก ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะทำตามสั่งได้ทุกอย่าง

ป.ล.ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคับว่า "Seize" ที่ผมเข้าใจกับของพี่เต้เป็นความหมายเดียวกันรึเปล่านะคับ

ธนากร ทาระวา ID.1450310816


โดย: เต้ยคับ IP: 203.107.208.161 วันที่: 22 สิงหาคม 2548 เวลา:21:01:41 น.  

 
หวัดดีค่ะ อ.พี่เต้ สำหรับเรื่อง Dead Poet Society ชอบเนื้อหาของหนังที่แฝงไปด้วยแง่คิดและก็มีสาระมากเลยที่เดียวค่ะ มันดูมีแก่นสารมากกว่าหนังเรื่องอื่นๆที่เคยดูมา ดูหนังแล้วทำให้คิดตามได้ไปเรื่อยๆๆเพราะมีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันสะท้อนชีวิตจริงๆๆของคนเราออกมาก คนเรามีความฝัน อยากทำอะไรที่ตัวเองต้องการ บางคนมีโอกาสที่ได้ทำ บางคนมีโอกาสแต่ไม่คว้าเอาไว้ บางทีโอกาสมันก็ไม่ได้มาถึงเราง่ายๆ อย่างเช่น นีล กว่าเขาจะรู้ว่าตัวเองอยากแสดงละคร รักการแสดงก็ต้องเรียนรู้และเข้าใจชีวิตตัวเองอยู่นาน และเมื่อเขามีโอกาสที่จะได้แสดงละครนีลจึงไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดมือไปแม้ว่าตัวนีลเองจะถูกพ่อห้ามหรือด่ายังไง ขอให้ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักและฝันไว้ก็พอ บางคนได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการไปพร้อมๆกับทำในสิ่งที่โดนบังคับก็มีเยอะไปค่ะ ดูหนังเรื่องนี้ก็ได้เห็นความรักความผูกพันของเพื่อนด้วยค่ะ(ยกเว้นไอ้คาเมร่อน) และอีกอย่างที่ได้คือ คนเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรตามกฎเกณฑ์เสมอไปแต่ขอให้สิ่งที่ทำนั้น มันเหมาะสม แล้วคนอื่นไม่เดือดร้อน ไม่ผิดถ้าคนเราจะวิ่งตามความฝันและอยากทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป ถ้าเราไม่รีบคว้ามันไว้ ชื่อ ศิริศุกร์ สาระ ID:1450315591


โดย: ^o^water IP: 210.86.131.58 วันที่: 22 สิงหาคม 2548 เวลา:22:52:20 น.  

 
หวัดดีค่ะ อ.พี่เต้

.....อืม หนังเรื่อง Dead Poet Society ตอนแรก ได้ยินชื่อนี้คุ้นหูมากอ่ะค่ะ ได้ยินเค้าบอกว่าหนังดีค่ะ พอดูแล้วไม่แปลกใจเลยค่ะ ว่าทำไม ที่เคยได้ยินว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่ดี น่าดู อีกเรื่องนึง พูดได้เลยค่าว่า ชอบมาก คือ ดูไปแล้ว มันได้แง่คิดอะไรมากมายอ่ะค่ะ มันจะแฝงไว้กับตัวละครต่างๆ เห็นได้ชัดก็ นีล ค่ะ ที่ใจลึกๆ เค้าอยากจะทำในสิ่งที่เค้าอยากจะทำ แต่เมือ่โดนพ่อบังคับให้เลือกทำ เค้าก็เลิก ทั้งๆที่ใจจริงแล้วไม่อยาก แต่เมื่อ อ.คีตติ้ง ได้จุดประกาย ทำให้เค้ากล้าที่จะทำอะไรมากขึ้น ไม่ว่า จะเป็นการแสดงละครที่ นีลนั้นชอบและอยากเล่นมาตั้งแต่เด็ก ๆ เมื่อเค้าพบในสิ่งที่เค้าต้องการ เค้าก็กล้าเปลี่ยนสิ่งที่เป็นอยุ่ให้สิ่งที่เค้าฝันเป็นจริง ไม่ว่าจะปลอมจม.ของพ่อ . คือ เหมือนกับว่า อะไรจะมาห้ามก็ห้ามไม่ได้ ถึงแม้ว่าเพื่อนจะพูดถึงพ่อในตอนนั้นก็ตาม จากที่เคยกลัวพ่อ เคารพพ่อ กลับเป็นว่า ขอทำความฝันให้เป็นจริงก่อนในตอนนี้ ถ้าไม่บอกพ่อสะอย่างพ่อเค้าคงไม่รุ้
....ตอนที่ดูเรื่องนี้ ชอบประโยคเวลา อ.คีตติ้งพูดให้กำลังใจกับนักเรียน ดูว่าเค้าเข้าใจในตัวเด็กเหลือเกิน ว่าโดนอะไร แบบไหนมา และ ตอนที่ เพื่อนนีล ที่ไปจีบหญิง จำชื่อไม่ได้ว่าใครอ่ะค่ะ แต่ชอบตอนที่อยุ่ในถ้ำอ่ะค่ะ ที่คนนี้เค้าบอกว่าเค้าจะ สู้และจีบ ญ คนนั้นอย่างจิงจัง เพือ่นๆ ก็บอกว่า ใจเย็นสิ จะเอาจริงหลอ ชายคนนั้นตอบมาว่า จุดอ่อนของเค้าคือ ความใจเยนนี้แหละ ต่อไปเค้าจะไม่รอเวลาแล้ว จะเดินหน้า โอว ฟังแล้วแบบ จุดเล็กน้อยแบบนี้ก็สามารถเอามาเล่นได้

ชื่อ สุพิชฌาย์ ชัยธัมมะปกรณ์ ค่ะ


โดย: เจน (แอร๋ย?) IP: 58.11.42.86 วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:0:00:39 น.  

 
เราควรจะกล้าทำในสิ่งที่เราต้องการมากกว่าในสิ่งที่คนอื่นต้องการ เราควรจะมีเหตุผลด้วยเพื่อให้คนที่เขารักและหวังดีกับเราเข้าใจเรามากขึ้น
ก็จริงอยู่....เราควรทำตามฝัน
แต่เราจะรู้ได้ว่าจริงๆแล้วในสิ่งที่คนที่รักเราต้องการมันเลวร้ายมันอาจจะดีก็ได้...

*****

เชื่อที่จะทำตามความฝันตามความต้องการมากกว่าทำตามต้องการเชื่อในสิ่งที่ทำมากกว่าทำตามทฤษฎีที่คนอื่นคิดมา
เราควรจะเข้าถึงpoetryมากกว่าแค่เข้าใจ

ชนภา รุ่งเรือง 1450308794



โดย: PLOY IP: 210.86.131.217 วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:10:35:50 น.  

 
"seize the day" ถามว่า seize อะไรได้บ้าง อืม....
อย่างแรกเลย..คือ เลือกที่จะทำตามความฝันที่เราฝันไว้เมื่อโอกาสมาถึง เพราะใช่ว่าโอกาสดีๆจะเข้ามาให้เราคว้าไว้อยู่ตลอด เหมือนอย่าง นีล ที่อยากเป็นนักแสดงแต่พ่อไม่อยากให้ลูกมัวมาเสียเวลากับสิ่งที่เขาเห็นว่าไร้สาระ เพราะพ่อมุ่งมั่นที่จะให้ลูกเป็นหมอ นีลเองถึงแม้อยากจะทำอะไรตั้งมากมายแต่เมื่อถูกพ่อห้ามก็หยุดความฝันนั้นไว้ เพียงเพราะไม่ต้องการให้แม่ผิดหวัง นี่ก็อีกอย่างนึงที่เขาคิดว่าเขากำลังแบกรับความคาดหวังจากพ่อและแม่เอาไว้ ดูๆแล้ว นีล เป็นตัวที่แบกรับความกดดันจากคนรอบข้างไว้มากมาย การที่เขาตัดสินใจฆ่าตัวตายก็อาจจะเป็นเพราะความกดดันนี่ก็ได้
ต่อมาก็เป็นเรื่องของ ครูคีตติ้ง ที่มาสอนวิชาวรรณกรรม เป็นผู้ฉีกกฎการสอนแบบเดิมๆ ใช้วิธีการสอนให้เด็กได้เรียนรู้เอง ก็ไม่แหลกอะไรที่กลุ่มนักเรียนกลุ่มนึงคิดที่จะทำตามความฝัน เพราะเมื่อพวกเขาได้ค้นพบแล้วว่าตัวเองต้องการอะไรนั้น การได้ทำในสิ่งที่ฝันไว้แล้วมันสำเร็จ มันน่าภูมิใจขนาดไหน....
อีกอย่างกฎที่เข้มงวด...เหมาะนักแลกับการแหกกฎ
**รู้สึกชอบมากกับ คำพูดของครูคีตติ้ง ที่บอกกับ นีล ว่า
การที่นีล ไม่ยอมบอกพ่อว่า รักการแสดง ก็เหมือนกับว่ ตอนนี้ นีล ก็กำลังเป็นนักแสดงนั่นเอง โดยเล่นบทลูกที่อยู่ในโอวาท เชื่อฟังพ่อแม่ รู้สึกว่าจะมีอีกหลายเรื่องๆเรื่องแต่ก็จำไม่ค่อยได้ จำได้แต่อันที่นใจอ่ะค่ะ
นส.โสมัธรา อุศุภรัตน์ ID 1450308257 ค่า


โดย: * Bee * IP: 210.86.130.14 วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:10:55:12 น.  

 
ดีค่ะ พี่เต้

คราวนี้เอาหนังสะเศร้าเลย แต่สิงที่ได้รับจากเรื่องนี้ คงเป็นความเชื่อ ความกล้าที่จะทำอะไรที่เราถูกและเป็นความฝันของเรา โดยตัวละครแต่ละตัวแสดงให้เห็นถึวบุคลิกที่แตกต่างของคนแต่ละคนในสังคมอย่างชัดเจน ที่มีทั้งเห็นแก่ตัว ขาดความั่นใจ หรือแหมแต่เชื่อมั่นในความคิด ทั้งหมดมันสอนอะไรเราในตัวละครนะ สอนให้เราเห็นทุกตัวเป็นบทเรียน การีท้รเชื่อมั่นมากและไม่สนใจอะไรรอบข้าง หรือเรียกง่ายๆว่าไม่รู้จักกาละเทศะก็จะทำให้เราดูเป็นคนก้าวร้าวไป แต่ถ้าเราเชื่อในความคิดของเราแต่ไม่กล้าแสดงออกนั้นเราก็จะดูเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ เป็นต้น
มันคงไม่ใช่แค่คนรุ่นนัน้ท่ดูเรื่องนี้แล้วทำให้เปลี่ยนความคิดไป อ่ะค่ะ ก็คงเป็นอีกหลายๆคนในห้องด้วย ที่ได้ดูแล้วก็คงมีความคิดเกี่ยวกับความฝันของตัวเอง ที่มากขึ้นเลย

วันตะวัน ถาวรพินิจธรรม ID :1450315625


โดย: *kib* IP: 58.10.188.121 วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:15:24:16 น.  

 
ค่ะ
สิ่งที่ได้ คือ ควรบอกพ่อแม่ในสิ่งที่ตนต้องการที่แท้จิง เพราะยังไงพ่อแม่ก็มีวุฒิภาวะดีพอที่จะรับฟัง แม้เขาจะไม่ทำตามเราแต่เขาคงเก็บเอาไปคิดบ้าง (มันต้องมีผลกับพวกเขาบ้างแหละ) ไม่ใช่คิดสั้น ฆ่าตัวตายซะงั้นอย่างนี้

พ่อแม่ดื้อเราต้องดื้อให้ยิ่งกว่า
ที่สำคัญต้องเป็นไปในทางสร้างสรรค์
อย่ายอมให้ใครมากักกันอิสรภาพเรา


อยากดูหนังแนวThe wayward cloud อีกอ่ะค่ะชอบ


โดย: เพียงพธู ID1450314313 IP: 210.86.128.54 วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:15:40:04 น.  

 
สวัสดีค่ะ....พี่เต้
เรื่องนี้เศร้าจัง
>>>>การมีความคิดที่นอกกรอบและแหวกแนวอยากทำอะไรก็ทำ มันเป็นดาบ2คม คือถ้าคิดนอกกรอบในทางที่ดีก็ส่งผลให้เราโดดเด่นได้ แต่ถ้านอกกรอบในทางที่ผิดอาจจะเป็นจุดหักเหของชีวิตครั้งสำคัญก็ได้
>>>>การพูดคุยและทำความเข้าใจกันเป็นสิ่งสำคัญ
ถ้ามีปัญหาแล้วเก็บสะสมไปนานๆ จนกลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย คงไม่เกิดผลดีนัก อย่างเช่นการตายของneil

วรรณนิภา ชูชีพ 1450304231




โดย: namkeng IP: 210.86.128.54 วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:16:02:08 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี้เต้

ขอตอบเลยล่ะกันนะค่ะ... ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้คือ อย่างแรกคือ คนเราควรมีแนวทางเป็นของตัวเอง กล้าคิด กล้าที่จะเป็นผู้นำมากกว่าเป็นผู้ตาม ทำในสิ่งที่ตนเองคิดว่าใช่และชอบ กล้าที่จะแตกต่าง กล้าอย่างถูกวิธีรู้จักรุกและรับชอบการสอนครูคีทติ้งที่สอนให้เรียนรู้มากกว่าในตำรา เพราะชีวิตจริงกับสิ่งที่เรียนมาอาจแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สอง พ่อแม่ควรยอมรับการตัดสินใจของลูก เชื่อมั่นในสิ่งที่เขาทำ ชื่นชมและยอมรับในการตัดสินใจ ท้ายนี้คือพร้อมที่จะยืนข้างเขายามผิดหวัง....
กัญญา วิมลไชยพร Id 1450309529


โดย: Qing-Wa IP: 210.86.128.54 วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:16:45:33 น.  

 
ซา-หวัด-ดี ฮะ อาจาน หุหุ
ผมยัง งง~งง อยู่เลยฮะว่า SEIZE เนี้ยแปลว่าอันใด แต่ถ้าเอา ณ ตอนนี้ที่เข้าใจก้อคือ การ Seize The Day คือการทำให้มันเป็นวันของเราใช่หรือป่าวคับ ประมาณว่า Break Away อ๊ะป่าวอ่ะ**สิ่งที่ได้จากหนังเรื่องนี้ก้อมีอยู่หลายจุดเหมือนกัน อย่างเรื่องของการใช้ชีวิตที่เราอยากเป็น ในเรื่องเค้าก้อพูดถึงการไล่ล่าความฟันที่ทุกคนจะมีเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตัวอาจารย์เองที่มีความฝัน และมีความสุขในการสอนหนังสือ ได้เสพกลอน หรือตัวของ นีล ที่มีความสุขกับการแสดง และอีกหลาย ๆ คน ที่มีความฝันเป็นของตัวเอง**แต่การไล่ล่าความฝัน ในบางครั้งเราก้อต้องคำนึงถึงหลักความเป็นจริงด้วย At least เราก้อควรจะมองสิ่งรอบข้างเรา มองดูคนที่เค้ารักเรา และในบางครั้งโอกาสอาจจะยังไม่ถึงเรา ไม่ใช่ของเรา ถ้าเราฝันถึงสิ่งนั้นจริงๆ ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน เราก้อจะไม่มีทางลืมที่จะไม่ทำมัน เมื่อถึงเวลาและจังหวะของเรา วันนั้นแหละที่มันจะเป็นวัน Seize The Day อย่างในเรื่อง การที่ นีล ฆ่าตัวตายก้อเป็นการหนีปัญหาที่ผิดๆ หนีความฝันของตังเอง หนีการพิสูจน์ให้ครอบครัวได้รับรู้ถึงความรู้สึกของตัวเอง ทั้งๆ ที่ ในอีก 1 วัน 10ปี 15 ปี ครอบครัวอาจจะยอมรับในฐานะนักแสดงที่ นีล อยากเป็นก้อได้ ถ้าเพียงแต่รู้จัก "รอ" ซักหน่อย***ความฝันเป็นสิ่งสวยงาม แต่ในหลายครั้งก้อเป็นสิ่งที่ทำร้ายเราได้ อย่าง นีล ที่ฆ่าตัวตาย เพราะไม่ได้ทำความฝันที่อยากเป็น หรือ ทำร้ายอาจรย์ ที่ทำให้โดนไล่ออก ดังนั้นแล้วเราจึงต้องเลือกที่จะฝันเป็น และใช้ชีวิตอยู่กับมันอย่างมีความสุข อย่าทำให้มันมาทำร้ายเราเด็ดขาด!!



โดย: Mean Boy 1450309776 IP: 61.91.195.130 วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:20:53:18 น.  

 
ศรุจ ชววิสุทธิกูล 1450300254
Seize??

หลังจาที่ผมได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้ได้แง่คิดในหลายๆด้านซึ่ง เป้นสิ่งที่ผม เคยคิดไว้และได้มองข้ามไปแล้วทำให้ผมได้นำกลับมาคิดใหม่....
การที่คนเรานั้น มีเวลาเพียงน้อยนิดที่จะอยู่บนโลก แม้ดูยาวนาน แต่แสนสั้น....การที่เราจะทำให้ชีวิต มีความหมายนั้นเป็นจุดสำคัญที่ผมได้ จาก กวีไร้ชีพ!!!
เราจะทำการช่วงชิงเวลาที่มีค่านั้นด้วยตัวเราเองอย่างมีเหตุผลและเพื่อชีวิตและความฝัน เป้นหลังที่คล้ายกับเชื้อไฟ มาจุดระเบิดให้ผมลุกขึ้นและเดินต่อไป
ทำให้ผม ไม่ค่อยขี้เกียจเวลาตื่นนอน เพราะเราต้องแย่งชิงเวลาให้เรามีเวลาที่จะใช้ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น

และทำให้รู้ว่าเราควรจะทำอะไรเพื่ออะไร คา-เป-เดียม!!!


โดย: Lovelyboy IP: 61.90.108.60 วันที่: 24 สิงหาคม 2548 เวลา:0:31:10 น.  

 
คนข้างบนเขียนกันเยอะแยะแล้วเลยสรุปเอาจะได้อ่านง่ายๆนะคับ

คนเรานี้ ควรจะรักษาชิวิตที่แสนสั้นไว้เพื่อรอโอกาสในอนาคตต่อไป เพื่อที่จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ และเมื่อโอกาสนั้นมาถึงก็ไม่ควรจะลังเลที่จะใช้มันให้เป็นประโยชน์

(ดันกดผิดไปกดresetซะได้ ต้องพิมใหม่เลย)


โดย: psbs IP: 58.8.248.23 วันที่: 24 สิงหาคม 2548 เวลา:0:33:05 น.  

 
เพิ่มเติมครับ

Seize The Day - ของผมคือ ไม่ใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์ ไม่รอ จนเวลานั้นมาถึง และ ทำทุกอย่างที่ต้องการก่อนที่จะไม่ได้ทำ(กล้าคิดกล้าทำ)

Ex.บ้าหาเงินจนไม่มีเวลาใช้ (น่าจะเข้าใจกันเน้อ)
Seize The Day ของ ตัวอย่างนี้คือ หาเงินด้วยเที่ยว
ด้วยให้เวลาครอบครัวด้วย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป


โดย: Lovelyboy IP: 61.90.108.60 วันที่: 24 สิงหาคม 2548 เวลา:0:46:34 น.  

 
ทิตย์อาภา คงคาสุริยฉาย
ID1450309891

หลังจากดูหนังเรื่องนี้ ค่อนข้างมีผลในการตัดสินใจในการทำอะไรต่างๆของหนูเลยนะคะ พอหยุดคิดปุ๊บ ก้อ "คาเปเดียม" กันเลยทีเดียว! ทำให้เรากล้าตัดสินใจขึ้น มันจะถูกหรือจะผิด ก็ไม่รู้ เพียงแต่ถ้าอะไรเกิดขึ้น เราก้อควรที่จะยอมรับและแก้ปัญหานั้นๆกันไป
นอกจากนั้นก่อนที่จะตัดสินใจกับปัญหา มันมีหลายทางที่จะแก้ไข แล้วแต่ว่าเราจะมองปัญหานั้นจากมุมไหน เมื่อเราเข้าใจปัญหา เราก็จะสามารถผ่านมันไปได้ จะดีหรือไม่ดี พอผ่านมันมาได้ ก็ถือว่าเราชนะแล้ว

เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลง มันต้องมีอะไรแฝงอยู่มากมาย เราต้องรีบไขว่คว้าสิ่งต่างๆรอบตัวที่เจอในแต่ละวัน เพราะเราอาจจะพลาดกับสิ่งที่ต้องการที่จะเจอก็ได้ ....


โดย: *Miharu chan IP: 210.86.130.182 วันที่: 24 สิงหาคม 2548 เวลา:12:17:03 น.  

 
ดูเรื่องนี้แล้วสิ่งที่ได้อย่างแรกคือ ความซึ้งใจรู้สึกดีกับช่วงหลังๆของหนังมาก มีความรู้สึกว่าการจะทำให้คนทุกคนมาเข้าใจในตัวเราหรือสิ่งที่เราทำอยู่นั้นมันยากมากและคนเหล่านั้นอาจจะไม่เข้าใจในตัวเราจริงๆก็ได้ สู้เราทำให้คนเพียงไม่กี่คนเข้าใจในตัวเราและเข้าใจในตัวเรา สิ่งที่เราทำเท่านั้นก็พอแล้ว เหมือนกับอ. คีตติ้งไม่จำเป็นต้องทำให้คนทุกคนเข้าใจในตัวเค้าเพราะมันเป็นสิ่งที่ยาก และเหนื่อย แต่เค้าทำให้นักเรียนเข้าใจในตัวเค้าและสิ่งที่เค้าเป็นอยู่เท่านั้นก็พอแล้ว และสิ่งสำคัญที่ทำให้เค้ามีกำลังใจในการทำงานและการใช้ชีวิตต่อไปนั้นก็คือ นักเรียนของเขาเห็นตัวตนของเค้าในมุมมองที่ต่างจากที่คนอื่นมอง ซึ่งประทับใจฉากที่เด็กนักเรียนขึ้นไปยืนบนโต๊ะเรียนแล้วมอง อ. จากมุมมองที่ต่างไปจากที่คนอื่นมองซึ่งเป็นเหมือนการสื่อให้เค้าได้รู้ว่าไม่ว่าใครจะมอง อ. ของเค้าในแบบไหนก็ตาม ไม่ว่าใครจะใส่ร้าย อ. ของเค้ายังไงก็ตาม แต่พวกเค้ายังคงเชื่อและมองเห็นสิ่งที่ อ. ของเค้าตั้งใจจะทำให้กับเด็กนักเรียนจริงๆ


โดย: จิรวรรณ สิทธิแพทย์ ID.1450312457 IP: 210.86.128.54 วันที่: 24 สิงหาคม 2548 เวลา:13:44:11 น.  

 
คงเป็นความกล้าที่จะทำในทุกๆอย่างที่อยากทำ และทำสิ่งนั้นอย่างเต็มที่ เชื่อว่าทุกคนมีกำแพงที่กั้นอยู่ระหว่างความคิดว่าจะทำหรือไม่ทำดี คงไม่มีใครที่กล้าจะทำอะไรได้ทุกอย่าง ซึ่งกำแพงของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไปตามสิ่งที่ได้เจอมา และการที่จะข้ามกำแพงนั้นก็พยายามอย่ามองว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจะสมหวังหรือผิดหวังก็ตาม แต่ขอให้เราได้ทำมัน ในบางครั้งเราอาจจะต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็อย่าพึ่งกลัวหรือกังวลว่าจะทำไม่ได้ เพราะว่าเรายังไม่ได้ลองทำมันเลย แต่ในสิ่งที่เราจะทำนั้น เราก็จะต้องดูด้วยว่าถ้าทำไปแล้วจะมีผลกระทบต่อใครบ้าง ชั่งน้ำหนักให้ดีก่อน ว่าผลดีผลเสียอะไรมากกว่ากัน และจะทำใครให้เสียใจหรือป่าว ต้องคิดก่อนทำด้วย เพราะบางสิ่งเมื่อทำไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับมาได้

โดยส่วนตัวชอบหนังเรื่องนี้มาก เพราะดูแล้วเหมือนทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะทำอะไรต่อมิอะไร ดูแล้วรู้สึกฮึกเหิมดีครับ


โดย: ธนกร สุทธิธน ID.1450300247 IP: 210.86.131.143 วันที่: 25 สิงหาคม 2548 เวลา:11:12:49 น.  

 
จากเรื่องสิ่งที่รู้สึก seize มาก ก็จะขอแบ่งเป็น 2 ส่วนแล้วกัน ส่วน1. คิดว่าบางครั้งในการเกิดแรงบันดาลใจในสิ่งที่เราอยากทำก็อาจไม่เกิดขึ้น จากความคิดของตัวเองก่อนเสมอไป อาจจะเกิดจากสิ่งที่อยู่รอบตัวเรามาดลบันดาลใจให้เกิดขึ้น จากเรื่องนี้ก็เป็นอาจารย์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนในเรื่องเกิดแรงบันดาลใจอยากทำในสิ่งที่ตนอยากทำ ทั้งที่สิ่งที่อาจารย์บอกอาจไม่ได้บอกหรือสอนกันตรงๆ แค่สอนให้ นร. คิดออกจากกรอบที่เป็นธรรมเนียมประเพณีที่ทำกันตามๆมา ส่วน2. ผมคิดว่าบางครั้งเราทำอะไรสักอย่าง ซึ่งตัวเราคิดว่าชอบแล้วกับสิ่งที่ทำหรือคิดว่าสิ่งที่เราทำมันเหมาะกับงานเราแล้ว ซึ่งบางครั้งสิ่งนั้นมันก็อาจไม่ใช่สิ่งที่เราชอบจริงๆหรือเหมาะกับเรา จากตัวอย่างในหนังที่นีลต้องเรียนตามหน้าที่ลูกที่ดี แต่ในความจริงอยากจะแสดงละครมากกว่า ซึ่งผมคิดว่าคนทั่วไปจะทำไปโดยหน้าที่โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของตัวเองว่าชอบหรือไม่ชอบ และสักวันเมื่อทนไม่ไหวกับการทำตามหน้าที่ก็จะหันมาทำตามความรู้สึกของตนเอง


โดย: วิพันธ์พงษ์ เรืองศรี ID.1450310899 IP: 210.86.128.54 วันที่: 25 สิงหาคม 2548 เวลา:13:57:35 น.  

 

ไม่เห็นด้วยกับ กัญญาค่ะที่ว่า "ควรเป็นผู้นำมากกว่าผู้ตาม"
เพราะบางคนสามารถเป็นผู้ตามได้ดีกว่า

ไม่ยื่นด้วยค่ะ



โดย: teya IP: 202.133.158.186 วันที่: 25 สิงหาคม 2548 เวลา:14:28:37 น.  

 
ดูหนังเรื่องนี้ได้อะไรหลายอย่างเลยค่ะได้ทั้งเรื่องของความคิด วิธีการคิดของ keating ที่มีให้กัยนักเรียนในมุมมองที่นักเรียนอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน หรือจะเป็นไปในเรื่องของการตัดสินใจของคนคนนึงบางทีการตัดสินใจมันก็อยู่ที่ความกล้าด้วยที่เราจะกล้ามั้ยถ้าเราจะทำแบบนี้ ถ้าไม่กล้าก็แบบว่าอยู่อย่างนั้นไป ถ้ากล้าเราก้จะเจอสิ่งใหม่ๆให้กับตัวเอง มีหลายคนที่มีชีวตแบบนีลนะ ยอมตามความคิดพ่อ แล้วทิ้งความฝันของตัวเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับนิสัยของคนด้วยแหล่ะแต่ดูเรื่องนี้แล้วแบบว่าชีวิตนี้เป็นของเรา เราควรเลือกเนทางของตัวเอง ไม่ควรให้ใครมาบังคับ เพราะ เราจะมีความสุขที่สุด เมื่อเราได้ทำในสิ่งที่เรากที่จะทำค่ะ


โดย: จารีย์มาศ จันทรเกตุ 1450309719 IP: 203.118.114.112 วันที่: 26 สิงหาคม 2548 เวลา:0:32:14 น.  

 
elzawa


โดย: 26 สิงหาคม 2548 IP: วันที่: 4:02:53 เวลา:58.136.78.132 น.  

 
กำ ยังไม่ได้ตอบเลยโพสไปซะงั้น โทดทีคับ ชอบหนังเรื่องนี้คับ ดูแล้วไม่เสียเที่ยว เรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไรมากมาย โดยเน้นที่ความฝันของคนเรา สิ่งที่เราต้องการ สิ่งที่อยากจะทำ แม้ความฝันของเรานั้นบางที่ก็ต้องมีอุปสรรค และบางครั้งอุปสรรคนั้นก็คือผู้ให้กำเนิด เราจะทำยังไงจะตอบแทนด้วยทำตามใจท่านหรือใจเรา หากทำตามใจท่านก็ต้องฝืนใจเราไปตลอดชีวิตและอาจทำได้ไม่ดีอย่างที่ท่านหวังก็ได้ แต่หากทำตามใจเราแต่เป็นสิ่งที่ดีผมเชื่อว่าจะมีสิ่งดีๆที่เราจะตอบแทนท่านได้เองในไม่ช้า ฉะนั้นหากมันเกิดขึ้นกับเราเราก็ต้องแสดงเหตุผลพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าสิ่งที่เราคิดนั้นมาจากความตั้งใจมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน เพราะสิ่งที่เรากำลังจะทำมันใช่เกมทีเมื่อไม่ได้ดั่งหวังก็ย้อนกลับมาเล่นใหม่ได้ มันถึงทางแยกของชีวิตแล้วว่าเราจะไปทางไหน เพราะผมเชื่อว่าทางที่เราจะเดินไปนั้น "เราจะไม่มีวันเดินเดียวดาย"นะนีล
อิอิ เข้าสโลแกนของลิเวอร์พูลซะเลย


โดย: elzawa IP: 58.136.78.132 วันที่: 26 สิงหาคม 2548 เวลา:4:15:33 น.  

 
กำ ลืมโพสชื่อซะงั้น โทดทีงับ

นายนรา คุ้มเกียรติ 1450316821


โดย: elzawa IP: 58.136.78.132 วันที่: 26 สิงหาคม 2548 เวลา:4:17:00 น.  

 
โบยบินด้วยปีกแห่งสติไปให้สุดเส้นทางฝัน แม้มันจะไม่เป็นอย่างที่คิดแต่คุณก็ได้ทำมันแล้ว....
1450313349


โดย: Ten 1450313349 IP: 210.86.128.54 วันที่: 27 สิงหาคม 2548 เวลา:13:47:46 น.  

 
เฮ้อ...ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงตอนสมัยเรียนอยู่มัธยม ก็ไม่ถึงกับเป็นโรงเรียนประจำหรอกอะน่ะ แต่ก็อยู่หอพักนักเรียน ช่วงเวลานั้นครูกับเพื่อนจะมีอิทธิพลกับเรามากเลยหล่ะ เวลามีปัญหาอะไรเราก็จะไปปรึกษาอาจารย์ถ้ามันเป็นปัญหาใหญ่ๆเกินกว่าที่เพื่อนจะแนะนำเราได้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่การตัดสินใจของตัวเราเองด้วยแหละว่าจะทำอย่างไรกับปัญหานั้นๆ มีความรู้สึกว่าที่เราอยู่มาจนถึงวันนี้ได้ก็เป็นเพราะได้เพื่อนที่ดีมากเลยแหละ(ยังไม่จบค่ะเดี๋ยวมาพิมพ์ต่อ)


โดย: ปิยะมาศ นอแก้ว ID1450309594 IP: 210.86.128.54 วันที่: 27 สิงหาคม 2548 เวลา:13:59:17 น.  

 
เป็นหนังที่ตรงกับชีวิตของเด็กวิทย์จริงๆ เราต้องค้นพบตัวเองให้ได้ ใช่ว่าเรียนวิทย์มาต้องต่อวิทย์
-ปรกติส่วนตัวจะเป็นคนดูหนังแล้วจะไม่ค่อยเข้าใจต้องคอยถามความหมายของแต่ละshotที่ไม่เข้าใจจากเพื่อนเสมอ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ต้องถามใคร เข้าใจทุกอย่างเพราะมันโดนมั้งค่ะ
- ชอบฉากที่ครูให้นักเรียนออกมาเดินที่สนาม แล้วทุกคนค่อยๆปรบมือพร้อมกัน "ถ้าคุณต้องการได้รับการยอมรับ คุณก็ต้องทำเหมือนคนอื่น" .....มันเป็นเรื่องจริง
ตอนจบ..รู้สึกได้ว่าชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ชอบที่อาจารย์พูดว่าคำว่า "กับดักชีวิต"


โดย: สุชาดา สมรภูมิ 1450310659 IP: 210.86.128.54 วันที่: 27 สิงหาคม 2548 เวลา:13:59:46 น.  

 
จากเรื่อง Dead Poet Society ก็ Seize หลายอย่างเลยค่ะ
อย่างแรกเลยก็ Carpe diem (Seize The Day) มากๆ เป็นแกนหลักของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้
-ดูแล้วอยาก Seize The Day กับเพื่อนๆ ให้มากที่สุด ไหนๆก็จะปีสี่แล้ว ก็อยากจะฉวยเวลาเอาไว้ให้อยู่กับเพื่อนๆ ให้มากที่สุด ก็เหมือนกับในหนังเรื่องนี้ ในตอนแรกๆ ดูเหมือนว่า Tod ไม่ค่อยกล้าที่จะ Seize The Day กับเพื่อนๆ อาจจะด้วยความกดดันจากครอบครัว+มีพี่ชายที่เรียนเก่งมาก ทำให้เขาไม่ค่อยกล้าที่จะทำอะไรนอกลู่นอกทางซักเท่าไหร่ จนกระทั่ง Capton, My Capton ได้ให้เขาออกไปอ่านบทกวีที่เขาแต่ง ตอนแรกเขาไม่มีความกล้าอะไรเลย แต่ Mr.คีตติ้ง ก็ช่วยให้เขาได้เปิดเผยตัวเอง และแสดงให้เขาเห็นว่าตัวเองก็มีความสามารถในการแต่งกวีสดๆได้ จากนั้น เขาก็เริ่มที่จะเปิดตัวเองที่จะ Seize The Day กับเพื่อนๆ ในกลุ่มของเขา นี่คงจะเป็นตัวอย่างที่Seize The Day ในทางที่ดีในหนัง
-ส่วนนีล ในตอนแรก ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่ Seize The Day ได้ดีที่สุดในกลุ่ม เขาเป็นคนรักความสนุกสนาน รักความบังเทิงเป็นชีวิตจิตใจ แต่ก็มีสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการ Seize The Day ของนีลก็คือพ่อของเขา นีลเกรงใจพ่อของตัวเองที่ชอบเอาแม่มาเป็นข้ออ้างให้นีล รักที่จะเรียนจนจบเป็นหมอก่อน ถึงค่อยปล่อยให้เขา Seize The Day กับตัวเองได้ ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถอดทนรอ Seize The Day จนกว่าจะถึงเวลานั้นได้แน่ แต่เขาก็เลือกทำ Seize The Day ในทางที่ผิด ก็คือ ไม่ยอมบอกความต้องการที่แท้จริงให้พ่อรับรู้ จนกระทั่งวาระสุดท้าย ที่พ่อพาเขากลับมาที่บ้านเขาเองแล้ว และพ่อก็ถามนีลแล้วว่า มีอะไรจะบอก จะพูดอธิบายอีกไหม แต่นีลก็ยังจะเลือกที่จะไม่พูดไม่บอก... นี่ก็เป็นตัวอย่างอีกแบบหนึ่งในเรื่องนี้ ที่แสดงให้เราเห็นถึงการ Seize The Day ที่ไม่ถูกไม่ควร ทำให้เราคิดได้ว่าเราควร Seize The Day อย่างชาญฉลาด ทำให้ถุกต้อง ถูกกาละเทศะ....




โดย: อภิญญา สุทธิศาสนกุล ID.1450308398 IP: 61.91.219.233 วันที่: 27 สิงหาคม 2548 เวลา:23:06:18 น.  

 
สวัสดีค่ะ สำหรับเรื่องนี้หนูถึงกับน้ำซึมเลยค่ะ เศร้าจริงๆ
ดูแล้วนึกถึงสมัยตอนอยู่มัธยมค่ะที่หนูตัดสินใจเลือกสิ่งที่หนูฝันและอยากเป็นนั่นก็คือการเข้าวงโยท่ามกลางเสียงคัดค้านของแม่ที่ไม่อยากให้หนูมาเสียเวลาซ้อมวงโย แล้วก็ยังต้องเลิกเย็นอีก เรื่องนี้หนูรู้สึกดีมากเลยนะคะที่นีลตัดสินใจที่จะเลือกฝันของตัวเองไม่ยอมละทิ้งสิ่งที่ตัวเองรัก แม้จะต้องขัดใจพ่อ และจะต้องโกหกครูkeating ก็ตาม ชอบค่ะ แต่ก็ตามที่บอกไว้ข้างต้นว่ามันเศร้าก็เพราะหนูไม่คิดว่านีลจะคิดสั้นและมีความอดทนน้อยขนาดนั้น หนูเชื่อว่าครั้งหนึ่งที่นีลตัดสินใจที่จะเลือกสิ่งที่ตัวเองฝันแล้ว ถ้านีลมีความอดทนและผ่านจุดแย่ๆนี้ไปได้อีกครั้ง นีลคงจะได้พบกับความสุขมากกว่าการจบชีวิตแบบนี้


น.ส.วรัทยา ธนูศิลป์ id:1450311244


โดย: kitty IP: 58.11.42.28 วันที่: 30 สิงหาคม 2548 เวลา:19:09:23 น.  

 
พี่เต้ขา
คือว่ายังไม่ดูเลยคะ ขอเวลาหน่อยนะคะ อย่าพึ่งลบไปนะคะ ขอบพระคุณนะคะ


โดย: นวพร ลีลาเลิศโสภณ ID:1-45-03-2186-2 IP: 210.213.42.249 วันที่: 1 กันยายน 2548 เวลา:22:02:34 น.  

 
รักหนังเรื่องนี้มากครับ เป็นหนังที่เปลี่ยนชีวิตให้กลายเป็นคนรักหนังไปเลย

มาบอกแค่นี้แหละ


โดย: yuttipung IP: 61.91.189.224 วันที่: 2 กันยายน 2548 เวลา:16:03:27 น.  

 
มีวิธีไหนไหมที่เราจะพบกันครึ่งทาง
ทั้งความฝันของตัวเราเอง
และความหวังของพ่อแม่


บางทีมันประนีประนอมกันได้ยากเหลือเกิน

รักหนังเรื่องนี้เช่นกันค่ะ
ได้ดูที่ห้องสมุดอักษร ประทับใจมากๆ
ทว่า ลืมอะไรๆไปตั้งหลายอย่าง
เลยอาศัยอ่านของน้องๆข้างบน อิๆ


โดย: quin toki วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:0:38:52 น.  

 
หลังจากได้ดูเรื่องนี้ก็ทำให้รู้ว่า คนเราควรรู้จักการเรียนรู้มุมมองที่นอกจากของตัวเองรึเปล่า ชีวิตมันเป็นของเราเองก็จริงแต่ความจริงของการดำเนินชีวิตคงไม่ใช่มีเพียงแค่เรา เพราะยังมีพ่อแม่พี่น้องเพื่อนสังคมอีกมากมาย ความเป็นตัวของตัวเอง และทำในสิ่งที่ชอบสิ่งที่ฝันนับเป็นเรื่องดี แต่เรื่องเหล่านั้นถูกผูกมัดหรือถูกควบคุมด้วยอะไรรึเปล่าเท่านั้นเอง หนังเรื่องนี้ได้ให้ข้อคิดมากมายเช่นกัน
ตอนจบของหนังเรื่องนี้ให้ให้ความซาบซึ้งที่ดีมากมาย
ขอบคุณครับ


โดย: พจน์ สุขประเสริฐชัย 1450312291 IP: 210.86.128.54 วันที่: 16 กันยายน 2548 เวลา:10:10:07 น.  

 
ป้อม


โดย: 17 กันยายน 2548 IP: วันที่: 20:31:18 เวลา:203.146.138.43 น.  

 
กลับมาย้อนอ่านความหลัง...

ก็ยังรู้สึกดีกับการดูหนังด้วยกันกับเพื่อนๆและพี่เต้ในช่วงเวลาหนึ่ง ในห้องสีเหลี่ยมห้องหนึ่ง
บางคนก็ตั้งใจดู บางคนก็หลับ บางคนก็หาอะไรกินเข้าปากได้ตลอดเวลา...

รู้สึกดีที่ได้แชร์ความคิดกันในห้องอย่างสบายๆ ชิวๆ

และพี่เต้ก็จะมีสิ่งต่างที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากหนังมาฝากเสมอ...

โดยเฉพาะเรื่องนี้ ชอบมากๆเลย
Dead Poet Society - มาSeize The Dayกันเถอะ
^_________________________________^




ป.ล. ขอบคุณนะคะสำหรับสิ่งดีๆ ทุกๆอย่างที่พี่เต้แบ่งปันมาให้กันอย่างเสมอ...



โดย: *aor_apinya_zz* IP: 124.121.36.131 วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:12:52:56 น.  

 
อยากทำอะไร ก็รีบทำครับ
ชีวิตไม่ยาว และเวลาก็ผ่านไปทุกวัน


โดย: คนขับช้า IP: 115.67.28.105 วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:2:26:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณน้องเต้
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add คุณน้องเต้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.