Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 
บทสรุปก่อนสอบ

ขอโทษน้องๆ ที่พี่มาอัพเดท blog ช้ามาก งานรัดตัว + ป่วยเป็นช่วงๆ แย่จัง
เวลาเป็นหวัดแล้วต้องกินยา มันจะง่วงมากๆ น่ะน้อง โทษที


โอเค มาที่เรื่องข้อสอบ
ข้อสอบจะมี 2 ส่วน
คือ ข้อ 1 บังคับทำทุกคน
และ ข้อ 2 – 6 ให้เลือกทำเพียง 3 ข้อเท่านั้น
ที่พี่ทำอย่างนี้ถือเป็นการอนุโลมให้น้องๆ ที่ไม่ได้เข้าเรียนทุกคาบ จะได้มีโอกาสหายใจหายคอบ้าง
ส่วนน้องที่เขาเรียนทุกๆ คาบ ก็จะมีสิทธิ์เลือกทำข้อสอบได้ตามใจตัวเอง เก๋ไหม (อิอิ)

ข้อสอบพี่ยากมาก พี่เน้นการยกตัวอย่างมาให้ชัดเจนนะครับ โอเคนะ

ส่วนต่อไป
อันนี้เป็นเลคเชอร์แบบย่อๆ พอให้ทวนความทรงจำนะครับ

A : หน้าที่ของหนัง (Film Function)มี 4 ประการ นั่นคือ

1.หน้าที่ในการเล่าเรื่อง (Narrative Function)
2.หน้าที่ในการสร้างอารมณ์ (Emotional Function)
3.หน้าที่ในการสื่อความหมาย (Intellectual Function)
-ธีม
-สัญลักษณ์
4.หน้าที่ในการสร้างความตื่นตาตื่นใจ (Spectacle Function)

สมมติพี่ยกตัวอย่างหนังมา 1 เรื่อง นั่นคือ Titanic
(Narrative Function) >>> Titanic เป็นเรื่องของหญิงสาวไฮโซและชายหนุ่มโลโซมาเจอกันที่เรือลำหนึ่งอะไรก็ว่าไป

(Emotional Function) >>>> ดู Titanic แล้วลุ้นระทึก ปนร้องไห้ ปนเสียว ปาสงสาร ปนเชียร์สุดขาดใจ

(Intellectual Function) >>>> Titanic กำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ แก่นของเรื่องมันคืออะไร ความรัก? อิสรภาพ? ชนชั้น? สังเกตได้จากตรงไหนบ้าง 1.เนื้อเรื่องมันนั่นแหละที่บอกเรา 2. จำสัญลักษณ์ที่ยกตัวอย่างกันในห้องได้ไหม เช่น เทพีเสรีภาพ / ยกทรงนางเอก

(Spectacle Function) >>> คืออะไร

สิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน, ไม่ได้เห็นมานานแล้ว หรือไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นในชีวิตนี้
-อะไรบ้างล่ะ ---- เรือ Titanic ล่มไง ก้อนน่ำแข็งชนเรือตู้ม อะไรพวกนั้น

แต่ทว่า หนังทุกเรื่องไม่จำเป็นต้องมีครบทั้ง 4 Functions ก็ได้ หนังบางเรื่องอาจเน้นที่ฟังก์ชั่นใดเป็นพิเศษ เช่น หนังแอกชั่นอลังการอาจไม่ต้องสื่อสารความคิดอะไรมากมายนัก นอกจากโชว์ความตื่นตาตื่นใจ

สมมติว่าในข้อสอบ พี่ถามให้ยกตัวอย่างฉากบางฉาก เพื่อแสดงให้เห็น Function บางอัน หวังว่าจะทำได้นะน้อง

B : ตัวละคร
ตัวละครที่สำคัญ ต้องมี Needs หรือความต้องการ
หนังส่วนใหญ่แล้ววนเวียนกับแค่นี้แหละ
เมื่อตัวละครได้หรือไม่ได้ Needs อันนั้น หนังก็จบ
ดังนั้น จุดที่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้ Needs จึงเหมือนเป็นฉากไคลแมกซ์ของเรื่องก็ว่าได้

ยกตัวอย่างเช่น
แบทแมน Needs กำจัดคนชั่ว / เผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเอง
ในตอนท้ายเมื่อเขาทำได้ทั้ง 2 อย่างหนังก็จบลง

My Best Friend ‘s Wedding
จูเลีย โรเบิร์ต Needs ทำลายงานแต่งแฟนเก่า
ในตอนท้าย พอเธอทำลาย แล้วก็ทำลายไม่ได้ แล้วก็เลยหันมาช่วยจัดงานแต่งแทน หนังก็จบลง

Pieces of April
เอพริล Needs 1.จัดงานแทงสกิฟวิ่งสุดเดิ้ลให้แม่ที่กำลังจะตาย
Needs 2 พิสูจน์ว่าตัวเองก็เป็นลูกที่ดี / คืนดีกับแม่
Needs 3 อบไก่งวงให้ได้
พอเธอทำได้ทั้ง 3 อย่าง หนังก็จบ

ทีนี้ ตัวละครคร่าวๆ ก็มี 2 ลักษณะคือ
ตัวละครแบน Flat Character
ตัวละครกลม Round Character
ต่างกันยังไง จำได้ไหม ตัวหนึ่งเหมือนคนไร้มิติ ดีก็แสนดี ชั่วก็แสนชั่ว แต่อีกพวกหนึ่งใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้น คนเรามีทั้งดีทั้งชั่ว จำยัยฮิลารี่แอนด์แจ็คกี้ได้ไหม?

ฟังดูอย่างนี้เหมือนว่า Round Character จะดีกว่า Flat Character
แต่ไม่เสมอไปหรอก มันขึ้นอยู่กับหน้าที่ของมันต่างหาก
เช่น ตัวละครสมทบบางตัว อาจไม่จำเป็นต้องเป็น Round Character ก็ได้
หรือใน Purple Rose of Cairo ทำไม พระเอกที่กระโดดออกมานอกจอถึงเป็น Flat Character ล่ะ ก็เพราะเขาเป็นตัวแทนของความเป็นอุดมคติ พ่อหนุ่มที่ดีแสนดี ไม่งั้นนางเอกจะหลงรักเขาหรือ?

เรื่องตัวละครอื่นๆ มันไม่มีทฤษฎีอะไรมากมายนอกจากความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ น้องๆ ต้องไป Adapt กันเอง



C : มุมมอง
มุมมองไม่ได้หมายถึงแบบ มุมมองของฉัน มุมมองของเธอที่มีต่อโลกใบนี้ ม่ายช่าย
มันหมายถึง มุมมองในการเล่าเรื่อง หรือพูดง่ายๆ ว่า ใครเป็นคนเล่าเรื่อง
มุมมองแบบที่เราเรียนกันไปก็คือ
1.มุมมองจากบุคคลที่ 1
เช่น หนังเรื่อง มอเตอร์ไซค์ฮ่าง ที่พระเอกเป็นคนเล่าเรื่องทั้งหมด หนังทั้งเรื่องถูกมองผ่านสายตาของพระเอก ผ่านความคิดของพระเอก การเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้ผู้ชมใกล้ชิดกับตัวละครเอก

2.มุมมองแบบพระเจ้า
อันนี้นิยมใช้โดยทั่วไป สังเกตได้ง่ายที่สุดก็คือในละครทีวี มุมมองแบบนี้เหมือนคนเล่าเรื่องเป็นพระเจ้า อยากจะเล่าเร่องของใครก็ได้ กระโดดไปมาได้ตลอด เช่น ตอนแรกเล่าเร่องของนาย ก แล้วก็ตัดภาพไปเล่าว่า นาย ข ทำอะไร แล้วตัดมาที่นาย ก ใหม่ แล้วกระโดดไปที่นาง ง เป็นต้น

3.มุมมองแบบผสม / การเล่นกับมุมมอง
อย่างเช่นใน Hilary and Jackie ไง ที่เอามุมมองที่ 1 ของ 2 ตัวละครมาชนกัน โดยแบ่งเป็นครึ่งเรื่อง

D.โครงสร้างการเล่าเรื่องแบบ 3 องก์
3 Act Foumula

หนังจะถูกแบ่งออกมาเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ โดยมีสัดส่วน 1 : 2 : 1
นั่นก็คือ ถ้าหนังยาว 120 นาที มันก็จะมีสัดส่วน 30 60 30
แบ่งเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้

1. Set - Up
ในส่วนนี้ มีน้องคนนึงใช้คำที่เพราะมากให้กับพี่ นั่นคือคำว่า เกริ่น
ช่วง Set Up คือช่วงที่ปูเรื่องราวคร่าวๆ อาจยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมากมาย เพียงแค่แนะนำตัวละครว่า ใครเป็นใคร อยู่ในเมืองไทย มีนิสัยอย่างไร แล้วตัวละครอื่นๆ เป็นอย่างไรบ้าง หลังจากแนะนำพอหอมปากหอมคอ เขาก็จะมีจุดๆ หนึ่ง ทีเรียกว่า Plot Point จุดนี้จะเป็นจุดที่มีเหตุการณ์ใหญ่ๆ เกิดขึ้นจนทำให้ความนิ่งสงบที่ปูมารในตอนต้นเรื่องต้องปั่นป่วนขึ้นมา จุดนี้คือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด Plot Point คือการเริ่มเรื่อวราวปัญหาจริงๆ ของหนังทั้งเรื่อง และคำตอบที่ Plot Point ถามหา จะถูกคลี่คลายในฉากไคลแมกซ์ซึ่งอยู่ในช่วง Resolution

ยกตัวอย่างเช่น
ใน Pieces of April
ตอนแรกก็แนะนำว่า นางเอกอยู่กับแฟน ในนิวยอร์ก มีแฟนเปนคนดำ นางเอกเปรี้ยวมาก อยู่ในย่านสลัมๆ หน่อยเนอะ แล้วครอบครัวนางเอกแต่ละคนมีนิสัยอย่างไรบ้าง แม่นี่ตั้งใจอยากมาเจอลูกมาก อะ ยังไม่พอ ขับรถไปหาคุณยายที่ป้ำๆ เป๋อๆ อีก
ถ้าเล่าอย่างนี้ไปเร่อยๆ คงหลับ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น นั่นก็คือ….
เตาอบเสีย และเธออบไก่งวงไม่ได้!!!!
นี่แหละคือ Plot Point 1 แล้ว นางสาวเอพริลก็ใช้เวลาตลอดทั้งเรื่องนี้วิ่งหาวิธีทำไก่ง่วงสดๆ ให้กลายเป็นไก่งวงอร่อยๆ ให้ได้

2. Confrontation
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตัวละครจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างจริงจัง และอาจมี Plot Point ใหม่ๆ หรือ เล็กๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย
เช่น เอพริลไปขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครช่วย
พอมีคนช่วย ก็ดันเป็นคนมังสวิรัติ ไม่ยอมให้เตาเหม็นกลิ่นไก่
พอได้อีกคนที่ช่วย ก็ดันเป็นคนดำ ที่ให้ใช้เตาได้แค่ 2 ชั่วโมง
พอได้อีกคนที่ช่วย ก็ดันเป็นหนุ่มหน้าจืดจอมระเบียบที่กลั่นแกล้งเอพริล
ฝ่ายแฟนเอพริลก็พอกัน กว่าจะได้ชุดตัวเก่งก็ลำเค็ญ
ฝ่ายครอบครัวของเอพริลยิ่งแล้วใหญ่ ขับๆ อยู่เดี๋ยวก็ต้องจอดรถเพราะแม่ไม่สบาย เพราะแม่ท้อใจ เพราะนั่น เพราะนี่
ในท้ายของช่วง Confrontation จะต้องมีจุดหักเหอีกอันหนึ่ง ซึ่งทำให้เรื่องเดินหน้าต่อไปได้
เหตุการณ์ดังกล่าวที่รุนแรงมาก ก็คือการที่ครอบครัวไม่ยอมไปกินข้าวกับเอพริล
ถ้าเกิดครอบครัวกินข้าว เรื่องก็จบแล้วใช่ไหมน้อง
ตอนในคลาสพี่บอกว่ามันคือจุดที่แม่เจออะไรบางอย่างในร้านอาหาร แต่พี่คิดไปคิดมาอีกทีหนึ่ง พี่คิดว่าตรงแค่ไม่ไปกินข้าวด้วยกับลูกนี่ก็แรงพอที่จะเป็นจุดหักเหอันใหญ่แล้วล่ะ

3.Resolution
ส่วนนี้คือการคลี่คลายและหาบทสรุป ที่สำคัญก็คือ ในช่วงนี้จะมีจุดไคลแมกซ์ ซึ่งจะเป็นการตอบคำถาม Plot Point 1 ที่วางไว้ในช่วง Set Up

ใน Pieces of April เริ่มต้นฉากนี้ที่ตรงไหน จำได้ไหม
มันเริ่มที่เอพริลเดินกลับขึ้นห้องแล้วฉีกริบบิ้น + ลูกโป่งออกทีละชิ้น แล้วภาพก็ตัดไปที่ครอบครัวที่หันไปเข้าร้านอาหารแทน ฝ่ายเอพริลร้องห่มร้องไห้โอดโอย
ตัดกลับไปที่ครอบครัว คุณแม่เซ็งมาก เดินเข้าส้วม แล้วเธอก็ไปเห็นภาพอะไรบางอย่างในส้วม ภาพนั้นกระแทกใจเธอขนาดทำให้เธอเปลี่ยนความคิด ว่าแล้วคุณแม่ก็กลายร่างเป็นอีสาวช็อปเปอร์ ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์วัยโจ๋เพื่อไปหาลูกสาว



ฝ่ายเอพริลขณะนั่งจัดแจ้งข้าวปลาอาหารให้กับคนอื่นๆ ก็มีเสียงกิ๊งก่อง เธอก็เดินไปเปิดประตู แล้วหนังก็กลายเป็นมหกรรมภาพนิ่ง ร้อยเรียงภาพที่แม่ลูกกอดกัน ทุกคนทานอาหารกันอย่างเบิกบาน ครอบครัวที่เหลือตามมา ทุกคนมีความสุข ปิดท้ายด้วยการถ่ายภาพหมู่ของครอบครัว ภาพๆ นี้อาจเป็นคำตอบของทุกสิ่ง และมันคือความทรงจำที่แสนสวยงามที่เอพริลระลึกถึงแม่ และแม่ก็เก็บภาพนี้เอาไว้กับตัวจนวันตาย

พี่มานั่งคิดดูแล้วมันซึ้งจังเลยน้อง
แบบ จำได้ไหม ตรงกลางเรื่องที่แม่และคนอื่นในครอบครัวคุยและสรุปกันว่า แม่ไม่เคยมีความทรงจำที่สวยงามเกี่ยวกับเอพริลเลยน่ะ
และแม่ไม่สามารถรับความทรงจำที่เลวร้ายได้อีกแล้ว

แล้วท้ายที่สุด แม่ก็มีภาพๆ หนึ่ง ที่จะคิดถึงทุกครั้งเมื่อนึกถึงเอพริล
เฮ้อ ซึ้งเนอะ

โอเค ไม่เข้าใจตรงไหนรีบถามนะน้อง
by the way
พี่กำลังคิดอยู่ว่าจะพาน้องๆ ไปทัศนศึกษาล่ะ
เพราะพี่เพิ่งรู้ว่า พี่สามารถทำได้ง่ายๆ เลย แค่บอกกับที่ภาคไว้ล่วงหน้า
เดี๋ยวคิดก่อนนะว่าจะพาไปที่ไหน



Create Date : 22 กรกฎาคม 2548
Last Update : 22 กรกฎาคม 2548 1:13:02 น. 11 comments
Counter : 9450 Pageviews.

 
คำถามประจำสัปดาห์นี้

น้องๆ เลือกเชียร์ V อะไรใน อคาเดมี แฟนตาเซีย คับ?


โดย: คุณน้องเต้ วันที่: 22 กรกฎาคม 2548 เวลา:2:43:28 น.  

 
หนูว่าอีกคำถามที่น่าสนใจคือ V ไหนที่เป็นเกย์บ้าง นะคะ...


โดย: merveillesxx วันที่: 22 กรกฎาคม 2548 เวลา:4:00:03 น.  

 
สวัสดีคร่าพี่เต้...
ขอบคุณมากคร่าที่อุตส่าห์เขียนเลคเชอร์ย่อๆมาให้พวกเรา
ขอให้พี่เต้หายป่วยเร็วๆนะคะ
-
-
-
สำหรับคำถามประจำสัปดาห์...
ตอบว่า...เชียร์ V 3 คร่า...


โดย: มนทกานติ ท้วมเริงรมย์ ID 1450309024 IP: 61.91.245.231 วันที่: 22 กรกฎาคม 2548 เวลา:8:42:35 น.  

 
ง่ะ ไม่ได้ติดubcน่ะงับ ใกล้สอบแล้วกํยังมัวแต่ไปลุ้นงานตัวเองที่เกอเธ่


โดย: psbs IP: 58.8.248.179 วันที่: 22 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:22:41 น.  

 
เชียร์ใครดีอ่า ยังมะเห็นใครโดดเด่นขึ้นมาเลยอ่ะ..แต่รู้สึกว่าคราวนี้เค้าจะเน้นหน้าตาน่ะฮะไม่รุ่จะร้องเพลงได้เรื่องอะป่าว...แต่ไม่ชอบ V6 เลยอ่ะ...เหม็นขี้หน้าอ่ะ..อยากให้ออกคนแรกอ่ะ


โดย: ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม IP: 61.91.195.71 วันที่: 22 กรกฎาคม 2548 เวลา:16:13:03 น.  

 
หุหุ ขอบคุณมากครับพี่เต้ อุตส่าห์ ลำบาก ช่วยพวกเราอีก ขอขอบคุณหลายๆ ครับ

เหอๆๆ เชียร์ V1 กะ V6

เพราะเราชอบฉาวๆน่ารัก
แต่สงสาร V6 เพราะยากมากมาย เพราะต้นฉบับคือ
เจ๊ คิ๊ม นักร้องมือโปร์


โดย: Lovelyboy IP: 61.90.125.66 วันที่: 22 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:36:55 น.  

 
เวบพี่เต้นี้เลิศแฮะ

อ่านแล้วนึกถึงตอนเรียน ป.ตรีกับอาจารย์แดง เรียนเกี่ยวกับหนัง ไม่ได้แตะต้องพวกนี้มานานมากล่ะ


โดย: Thom Yorke (I will see U in the next life. ) วันที่: 24 กรกฎาคม 2548 เวลา:11:22:22 น.  

 

ขอบคุณมากค้าบบบบบป๋ม
สำหรับ สรุป
ไงก็พี่ก็รักษาสุขภาพด้วยงับ
เดี๋ยวจาไม่มีแรงมาสู้กับพวกป๋ม OSP (ล้อเล่นงับ)

เจ๋งพี่ๆๆๆๆ เรื่องทัศนศึกษา ถึงไหนถึงกันเลยพี่เต้
แล้วเจอกันหลังสอบ ฮ่ะ
poj BU pom_pojikung@hotmail.com


โดย: poj IP: 203.172.67.115 วันที่: 24 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:08:18 น.  

 
thank you ka. P'Te


โดย: water ^o^ IP: 210.86.131.189 วันที่: 26 กรกฎาคม 2548 เวลา:19:05:33 น.  

 
ก่อนเข้าห้องสอบ 49 นาที.....
ตื่นเต้นจัง อยากสอบแล้วอะ
อยากรู้ว่าพี่เต้ออกข้อสอบยากไหม
หวังว่าคงปรานีกันบ้างนะพี่
ออ! มีคำถาม plot point ที่2 ของ Batman Begin ใช่ตอนที่ รัชอังกูล มาปรากฏตัวที่บ้านครูช(พระเอก) ในวันเกิดอะป่าวคะ?
จริงๆ ก็ถามช้าไปนะแต่ก็ไม่อยากค้างคาใจอะค่ะ


โดย: น้ำแข็ง_ลูกศิษย์อาจารย์นั่นแหละ IP: 210.86.128.54 วันที่: 27 กรกฎาคม 2548 เวลา:13:19:46 น.  

 
ครับ..ศิษย์จะจดจำ คำสอนของอาจารย์...แง๊ๆ..อาจารย์ ..อย่า..เป็นอารายนะ..555


โดย: เตมูจิน IP: 61.91.194.153 วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:21:10:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณน้องเต้
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add คุณน้องเต้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.