@Norge! สวัสดี...มีถุง__นะครับ!
มาอยู่ทีนี่ก็ครบเก้าเดือนแล้ว..นี่ถ้าท้องก็คลอดเป็นมนุษย์ตัวเล็กเรียบร้อยแล้ว เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตที่ไม่เคยเจอมาได้เยอะแยะ เจอทั้งขาว ทั้งดำ บางทีก็ออกเทาๆ แดงๆ เขียวๆ ให้ตื่นตาตื่นใจเล่นในหลายรูปแบบ คิดถึงตอนยังอยู่เมืองไทย คงไม่ได้มีโอกาสให้ชีิวิตได้มีสีสันนัก คงได้นั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม เมืองป่าคอนกรีตน่าเบื่อไปวันๆ
แต่จริงๆ นี่ถ้ายังอยู่ กทม. อาจจะได้ตื่นเต้นมากกว่านี้... เนื่องจากสีแดงพระเพลิงลามท่วมเมือง ควันดำโขมงให้ปอดพังเล่นเสียขนาดนั้น เง้อ
ประสบการณ์หนึ่งที่เจอบ่อยในช่วงแรกๆ ที่นี่ แม้แต่ตอนนี้ก็เจอประปราย นั่นคือ ประสบการณ์ชีวิตกลางคืน!
ช่วงมาแรกๆ เป็นฤดูใบไม้ร่วงเข้าฤดูหนาว ฟ้าเริ่มมืดไว สว่างช้า ฝนตกแทบทุกวัน จนในทีสุดก็หิมะตกเป็นพายุ ชีวิตช่วงนั้นไม่ค่อยมีอะไรทำมากมายนัก ถ้าวันไหนโชคดีฟ้าเปิดก็หาเรื่องออกไปข้างนอกกัน แต่กว่าจะเลิกงาน กว่าจะจัดการชีวิตประจำวันกันเสร็จก็โพล้เพล้แล้ว ดังนั้น ช่วงแรกที่ออกไปผ่อนคลายกันหลังเลิกงาน.. ก็ตามผับ ไม่ก็บาร์ ไม่ก็ปาร์ตี้บ้านเพื่อนเสียเป็นส่วนใหญ่ นานๆ ทีจะว่างตรงกัน ไปนั่งสวนสาธารณะเล่นให้แดดมันเผาเล่น
แต่ผับ บาร์ นี่ก็ไปไม่บ่อย เนื่องจากเครื่องดื่มแพงค่อดๆ และวิมานอยู่ชานเมือง นั่งตูดยังไม่ทันร้อน ก็ต้องรีบกลับบ้านกันแล้ว ส่วนใหญ๋จึงไปพบเพื่อนมากกว่า แต่ไอ้ที่ไปไม่บ่อยนี่ล่ะ เวลาไปทีไร เจอของดีตลอด...
จำได้ตอนนั้นช่วงปีใหม่ หลังจากฉลองปีใหม่กันสองคนที่บ้าน ก็หาเรื่องไปต่อกันข้างนอก อยากนับถอยหลังกับฝูงชน จึงตัดสินใจเดินลากขา ฝ่าหิมะกันไป ไปถึงก็ฉลองเฮฮา สังสรรค์ร่วมกันคนอื่นๆ ในผับ คุยกะเขาไปทั่ว รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ถือแค่ว่า รู้จักกันไว้ไม่เสียหาย ไม่จำเป็นต้องจริงใจเป็นเพื่อนแท้ แต่มิตรไมตรีต่อกันเป็นพอ
เจอผช.นอร์ชคนหนึ่ง ดูท่าทางใจดี ตัวผอมๆ หน้ายิ้มแย้ม แรกๆ ก็คุยกันเฮฮา ทักทายไปเรื่อย เขาว่าเขาเคยมาไทย ให้เราเรียกว่า "น้อยหน่า" เพราะคนที่ไทยเรียกเขาแบบนั้น อ่ะ น้อยหน้าก็น้อยหน่า คุยไทยผสมอังกฤษไปเรื่อยๆ จนอีหมีขอตัวไปสูบมะเร็งเข้าปอด น้อยหน่าก็เริ่มเป็นทุเรียน กลิ่นเริ่มแรง สันดานเริ่มออก พร้อมจู่โจมด้วยคำถาม
นังทุเรียน : "ไปด้วยกันไหม" หวานหมี "อะไรนะ ไปไหน ไปทำไม" (อีนี่ก็เซ่อ ยังถามซื่อๆ อีก) นังทุเรียน "ไปด้วยกันไง ไปนะ ผมมีถุง...ยางนะ" (มีแล้วไง กรูต้องดีใจมะเนี่ย หรอยหลอด) หวานหมี "เง้อ เฮ้ย ไม่ง่ะ มากับแฟนไม่เห็นหรอ ใครจะไปด้วยวะ" (เริ่มโมโห หาทางหนีทีไล่ อีหมีก็สูบมะเร็งช้านัก คนเบียดเยอะ ออกจากตรงนี้ไม่ได้) นังทุเรียน "ไปเหอะ เดี๋ยวจ่ายมากกว่าแฟนนะ ให้สองเท่าเลย"
จบประโยคนั้น หมดความอดทน (กรูก็นะ อดทนไรสูงขนาด) หันหลังเดินฝ่าฝูงคนที่ยืยเบียดจนแทบไม่เหลือช่องให้หายใจไปหน้าผับ เจออีหมี อีนี่ก็ยังอัธยาศรัยดี เม้าท์แตกกะเค้าไปทั่ว กระซิบบอกโลด เรื่องราวเป็นงี้นะ นังน้อยหน่ากลายร่างเป็นทุเรียน พูดจบ อีหมีของขึ้น จะเข้าไปจัดการ แต่นะ...ปีใหม่ทังที ไม่อยากให้มีเรื่อง กลับบ้านไปนอนดูทีวีดีกว่า คิดได้ก็ลากหมียักษ์กลับบ้าน แต่กว่าจะถึงบ้าน หมีโมโห ถล่มป้ายตามทางไปเรื่อยกว่าจะอารมณ์ดีขึ้น
พอเข้าใจ...มีแฟนเป็นสาวไทยก็ต้องทำใจล่ะเฮีย เวลาเจอพวกฝรั่งสมองขี้นก มันก็คิดได้แค่นี้ เป็นสาวไทยหรอ...อ่อ เคยเป็น curry หรือสาวบาร์มาก่อนชิมะ เจอบ่อยจนตอนนี้เริ่มชิน ทั้งๆ ที่ไม่ควรจะชินกับเรื่องแบบนี้ แต่จะหาเรื่องราวไปก็เท่านั้น ทำให้วันดีๆ ต้องหม่นหมองเสียมากกว่า
ตอนนี้ได้แต่บอกอีหมี...ท่องไว้ นะโมสามจบ เวลาโมโห ถ้าไม่หาย เดี๋ยวสอนคาถาชินบัญชรให้ท่องให้ลืมไปเลย
ปล. คุยเล่นกับอีหมีทุกวัน... นี่ยังดีนะ ตอนนี้โดนแค่ข้อหา มีแฟนเป็นผญ.อย่างว่าเวลาเจอฝรั่งสมองขี้นก ถ้าประเทศไทยยังมีสงครามกลางเมืองลุกลามหนักกว่าที่เป็นอยู่ อีกหน่อยได้อีกข้อหา...เป็น ผญ.อย่างว่าอพยพหนีสงครามหรอ เง้อ
Create Date : 26 พฤษภาคม 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2553 20:12:30 น. |
Counter : 517 Pageviews. |
|
|
|