Alaska Gold Nugget ตามรอยประวัติศาสตร์ของยุคตื่นทองในอลาสก้า กับ GoldDredge8 กับสโลแกนเด็ดของที่นี่ “YOU FIND THE GOD…YOU KEEP IT”

หลังจากที่ได้พักผ่อนกันเต็มที่ คราวนี้เราก็มาเริ่มเดินทางท่องเที่ยวกันเลยค่ะ ในวันครบรอบแต่งงาน เมื่อดิฉันเอ่ยปากขอทองเป็นของขวัญวันครบรอบ คุณสามีก็ตอบตกลงอย่างง่ายดายแถมตบท้ายด้วยว่า “ผมจะพาคุณไปหาทองด้วยตัวคุณเอง” ฮ่วย หลังจากที่นั่งรถออกจากบ้านก็มุ่งหน้าสู่ถนนออกนอกตัวเมือง ตอนนั้นก็ยังออกอาการสงสัย ปกติซื้อทองต้องเข้าเมือง ทำไมถึงพาออกนอกเมืองกัน แต่แล้วก็มาถึงบางอ้อ เมื่อสามีพาไปที่ GoldDredge8 เหมืองทองของเมือง Fairbank ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าสัมผัสบรรยากาศของการขุดทองของจริง ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมในช่วงหน้าร้อน 4 เดือนนี้เท่านั้น โดยทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเยี่ยมชมเมืองอย่างไม่ขาดสาย ทองที่ได้จะถูกส่งเข้าโรงงานผลิตทองคำแท่ง ก่อนนำส่งขายทั่วโลก (เสียดายดิฉันพลาดโอกาสเข้าชมการทำทองคำแท่งเพราะตั๋วเต็มตลอด 3 วันก่อนเดินทางกลับ)

มารู้จักประวัติความเป็นมาคร่าวๆ กันก่อนนะค่ะ ในสมัยก่อนในยุคของการตื่นทองนั้น บริเวณที่พบแร่ทองคำหรือการทำเหมืองแร่ทองคำมักจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทาง ภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อม เช่น ในยุคตื่นทองแบบที่เราเห็นในหนังคาวบอยทางภาคตะวันตกของอเมริกา อะลาสกาและคานาดา เมืองที่อยู่ใกล้กับเหมืองทองมักจะมีการเติบโตแบบรวดเร็ว ประชากรเพิ่มขึ้น ความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด จนกระทั่ง เมื่อขุดทองจนหมดแล้ว เมืองเหล่านั้นก็จะถูกทิ้งร้าง เพราะผู้คนจะเริ่มอพยพออกจากเมืองนั้นมุ่งไปสู่เมืองอื่นที่คาดว่าจะมีทองคำต่อไป หรือบ้างก็มุ่งตรงกลับสู่มาตุภูมิอันมีบุคคลอันเป็นที่รักรออยู่ แล้วเมืองแห่งนี้ก็จะกลายเป็นเมืองร้าง ตายสนิท หรือที่เรียกกันว่า โกสต์ทาวน์ (ghosttown) หรือ เมืองผีสิง  

ในประวัติศาสตร์ของอเมริกาที่แคลิฟอเนีย การตื่นทองเริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1848 เมื่อนายจอห์น ซัทเธอร์ ได้พบทองคำในลำธารที่โรงสีข้าวของเขาเอง (เป็นโรงสีข้าวแบบกังหันน้ำอยู่ใกล้ลำธาร) เมื่อข่าวการพบทองคำของนายซัทเธอร์แพร่ออกไป ผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาขุดทองที่ลำธารแห่งนี้เป็นจำนวนมาก จากหนึ่งเป็นสอง เป็นสิบ เป็นร้อย จนกระทั่งมีจำนวนมากถึง 40,000 คนภายในเวลาเพียงแค่สองปีเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการค้นพบทองคำที่เมือง Deadwood ในปี ค.ศ.1876 และเมือง Boomtown และแน่นอนว่าใน เมืองยูคอนทางตอนเหนือของอลาสก้าด้วย

ปัจจุบันนี้ยังมีเหมืองทองอีกหลายแห่งในอเมริกา เช่น ที่รัฐยูทาห์ โคโลราโด และรัฐเนวาดา ซึ่งเป็นเหมืองทองคำใช้วิธีการสมัยใหม่ในการผลิตทองคำในสหรัฐอเมริกา

“ทองคำธรรมชาติ” ที่อยู่ในรูปสินแร่มีอยู่หลายรูปแบบ เช่น เป็นผง เป็นก้อนผลึกธรรมชาติ เป็นสายแร่ทองคำ เป็นเกล็ด หรือปะปนอยู่กับหินชนิดอื่น สำหรับทองคำที่พบในอลาสก้า จะเป็นก้อนผลึก เป็นเกร็ด ซึ่งเมื่อเหมืองทำการขุดขึ้นมาได้ ก็จะนำส่งโรงงานหลอมเป็นทองคำแท่งก่อนนำส่งขายทั่วโลก ส่วนทองคำพิเศษนั้นจะเป็นสายแร่ทองคำที่ปนอยู่กับผลึกคว้อทซ์ ซึ่งจะอยู่ลึกลงไปจากระดับปกติมาก และมีจำนวนน้อย ดังนั้น จึงมีราคาแพงมากกว่าทองคำปกติ ไม่สามารถนำไปหลอมได้ แต่จะนำมาตัดทำเป็นรูปแบบต่างๆ เพื่อทำเป็นเครื่องประดับ

เนื่องจากเรื่องนี้จะได้ตีพิมพ์ ดังนั้น อย่าลืมติดตามเรื่องราวในหนังสือนะค่ะ แล้วจะแจ้งวันที่ได้ตีพิมพ์อีกครั้งค่ะ ^-^

ข้าวเหนียวอินเตอร์