การเดินทางเข้าสู่รัฐอลาสก้า คือ ทางเครื่องบิน รถยนต์ และทางเรือ ส่วนการเดินทางจากเมืองไทยไปถึงอลาสก้านั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการเลือกเดินทางด้วยเครื่องบิน ซึ่งมีสายการบินต่างๆ ให้บริการอยู่มากมาย แต่ต้องเปลี่ยนเครื่อง 2-3-4 ครั้ง ไม่มีสายการบินบินตรงไปสู่รัฐอลาสก้าเลยทีเดียว            

             สภาพภูมิอากาศ จะมีช่วงหน้าร้อนอยู่ 4 เดือน คือ พค. - สค. อีกหกเดือนนั้นจะเป็นช่วงฤดูฝนปนหนาว และเพราะอลาสก้าอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ ทำให้อลาสก้านั้นหนาวเย็นมากและเพราะอยู่ใกล้ทะเล ทำให้อากาศชื้นส่งผลให้เกิดหิมะตกหนักจนก่อให้เกิดธารน้ำแข็ง Glacier อยู่มากมาย            

             สวัสดิการ อลาสก้าเป็นรัฐที่มีประชากรน้อย ค่าแรงงานสูง ประชาชนที่อาศัยอยู่จะได้รับเงินตอบแทนจากรัฐเป็นรายปี ปีละไม่ต่ำกว่า $1,000           

             เศรษฐกิจหลัก คืออุตสาหกรรมน้ำมัน ซึ่งมีการขุดเจาะน้ำมันทางตอนบนติดกับทะเลอาร์กติกส่งผ่านท่อลำเลียงน้ำมันไปยังท่าเรือทางตอนใต้ของทวีป เพื่อส่งตรงไปยังอีก 48 รัฐ ท่อลำเลียงน้ำมัน Pipeline มีความยาวกว่า 1,300 กิโลเมตร จากเมือง Prudhoe Bay พาดผ่านเมืองต่างๆ ไปจนถึงทางตอนใต้ที่เมือง Valdez          

             เมืองหลวง มีชื่อว่าเมือง Juneau จูโน          

             เมืองที่ใหญ่ที่สุด เจริญที่สุด และมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ที่สุดคือเมือง Anchorage แองกริต ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญ มีสนามบินนานาชาติขึ้นลงที่นี่ อีกทั้งในวันที่ท้องฟ้าสดใส คุณจะสามารถมองเห็นยอดเขา Mt.McKenley อย่างชัดเจน

สถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้         

           Mt.McKenley ยอดเขาแมคคินลีย์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Denali เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งมีความสูงถึง 20,320 ฟุต หรือ 6,194 เมตรเหนือระดับน้ำทะแล แต่ถ้าวัดจากฐานพื้นดินจนถึงยอดเขา Mt.McKenley จัดว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกด้วยความด้วยความสูงประมาณ 5,600 เมตร (ยอดเขา Everest สูงประมาณ 4,100 เมตร) Mt.McKenley ตั้งอยู่ใน Denali National Park อุทยานแห่งชาติเดนาลี ซึ่งชื่อของอุทยานแห่งชาตินี้ได้มาจากชาวพื้นเมืองเรียกยอดเขาแห่งนี้ว่า Denali แปลว่าThe great one หรือ ผู้ยิ่งใหญ่ และนำชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้         Denali National Park อุทยานแห่งชาติเดนาลี มีพื้นที่กว้างใหญ่กินเนื้อที่ประมาณ 24,395 ตร.กม. ภายในมีสัตว์ป่าน้อยใหญ่อาศัยอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกวางแรนเดียร์ กวางมูส หมีสีน้ำตาล หมีดำ กวางภูเขา และอื่นๆ อีกมากมาย แต่จุดเด่นของที่นี่คือ Mt.McKenley ซึ่งยอดเขาแห่งนี้ชาวพื้นเมืองเรียกว่า Denali แปลว่าThe great one หรือ ผู้ยิ่งใหญ่ และนำชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้                  

Seward เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดในรัฐอลาสก้า ทั้งยังสวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งในรัฐนี้ และถือได้ว่าเป็นประตูสู่ “Kenai Fjords National Park อุทยานแห่งชาติเค็นไน ฟอร์ด” เราจะได้ค้นพบกับชุมชนเมืองเก่าและสถานที่ประวัติศาสตร์ต่างๆ มากมาย อีกทั้งที่นี่ยังมีน้ำแข็ง Glacier ที่สวยงามอยู่หลายจุดซึ่งรวมทั้ง Glacier Bay National Park ที่เป็นมรดกโลกอีกด้วย นอกจากนี้ Seward ยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในด้านกีฬาตกปลาอีกด้วย

Homer เป็นเมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่า End of Land เพราะเป็นแผ่นดินสุดท้ายของอลาสก้า ถัดจากนี้ไปก็คือมหาสมุทรแอนตากติก อีกทั้งยังขึ้นชื่อในเรื่องของกีฬาตกปลา และพลาดไม่ได้กับ Bear Wildlife Viewingและแล้วก็มาถึงโปรแกรมเด็ดที่รอคอย นั่นคือการเดินป่าส่องหมีกับโปรแกรมทัวร์ Bear Wildlife Viewing ที่ Katmai National Park ซึ่งอยู่ทาง southwest ของอลาสก้า Highlight ของการดูหมีที่นี้นั้นก็คือ “ไม่มีกรง ไม่มีโซ่คล้อง มีแค่คุณกับหมีในพื้นที่โล่งๆ เท่านั้น” ดิฉันจะพาท่านไปดูหมีแบบใกล้ชิดห่างกันไม่ถึงสองเมตรแถมยังไม่มีรั้วกั้นอีกต่างหาก หากคุณผู้อ่านทั้งหลายเคยดูรายการสารคดีหรือโปสการ์ดต่างๆ เกี่ยวกับหมีที่กำลังจับปลาแซลมอนกินนั้น นั่นก็มาจากที่นี่นั่นเอง และอื่นๆ อีกมากมาย จะเล่าในตอน “เปิดบ้านอลาสก้า”

สัตว์ที่ขึ้นชื่อของอลาสก้า

นกอินทรีหัวล้าน (Bald Eagle) เป็นสัญลักษณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกา มีอยู่มากในอลาสก้าโดยเฉพาะเมือง Homer เหตุผลที่ประเทศอเมริกาใช้นกอินทรีหัวขาวเป็น สัญลักษณ์ เพราะมีถิ่นกำเนิดในอเมริกา มีช่วงอายุยืนยาว ดูสง่างาม ภูมิฐาน มีราศี ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม บางตัวมีอายุ 30 ปี ดูสง่างามภูมิฐาน มีราศี ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม และในช่วง 7-12 พฤศจิกายนทุกปี จะมีงาน Alaska Bald Eagle Festival

Bear หมี สัตว์เจ้าถิ่น หมีกริซลี (grizzly bear) หรือหมีสีน้ำตาล (brown bear) และ หมีโพล่า  Pola bear ที่จะอาศัยอยู่ทางเหนือสุดของรัฐเท่านั้น เพราะอากาศที่อื่นอุ่นเกินไปสำหรับหมีขั้วโลก

Salmon ปลาแซลมอน เป็นปลาที่ไร้มลพิษและมีคุณค่ามากมาย เพราะระหว่างที่อยู่ในทะเล แซลมอนจะสะสมไขมันจากการกินแพลงตอนและสาหร่ายทะเลซึ่งเป็นไขมันจำเป็นที่ร่างกายมนุษย์ต้องการแต่สร้างขึ้นเองไม่ได้ นั่นคือกรมไขมันไม่อิ่มตัวที่เรียกว่า โอเมก้า 3 ปลาแซลมอนเป็นปลาทะเลที่ว่ายเข้าสู่แม่น้ำเพื่อวางไข่ปลาชนิดนี้ผสมพันธุ์ในน้ำจืดแล้วว่ายน้ำกลับไปโตในทะเล แซลมอนเป็นสัตว์ที่มีอุณหภูมิร่างกายสูง อุณหภูมิที่เย็นที่สุดจะทำให้มันมีการเผาผลาญน้อย

อื่นๆ อีกมากมาย จะกล่าวในตอน “ส่องสัตว์ป่าและสัตว์น้ำของอลาสก้า” โปรดรอติดตามคงจะอีกนานอยู่เด้อ

ปรากฎการณ์ธรรมชาติ

Midnight Sun พระอาทิตย์เที่ยงคืน เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่ทำให้เรามองเห็นพระอาทิตย์สว่างสดใส แม้เวลาจะล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืน พูดง่ายๆ ก็คือไม่มืดมิดนั่นเอง

Glacier ธารน้ำแข็งโลกล้านปี ซึ่งอยู่มากมาย ที่นิยมได้แก่ Glacier Bay ที่เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติขององค์การยูเนสโก้และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม นอกจากนั้นยังมี Exit Glacier ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปชมได้ใกล้ที่สุด และอื่นๆ อีกมากมาย (ต้องรอติดตาม)

และยังมีปรากฎการณ์ต่างๆ อีกมากมาย ต้องรอติดตามในตอน “ธรรมชาติสร้างสรรค์”

ช่วงเวลาที่น่าท่องเที่ยว คือ ช่วงเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม เพราะเป็นช่วงหน้าร้อนของที่นี่ แต่สำหรับคนไทยเราก็ยังถือว่าหนาวอยู่ดี

******** โอ้วลัลล้า ********

        หลังจากที่ได้ไฟเขียว อิฉันก็เตรียมสัมภาระออกเดินทาง เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ พลาดไม่ได้คือกล้องถ่ายรูปดิจิตอลของโซนี่ขนาดพกพา ซื้อใหม่เอี่ยมเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ตามติดมาด้วยสมบัติที่ขาดไม่ได้ ปลาร้า+น้ำปลา+รสดี+มาม่า หุหุหุ ไม่อดตายชัวร์ และสุดท้าย...

        พาสปอร์ตพร้อม วีซ่าพร้อม ดอลล่าร์พร้อม อุปกรณ์พร้อม คุณผู้อ่านพร้อมกันรึยังค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราก็ออกเดินทางกันเลยจ้า ^-^

...ฟิ้ววววว... 36 ชม.ของการเดินทาง กับการเปลี่ยนเครื่อง 3 ครั้ง ดูไบ-ฮอลแลนด์-อเมริกา-อลาสก้า บักโกรก สะบักสะบอมตั้งแต่เริ่มต้นแล้ววววววว

เปลี่ยนเครื่องครั้งแรกที่ฮอลแลนด์ หลังจากหลังขดหลังแข็งมา 9 ชม.

บรรยากาศภายในสนามบินฮอลแลนด์ พร้อมกับการจำหน่ายของที่ระลึกมากมาย

เหนือน่านฟ้าอลาสก้า หลังจากผ่านด่านตม.สุดโหดที่อเมริกามาแล้ว

และแล้วเมื่อเครื่องบินแตะรันเวย์แห่งรัฐอลาสก้า ความตื่นตาตื่นใจก็บังเกิด จะบอกว่าดิฉันเป็นบ้านนอกเข้ากรุงก็ไม่แปลก เพราะไม่เคยเห็นจริงๆ ค่ะ กับดวงอาทิตย์ที่ยังส่องสว่างสดใส แม้เวลานั้นจะเป็นเวลาถึง 22.00 น.แล้วก็ตามหรือที่เรารู้จักกันดีในนาม Midnight Sun พระอาทิตย์เที่ยงคืน (จะเล่ารายละเอียดทีหลัง)

"ไม่ต้องเป็นเศรษฐีมีเงินล้าน ขอแค่มีอินเตอร์เน็ตในครอบครอง เราก็จะได้เดินทางเยือน Alaska ไปพร้อมๆ กัน"

***** สุดท้ายนี้ อิฉันก็ขอฝากความถึงนักเผยแพร่ทั้งหลาย เพราะอิฉันคงห้ามไม่ให้ท่านก๊อปปี้ไม่ได้ แต่ถ้าจะก๊อปปี้จริงๆ pleaseeeeeee ขอความกรุณาช่วยให้เครดิตอิฉันด้วย เพราะกว่าจะได้ข้อมูลและภาพเหล่านี้มาฝาก อิฉันเกือบจะสิ้นชีพไปจริงๆ แล้วนะท่าน เพราะอิหยัง ต้องรอลุ้นต่อไป....