Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
14 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
พิภพอำพราง ตอนที่ 5

พิภพอำพราง ตอนที่ 5

อำพันเรขา



พัสสนกดปุ่มกระจกไฟฟ้าอัตโนมัติลงทั้งสี่บานเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก...
ทิวเขาที่ทอดยาวสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตานั้นถูกปกคลุมด้วยผืนป่าที่แลดูไกลๆคล้ายๆผ้ากำมะหยี่เขียวขจีผืนใหญ่ที่ห่มคลุมภูเขาลดหลั่นชั้นเชิงเป็นลูกคลื่น ตัดกับท้องฟ้ายามอาทิตย์อัสดงออกสีส้มแสดยิ่งทำให้ชวนรู้สึกลึกลับ...

น่าหลงใหล...

และกริ่งเกรง...

ในอำนาจเหนือธรรมชาติของป่าดงพงพีที่แฝงเร้นอยู่ครามครัน ....

“อืม...ม อากาศบริสุทธิ์จริง ๆ ดูสิ บรรยากาศออกโทนเหลือง ๆ ส้ม ๆ ยังไงชอบกลนะ”

“เค้าเรียกผีตากผ้าอ้อมไง”
พิมาลาที่นั่งเบาะหน้าคนขับหันมาตอบ

“แอ้ ๆ… โนะ...”

‘ชิกัน’ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเหมือนแพรชี้นิ้วอ้วนป้อมไปที่นกตัวเล็กสีฟ้าที่กรีดร้องเสียงแหลมเล็กโผลงมาจับดงไม้ข้างทางอยู่บนตักแจ๋น

“เขาเรียนกว่า ‘นก’ ค่ะ ไม่ใช่ ‘โนะ’”
พิมาลาอมยิ้ม แอบขำ

สาวใช้ต่างแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน พูดจาชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง กำลังสอนเด็กหัดพูด น่าลุ้นเหมือนกันว่า เมื่อหลานชายเธอโตขึ้นจะพูดภาษาอะไร

“ชี้นกชี้ไม้อะไรจ๊ะ... เจ้าหมาน้อย...”
หญิงสาวเหลือบมองหลายชายคนเก่งผ่านกระจกหลัง

เจ้าหมาน้อย...

พิมาลาชอบเรียกหลานชายว่าอย่างนี้ นับตั้งแต่ “ภาษิต” พี่เขยของเธอเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุตกเขาอย่างเป็นปริศนาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ เจ้าหมาน้อยดูเหมือนจะเป็นผ้าซับน้ำตาคอยปลอบประโลมมิให้เหมือนแพรมีกำลังใจลุกขึ้นสู้ ไม่ร้องไห้ฟูมฟายต่อการจากไปของสามีสุดที่รักเนิ่นนานเกินไป
จริงสินะ! เหตุใดคนที่ขับรถชำนาญทางอย่างภาษิตถึงได้พลาดท่าตกเขาง่ายดายนัก ???

พี่เขยของเธอไม่ใช่คนประมาท จึงจะพลาดพลั้งอะไรง่ายๆ มิหนำซ้ำยังชำนาญเส้นทางคดเคี้ยวนี้ เพราะโตมาตั้งแต่เด็ก ชนิดหลับตาขับยังได้ ไม่ใช่พวกมือใหม่หัดขับที่ไม่ประสีประสาเส้นทาง

“ถ้าพี่ภาษิต พ่อของเจ้าตัวเล็กยังอยู่ ก็คงดี”
พิมาลาเปรยขึ้น

“โค้งข้างหน้านี้แหละค่ะ ที่คุณภาษิตตกลงไป”

“แจ๋น !!!”
พิมาลาหันไปดุสาวใช้ที่พูดจาไปเรื่อย ไม่รู้จักยั้งคิด ส่งสายตาเขียวปั๊ดจนแจ๋นตัวลีบหน้าหดลงเหลือสองนิ้ว

“แจ๋นขอโทษค่ะ คุณพิม”
สาวใช้ต่างด้าวเอ่ยเสียงอ่อย ก่อนใช้มือตบปากตัวเองแรงๆ 3 ที
“นี่แน่ะ ! ปากหนอปาก พูดอะไร ไม่รู้จักคิด”

พัสสนรีบจุดประเด็น เปลี่ยนเรื่องทันที เมื่อเห็นพิมาลาทำหน้านิ่วบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆ คิ้วเรียวยาวเล็กรับกับแพขนตาดำสนิทขมวดมุ่นจนแทบจะผูกติดกันเป็นโบอยู่แล้ว

การสูญเสียภาษิตคงจะเป็น “เรื่องใหญ่” ของครอบครัวนี้จริงๆ...

“ที่บริเวณนี้สวยจริง ๆ มีทั้งป่าทึบ ภูเขา และหน้าผา แถมด้านโน้น...ยังเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่อีกต่างหาก อุดมสมบูรณ์มากเลย ถ้าขายคงได้ราคาหลายสิบล้าน เจ้าของไม่รู้เป็นใคร”

“นั่งอยู่นี่”
พิมาลาตอบห้วนๆ ฟังจากกระแสเสียงขุ่นก็รู้ว่าอารมณ์ยังไม่ดี

“อ้าว ! เหรอ... จุดไต้ตำตอซะแล้วสิ”
ชายหนุ่มทำเสียงทะเล้น แอบชำเลืองด้วยหางตา เห็นรอยยิ้มนิดๆผุดพรายที่มุมปากของแฟนสาวแล้วค่อยโล่งใจหน่อย เพราะเขารู้ดีถึงอารมณ์ของพิมาลาว่า...

“ยามดี ดีใจหาย ยามโมโห ร้ายยิ่งกว่ายักษ์ขมูขีเสียอีก”

“มีพวกเศรษฐีมาขอซื้อเหมือนกัน ให้ราคาเป็นร้อยล้านทีเดียว แต่ไม่ขาย”

“อื้อหือ... เศรษฐีนีร้อยล้านในอนาคตหรือนี่ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ารวย รู้อย่างนี้ต้องรีบจีบไว้เป็นแฟนแล้ว”
ชายหนุ่มทำหน้าเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม แกล้งหันมาพูดลอยหน้าลอยตา ยั่วเย้าใกล้ๆแก้มขาวอมชมพูสุกปลั่งของหญิงสาว
พิมาลาถึงกับปรอทแตก หันมาแว๊ดใส่

“อ๋อ... นี่ถ้าเกิดพิมสิ้นไร้ไม้ตอก ไม่มีที่ ไม่มีทาง ก็ไม่สนใจใช่ไหม ”
พูดจบก็หันมาค้อนปะหลับปะเหลือก

พัสสนอดขำไม่ได้ รู้ทั้งรู้ ว่ายั่วแล้วต้องโกรธ
แต่ก็อยากยั่วอยู่นั่นแหละ ไม่รู้เป็นอะไร
“ล้อเล่นน่า”
ชายหนุ่มทำหน้าซื่อ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทำนองง้อ

“เชอะ!!!”
พิมาลากอดอกเชิดหน้าใส่

แจ๋นนั่งฟังทั้งคู่เถียงกันไป ก็เถียงกันมา ตาแป๋ว ได้แต่คิดในใจว่า...
‘คนอะไรก็ไม่รู้ล๊อ หล่อ ทำไมคุณพิมไม่รีบรักเลยนะ เป็นแจ๋นละก็....’
แจ๋นยกนิ้วขึ้นมากัดเล็บ รู้สึกเขินแทน

“พิมคนนี้ไม่ธรรมดาซะแล้ว ทั้งสวย ทั้งเรียนเก่งลุ้นเกียรตินิยม แถมยังรวยขนาดนี้ มิน่าถึงได้มีทั้งหนุ่มเล็ก หนุ่มใหญ่มาเข้าแถวให้เลือกคู่กันมากหน้าหลายตา”

พิมาลาตั้งใจฟัง ดูสิว่า...ชายหนุ่มจะมาไม้ไหนอีก...
“เอ... ไม่ทราบว่าหมายตาใครไว้หรือยัง”
น้ำเสียงนั้น ถามทีเล่นทีจริง

แม้ใครๆจะเข้าใจว่าเขากับพิมาลาคบหาเป็นแฟนกัน อีกทั้งคำพูดของเขาที่เข้าข่ายผู้ชายกะล่อน เป็นปลาไหลใส่เก็ต ทำให้ใครๆต่างทึกทักเข้าใจไปเองว่า...

เขาคงจีบเธอเป็นแฟนไปแล้ว

แต่ในความเป็นจริง... นับตั้งแต่รู้จักกันมาเขายังไม่เคยปริปากขอพิมาลาเป็นแฟนเลยสักครั้ง และเธอเองก็ไม่เคยแสดงท่าทีเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวเขาเลยสักนิด

ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นที่ไม่คิดจริงจังอะไรด้วย เขาคงกล้าพูดพล่อยๆบอกรักออกไปแล้ว

แต่กับเธอ... เขาไม่กล้า !

อาจเป็นเพราะว่าลึกๆแล้ว เขาเองก็รู้สึกกลัว !
กลัวว่า เธอจะคิดกับเขาแค่เพื่อนสนิท

พิมาลาดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟ็ค ครบสูตร
สวย...เก่ง... ฉลาด...และนิสัยดี...

มีผู้ชายหลายคนที่หล่อกว่า รวยกว่า มีภาษีดีกว่า แวะเวียนเขาเข้ามาหาพิมาลาอยู่เสมอ

เธออาจจะเจอคนที่ ‘ใช่’ กว่าเขาในวันข้างหน้า ถึงตอนนั้นเขาคงกลายเป็น ‘หมาหัวเน่า’

หากเป็นเช่นนั้น เขาคงทำใจรับไม่ได้
สู้เก็บงำความรู้สึกไว้ในใจดีกว่า...
เขากลัวจะต้องเสียเธอไป...

“ยังเลย”
น้ำเสียงกังวานใสระรื่นของเธอตอบ
“พิมยังหา ‘พี่แผน’ ไม่เจอ”

“เจอแล้ว”

“ไหน?”

“นี่ไง”

“แน๊ะ ! ขุนแผนน่ะ ต้องหน้าไทย คมเข้ม หุ่นล่ำ กล้ามโต ไม่ใช่ผิวขาวราวกับหยวกอย่างนี้”

พัสสนนิ่งนึกหาเหตุผลมาหักล้างอยู่ครู่หนึ่ง
“ก็นี่ตอนถอดรูปไง”

“ถอดรูป ???”
พิมาลาหลุดหัวเราะจนท้องแข็ง จนชายหนุ่มอดถามไม่ได้

“ขำอะไรไม่ทราบ”

“ถอดรูป นั่นมันเจ้าเงาะ ในเรื่องสังข์ทอง ใช่ขุนแผนที่ไหนเล่า ไปเอาที่ไหนมา”

“นี่พัสอุตส่าห์เข้าห้องสมุด ยืมหนังสือวรรณคดีกลับไปอ่านที่บ้าน หวังจะได้คุยกับเด็กอักษรฯ รู้เรื่องนะเนี่ย”

“จำผิดเรื่องแล้ว... กลับไปอ่านฟิสิกส์เชิงกลอย่างเดิมน่ะดีแล้วค่ะ พ่อหนุ่มวิศวะฯ”

แม้ว่าปากจะตัดพ้อ แต่ในใจก็อดปลื้มไม่น้อย ที่เขาคอยเอาใจใส่ แม้เรื่องเล็กๆที่เธอชอบ

“ฮะแอ้ม...!!!”
แจ๋นแกล้งกระแอมกระไอขัดจังหวะหวานยิ่งกว่าขัณฑสกรของทั้งคู่

“อะไรติดคอไม่ทราบคะ คุณนายแจ๋น”
พิมาลาแกล้งดัดเสียง ประชดสาวใช้ตัวดี

“อะไรไม่ทราบเจ้าค่ะ”
แจ๋นแกล้งตีหน้าทำเป็นครุ่นคิด

“เอ... หรือว่า... จะเป็นความรัก !”

นั่นไง ! มาถึงบ้านไม่ทันไร ถูกสาวใช้แซวเอาเสียแล้ว
"คุณแจ๋นเจ้าขา... พูดให้มันน้อยลงบ้างก็ได้นะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้น ดิฉันจะส่งกลับไปอยู่บ้านที่ตลาดเมียววดี... ดีมั้ยเจ้าคะ???”

“ไม่เอานะเจ้าคะ”
สาวใช้ตัวดีย่นคอ รีบส่ายหน้า ปฏิเสธเสียงแข็ง

“แจ๋นอยากอยู่รับใช้พวกคุณๆ เลี้ยงคุณหนูชิกันที่นี่ดีกว่าค่ะ”

“กลัวถูกส่งตัวกลับบ้าน ไปขายเห็ดตามเดิมน่ะสิ”
พิมาลารู้ทัน แกล้งขัดคอบ้าง

“อันนั้นก็ส่วนหนึ่งค่า”
แจ๋นตอบเสียงอ่อย

พัสสนปรับเกียร์ออโต้ ค่อยๆขับชะลอ ไต่รถขึ้นไหล่เขาลาดเอียงคดเคี้ยว โค้งเข้าขั้นทำมุมหักศอก

ด้านหนึ่ง คือเขา... ส่วนอีกด้าน คือเหว !

ชายหนุ่มเพิ่มความระมัดระวังขึ้นเป็นเท่าตัว

ทันใดนั้น สายตาของเขาเหลือบไปเห็นศาลเพียงตาเก่าแก่ตั้งอยู่ข้างทาง !
เป็นศาลไม้ทรงไทย ตีฝาปะกน หลังคาสอบเข้าหากัน หน้าจั่วแหลม มีพวงมาลัยแห้งและดอกกล้วยไม้กรอบเป็นข้าวเกรียบปักอยู่ในแจกัน น้ำเปล่าในแก้วแห้งขอด แทบไม่เหลือสักหยด ตุ๊กตาตานางรำ ช้างม้า และหุ่นสาวศรีสาวใช้ ล้มระเนระนาด เพราะแรงลม อาหารคาวหวานและผลไม้ที่เป็นเครื่องเซ่นถูกนกกาหรือตัวอะไรบางอย่างกัดกินหกเกลื่อนกลาด

ภายในศาลมีรูปปั้นคล้ายเทวดาอารักษ์ สวมชฎา แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนลิเก เก่าดำคร่ำคร่าจนแทบดูไม่ออกว่าเป็นเทพองค์ไหนตั้งอยู่ หมาร่า เข้าไปทำรังอยู่ข้างในจนแน่นหนาเกาะกรัง

ชายหนุ่มเหลียวไปชะโงกมองขณะขับรถผ่านในระยะประชิด

“นั่นศาลอะไรน่ะ”

“อย่าทัก!”
หญิงสาวพยายามห้าม แต่ไม่ทัน เมื่อแฟนหนุ่มเกิดโพล่งหลุดปากออกไปแล้ว

พอหันกลับมา อยู่ๆก็มีเงาดำทะมึนของอะไรบางอย่าง วูบผ่านตัดหน้ารถขณะเข้าโค้งหักศอกหายไปในดงไม้อย่างรวดเร็ว !

“พัส ! ระวัง !”
พิมาลาเบิกตาโพลง ตกใจสุดขีด

“เฮ้ย!!!”

พัสสนรีบหมุนพวงมาลัย หักหลบกะทันหัน จนรถส่ายสะบัดไปมา

“ว้าย !”

แจ๋นหลับตาปี๋ กอดชิกันแนบอกเอาไว้แน่น กลัวนายน้อยจะตกใจขวัญหนี
ในใจภาวนาคิดถึงแต่ พ่อแก้ว แม่แก้ว ช่วยลูกด้วย...



Create Date : 14 พฤษภาคม 2553
Last Update : 14 พฤษภาคม 2553 7:56:16 น. 1 comments
Counter : 251 Pageviews.

 
เป็นเรื่องที่แต่งได่น่าสนใจมากครับ อยากอ่านต่อ


โดย: โอ IP: 114.128.68.14 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:13:44:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดับตะวัน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดับตะวัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.