Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
28 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

พิภพอำพราง ตอนที่ 6


พิภพอำพราง ตอนที่ 6
อำพันเรขา

รถยนต์สีฟ้าน้ำทะเลส่ายสะบัดไปมา ก่อนทิ่มลงจอดข้างทาง ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของแจ๋นที่แทบไม่เป็นภาษามนุษย์ เพียงอีกไม่กี่ถึงคืบก็จะชนกับต้นไม้ใหญ่สูงสล้างข้างทาง พัสสนแตะเบรกตัวโก่ง กระชากรถยนต์ชะงักกึก พิมาลาแทบหน้าทิ่ม ดีแต่ว่าคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ จึงช่วยยึดร่างให้ตรึงกับเบาะไว้ ไม่กระแทกกับคอนโซลหน้ารถ

ชายหนุ่มกุมพวงมาลัยมือเปียกชื้น ยังตกตะลึงกับเหตุการณ์ชวนระทึกขวัญที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาไม่ได้ตาฝาดไปแน่ๆ เงาดำทะมึนของอะไรบางอย่าง วูบผ่านตัดหน้ารถขณะเข้าโค้งหักศอกหายไปในดงไม้รวดเร็วเกินกว่าจะมองได้ทัน

“เมื่อกี้อะไรน่ะ...พิม”

“คงเป็นสัตว์ป่าพวกเก้งกวาง หรือไม่ก็หมูป่ามั้ง วิ่งตัดหน้าอย่างงี้ขวัญหนีหมด ดีไม่ดีได้พลัดตกเหวเอาง่ายๆ”

พิมาลาแกล้งบ่นกระปอดกระแปดเป็นชุด แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเงาที่เห็นนั้นสูงใหญ่เกินกว่าที่จะเป็นสัตว์ป่าธรรมดาๆ ออกจะเหมือนเงาคนวิ่งตัดหน้ารถเสียมากกว่า

“แต่แจ๋นเห็น...”
แจ๋นไม่ทันอ้าปากเถียง พิมาลาก็รีบสวนขึ้นมาก่อน

“อย่าเพ้อเจ้อน่ะแจ๋น เรารีบไปกันต่อเถอะ”
แจ๋นนั่งก้มหน้านิ่ง นึกค้านในใจ

แม้จะยังไม่ทันกระจ่างว่าเงาที่เห็นเมื่อครู่คืออะไรกันแน่ แต่ชายหนุ่มก็หมุนพวงมาลัยเคลื่อนรถกลับไปยังถนน ขับต่อไปด้วยความระมัดระวังยิ่งขึ้น ค่อยๆเคลื่อนรถออกไปไต่ไหล่เขาที่สูงชัน บรรยากาศภายในรถเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ เว้นแต่สียงหัวใจที่ยังคงเต้นระรัว

แจ๋นหันกลับไปยกมือไหว้ศาลไม้ทรงไทย แล้วแทบตาค้างเมื่อเหลือบเห็นตุ๊กตานางรำแสยะยิ้มเห็นเขี้ยวยาวโง้งยื่นออกมาจากปาก แต่พอขยี้ตาให้เห็นชัดๆ ภาพนั้นก็หายไปแล้ว จนอดนึกในใจไม่ได้
‘หรือว่า... เราจะตาฝาดไป’

และหากมีใครสักคนลดกระจกลง คงจะได้ยินเสียงหัวเราะแหบแห้งของชายชราจากที่ไหนสักที่ดังโหยหวนลอยมาตามลม !!!
*********************************************

พระอาทิตย์ยามอัสดงคตทอแสงสีส้มแสดจับตา มองเห็นหมู่บ้านอยู่เบื้องล่างที่โอบล้อมด้วยภูเขาลิบๆ เล็กราวกับบ้านตุ๊กตา อากาศบนดอยนี้ค่อนข้างเย็น จนพัสสนรู้สึกได้ถึงพลังไอยะเยือกเป็นระลอกๆลอยเคลื่อนผ่านตัวไป โคนต้นไม้โดยรอบมีตะไคร่น้ำและไลเคนเขียวปี๋จับที่ลำต้นชี้ให้เห็นว่าอุณหภูมิในผืนป่าแห่งนี้ค่อนข้างต่ำ แมกไม้ที่รกหนาบดบังแสงอาทิตย์ไม่ให้สาดส่องลงมา ทำให้ทั่วอาณาบริเวณดูมืดเร็วกว่าปกติ ชายหนุ่มรู้สึกขนลุกซู่อย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่รู้เป็นเพราะอากาศหรือบางสิ่งบางอย่างที่ยากจะอธิบายทำให้รู้สึกขนลุกซู่ตลอดเวลา

“ป่าแถวนี้เป็นป่าดิบชื้น ถัดเข้าไปก็เป็นดอนปู่ตา”
พิมาลาทำหน้าที่มัคคุเทศก์สาวแนะนำสถานที่

“ดูเงียบๆ วังเวงพิกล”
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังเร้นลับ แม้จะฟังดูงมงาย แต่ก็รู้ตัวดี... เขามีสัมผัสที่ 6 !

“บนป่าบนดอยก็สงบอย่างนี้แหละ จะให้จ๊อกแจ๊กจอแจเหมือนเมืองกรุงได้อย่างไร”

พัสสนหันมองสังเกตรอบๆตัว คิ้วเข้มคมจัดขมวดมุ่นสงสัย
“ป่าแถวนี้ก็ออกจะอุดมสมบูรณ์ แต่ทำไมไม่เห็นได้ยินเสียงนกสักตัว”

พิมาลาเริ่มสังเกตตามชายหนุ่ม จริงของเขา... ป่าวันนี้เงียบเชียบผิดปกติ แม้แต่หรีดหริ่งเรไรสักนิดก็ไม่ได้ยินกระทั่งเสียงกรีดปีก
“คิดมากน่า... ทำตัวเป็นตาแก่ขี้สงสัยไปได้”
พิมาลาแกล้งกลบเกลื่อน

“หรือว่า...”
พัสสนทำหน้าจริงจัง แล้วเงียบชะงัก พิมาลาจ้องหน้า รอฟังว่าเขาจะพูดกระไรต่อไป

“มีใครกำลังแอบฟังเราสวีทกันอยู่”
พัสสนยิ้มทะเล้น

“ตาบ้าเอ๊ย !”
หญิงสาวซัดผลั๊วะเข้าที่ต้นแขนแข็งๆของชายหนุ่มโทษฐานที่ล้อเธอเล่น

“แจ๋นกับคุณหนูชิกันขอตัวก่อนดีกว่านะคะ” แจ๋นพูดขัดจังหวะ

“อ้าว! ทำไมล่ะ”
พิมาลาทำตาโต

“แจ๋นไม่อยากอยู่เป็น ก ข ค น่ะค่ะ”

“นี่ ให้มันน้อยๆหน่อยนะจ๊ะ แม่แจ๋นจอมจุ้น”
พิมาลาเท้าเอว ทำตาดุใส่

สาวใช้ยิ้มทะเล้นจับมือหนูน้อยชิกันโบกมือบ๊ายบาย ก่อนเดินปลีกไปอีกทาง

“อย่าไปไหนไกลนะ ฉันเป็นห่วง”
หญิงสาวตะโกนไล่หลัง แม้สาวใช้จะอุ้มหลานชายเดินลับตาไปแล้ว

“เออ แล้วคุณพ่อของพิมล่ะ ผมยังไม่เห็นท่านเลย”
พัสสนจุดประเด็นสนทนา โดยมากพิมาลามักจะเล่าเรื่องราวของทางบ้านเธอให้ฟัง แต่ที่น่าสังเกตก็คือเธอไม่เคยเอ่ยถึงพ่อของเธอเลย

“ท่านแยกทางกับคุณแม่หลายปีแล้วค่ะ”
น้ำเสียงของหญิงสาวเศร้าลงเล็กน้อย

“ขอโทษครับ ผมไม่น่า...”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว”
*********************************************

แจ๋นอุ้มชิกันชี้ชวนดูดอกกล้วยไม้ป่าหลากสีที่คาคบไม้ บางต้นทอดยอดชูชัน บางต้นก็ออกดอกเป็นพวงห้อยระย้า เด็กน้อยยิ้มร่าชอบใจ แจ๋นคล้ายตกอยู่ในภวังค์มนต์สะกดของผืนป่าเดินทอดน่องอุ้มเด็กน้อยเพลินจนไม่รู้ตัวว่าเดินเข้าไปในเขตป่าลึกทุกที

จนกระทั่ง...
“เอ๊ะ !”
สาวใช้จอมยุ่งทำจมูกฟุดฟิด

“ลมพัดกลิ่นอะไรโชยมานะ ห๊อม หอม เหมือนผลไม้สุก”
ไม่ทันขาดคำ เสียงท้องร้องจ๊อกๆของแจ๋นก็ดังขึ้น เด็กน้อยจ้องมองที่ต้นเสียง จนแจ๋นต้องยิ้มเขิน

“แฮะๆ เสียงท้องแจ๋นร้องเองเจ้าค่ะ คุณหนู”

แจ๋นเดินตามกลิ่นหอมจัดของฝรั่งเข้าไปในป่าเรื่อยๆอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนกระทั่งพลัดเข้าไปในดินแดนต้องห้าม...ดอนปู่ตา !

“กลิ่นมาจากทางนี้”
สาวใช้เดินตามหาจนพบกับต้นฝรั่งขี้นกต้นใหญ่

“อ๊า นั่นไง ฝรั่งสุกเต็มต้นเลยอยู่สูงจนต้องปีน อยู่นี่ก่อนนะคะคุณหนู เดี๋ยวพี่แจ๋นปีนขึ้นไปเก็บฝรั่งมาทานกัน อย่าไปไหนนะคะ”

แจ๋นสั่งชิกันก่อนวางเด็กน้อยกับพื้นหญ้า ส่วนตัวเองก็รวบชายผ้าถุงปีนขึ้นต้นฝรั่งทะมัดทะแมง เด็กน้อยก็คลานเล่นอยู่กับพื้น ส่งเสียงอ้อแอ้ด้วยความซุกซน

พลันตาของเจ้าหนูก็เหลือบไปเห็นกระต่ายน้อยสีขาวขนปุกปุย เจ้ากระต่ายกระโดดแผล็วหนีเข้าไปในเขตดอนปู่ตา หนูน้อยจอมซนก็คลานตามไปพลางร้องอ้อแอ้จนพบเข้ากับ...

รังของงูจงอาง !
มันกำลังกกไข่ของมันอยู่ มันขู่เสียงดังฟ่อ ๆ ก่อนที่จะเตรียมตัวพุ่งเข้าฉกผู้บุกรุก

ในทันใดนั้นเอง ปรากฏมือลึกลับมือหนึ่งคว้าคอเจ้างูร้ายไว้ก่อน !

เจ้าของมือเป็นสตรีลึกลับนางหนึ่งหน้าตาสะสวย แต่ช่างเป็นความสวยที่น่าสะพรึงเพราะตั้งแต่ส่วนเอวของเธอลงไปนั้นแทนที่จะมีรูปร่างลักษณะเหมือนมนุษย์ทั่วไป กลับกลายเป็นท่อนหางที่ปกคลุมด้วยเกล็ดแข็ง

นางนั้นยิ้มอย่างพึงพอใจ นางปิศาจครึ่งมนุษย์ครึ่งงูคว้าเหยื่อที่จับได้ใส่ปากเคี้ยวกร้วม ๆ พอกินหมด มันหันมามองที่เด็กน้อย ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความหิวกระหาย มันอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา หมายใจจะขย้ำเด็กน้อยเป็นอาหารโอชะ แผดร้องคำรามน่ากลัว

“แฮ่...ฟ่อ...”

ในทันใดนั้น มีกรงเล็บลึกลับพุ่งมาจากข้างหลังนางปิศาจ จิกหนังหัวของมันกระชากรุนแรงจนเศษเนื้อติดมากับมือ แล้วตะปบไปยังดวงตาจนกระทั่งปะทุออกมานอกเบ้า นางปิศาจงูกรีดร้องลั่น

“กรร...ซ”

“ส่งเด็กนั่นมาให้ข้า เร็ว !”

ปิศาจที่ปรากฏตัวมาใหม่นั้นมีรูปร่างคล้ายคนครึ่งค้างคาว มันกระพือปีกบินอยู่เหนือร่างนางปิศาจงู กระชากเสียงบอก

“ไม่ ไปให้พ้น อย่ามาแย่งข้ากิน เหยื่อของข้า ข้าหามาได้”

“ข้าบอกให้ส่งมา”

“ไม่อย่ามาแย่งข้า”

นางปิศาจงูอุ้มเด็กน้อยเลื้อยหนี แต่ปิศาจค้างคาวก็ยังบินไล่ตามไปติดๆอย่างไม่ลดละ แล้วโฉบเอาร่างเด็กน้อยทะยานขึ้นฟ้าไป ท่ามกลางเสียงคำรามเกรี้ยวกราดของนางปิศาจงู
*********************************************

ทางด้านพัสสนกับพิมาลา ทั้งสองกำลังเดินเล่นอยู่ที่ชายป่า

“มืดแล้ว กลับบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวได้เวลาอาหารเย็น แจ๋นอยู่ไหนละนี่”
พิมาลาหันซ้ายหันขวา หาสาวใช้ตัวดี
“คงจะไปไหนไม่ไกลละมั้ง”

ทันใดนั้น แจ๋นก็วิ่งหน้าตาตื่น ร้องแรกแหกกระเชอเข้ามาหา
“คุณพิมขา คุณพิม...”

“แจ๋น มีอะไร ตาหนูล่ะ”
พิมาลาถามถึงเมื่อเห็นแจ๋นวิ่งมาเพียงคนเดียว ไร้วี่แววของหลานชาย

“คุณหนู ...คุณหนู หายไปแล้วค่า”
แจ๋นละล่ำละลักเหมือนจะร้องไห้

“อะไรนะ”
พิมาลาหน้าซีดเผือด

“หายไปได้ยังไง”
พัสสนตั้งสติได้เร็วกว่า รีบถามไถ่เหตุการณ์จากแจ๋น

“คือหนูเข้าไปเก็บฝรั่งในดอนปู่ตา หนูเลยวางคุณหนูไว้ แล้วปีนขึ้นไปเก็บฝรั่ง พอลงมาก็ไม่พบคุณหนูแล้วค่า”
แจ๋นเล่าเหตุการณ์เสียงสั่น

“เข้าไปในดอนปู่ตา ! ตายแล้ว !”
พิมาลาลมแทบจับเมื่อรู้ว่าสาวใช้พาหลานชายเข้าไปในเขตต้องห้าม

“พาผมไปดูที่เกิดเหตุเดี๋ยวนี้”
แจ๋นถลกผ้าถุงวิ่งนำหน้าพิมาลากับพัสสนไปยังต้นฝรั่งจุดเกิดเหตุทันที

“ตรงนี้ค่ะ ตรงนี้”
แจ๋นชี้ตำแหน่งที่วางชิกันไว้ พิมาลากวาดตามองหาหลานชายแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

“คลานไปไหนแล้วนะ ชิกันยิ่งซนๆอยู่ด้วย”

“ผมว่าเราแยกกันค้นหาดีกว่า... แจ๋น ! เธอไปทางโน้น ! ส่วนผมกับพิมจะไปทางนี้เอง !”

“ได้ค่ะ ได้...”

แจ๋นรีบวิ่งไปตามหานายน้อยตามคำสั่งทันที พิมาลาถึงกับกุมขมับ อยากจะร้องไห้

“ป่านนี้ ชิกันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ !”




 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2553
1 comments
Last Update : 28 พฤษภาคม 2553 8:06:24 น.
Counter : 389 Pageviews.

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 28 พฤษภาคม 2553 12:15:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดับตะวัน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดับตะวัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.