|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ซาตานรักบัลลังก์ทราย ตอนที่ 12
โดย แก้วอินทนิล
องค์หญิงโซบีเด นางทาสร่างใหญ่น้อมกายถวายคำนับอย่างลนลาน ไม่ใช่เรื่องปกติที่นายหญิงผู้ดำรงศักดิ์สูงสุดแห่งอีแลมจะเสด็จยังห้องเครื่อง
หญิงอัปลักษณ์หมอบกายตัวสั่นงันงกด้วยหวาดกลัวความผิด
นำนางมา สุรเสียงกริ้วจัดตวาดดัง นางทาสเบาปัญญายังคงตัวสั่นผวา ไม่เข้าใจความหมายจนต้องให้บอกซ้ำ
นำนางทาสผู้นั้นออกมา
องค์หญิงโซบีเดขุ่นแค้นแน่นอก ชีคหนุ่มผู้มีรูปลักษณ์ต้องตาแต่แรกเห็น เรือนร่างกำยำใบหน้าคมเข้ม ชาติตระกูลหรือก็ไม่ธรรมดา ชายชาตรีทั่วหล้าสำหรับนางแล้วขอเพียงต้องใจ อำนาจบารมี เงินทองล้วนไม่จำเป็น โซบีเดมีพร้อมแล้วทุกสิ่ง
ชั่วชีวิตขององค์หญิงผู้เลิศลักษณ์ ไม่มีสิ่งใดที่พึงใจแล้วไม่ได้มาครอบครอง องค์ชายจากเมืองไกล ขุนศึกหนุ่มผู้พิชิตมาแล้วทั่วทิศ ยังต้องสยบอยู่แทบเท้านาง
ยังไม่เคยพบชายเยี่ยงอัสเซมาน ชายผู้ปฏิเสธนางอย่างไม่ใยดี กลับห่วงหาแต่นางผู้ต่ำศักดิ์ นางทาสต่ำต้อยผู้นั้นมีดีอย่างไร อัสเซมานจึงห่วงหาไม่ว่ายามหลับหรือตื่น
โซบีเดเพิ่งละจากเขามา หลังจากตั้งใจว่าจะเข้าไปทำความรู้จักคุ้นเคยมากขึ้น แรกฟื้นคืนสติดูเขาพึงใจนางอยู่ไม่น้อย แต่หลังจากนั้นกลับวางท่าเฉยเมย ทั้งยังมองออกว่าไม่ยินดีในการสนทนากับนาง คำแรกที่หลุดจากปากคือถามหานางทาสที่เดินทางมาด้วยกัน
นั่นคือชนวนแห่งเพลิงโทสะขององค์หญิงโฉมงาม จนต้องรีบรุดมาด้วยตนเอง
วิภาฟาฮัตนางทาสร่างอ้วนฉุดกระชากดุลยาผลักลงแทบเท้า กล่าวประจบเอาใจใส่ไคล้
นางทาสมาแล้วเพคะนายหญิง นางขี้โรคไร้เรี่ยวแรง ทำอะไรก็ไม่เป็นแถมโง่เง่า วิภาสอนอะไรก็ไม่จำเลยเจ้าค่ะ สมองกลวงจริงๆ นางแสยะปากเชิงรังเกียจ
ดุลยาตกใจตัวสั่น เธอทำงานเหนื่อยหนักมาทั้งวันอย่างไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน จู่ๆนางทาสอ้วนก็เข้าไปลากตัวถึงที่ ทั้งหยิกตีฉุดกระชาก ปากก็ร้องด่าสารพัด
อีโง่ แกไปทำความผิดอะไรไว้ องค์หญิงถึงต้องเสด็จมาตามถึงที่นี่ ซวยจริงๆฉันไม่น่ารับแกมาดูแลเลย อย่าได้ซัดทอดฉันทีเดียวเชียว ถ้าแกพูดมากล่ะก็ ฉันจะตบให้น่วมเลยคอยดู วิภาฟาฮัตชี้หน้ากล่าวคาดโทษเอาไว้
ร่างเล็กบอบบางทรุดอยู่แทบเท้าราวกองผ้าขี้ริ้วเก่าๆ โซบีเดชักเท้าหนีด้วยความเดียดฉันท์
เงยหน้าขึ้นซิ เงยหน้าขี้น! นังทาสสกปรกมันจะสักเท่าไรกันขนาดเสื้อผ้ายังเก่าขาดโสโครกเสียขนาดนี้
ดุลยาค่อยเงยหน้าขึ้นตามคำสั่ง เพราะหากยังขืนชักช้านางวิภาที่อยู่ด้านหลังคงไม่ใช้แค่มือสะกิดแน่
ใบหน้าเล็กมอมแมมเงยขึ้นสบตา โซบีเดรู้สึกชาวูบตลอดร่างยามเมื่อสบกับดวงตากลมที่วาววามคู่นั้น ตากลมโตสีนิลที่คลอด้วยน้ำตายิ่งส่องประกายพราว
แม้แววตาจะดูเลื่อนลอยหวาดหวั่นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่างดงามยิ่งกว่าอัญมณีใดที่เคยพบมา ใบหน้างามประหลาดที่แม้คราบฝุ่นเขม่าดำหรือเสื้อผ้าขะมุกขะมอมก็ไม่อาจบดบังเอาไว้ได้
มันอย่างนี้นี่เล่า! ที่ขุ่นแค้นในใจดูเหมือนจะร้อนรุ่มเพิ่มอีกร้อยเท่าพันเท่าด้วยริษยา งามอย่างนี้นี่เล่า เจ้าเป็นทาสอย่างนั้นหรือ
ข้าเป็นทาสของท่านอัสเซมานเจ้าค่ะ นายหญิง ดุลยาลนลานรับคำ
นายของข้าเป็นอย่างไรบ้างนายหญิง เขาบาดเจ็บหรือเปล่า ท่านให้ข้าได้พบเขาได้หรือไม่นายหญิง
โซบีเดมองนางทาสโฉมงามผู้เกาะกุมข้อเท้าของนางอย่างตรึกตรอง มันสำคัญต่ออัสเซมานอย่างไร เหตุใดชีคหนุ่มจึงห่วงใยยิ่งกว่าความเป็นความตายของตนเอง
ที่สำคัญ
มันเป็นเพียงทาสแน่หรือ??
นายของเจ้าปลอดภัย เขาสบายดี โซบีเดยิ้มหยัน ไม่ต้องห่วง เขาอยู่ในความดูแลของข้า
เขาฝากข้าให้มาดูนางทาสที่ติดตามเขามา และตอนนี้เขายกเจ้าให้ข้าแล้ว โซบีเดย่อกายลงเชยคางนางทาสสกปรก
เจ้าเป็นคนของข้า เป็นทาสของข้า เข้าใจหรือไม่ ดุลยาได้แต่ค้อมศีรษะรับ
องค์หญิงตรัสด้วยก็ตอบสินังโง่ วิภาฟาฮัตที่ด้านข้างผลักไหล่บอบบางจนเซ ครั้นเงยหน้าขึ้นยิ้มประจบก็พบดวงเนตรแข็งกร้าวของนายเหนือหัวตวัดดั่งจะบอก อย่าแส่ จึงหน้าซีดเผือดก้มหน้าค้อมหัวแทบจรดพื้น
เจ้าค่ะ เข้าใจเจ้าค่ะ ดุลยารีบกล่าว
นายของเจ้าคงอยู่ที่นี่อีกหลายราตรี อาการของเขากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ เขาว่าอยากจะอยู่อีกสักพักเพื่อศึกษาการใช้ชีวิตทีนี่ดู ไม่แน่นักอาจจะลงหลักปักฐานที่นี่ โซบีเดแย้มโอฐงามน้ำเสียงแฝงความสุขเป็นล้นพ้น
ดูท่าเขาคงไม่อยากจากที่นี่ไปอีกแล้ว คำกล่าวแฝงนัยซ่อนเร้น องค์หญิงโฉมงามเปิดโอฐหัวเราะเสียงใส
เขาแทบไม่อยากห่างจากข้าแม้ขณะเดียว เจ้าเข้าใจหรือไม่นางทาสชั้นต่ำ นางเชยคางดุลยาบีบเน้น จ้องลึกในดวงตาวาววาม
อัสเซมานนายของเจ้า เป็นของข้าแล้วทั้งกายและใจ
---------------------------------
เสียงคนพูดคุยและเสียงฝีเท้าหนักที่เดินมาตามทางเดิน ทำให้ชีคหนุ่มต้องพรางตนกลับเข้าด้านหลังเสาหินต้นใหญ่ ร่างกายของเขายังไม่ฟื้นตัวนัก แต่ก็แข็งแรงพอที่จะเคลื่อนไหวเล็ดรอดออกมาจากห้องรับรองได้ แต่ทหารยามชั้นนอกนี่สิ ดูท่ายากแก่การฝ่าออกไป
ตลับยาทำจากโลหะขนาดเล็กที่หยิบฉวยติดมือมา ถูกโยนไปทางเดินด้านตรงข้าม เสียงกุกกักเรียกความสนใจจากทหารที่คุมเชิงอยู่ รีบออกจากที่ประจำการไปตรวจดู อัสเซมานฉวยโอกาสนั้นสาวเท้าไปตามแนวกำแพงออกไปสู่ทางที่คาดว่าเป็นทางออกไปจากที่นี่
นั่นใคร! เสียงตวาดดังก้องช่องทางแคบๆนั้น อัสเซมานหันไปขยับกายในท่วงท่าเตรียมพร้อม
จับตัวมัน เสียงเดิมสั่งการ ทหารราวสิบกว่านายกรูกันมาตามทางเดิน
มันมาจากไหน บุกรุกเข้ามาถึงที่นี่ จับเอาไว้ ดูท่าทหารยามชุดนี้ไม่ทราบความเป็นมาของแขกคนสำคัญ
อัสเซมานยิ้มหยัน แค่ทหารเลวหยิบมือหนึ่งบังอาจมาล้อมจับ พวกมันคงไม่รู้ว่าเขาและกองกำลังไม่กี่สิบนายเคยเร้นกายโจมตีทหารหมู่หนึ่งของฟาลุก กวาดล้างเสียสิ้นในคืนเดียว!
ชายหนุ่มร้อนรุ่มด้วยความเป็นห่วงดุลยา แม้องค์หญิงโซบีเดจะบอกว่านางถูกช่วยเหลือไว้พร้อมกับเขาและปลอดภัยดีก็ตาม
หากไม่เห็นกับตาเขาคงไม่อาจวางใจได้
ทหารเลวสองนายพุ่งตัวเข้ามาพร้อมอาวุธในมือ อัสเซมานเบี่ยงกายหลบเล็กน้อยอาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่าประชิดเข้าจับข้อแขนหักเสียแค่บิดมือคราเดียว เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดแผดก้องไปทั้งบริเวณ เจ้าพวกที่รั้งรออยู่ถึงกับผงะหน้าถอดสี ดวงตามีแววหวั่น
ทหารเลวอ่อนหัดเยี่ยงนี้ต้องจับไปฝึกกับไกฟาร์สักปีครึ่งปีจึงจะ พอใช้ได้
พวกหน้าตัวเมียขี้ขลาดมองตากันเลิ่กลั่กสุดท้ายกลุ้มรุมเข้ามานับสิบ หากเป็นยามปกติอัสเซมานจะจับหักแขนขาสั่งสอนเสียให้สาสม ความรุ่มร้อนในใจทำให้ชายหนุ่มลืมนึกร่างกายที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เพียงชั่วครูเขาก็อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด มดปลวกจำนวนมากอาศัยโอกาสนี้ลอบกัด
เขาป่ายปัดพวกมันออกไปได้ราวสี่ห้าคน พวกที่เหลือกลับเสือกตัวเข้ามาทุกด้านจับแขนขาของเขาไว้ อาวุธหนักอย่างหนึ่งฟาดเข้าที่ท้ายทอยถนัดถนี่จนชาวาบไปตลอดร่าง ร่างสูงทรุดฮวบลง มือเท้านับสิบได้โอกาสซ้ำเติมลงมาตามตัวเจ็บปวดจนแทบขาดใจ
พวกหมาหมู่ ชายหนุ่มพึมพำในสติอันเลือนลาง
ก่อนจะหมดความรู้สึกชายหนุ่มมองเห็นดวงหน้างามอาบน้ำตาของสตรีที่อยู่ในห้วงคำนึงทั้งยามหลับยามตื่น
ดุลยา
ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดับมืดลง
--------------------------------- ใครเป็นคนสั่งพวกเจ้า สุรเสียงเกรี้ยวกราดขององค์หญิงโซบีเดดังก้องไปทั่งบริเวณ
ทหารเลวรวมทั้งนางกำนัลทั้งหลายต่างอกสั่นขวัญแขวน ทรุดตัวถวายคำนับแทบจะแทรกกายลงกับพื้นตัวสั่นงันงกกันถ้วนหน้า
ข้าถามว่าใครสั่งให้เจ้าทำร้ายเขาขนาดนี้ เมื่อไม่ได้รับคำตอบใดๆเท่ากับเป็นการกระพือโทสะของนางโหมยิ่งขึ้นไปอีก
ใครรับผิดชอบที่นี่
องค์หญิง เกล้ากระหม่อมเองพระเจ้าค่ะ หัวหน้าหมู่เวรยามก้าวออกมาคุกเข่าสีหน้าซีดเผือดแทบไม่เห็นสีเลือด
ข้าบอกให้เฝ้าอารักขา ไม่ได้ให้รุมทำร้ายเขา สุรเสียงเข้มกดให้นิ่งแม้ยามโทสะลุกโชน
ข้าถามว่าใครสั่งให้เจ้าทำ
มะ มะ ไม่มีพระเจ้าค่ะ พวกที่มาเข้าเวรใหม่ไม่ทราบว่าท่านที่อยู่ฝ่ายในเป็นแขกคนสำคัญ จึงเข้าใจผิดว่าเป็นผู้บุกรุก
เจ้าเป็นหัวหน้า กลับไม่สามารถจัดการตามคำสั่งของข้าได้ ยังปล่อยให้ลูกน้องกระทำผิดใหญ่หลวง
สุรเสียงยังนิ่งขณะสาวพระบาทเข้าไปหา หัตถ์งามดึงดาบประจำกายนายทหารหัวหน้าหมู่ คมดาบออกจากฝักก่อให้เกิดเสียงท่ามกลางความเงียบ ดาบโค้งแวววาวสะท้อนสายพระเนตรกร้าวกระด้างขององค์หญิงโฉมงาม
นายทหารหนุ่มผวาขึ้นสุดตัว ดวงตาเบิกค้างแม้เมื่อเงาดาบตวัดฉับลงมา เส้นเลือดใหญ่ที่คอถูกฟันขาดในดาบเดียว เลือดสีแดงเข้มพุ่งกระฉูดเปรอะไปทั่ว เสียงหวีดร้องเบาๆของนางกำนัลดังขึ้นแล้วกลับเงียบกริบ
โซบีเดทิ้งดาบลงกับพื้นเสียงดังเปรื่อง
เก็บศพมันไปตัดหัวเสียบประจาน ก่อนพระอาทิตย์ตกแต่งตั้งหัวหน้าองครักษ์คนใหม่ บอกมันให้รู้หน้าที่ อย่าให้มีเรื่องแบบนี้อีก
นางหันไปทางร่างที่หมดสติของอัสเซมาน พาเขาเข้าไปที่ห้องพักของข้า ตามหมอหลวง
ขบวนตามเสด็จเคลื่อนกายรวดเร็วปฏิบัติหน้าที่โดยไม่กล้าปริปากแม้สักแอะเดียว ไม่มีผู้ใดสังเกตหญิงอ้วนหน้ามันเพราะกรำงานในครัว ผู้เร้นกายอยู่ในมุมอับและเห็นเหตุการณ์โดยตลอด
ใบหน้าอัปลักษณ์ซีดเผือดมือกำเกร็งยัดเข้าอุดปากสกัดเสียงกรีดร้องของตนเองเอาไว้ ค่อยคลานถอยกลับออกไปอย่างเงียบกริบ
--------------------------------- งามเหลือเกิน หรือท่านจะเป็นเทพจำแลงมา โซบีเดพร่ำขณะลูบไล้ผืนผ้านุ่มชื้นไปตามร่างกายของชีคหนุ่ม ร่างกายท่อนบนของเขาถูกปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจนสิ้น นางใช้ผ้าซับคราบเลือดและฝุ่นสกปรก
ชั่วขณะที่ได้สัมผัสผิวเนื้ออุ่นองค์หญิงโฉมงามถึงกับชะงักไป ก่อนจะจับต้องโลมลูบอย่างหลงใหล เรือนกายกำยำกล้ามเนื้อเต็มแน่นปลุกเร้าอารมณ์ประหลาดในกายให้พลุ่งพล่าน ดวงหน้าเข้มคมยามหมดสติแลดูอ่อนเยาว์ราวหนุ่มน้อย
เขาขยับกายเล็กน้อยเป็นสัญญาณของสติที่ค่อยฟื้นคืนมา ร่างกายยังคงบอบช้ำพละกำลังยังไม่สมบูรณ์นัก ชีคหนุ่มส่งเสียงครางแผ่วเบาในลำคอ โซบีเดยินดียิ่งรีบแนบร่างเข้าหา นางเอนอิงแนบเนื้อนวลเข้ากับเรือนกายที่ร้อนผ่าว โอฐงามประทับจูบไปตามแผ่นอกอย่างหวงแหน
ท่านเป็นของข้า เป็นของข้าคนเดียวเท่านั้น นางยังพร่ำ หยัดกายขึ้นมอบจุมพิตด้วยความเสน่หาท่วมท้น
แขนแข็งแรงของอัสเซมานยกขึ้นเกาะเกี่ยวแม้ดวงตาหลับพริ้ม โซบีเด ลิงโลดในใจอย่างประมาณมิได้ นางส่งปลายลิ้นกระหวัดพันได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี ริมฝีปากหนาดูดกลืนความหอมหวานแนบแน่นล้ำลึก อุ้งมือใหญ่ปัดอาภรณ์บางเบาที่ปกปิดจนหลุดรุ่ยร่ายคว้าจับที่เนินอกงามเคล้นคลึง
อา องค์หญิงโฉมงามแห่งอีแลมถึงกับเผลอตัวครวญเสียงหวาน ร่างกายร้อนผ่าวราวสาวน้อยวัยแรกแย้มที่มิเคยต้องมือชาย
อารมณ์พิศวาสนั้นแสนประหลาดนัก โซบีเดผู้สูงศักดิ์ถึงกับเผลอกายเผลอใจไร้อายเบียดบดร่างเข้าหา ไม่ว่าอัสเซมานจะสัมผัสนางรุนแรงปานใดนางกลับพึงพอใจไปเสียสิ้น
มือของเขากอดรัดป่ายปะไปทั่วร่าง ชั่วขณะหนึ่งเรือนร่างแข็งแรงกลับพลิกกายขึ้นคร่อมทับ ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบทับไปทั่วใบหน้าและซอกคอ โซบีเดแย้มสรวลอย่างสมพระทัย
ในที่สุดเจ้าก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป อัสเซมานของข้า ได้โปรด นางกอดเกี่ยวเขาไว้แนบอก กดศีรษะซุกซบกับอกคู่งาม พักตร์งามแหงนเงย
ข้ารักเจ้าเหลือเกินดุลยา อัสเซมานกล่าวแผ่วเบา ---------------------------------
Create Date : 23 มิถุนายน 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 25 มิถุนายน 2554 12:18:41 น. |
Counter : 662 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|