Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
2 กันยายน 2553
 
All Blogs
 

กฎรัก บัญญัติหัวใจ บทที่ ๔

:+: กฏรัก...บัญญัติหัวใจ  บทที ๔:+:





“แกโกรธฉันเหรอ?” แขไขถาม เมื่อย้อนกลับมาจากการออกไปส่งพิธานและ
อรรณพขึ้นรถ สวนกับนารินที่หน้าเฉยมือข้างหนึ่งหอบม้วนกระดาษยาว ทำ
ท่าจะออกจากบริษัทไปโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ

“หากว่างานนี้ จะทำให้สิ่งที่ค้างคากันอยู่หมดไป ฉันก็อยากให้จบซะนาริน” 
แขไขพูดเสียงหนักอย่างจริงจัง ไม่สนใจกับท่าทีของเพื่อน

นารินหยุดหันกลับมา ใบหน้าเฉยเชิดขึ้น “ทำไมฉันถึงมีความรู้สึกว่า ตัวเองถูก
หักหลังอย่างนี้นะ”

“อย่ากล่าวหาฉัน ในเมื่อแกเป็นคนออกปากให้ฉันหาเอง”

“ฉันก็ไม่คิดว่าแกจะ...”

“แล้วอรรณพเป็นอะไร อย่าทำให้ฉันคิดว่าแกยังกลัวเขาอยู่นะ?”
แขไขดักคอขึ้นมาเสียก่อน นารินจึงได้เม้มปากแน่นมองเพื่อนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะ
ตอบว่า

“ก็แล้วแกจะทำให้ฉันเล่นละครว่ารักกับผู้ชายที่เกลียดฉัน เพราะฉันทำให้เขาเสีย
คนที่เขารักไปได้ยังไง”

“เขาไม่ได้รักฉันมากมายนักหรอก”แขไขยักไหล่ “ ถ้าจะคิดถึงเรื่องเก่าๆ กันแล้ว ที่เขา
โกรธเรื่องทั้งหมด เป็นเพราะเขาไม่คิดว่าแกจะโกหกเขาเท่านั้น จะว่าไปแล้วอรรณพ
สนิทสนมกับแกมากกว่าฉันเสียอีก”

“ก็เขาใช้ฉันเป็นบันไดปีนมาหาแกไง”

“และนั่นมันทำให้ฉันคิดอยู่ว่า ทำไมเขาถึงได้เชื่องช้าอยู่กับบันไดนั้นนานนักนาริน” แขไข
จุดยิ้มที่ริมฝีปาก “ฉันไม่อยากจะพูดต่ออีกนะว่า ไอ้ที่ฉันกับเขาเลิกกัน แต่ไหงเขาดันไป
ทะเลาะกับแกนี่สิแปลก”

“แปลกตรงไหน ในเมื่อแกก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไร?” 

 “ก็นั่นแหละที่มันแปลก แกเคยคิดไหมว่าทำไมเขาถึงได้เชื่อแกง่ายๆ”

 “จะไปรู้เหรอ อีกอย่างใครจะไปนึกล่ะว่าหน้าตาฉลาดๆ อย่างนั้นจะหลอกง่าย”

“ก็แกเล่นบอกไปมีท้องกับเขานี่ ”

 “โอ๊ย มันจะมีได้ยังไง ถ้าแกไม่ประสมโรงปล่อยข่าวมันก็ไม่เป็นเรื่องหรอก หาผล
ประโยชน์จากฉันชัดๆ”

“อ๊ะ ก็ฉันนึกว่ามันจริง ในเมื่อคืนนั้นพวกแกนอนด้วยกัน”

“หยุดเลย” นารินตวาด  “เมาขนาดนั้นมันจะไปทำอะไรไหว”

แขไขชี้หน้าเพื่อน พูดอย่างขึงขังว่า“อย่ามาพูดดี แกอาจจะเมาจนจำอะไรไม่ได้ แต่เขา
ตัวเขาเองล่ะ  เขาอาจจะคิดว่าเขาทำอะไรแกก็ได้ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ และมันทำ
ให้เขาเชื่อที่แกโกหก”

“เลิกพูดเรื่องนี้”

นารินตัดบท เดินออกจากบริษัทเสียดื้อๆ ปล่อยให้แขไขยืนยิ้มอยู่คนเดียว ความจริงคืน
นั้นที่กล่าวถึง มันเป็นการเป็นเลี้ยงฉลองกันเล็กๆ น้อยๆ ที่คอนโดของพิธาน มีห้องนอน
อยู่สองห้องเพื่อนก็ไปค้างกันบ่อย ตอนแรกนั้นเธอกับนารินจะกลับไม่ค้าง แต่ตอนหลัง
เพราะนารินเมาเลยเข้าไปนอนในห้อง อรรณพเองก็เมานึกว่าไม่มีใครค้างที่ห้องก็เลยไป
นอนเหมือนกัน สำหรับเพื่อนคนอื่นๆ ก็ทยอยกลับบ้าน เธอเองก็นึกว่านารินกลับกับเพื่อน
คนอื่นแล้วก็เลยไม่สนใจ ปรากฏว่าทั้งคืนนารินนอนอยู่กับอรรณพ ก็เลยไปที่ซุบซิบกัน
เล่นบ้าง แม้จะเห็นว่านารินในตอนนั้นออกจะเป็นทอมๆ อยู่ก็เถอะ ตอนนั้นเธอก็กำลังอยาก
จะหาเรื่องให้อรรรณพเลิกสนใจเธออยู่ ก็เลยแซวนารินเล่นว่าท้องกับเขา อรรณพเขามาถาม
นารินาตรงๆ แต่นารินก็แบ่งรับแบ่งสู้  อีกอย่างวันที่อรรณพถามนาริน ก็ดันตรงกับวัน
แอพพริลฟูลเดย์ด้วย นารินจึงเล่นตลกด้วย ปล่อยให้อรรณพเครียดไปเป็นเดือนนั่นแหละ
ถึงได้บอกว่าไม่มีอะไรล้อเล่น แต่อรรณพโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ยิ่งเธอหันไปคบกับพิธาน
อย่างจริงจัง อรรณพเลยเอาความโกรธทุกอย่างไปทุ่มใส่นาริน ซึ่งตอนนั้นก็แค่ยักไหล่ ช่างมัน!
เธอเองก็มองผ่านเรื่องนี้มานาน เพราะมัวแต่สนใจในเรื่องของตัวเอง จนกระทั่งมันวาบเข้ามา
ตอนที่ต้องการหาใครสักคนที่แข็งๆ มาปราบนารินนี้แหละ และยิ่งคิด ก็ยิ่งตงิดใจ ก็เหมือนกับ
ที่เธอถามนารินไปเมื่อครู่นี่แหละว่า...ทำไมอรรณพจึงเชื่อเอาง่ายๆ



อรรณพ ออกมาพร้อมกับพิธาน แต่เพียงเลยไปสองสามป้ายเขาก็ลง เพราะโทรนัดแท็กซี่ที่เป็นขา
ประจำจากอู่ที่เขาคุ้นเคยกับจากของมารับ เขาไม่อยากรออยู่ที่บริษัทพร้อมกับสาวสองคนนั้น
เพราะมันจะประดักประเดิดเสียเฉยๆ เนื่องจากห่างเหินกันไปนาน  แปลกที่เขารู้สึกธรรมดา
กับแขไขเหมือนยังเป็นเพื่อนกันอยู่  แต่กับนาริน...เขาโกรธเธอ

ความจริงก่อนหน้านั้นใครๆ ก็รู้กันว่าเขาตามจีบแขไข ท่าทางมันก็จะไปได้ด้วยดีถ้าหากจู่ๆ นาริน สาวห้าว
ที่ใครๆ ก็ว่าเป็นทอมจะไม่โผล่เข้ามา และกลายเป็นคู่ซี้แขไขไปอย่างที่เขาเองคาดไม่ถึง แต่นั่น
ก็ใช่ว่าเขาจะละความพยายาม เขาถึงกับทำตัวสนิทสนมกับนารินเสียด้วยซ้ำ ก็แค่จะเอาใจแขไข
หวังให้นารินเป็นสะพานเชื่อมให้ แม้จะมีการพูดเล่นสนุกว่า ทั้งคู่เป็นเสียยิ่งกว่าเพื่อน เขารู้ว่ามัน
ไม่จริงท่าทางนารินห้าวไปอย่างนั้น แต่เป็นผู้หญิงเต็มตัว...มันก็คืนนั้นนั่นแหละ

เขาเมาจำอะไรไม่ได้ แต่ก็รู้สึกตัวขึ้นมาเพราะเสียงอุทานแล้วก็เหมือนตัวเองถูกผลัก เมือลืมตา
แต่ก็เห็นเพียงแผ่นหลังของนาริน ที่ก้าวลงเตียงคว้าเสื้อผ้าใส่ เขายังแกล้งหลับจนกระทั่งเธอเปิด
ประตูออกไป ท่าทางนารินเองก็คงตกใจ แต่เสียงที่ทักทายดังแว่วออกมา มันยิ่งทำให้เขาไม่กล้า
จะลุก แล้วก็ยังแกล้งเป็นหลับตอนที่พิธานเปิดประตูเข้ามา

ก็แน่เสียยิ่งกว่าแน่ที่เพื่อนจะรู้ว่า เมื่อคืนเขากับนารินอยู่ด้วยกัน เขาเมาก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไร
เธอแน่ เพราะยังใส่กางเกงยีนส์เพียงแต่ไปได้สวมเสื้อเท่านั้น แต่เมื่อเห็นซิปกางเกงตัวเองรูดลง
ก็เล่นเอาตกใจเหมือนกัน...มันเป็นเพราะว่าเขาตั้งใจจะถอดมันก่อนนอน แล้วหลับไปก่อน หรือว่า
เป็นเพราะเขาใส่มันทีหลังแล้วลืมรูดซิป ลางๆเลือนๆ อยู่เหมือนกันว่าตัวเองกกกอดร่างนุ่มเนียน
เอาไว้

มันก็ใช้เวลาร่วมอาทิตย์กว่าเขาจะทำใจแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้พูดคุยกับเธอได้ตามปกติ ซึ่งนารินเอง
ก็ทำตัวตามปกติได้เหมือนกัน ...มันทำให้เขาสรุปได้อย่างโล่งใจว่า ไม่มีอะไร
แต่หลังจากนั้นประมาณสองเดือน ข่าวก็แว่วเข้าหู นารินท้อง  เขาถามเธอตรงๆ แต่เธอแบ่งรับแบ่งสู้
แต่ก็เป็นเพราะเขาคิดว่า เธอรู้ว่าเขาไม่ได้รักเธอ แต่รักแขไข มันทำให้นารินไม่อยากพูดถึง เพราะเธอ
เองก็เป็นเพือนสนิทของแขไข

แต่แล้วแขไขก็เป็นคนพูดกับเขาเองว่า สงสัยนารินจะท้อง เพียงแค่นี้เขาก็รู้แล้วว่า ความตั้งใจที่จะเอา
ชนะใจแขไขหมดสิ้นไป...แต่ทั้งๆ ที่เขาคิดว่าตัวเองรักแขไข แต่ก็ไม่รู้สึกอะไรเลยที่ต้องเสียเธอไป...การ
ที่นารินท้องมันเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าความรักจะสมหวังหรือไม่...จะว่าไปแล้วเขาเองก็สนิทสนมกับนาริน
เสียยิ่งกว่าแขไข

เขาไม่คิดว่าตัวเองจะงี่เง่าในตอนนั้น เพียงแต่ไม่คิดว่า ผู้หญิงจะเอาเรื่องอย่างนี้มาล้อเล่น ในมื่อผู้หญิง
บอกว่าท้องกับเขา  มันทำเอาเขาเครียด เหงื่อตก แต่ในด้านของความรับผิดชอบ เขาเต็มที่ ลูกผู้ชายกล้า
ทำก็กล้ารับ ฮึดสู้ พยายามคิดในแง่ดีว่า  เออ ใกล้จบแล้ว ท้องคงไม่โตให้คนเห็น  แต่งงานกันก็ได้ หรือ
จะไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกันก่อน เขาวางแผนชีวิตไว้ตอนนั้น มันก็สนุกดี  เมื่อคิดว่าสามารถควบคุมไม่ให้มัน
เสียหายจนเกินไปได้ยอมรับสภาพได้ และเอาอกเอาใจนารินเป็นพิเศษ แต่แล้วนารินก็บอกกับเขาว่า
 
“ปัทโธ่ ฉันก็ล้อเล่น เอพพริลฟูลแดย์เท่านั้น คิดมากไปได้ ขอโทษนะ” เธอเอ่ยขอโทษด้วยรอยยิ้มอย่าง
ที่เขารู้ว่า มันไม่ได้มีความจริงใจเอาเสียเลย

เขาโกรธที่พวกเธอเห็นการหลอกเขาเป็นเรื่องสนุก ข่าวลือว่าเขาทำผู้หญิงท้องมันเก๋เสียเมื่อไหร่กันล่ะ
เขาโกรธที่คนที่เขาสนใจ หรือคิดว่าตัวเองหลงรัก หาเหตุทิ้งเขาเพราะเรื่องนี้
เขาโกรธเพราะมันทำให้เขาเครียด จนสอบไม่ผ่านวิชาหนึ่ง เรียนจบทีหลังเพือนไปหนึ่งซัมเมอร์
เขาโกรธที่หลังจากนั้นนารินเป็นแม่ชักแม่สื่อให้แขไขกับพิธาน 
เขาโกรธที่ตอนนั้นหลงคิดว่าเธอท้อง แล้วเขาไปมีน้ำใจให้เธอ ถึงกับทำรายงานให้เธอด้วยซ้ำ
เธอหลอกใช้เขา แล้วตอนหลังมาขอโทษ มันจะทำให้เขายกโทษให้ได้ยังไง

“อย่าไปถือสาไอ้รินเลย มันก็อย่างนี้ล่ะ ที่บ้านมันมีปัญหาว่ะ” พิธานหรือเพื่อนคนอื่นๆ เคยพูด 
เขาอาจจะทำเป็นเฉยได้ แต่...ให้ตายเลยสิ ถ้าไม่เรียนจบแยกย้ายกันไป มีหวังเขาตั้งชมรมคนเกลียด
นารินได้สำเร็จแน่เขารับเป็นประธานเองเลยล่ะ!


อารมณ์ของนารินยังไม่ดีขึ้น และก็ยิ่งหงุดหงิดกับรถที่เต็มถนน จะไปทางไหนก็ไม่ได้ โมโหเพื่อนก็โมโห
แขไขเลือกเอาอรรณพมาให้เธอ เสียแรงไว้วางใจช่างไม่รู้เหลือเกินว่า นายนั่นแค้นเธอมากแค่ไหน
เรื่องคืนนั้นเธอมั่นใจไม่มีอะไรแน่ แม้ตอนรู้สึกตัวขึ้นมาจะตกอยู่ในอ้อมกอดของอรรณพ ตอนนั้นเธอ
ตกใจทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเข้ามานอนในห้องเธอเมา มาอ้วกในห้องน้ำแล้วมันเลอะเทอะ ก็เลยถอด
ชุดออกนอนไปทั้งๆ ใส่ชุดชั้นใน คิดว่าถ้าแขไขจะกลับก็คงจะมาปลุกเธอเอง แต่ไม่รู้ว่าพลาดอีท่าไหน
ทำเอาเสียหายบานปลายไปหมด แต่มาคิดดูอีกที เออ สมน้ำหน้า ทั้งเธอทั้งเขาเลยล่ะ...

เรื่องที่อรรณพพยายามตามจีบแขไข เธอก็รู้เต็มอก แต่ก็รู้ด้วยว่าแขไขไม่ได้รักเขาตอบ แต่ก็ไม่ได้ตัดรอนเสียทีเดียว
โดยปกติเธอไม่เคยเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร แต่ก็ไม่พอใจเหมือนกันที่ถูกมองข้าม และก็พอเดาได้
อยู่หรอกว่า อรรณพมาตีสนิทกับเธอหวังจะให้ใช้เป็นสะพานเชื่อมไปถึงแขไข
 งี่เง่า... ผู้ชายหากรักใครจริงสักคน ทำไมไม่ใช้ความสามารถของตัวเอง มาหลอกใช้แธอทำไม...ก็หากจะ
พูดอาศัยไหว้วานกันตรงๆ จะไม่ว่าสักนิด ...และก็ถ้าหากไม่ได้ยินกับหูเธอก็จะไม่โกรธ

“ไอ้นพ ได้ข่าวว่าควงสาวหล่อนี่หว่า ไหนเคยบอกว่าเกลียดทอม”
เสียงถามนี้แว่วออกมาจากห้องที่ถูกกั้นด้วยฉากไม้เป็นชมรมต่างๆ ตอนเธอเดินเข้าไปเรียกอรรณพ
แล้วเสียงหัวเราะร่าของเขาก็ดึงขึ้นมาก่อนจะตอบว่า “ความรักบางทีก็ต้องมีตัวช่วย ”
“เฮ้ย ก็อย่าเผลอไปหลงตัวช่วยก็แล้วกัน”
“ไอ้บ้า จอแบน ไม่ใช่สเป๊ค”
จำได้ว่าเขาอึ้งไปเหมือนกันเมื่อหันมาเจอเธอเข้า แต่เป็นเพราะเธอแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่ได้
ยิน เร่งเขาให้เร็วๆ เพราะแขไขรออยู่ข้างนอก คงทำให้เขาทำตัวเฉยๆ เหมือนไม่ได้พูดอะไร

ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองโกรธหรอก แต่ยอมรับว่ามันเสียความรู้สึก ไม่คิดว่าจะมาถูกนินทาลับหลัง
อย่างนี้ มันก็ช่วยไม่ได้หรอกที่ความรู้สึกของคำว่าเพื่อนที่มีต่อเขาจะเปลี่ยนไป เธอไม่น่าจะเกิดความรู้สึก
อย่างนั้น ความไว้วางใจนั้นหมดไป ไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากพูดด้วย แต่ก็ฝืนเหมือนไม่มีอะไร และคิด
ว่าจะค่อยๆ ทำตัวห่างเหินเขาไป แต่ก็บังเอิญมาเกิดเรื่องนั้นเสียก่อน

ถ้าจะถามว่าเสียใจไหม ก็ตอบได้เลยว่า ไม่เสียใจไม่รู้สึกผิดด้วยที่แขไขจะพลอยไม่สนใจเขาไปด้วย
ออกจะสะใจเสียด้วยซ้ำ ดีทะเลาะกันไปเลยไม่ต้องพูดกัน ไม่ได้ง้อสักนิด ยิ่งแขไขให้ความสนใจกับ
พิธานมากกว่า เธอนี่ล่ะยุส่งเลย...
ก็แล้วตอนนี้จะเอาอย่างไรล่ะ แขไขก็มาคิดเสียราวกับว่าเธอกับอรรณพมีบางอย่างซุกซ่อนในใจ...
อยากจะให้เคลียร์เหรอ? เคลียร์อะไรล่ะ? เธอนึกไม่ออกสักนิดว่าจะมีอะไร แม้จะยอมรับว่า
การได้เจอกับเขาอีกครั้งทำให้เธอใจสั่น

นารินถอนใจยาว แล้วก็เผลอก้มมองตัวเอง แล้วริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีอ่อนก็เม้มเล็กน้อย ก็จากที่ได้
ยินวันนั้น เธอก็เริ่มเอาใจใส่กับสรีระของตัวเองมากขึ้น มาถึงวันนี้ ... ถึงจะไม่ล้นเหลือ แต่ก็ไม่ใช่จอแบนแน่
บ้าเอ๊ย! คิดอะไรของเธอนาริน หญิงสาวเผลอ กระแทกคันเร่ง แล้วรถก็กระฉากไปชนคันหน้า
อย่างจัง เธอถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเห็นเป็นแท๊กซี่

“อุ๊บ!” อรรณพอุทานออกมา ร่างเขาคะมำไปข้างหน้าโชคดีที่สวมเข็มขัดนิรภัย ไม่งั้นหัวเขาคงโขกกระจกแน่

“ใครมันชนท้ายวะ” เสียงคนขับโวยวายขึ้น “รอเดี๋ยวนะเฮียณพ ผมลงไปดูก่อน” 

แล้วคนขับก็ก้าวอาดๆ ตรงมาหาคู่กรณี ที่สวมชุดแซกสั้นทับด้วยเสื้อตัวยาวอีกตัว เมื่อประเมินคนข้างหน้าว่า
หวานหมูแล้ว ก็พูดกวนๆว่า

 “เจ๊ขับรถไม่เป็นหรือไง ถึงได้ไม่ระวังเอาเสียเลย รถผมพังหมด ยิ่งไม่...”

“ จะเอาเท่าไหร่ล่ะ ที่บุบนั่นน่ะ” นารินถามตรงๆ เป็นการตัดบท เพราะไม่อยากจะฟังการพล่าม รถยิ่งติดๆ
เคลียร์กันให้เร็วที่สุดเป็นดี จะได้ไม่เกะกะคนอื่นด้วย

“โห เอาเงินมาฟาดหัวเสียด้วย”

“อ้าว จะรอตำรวจก็ได้นะ ฉันว่างทั้งวัน” นารินขึ้นเสียง

พอเจอคนเสียงแข็ง ฝ่ายคนขับก็เลยเสียงอ่อนลง

“เอามาสองพันก็แล้วกัน ผมรีบไปส่งผู้โดยสารหรอกนะ ไม่งั้น”

นาริน สั่นหน้าน้อยๆ จะมากจะน้อยเธอก็ไม่สนหรอก เพราะคิดว่าให้ได้ จึงเปิดประตูรถ
หยิบกระเป๋าเงินออกมายื่นให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบตะครุบ เอาเงินซุกใส่กระเป๋าเสื้อยังไม่อุ่นดี
ก็มีเสียงดังขึ้นว่า

“เอาเงินคืนเขาไป ศักดิ์”

นารินหันไป ก็เห็นอรรณพยืนอยู่ข้างรถ สองมือใช้เกาะที่ประตูรถที่เปิดออกมา นายคนขับแท๊กซี่
ก็ช่างว่าง่ายเมื่อยื่นเงินคืนให้เธอ แล้วเดินย้อนกลับไปที่รถ สายตานารินสบกับเขาชั่วครู่ก่อนเธอ
จะเป็นฝ่ายหลบ เดินไปขึ้นรถ

นารินสตาร์ทรอแต่ดูเหมือนคันหน้าก็ไม่ไปเสียที รถข้างๆ ก็ติด คันหลังก็กดแตรถี่ยาว แล้วเธอ
ก็เห็นโซเฟอร์ลงจากรถ ตรงมาหา หญิงสาวเลยลดกระจกลง

“เจ๊ รถผมสตาร์ทไม่ติด ไปส่งเฮียผมหน่อยได้ไหม?”

นารินอึ้งไปอึดใจก่อนจะพยักหน้า

“ไปบอกให้มาขึ้นรถ”

แล้วร่างกระเย้อกระแย่งของอรรณพ ก็ตรงมาที่รถ เห็นท่าทางเขาแล้วนารินก็อดขำไม่ได้หรอก
 แสดงว่าเขาบาดเจ็บที่ขาจริงๆ และนายคนขับแท็กซี่นั่นแหละที่เป็นคนช่วยพยุงเขาขึ้นรถ
 เปิดประตูหลังเอาไม้เท้าของเขาไปเก็บ

“เจ๊ขับดีๆ นะ เฮียผมเพิ่งได้รับอุบัติเหตุมา ”

“เจ๊บ้าเจ๊บอนะสิ” นารินอุบอิบ จ่อหัวรถออกไปหวังจะเปลี่ยนเลน และเมื่อได้จังหวะเธอก็พรืด
รถออกไป เสียงแตรคันหลังกดด่าไม่ยั้ง แต่นารินก็เฉย และเมื่อพ้นแยกนั้นมาได้ก็ถามขึ้นว่า

“จะไปทางไหน ฉันจะไปทางสาทรมีนัดลูกค้าที่นั่น”

“อีกสองแยกข้างหน้านี่เลี้ยวซ้ายก็ถึง...”

“งั้นก็บอกแล้วกัน จะไปส่ง”

เมื่อถึงทางแยกอรรณพก็บอกเธอ นารินเลี้ยวรถเข้าไปในซอย  แต่เมื่อจะพ้นซอยออกถึงถนนใหญ่
เขาก็ไม่บอกให้เธอจอดซักที จึงอดไม่ได้ที่จะถาม

“อยู่ไหน ที่จะลงน่ะ”

อรรณพ คิ้วขมวด “ยังไม่ถึง”

“อ้าว ไหนบอกว่าเลี้ยวซ้ายก็ถึง...”

“ฉันกำลังจะบอกเธอว่า เลี้ยวซ้ายก็จะถึงทางลัดไปสะพานพระรามเจ็ด”

นารินเม้มปาก ความเข้าใจของเธอนั้นคือ ที่ๆ อรรณพจะไปอยู่ในซอยนี้ แต่นี่ สะพานพระรามเจ็ด
กับสาทร มันคนละทิศเลย

“ทำไมไม่พูดออกมาให้ชัดๆ เต็มๆ เสียทีเดียวนะ”

“ก็ทำไมเธอ ไม่เคยฟังฉันพูดให้จบก่อน สรุปเอาเองทำไม ถ้ารีบไม่อยากไปส่งก็จอด ฉันหาแท๊กซี่
เองก็ได้”

นารินปรายตาไปที่ขาของเขา “ฉันไม่แล้งน้ำใจขนาดนั้นหรอกอรรณพ”

“ก็รู้...แต่โกหกเก่ง” เขาย้อนหน้าเฉย

นารินเงียบ จนถึงสะพานพระรามเจ็ด รถยังวิ่งตรงไปจนกระทั่งเขาบอกเธอว่า

“ซอยหน้าเลี้ยวซ้าย”

นารินทำตาม แล้วก็ต้องเม้มปากตาวาว เมื่อเขาบอกว่า

“เลี้ยวเข้าไปในโรงแรมนั่นแหละ”

“ม่านรูดนี่นะ”

“เป๋ อยู่อย่างนี้ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก” เขาพูด

นารินนิ่ง  แต่ก็เลี้ยวรถไปตามที่เขาบอก เด็กที่นั่งรออยู่กุลีกุจอ จะวิ่งตามมาเปิดม่านให้
แต่อรรณพลดกระจกลง โบกมือเป็นเชิงปฎิเสธ  รถตรงไปจอดที่ห้องกระจกใสๆซึ่งคงเป็น
ห้องต้อนรับ  อรรณพ เอี้ยวตัวไปหยิบไม้เท้าจากเบาะหลังอย่างทุลักทุเล ขณะที่นารินยัง
นั่งนิ่งไม่คิดจะช่วย แต่เมื่อเขาขยับตัวลงจากรถเรียบร้อย ไม่ทันจะได้ปิดประตูให้ เสียงนาริน
ก็ดังขึ้นว่า

“ฉันรู้ คุณไม่ทำอะไรฉันหรอกอรรณพ ก็ฉันมันจอแบนไม่ใช่สเป๊คคุณนี่นา”

แล้วนารินก็เอนตัวมาปิดประตูรถเอง เธอขับถอยรถพรืดเฉียดอรรณพที่ยืนตะลึงไปเส้นยาแดง
ผ่าแปดก่อนจะเร่งออกไป ขณะที่อรรณพยังยืนนิ่งอยู่เป็นนาน

คุณพระ... นารินได้ยินที่เขาพูด








Free TextEditor




 

Create Date : 02 กันยายน 2553
5 comments
Last Update : 2 กันยายน 2553 15:51:30 น.
Counter : 811 Pageviews.

 

...
เย้...
หวัดดีค่ะ

 

โดย: สิงห์อมบ๊วย 2 กันยายน 2553 19:59:09 น.  

 

0_o ".....

 

โดย: นวลนางข้างชายครี.... IP: 118.174.213.52 3 กันยายน 2553 11:06:10 น.  

 

มา update เรื่องนี้ plot สนุกมากเลยค่ะ

 

โดย: aekung IP: 203.113.119.162 10 กันยายน 2553 11:59:47 น.  

 

good..!! I love it kn pete..!!

 

โดย: Camille IP: 71.81.178.101 27 กันยายน 2553 8:22:40 น.  

 

ooh Sorry (edited)

Kn. Phi not kn pete..hahahaha starting wiht P's so I got mixed up!!

 

โดย: Camille IP: 71.81.178.101 28 กันยายน 2553 7:37:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ตันตราวี
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]




ทำไมต้อง "หนึ่งลิปดา"

การค้นหาหรือจะตั้งชื่อนามปากกา
ให้ถูกใจเราเองนั้น...ยาก
เพราะไม่เพียงคิดชื่อ
แต่มันต้องให้สอดคล้อง
ไปกับธีมของสิ่งที่เราอยากจะเขียนด้วย ^--^

แล้วถ้าหากจะเขียนในสิ่งที่เรียกว่า
"ความรัก ความหลัง ความโรแมนติก
การทะเลาะ การงอนง้อ ความเข้าใจ
ความทรงจำอันอบอุ่น เพื่อน มิตรภาพ ฯลฯ "

ชื่อ "หนึ่งลิปดา" จึงผุดขึ้นมา อย่างชอบใจเลย ^--^

จากฟีลิปดา


ลายปากกา
 
Art Prints

New Comments
Friends' blogs
[Add ตันตราวี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.