Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
19 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
กฏรัก บัญญัติหัวใจ บทที่ ๕

บทที่ ๕


 


อรรณพเดินไปที่ห้องกระจก ยังไม่ทันจะได้ผลักบานประตูเข้าไป  ประตูก็ถูกผลัก
ออกมาเสียก่อน


“สาวสวยที่ไหนมาส่งแกไอ้ณพ เห็นแว่บๆ”


 ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่เดินออกมาถามขณะที่สายตาก็มองตามทาง
รถที่นารินขับออกไป


“นาริน”


“นาริน? ยัยทอมนารินนะหรือ?”


ฟังเสียงเพื่อนเน้นถาม อรรณพก็ชักขวางหู แม้ทินกรจะเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มเขา
ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยก็เถอะ


“ก็มีอยู่นารินเดียว นั่นแหละ”


“เฮ้ย ! แล้วไปเจอกันยังไง ถึงมาส่งแกได้  หายเป็นทอมแล้วยัง”


“จะไม่ให้ฉันเข้าไปนั่งก่อนเหรอ?” อรรณพถามออกจะหงุดหงิดเล็กน้อย กับความสน
อกสนใจของเพื่อนที่มีต่อนาริน


“โทษที ลืมไป เข้ามา”


ทินกรเปิดประตูกว้างให้อรรณพเข้าไปก่อน ในห้องไม่มีอะไรนอกจากชุดโซฟาที่หลบ
มุมด้านใน และเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานหญิงคนหนึ่งยืนอยู่   แต่ทินกรเดินตรงไปยัง
ภาพที่วาดเป็นรูปลวดลายเรขาคณิตสีสดที่ผนัง ใช้มือผลักเข้าไปก็กลายเป็นประตู
เปิดเข้าไปอีกห้อง พยักหน้าให้อรรณพเดินเข้าไปก่อน
มันเป็นห้องกว้างเล่นระดับตกแต่งไว้อย่างหรูหรา ทินกรใช้ทำงานและรับรองแขก
พิเศษ มันใหญ่พอที่จะจัดปาร์ตี้ประมาณสิบยี่สิบคนได้สบายๆ ผิดจากที่เห็นโทรมๆ
มืดๆของบรรยากาศโดยรอบในโรงแรมม่านรูด อรรณพเดินไปนั่งที่โซฟาใหญ่ เหยียด
เท้าออกไปอย่างสบาย  ขณะที่ทินกรเดินไปที่บาร์เหล้าที่อยู่อีกมุมหนึ่ง


“แกไปเจอนารินที่ไหน?”


ทินกรยังอดถามไม่ได้ เมื่อถือเครื่องดื่มกลับมาให้


“ช่างเถอะ ไหนล่ะสัญญาที่จะให้ดู คุณชาตรีนัดวันนี้ใช่ไหม” อรรณพถามเข้าเรื่องที่
เขาต้องมาที่นี่ทันทีเพราะไม่อยากจะให้ทินกรเซ้าซี้ถามเรืองนารินอีก
ทินกรลุกเดินก้าวยาวๆ ไปที่โต๊ะทำงาน เปิดลิ้นชักเอาแฟ้มหนึ่งออกมา ย้อนกลับมา
ยื่นให้อรรณพ
“ใช่ โทรมาบอกว่าจะให้คนมาดูด้วยว่าจะดัดแปลงตกแต่งได้แค่ไหน  แล้วที่เขานัด
ไปดูที่ของแก ตกลงว่าไง?”


“ทำเฉยๆ อยู่  บอกว่ามันไกล ถ้าจะซื้อทำสนามกอล์ฟต้องซื้อเยอะ และต้องวางเรื่อง
สาธารณูปโภคใหม่หมด ต้องหาหุ้นส่วน เขามีเงินทุนไม่พอ”


อรรณพตอบแล้วก็เปิดแฟ้มอ่านเอกสารข้างใน อย่างตั้งใจ แต่ทินกรนั้นก็ยังชวนคุย
ว่า


“ได้เจอกับคุณชาลิสาน้องสาวคุณชาตรีแล้วใช่ไหมตอนที่ไปดูที่?”


 “เออ” อรรณพตอบทั้งๆ ที่ก้มหน้าอ่านอยู่


“ท่าทางเธอจะชอบนายนะ พอรู้ว่าฉันเป็นเพื่อนกับแกเท่านั้นแหละ ...ตัดสินใจซื้อ
โรงแรมฉันเร็วขึ้น ไม่คิดจะเข้าทางคุณลิสาบ้างเหรอ?”


อรรณพเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ความนัยที่ทินกรพูดนั้นเขาเข้าใจ แต่บังเอิญว่ามัน
ไม่ได้อยู่ในหัวเขา


 “ฉันไม่ได้อยากขายที่ให้ไปทำสนามกอล์ฟ”


“ก็แล้วถ้าคุณลิสาอยากจะเสนอที่ตัวเองให้แกล่ะ”


 “เรื่องส่วนตัว จะมาถามหาพระแสงอะไรวะ?”


ทินกรหัวเราะออกมาเบาๆ


“เรื่องที่นารินมาส่ง แกก็ไม่อยากให้ฉันพูด เรื่องคุณชาลิสาที่ร้อนเร่า แกก็ไม่อยาก
ให้ยุ่ง เออ แล้วคุณหนูปิ่นว่าที่สะใภ้คนโปรดของคุณยายแกล่ะว่ายังไง เมื่อไหร่
จะแจกการ์ดเสียที”


“แกเงียบหน่อยได้ไหม ฉันกำลังใช้สมาธิ” เป็นคำตอบของอรรณพที่ทำให้ทินกร
ต้องหัวเราะหึๆ ออกมาก่อนจะลุกขึ้นไปเติมแก้วเหล้าของตัวเอง แต่พอเดินกลับ
มาก็อดพูดอีกไม่ได้ว่า


“นารินแต่งงานแล้วยังรู้ไหม?”


“ยัง แต่...กำลังจะแต่ง”


“แต่งกับใคร รู้ไหม?”


อรรณพเงยหน้าจุปากอย่างหงุดหงิด เมื่อโยนแฟ้มคืนบนตักทินกร


“แต่งกับฉัน  คราวนี้หุบปากได้แล้วยัง”


ทินกรไม่ได้หุบปาก แต่อ้าปากหวออย่างตะลึงไม่เชื่อหู แต่เขายังไม่มีโอกาสจะได้
ซักถาม เมื่อประตูห้องถูกเคาะ ใบหน้าของพนักงานโผล่เข้ามาบอกว่า


“มีแขกมาหาเฮียกรครับ”


ทินกรลุกขึ้นปุบปับ “สงสัยคุณชาตรีกับคุณชาลิสาจะมาแล้ว สัญญานั่นไม่มี
ปัญหาอะไรนะ?”


อรรณพพยักหน้าให้ ไม่ได้คิดจะลุกไปต้อนรับขับสู้ แขกที่มาใหม่ของทินกรแต่
ประการใด  แต่แล้วทินกรที่เดินไปสามสี่ก้าว ก็หันกลับพูดออกมาดังๆว่า


“ฉันไม่เชื่อแกว่ะ เรื่องนาริน”


อรรณพยักไหล่ “อยากพนันกันไหม?”


“เดิมพันด้วยค่านายหน้าที่ขายโรงแรมฉันเลย”


“ตกลง แต่แกต้องจ่ายมาก่อนนะ เพราะฉันกำลังร้อนเงิน”


 “ได้ ฉันจะรอแกจ่ายคืนทีหลัง พร้อมดอกเบี้ย” ทินกรหัวเราะชอบใจ ก่อนจะเดินออก
ไป


 อรรณพเหยียดเท้ามองขาตัวเองแล้วยิ้มนิดๆ ก็ไม่รู้ว่าเขา พูดออกไปได้ยังไงว่า
นารินจะแต่งงานกับเขา...เลยเถิดถึงกับพนันกับทินกรเสียด้วย ดีที่เลือกเดิมพัน
เป็นเงินค่านายหน้า ซึ่งเขาไม่คิดที่จะรับจากเพื่อนอยู่แล้ว แต่เป็นทินกรที่
คะยั้นคะยออยากจะจ่ายให้ เพราะเขาเป็นคนที่ติดต่อเรื่องซื้อขายโรงแรมนี้ให้
ซึ่งมันก็เริ่มตั้งแต่ที่นายชาตรีและคุณชาลิสาไปดูที่ของเขาที่อยู่ติดรีสอร์ท
เมื่อห้าหกเดือนก่อนโน่น
ชายหนุ่มขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู กลิ่นหอมของอ่อนๆ ที่โชยมาก็ไม่ได้
ทำให้เขาหันไปมอง เพราะใจกำลังจดจ่อในเรื่องพนัน เขาเอาสิ่งนี้มาเป็น
ข้ออ้างให้กับความรู้สึกของตัวเองหรือเปล่า...ในเมื่อรู้แก่ใจว่า


...ถึงแพ้ก็ไม่เสียดายเงิน...แต่ใจเขาก็อยากชนะอยู่ดี


นารินขับรถออกมาสู่ถนนใหญ่ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม นึกตำหนิตัวเองที่พูดออกไป
อย่างนั้น ตอนนี้อรรณพคงจะรู้ละว่าเธอได้ยินและเก็บมาคิด  เธอไม่อยากให้ใครรู้
ว่ามันมีผลต่อความรู้สึกของเธอ ถ้าเป็นสมัยสนิทสนมกันก็ยังพอจะคิดได้ละว่า
เป็นการพูดต่อล้อต่อเถียงกันเล่น แต่นี่ผ่านมาหลายปีแล้ว เธอไม่น่าจะเก็บเอา
พูดใส่เขาเลย   อะไรมันแล้วไปแล้ว ก็น่าจะแล้วกันไป  ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่อยาก
ให้มันกลายเป็นจุดอ่อนให้เขามาหัวเราะเยาะเธอ... ดีไม่ดีเขาจะหาว่าเธอแคร์คำ
พูดเขา   ซึ่งเธอไม่แคร์สักนิด ไม่แคร์จริงๆ  เฮ้อ!


นารินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อเห็นเป็นเบอร์
ของแขไข ก็เลยต้องแต่งน้ำเสียงให้เข้มขึ้นเมื่อถามว่า


“มีอะไร?”


“แกอยู่ที่ไหน?” เสียงแขไขถามมา “คุณชาตรีให้เลขาโทรมา...”


“ฉันไปทันแน่ ยังไม่ถึงเวลานัด โทรตามทำไม” 


“ไม่ใช่อย่างนั้น”เสียงแขไขออกจะเอือมๆ  “พอดีคุณชาตรีเขามีงานด่วนเข้าแทรก
จำคุณชาลิสาน้องสาวเขาได้ไหม?”


 “จำได้”
“นั่นแหละ คุณเธอเข้าหุ้นกับคุณชาตรีซื้อโรงแรมจะปรับเป็นสปา อยากให้แกไปช่วย
ดูก่อนตอนนี้เลยว่าจะตกแต่งยังไงถึงจะไม่ต้องปรับโครงสร้างเดิมมากนัก เขาจะไป
รอแกที่โน่น”


รอยยิ้มจุดขึ้นที่ริมฝีปากนารินกับสรรพนาม คุณเธอ ที่แขไขใช้  ย้อนถามว่า
 “ที่ไหนล่ะ?”


เมื่อแขไขบอกชื่อและสถานที่ก็ทำเอานารินถอนหายใจเซ็งๆ  เพราะจำได้ว่า มันเป็น
โรงแรมที่เธอเพิ่งจะออกมาเมื่อครู่


“จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”


“แก ระวังปากที่จะพูดกับคุณชาลิสาด้วยนะ ยังไงคุณชาตรีเขาก็เป็นลูกค้าเก่า ต้อง
หากินกับเขาอีกนาน”


“เออ” นารินกระแทกเสียง แล้วปิดโทรศัพท์ก่อนที่แขไขจะร่ายยาวตักเตือนเธอดุจแม่
คนที่สอง ในการใช้คำพูดของเธอ 


หญิงสาวยักไหล่นิดๆ เมื่อคิดถึงสตรีสาวสวยวัยสามสิบห้าที่ยังสวยพริ้ง กำลังทำเรื่อง
หย่ากับสามีชาวต่างประเทศนับว่าจะได้ส่วนแบ่งสินสมรสก้อนโตเสียด้วย  เธอจะไม่
เขม่นหรือไม่ชอบหน้าหรอก หากคุณเธอนี่จะไม่กระเหี้ยนกระหือแสดงออกถึงความ
พออกพอในพิธานออกนอกหน้าเมื่อครั้งที่แขไขและเธอรับงานตกแต่งภายในรีสอร์ท
ให้คุณชาตรีเมื่อสองสามปีที่แล้ว คนเราจะปล่อยตัวปล่อยใจอิสระได้ก็ต้องดูด้วย
สิว่า จะไปผิดลูกผิดผัวคนอื่นเขาไหม นี่เมียเขานั่งอยู่ทนโท่ ยังจะมาแสดงกิริยา
โอ้โลมต่อหน้า เธอรับไม่ได้และโกรธแทนเพื่อน แม้ว่าตัวพิธานเองจะไม่ได้แสดง
อะไรให้เห็นว่ามีจิตใจโน้มเอียงไปกับการยั่วยวนนั้น แต่เมื่อแขไขนิ่ง เธอเป็นเพื่อน
ที่รู้ใจเพื่อนจึงต้องพูดและคอยกันเสียเอง…ผลก็คือคุณเธอชาลิสาไม่ชอบหน้า
เธอเช่นกัน แต่ด้วยมารยาทที่จัดเจนมันก็ไม่ยากที่คุณเธอจะซ่อนเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
 เป็นรอยยิ้มหยันๆ  เมื่อชอบพูดอย่างสนิทสนมว่า


“เมื่อไหร่พี่จะได้เห็นแฟนคุณนาสักทีน๊า”
ชาติหน้าบ่ายๆ  เธออยากจะตอบตรงๆออกไปอย่างนี้ให้สะใจ แต่ก็ได้แต่ยิ้ม ตอบ
กลับไปว่า


“สงสัยนาต้องไปเสริมหน้าอกก่อนค่ะถึงจะมี พี่ลิสาไปทำที่ไหนมาคะสวยจัง”


คุณเธอสะบัดหน้าหนี และไม่ได้มายุ่งอะไรกับงานคุณชาตรีพี่ชายอีก  แต่ตอนนี้สงสัย
จะหย่าเรียบร้อยแล้วกลับมาเมืองไทย แถมเข้าหุ้นกับคุณชาตรี คิดจะดัดแปลง
โรงแรมนั่นเป็นสปา?  รำพังคุณชาตรีไม่เป็นไรหรอกเพราะเธอนั้นคุ้นเคยและเป็น
ผู้ใหญ่ที่น่านับถือเอาการเอางานและให้บริษัทเธอทำงานตกแต่งให้เกือบจะทุกครั้ง
ที่เขามีการซื้อหรือขายกิจการ  ซึ่งส่วนหนึ่งที่เธอได้งานกับเขาก็อาจจะมาจากการ
ที่เขากับแม่ของเธอด้วยก็ได้  แขไขก็ถึงกับเคยแซวครั้งหนึ่งว่า


“คุณชาตรีนี่ แอบชอบคุณแม่อยู่แหงเลย”


“อย่าพูดเชียวนะ  ฝีมือฉันล้วนๆ นะโว๊ย” เธอรีบแย้งทันที แม้ในใจนั้นก็ออกจะคิด
เล่นๆ ตามแขไขไม่ได้ แต่เรื่องที่แม่จะแต่งงานใหม่ ไม่เคยอยู่ในหัวเธอเลย เธอไม่
คิดว่าแม่จะรักใครได้อีกเหมือนพ่อ จึงรู้สึกเฉยๆ กับคุณชาตรี ถือว่าเป็นเรื่องการ
ว่าจ้างงานกันปกติไปเลย


แต่งานนี้หากคุณเธอชาลิสามาจุ้นมาก มีหวังต้องบอกเลิกศาลากันแน่...ไม่ง้อสัก
เท่าไหร่หรอกไอ้เรื่องได้งานไม่ได้งานนี่ ความสบายใจสำคัญกว่า


แล้วนารินต้องขับรถไปอีกร่วมสามร้อยเมตรกว่าจะมีทางเลี้ยวกลับ และเธอก็ต้องมา
ติดแหงกอยู่กับการจราจรอยู่ร่วมสามสิบนาที จึงได้เลี้ยวรถเข้าไปในโรงแรมที่เธอ
มาส่งอรรณพ 


มีรถเก๋งคนหนึ่งจอดอยู่แล้วด้านหน้าห้องกระจกใส นารินจึงเอารถไปจอดเทียบ
สายตามองฝ่าไปยังห้องกระจกก็เห็นเพียงพนักงานคนหนึ่ง หญิงสาวลงจากรถ
แล้วหันไปมองรอบๆ นึกอยากรู้ขึ้นมาเสียเฉยๆ อย่างนั้นแหละว่า อรรณพพักอยู่
ที่นี่ ที่ห้องไหน? กับใคร ?
แล้วการเคลื่อนไหวในห้องกระจกนั้นก็ทำให้เธอต้องสั่นหน้าเหมือนจะไล่ความคิด
เกี่ยวกับอรรณพออกไป  พร้อมกับที่ชายสองคนเดินออกจากห้องนั้นมา


“คุณนาผมนึกว่าจะหาโรงแรมไม่เจอ” นายชาตรีพูดขึ้นมาก่อน


“รถติดอยู่ข้างหน้านี่เองค่ะ เลยช้าไปหน่อย”


“กำลังจะไปเดินดูรอบอยู่พอดี ไปด้วยกันก่อนไหม หรือจะกินน้ำกินท่าเสียก่อน”


“ไม่เป็นไรค่ะ เดินดูรอบๆ เลยดีกว่า” นารินตอบพร้อมกับมองเลยไปยังชายหนุ่ม
ที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ นายชาตรี


“นี่คุณทินกร เป็นเจ้าของที่นี่” นายชาตรีแนะนำ


สายตาจดจำได้ของนารินส่งไปให้ทินกร ก่อนจะยิ้มให้เฉยๆ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้แสดง
ออกว่ารู้จักเธอ เธอก็ไม่จำเป็นที่จะเปิดเผยกับใครเหมือนกัน…แต่มันก็พอทำให้เธอ
เข้าใจแล้วละว่า ทำไมอรรณพถึงได้มาพักที่นี่ เพราะสองคนนี้เขาสนิทสนมกันมาก
 จนถึงขนาดนินทาเธอลับหลังให้กันฟังก็แล้วกัน


“ขอไปที่รถเอาสมุดแป๊บนะคะ”


เธอบอกกับนายชาตรี เดินกลับไปที่รถเอาสมุดโน้ตและดินสอออกมา  นึกสงสัยอยู่
เหมือนกันว่าคุณชาลิสาอยู่ที่ไหน ในเมื่อแขไขก็บอกว่ามาด้วย แต่เธอก็ไม่คิดจะ
ถามนายชาตรีหรอก สิ่งที่จะถามก็คือความต้องการ จดรายละเอียด มีบางอย่าง
ที่โต้แย้งไม่แน่ใจว่าจะทำได้เธอก็บอกออกไป สำหรับทินกรที่เดินไปด้วยนั้น นาริน
ก็คุยกับเขาเหมือนเพิ่งรู้จัก ถามถึงขนาดความกว้างยาวสูงของสถานที่หรือห้องต่างๆ
  โชคดีที่เป็นกลางวันห้องโดยมากยังไม่มีผู้มาใช้บริการ เธอจึงเปิดเข้าไปดูโน่นชม
นี่ได้ทุกห้อง สิ่งที่นายชาตรีบอกเธอก็จดยิกๆ ลงไปอย่างเป็นการเป็นงาน แม้จะ
มองว่าโรงแรมนี้ไม่กว้างขวางนัก แต่ก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงกว่าการเดินและ
คุยโครงงานคร่าวๆจะสิ้นสุดลง นารินนั้นตั้งใจจะกลับเลย จึงบอกขอตัวในทันที
แต่นายชาตรีพูดว่า


“เข้าไปดื่มอะไรก่อนดีไหม ชาลิสาก็รออยู่ข้างใน จะได้คุยให้ฟังด้วยว่าเราจะทำอะไร
บ้าง คุณนาจะได้อธิบายแทน ให้คุยกับผมไม่ค่อยจะรู้เรื่องกันเท่าไหร่  รบกวน
สถานที่อีกนิดนะคุณกร”


“ไม่เป็นไรครับ”


ทินกรตอบแต่สายตาหันมามองนารินแล้วอมยิ้มเหมือนนึกขำอะไรอยู่ แต่นารินไม่ทัน
จะสังเกตเพราะนึกเซ็ง เนื่องจากเธอไม่อยากจะเจอนักหรอกคุณเธอชาลิสานั่นน่ะ
ยังนึกดีใจว่าแขไขอาจจะเข้าผิดเองที่บอกว่าคุณเธอจะมากับคุณชาตรีด้วย



 หญิงสาวเดินตามเข้าไปในห้องกระจกเงียบๆ นึกสงสัยว่า คุณเธอชาลิสาอยู่ตรงไหน
 แล้วก็เห็นนายชาตรีผลักผนังที่เป็นภาพวาดเข้าไป  ส่วนทินกรนั้นหันมาพยักหน้าให้
เธอเดินเข้าไปก่อน


เมื่อเดินเข้าไปในห้อง สายตาเธอก็ไปสะดุดกึกกับชายหญิงคู่หนึ่งที่อยู่โซฟากลาง
ห้อง ริมฝีปากนารินเม้มเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว แม้ฝ่ายชายจะนั่งหันหลังให้ แต่เธอ
ก็จำได้ดีว่า เป็นอรรณพ  ขณะที่คุณชาลิสานั้นก็นั่งหันข้างไปทางเขาไม่ห่างนัก  
และเพราะคุณเธอหันข้างจึงมองเห็นเธอเสียงทักทายเจื้อยแจ้วราวกับสนิทสนม
กันเสียเต็มประดาก็ดังขึ้นว่า


“แนะคุณนามาแล้ว เป็นไงบ้างค่ะ ไม่เจอกันนาน แต่งงานไปแล้วยัง มีลูกกี่คนแล้ว”


ยัยบ้าเอ๊ย! นารินคำรามในใจ ก่อนจะฉีกยิ้ม เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม แล้วจึงเห็นว่า
 คุณชาลิสานั้น นั่งพับขาข้างหนึ่งไว้บนโซฟา มันเป็นท่านั่งที่เป็นกันเองมากกับผู้คน
และสถานที่


“พี่ลิสา ยังดูสดชื่นเหมือนเดิมนะคะ” เธอหยอดลงไปเล็กๆ ด้วยหวังจะไม่ก่อศึก


แต่แม่หม้ายจอมยั่วยิ้มพรายเมื่อกวาดสายตามองหน้าอกเธอ พูดเหมือนกระเซ้าเย้า
เล่นว่า


“หน้าอกคุณนาโตขึ้นนะคะ  ไปทำมาเหรอ?”


คำถามนี้เล่นเอานารินสะอึกอึ้งตอบไม่ทันไปเลย นายชาตรีนั้นทำหน้าเหมือนจะยิ้ม
ขำ ทินกรเดินตรงไปที่บาร์เพื่อเตรียมเครื่องดื่ม  แล้วก็เป็นอรรณพที่ทำให้นารินอึ้ง
ไปอีกเมื่อเขาลุกขึ้นใช้ไม้เท้าค้ำเดินเพียงสองก้าวก็มานั่งที่เท้าแขนอาร์มแชร์ของ
เธอ ก้มถามเบาๆว่า


“ผมลืมถุงยาไว้ที่รถ คุณเห็นหรือเปล่า?”


“เอะ รู้จักกันหรือคะ?”


อรรณพแกล้งทำหน้างงๆ ก่อนจะยิ้ม ตอบอย่างสุภาพว่า


“ก็ครับ นี่นารินแฟนผม”


“อ้าว คุณณพเป็นแฟนกับคุณนาหรือ?” นายชาตรีแสดงความแปลกใจออกมาเหมือน
กัน  ก่อนจะพูดต่อว่า “สงสัยคุณกวินนาคงต้องปลื้มแน่ ที่ได้ว่าที่ลูกเขยเก่งอย่างนี้”


นารินยิ้มน้อยๆ ออกมาไม่พูดอะไร ในใจนั้นออกจะตามไม่ทัน และคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ
อรรณพจะเอาเรื่องนี้มาเล่นต่อหน้าคนอื่นชนิดที่ยังไม่ถึงเวลา แม้จะพอใจในขั้นต้น
เหมือนกันว่า เขาช่วยเบี่ยงเบนคำถามของคุณเธอชาลิสาเกี่ยวกับหน้าอกเธอ แต่
บังเอิญว่าเธอไม่ต้องการให้เรื่องนี้ขยายวงไปสู่คนนอก อยากให้รู้ภายในครอบครัว
เธอเองเท่านั้น แต่นี่...เล่นเอามาบอกต่อหน้าคุณเธอชาลิสาอย่างนี้ มีหวัง...


“แหม ดีจังเจอแต่คนกันเอง” คุณชาลิสาพูดอย่างยิ้มแย้มลุกขึ้นยื่น เดินมาตบแขน
อรรณพเพียะอย่างสนิทสนม   “คุณณพน่ะเก็บเงียบเชียว นี่ถ้าไม่เจอต่อหน้าคงไม่
กล้าบอกใครว่ามีแฟนละมัง หน่มๆก็อย่างนี้”


จากนั้นคุณเธอก็เดินเลยต่อไปที่บาร์เสียงเจื้อยแจ้วบอกกับทินกรว่า “คุณทิน พี่ลิสา
ขอเหมือนเดิมนะคะ” แล้วใบหน้าสวยตบแต่งอย่างดี หันกลับมาหลิ่วตาให้อรรณพ
อย่างล้อเลียน
 “คุณณพละคะ จะเอาอย่างเคยเพิ่มด้วยไหม หรือคุณนาอยู่ไม่กล้าดื่มกับพี่ลิสา
ต่อแล้ว”


อรรณพหัวเราะ “กล้าสิครับ ยิ่งมีนารินอยู่ด้วย ยิ่งอุ่นใจถ้าผมเมาจะได้ขับรถพา
ผมกลับบ้าน”


“แหมพูดยังกับว่า ไม่มีคุณนาพี่ลิสาจะปล่อยคุณณพฟุบอยู่กับโต๊ะอย่างนั้นแหละ”


 ยิ่งเห็นท่าทีสายตาของคุณเธอชาลิสาแสดงออกมา...นารินก็ยิ่งรู้เลยว่า งานนี้เธอ
จะเหนื่อยนอกรอบก็เพราะผู้ชายที่เธอจ้างมาเป็นแฟนนี่แหละ


…เป๋อยู่อย่างนี้ ก็ช่างเสน่ห์แรงเสียจัง น่าหมั่นไส้จริง!


 







Free TextEditor


Create Date : 19 กันยายน 2553
Last Update : 19 กันยายน 2553 13:24:37 น. 8 comments
Counter : 994 Pageviews.

 
ฮ่า ฮ่า ฮ่า เรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้วนะคะ


โดย: กระรอกเมือง IP: 96.241.207.55 วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:23:09:15 น.  

 
...
.............
..
^_^...


โดย: นวลนางข้างชายครี.... IP: 118.174.210.147 วันที่: 22 กันยายน 2553 เวลา:13:11:52 น.  

 
หนุกจังค่ะ มาอัพไวๆๆ นะตะ


โดย: น้องปุ๋ย IP: 124.121.200.80 วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:16:48:21 น.  

 
หวัดดีค้า สบายดีนะคะ หายไปนานเลย
แอบมามีบล๊อค สีชมพูที่นี่เอง
เรื่องนี้สนุกมาก ทันกันทั้งคู่เลย
แล้วจะแวะมาเยี่ยมบ่อย ๆ


โดย: พี่ยอด IP: 118.173.36.157 วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:17:21:35 น.  

 
omg, Gosh Kn Phi..Please don't wait to long to bog next chapter..i will die of waiting der ja..Reeb Reeb der..It is getting juicy..can't wait at all..:)


โดย: P'Corn IP: 71.81.178.101 วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:10:29:06 น.  

 
correcting "to Blog"*


โดย: P'Corn IP: 71.81.178.101 วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:10:32:44 น.  

 
เป็นผู้อ่านหน้าใหม่นะคะ อ่านแล้วเนื้อเรื่องสนุกดีคะ
มาอัพบ่อย ๆ นะคะ


โดย: fad IP: 125.25.5.189 วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:16:58:22 น.  

 
ถูกใจนะตอนนี้ แสบด้วยกันทั้งคู่


โดย: innam IP: 203.130.132.85 วันที่: 15 ตุลาคม 2553 เวลา:15:29:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตันตราวี
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]




ทำไมต้อง "หนึ่งลิปดา"

การค้นหาหรือจะตั้งชื่อนามปากกา
ให้ถูกใจเราเองนั้น...ยาก
เพราะไม่เพียงคิดชื่อ
แต่มันต้องให้สอดคล้อง
ไปกับธีมของสิ่งที่เราอยากจะเขียนด้วย ^--^

แล้วถ้าหากจะเขียนในสิ่งที่เรียกว่า
"ความรัก ความหลัง ความโรแมนติก
การทะเลาะ การงอนง้อ ความเข้าใจ
ความทรงจำอันอบอุ่น เพื่อน มิตรภาพ ฯลฯ "

ชื่อ "หนึ่งลิปดา" จึงผุดขึ้นมา อย่างชอบใจเลย ^--^

จากฟีลิปดา


ลายปากกา
 
Art Prints

New Comments
Friends' blogs
[Add ตันตราวี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.