ชีวิตไม่สิ้น..ก็ดิ้นกันไป (ตราบใดที่ฉันยังมีลมหายใจ)
ชีวิตของคนเราทุกคนก็ไม่ต่างอะไรกับละครเลยสักนิด.......เพราะคนบนฟ้าได้ลิขิตและกำหนดทุกอย่างไว้แล้ว เราทุกคนก็ดำเนินชีวิตไปตามบทที่ฟ้ากำหนดให้เป็นไปตามขั้นตอนต่างๆ......ตามเวรและตามกรรมของตัวเอง หลังจากวันนั้นที่น้าชายฉันเสียชีวิต เนื่องจากนอนหลับ..แล้วไหลตาย ยายก็อาศัยอยู่กับหลานสาวอีก2คนครอบครัวฉันจึงตกลงที่ย้ายไปอยู่เป็นเพื่อนยาย เพื่อที่จะได้ดูแลยายและน้องๆที่กำพร้าทั้งพ่อและแม่  ฉันต้องมีภาระที่ต้องรับผิดชอบและดูแลมากขึ้น...แต่ฉันก็รู้สึกดีและสุขใจที่ทุกคนในบ้านมีความสุข แม้ว่าตัวฉันจะต้องทำงานหนักขึ้น และบ่อยครั้งที่จะต้องคอยทะเลาะกับสามีตลอดเวลา.....เหตุผลคือ สามีไม่ชอบให้ฉันต้องรับผิดชอบเกือบจะทุกเรื่องและทุกอย่างในครอบครัว>>> อยู่คนเดียว >>ทั้งที่ฉันก็มีครอบครัวใหม่ = ลูกที่ต้องดูแลและช่วยกันสร้างครอบครัวใหม่ <<< ฉันได้แต่คิดอยู่เสมอว่า " ทำไมสามีฉันถึงใจแคบและเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้ " ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงรักทุกคนในครอบครัวมากขนาดนี้?
ฉันยอมที่จะทำเกือบทุกอย่างที่ทำให้ พ่อ แม่ ยาย และน้องๆ มีความสุขและสบายมากที่สุด จนในตอนนั้นฉันลืมไปเลยว่าฉันมีครอบครัวใหม่แล้ว มีลูกสาวที่ยังเล็กและสามีอยู่กับฉันด้วย>>>อาจจะเป็นเพราะพ่อและแม่ของสามีฉัน_มีเงินทองพอสมควร สามารถให้เกือบจะทุกอย่างที่ลูกและสามีฉันต้องการได้ ฉันจึงคิดว่าลูกฉันยังโชคดีกว่า..เด็กกำพร้า2คนนั้นมากพอสมควร...มีทั้งพ่อ+แม่ และอีกหลายๆคนที่รักเค้า....ฉันไม่ต้องจ่ายเงินของตัวเองเลย>>ในเกือบจะทุกๆอย่างที่เป็นของลูก เพราะพ่อของสามีดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆของลูกชายและหลานเป็นอย่างดี และมีบ้างที่บางครั้งแม่สามีจะช่วยเหลือตามความจำเป็น ลูกฉันก็มีทุกอย่างเพรียบพร้อมตั้งแต่เกิด...วันแรกที่คลอดลูกสาว>>ปู่ก็รีบซื้อทองมารับขวัญหลานน้อย ย่าก็ซื้อรถเข็นเด็กน้อยอย่างดีและแข็งแรงมาให้ แถมยังจะรีบซื้อรถหัดเดินไว้ให้หลาน....เพราะใกล้จะถึงกำหนดเวลาที่จะต้องเดินทางกลับ.....เบลเยี่ยมพร้อมสามีฝรั่งแล้ว ฉันจึงทุ่มเททุกอย่างให้ทางบ้านฉันอย่างเต็มที่ และไม่เคยเกี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้คนอื่นในครอบครัวเลย จนวันนึง>>>แม่ฉันเริ่มมีอาการป่วยขึ้นมาอีก คราวนี้แม่เป็นมะเร็งอีกแล้ว..แต่เป็นที่ต่อมน้ำเหลือง>>จากเดิมคราวที่แล้วเป็นมะเร็งเต้านมและได้ตัดนมทิ้งไปข้างนึง ตอนนี้ฉันเสียใจมาก เพราะมะเร็งร้ายมันลุกลามไปยังบริเวรต่างๆของร่างกายแม่ด้วย.... << ถ้าหากฉันมีสิทธิ์เลือกได้..ขอให้แม่หายป่วยและอยู่กับลูกไปนานๆได้ไหม...ตอนนั้นฉันอายุเพียง19ปีเอง...แต่ฉันต้องต่อสู้กับปัญหาและความลำบากหลายๆอย่าง..ตั้งแต่อายุ13ปีด้วยตัวเอง...จนบางครั้งมันหนักเกินกว่าที่เด็กคนนึงจะต่อสู้ไหว...แต่ฉันไม่เคยที่จะยอมแพ้>> หลังจากนี้แม่ฉันต้องเข้าทำคลีโมที่โรงพยาบาลเดือนละ2ครั้ง....และหมั่นไปหาหมอตามนัดสม่ำเสมอ ทุกๆครั้งที่แม่ต้องไปโรงพยาบาล...ฉันจะเป็นคนพาแม่ไปหาหมอด้วยเกือบจะทุกครั้ง หลังจากที่แม่ไปทำคลีโมบ่อยๆ..คราวนี้ร่างกายเริ่มอ่อนแอ เหนื่อยง่าย
ถึงแม้ว่าร่างกายแม่จะเจ็บป่วยเพียงใด...แต่แม่ไม่เคยแสดงอาการให้รู้เลยว่าป่วย........ยังพร้อมที่จะทำหน้าที่ทุกอย่างเหมือนเดิมเสมอ ขนาดฝนตกหนักเพียงไหน>>แต่ถ้าพ่ออยากกินอะไร..แม่ก็ขี่รถตากฝนไป
พอมาระยะหลังๆแม่เริ่มนอนโรงพยาบาลบ่อยขึ้น >>> และทุกๆครั้งฉันจะให้แม่นอนห้องพิเศษเสมอ แต่คราวนี้กลายเป็นว่าแม่ต้องเข้าโรงบาลบ่อยมากๆ>>>เดือนนึง3ครั้ง แล้วแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า2คืน... เพราะเป็นโรงบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายจึงแพงเป็นพิเศษ........ขนาดจ่ายแค่ส่วนเกินจากประกันสังคม>>และแต่ละครั้งฉันต้องจ่ายส่วนต่างไม่ต่ำกว่า4000บาท ++ไหนจะค่ากิน ค่าอยู่ และค่าอื่นๆในระหว่างที่อยู่โรงบาลอีก ฉันต้องรับผิดชอบทุกอย่างอยู่คนเดียว แล้วฉันก็เริ่มเป็นหนี้เงินดอกและหนี้อื่นๆอีกมากมาย.... เหมือนกับทางออกทุกอย่างมันกำลังจะตัน >> ฉันต้องยืมนู้นมาจ่ายนี้ >> และทุกๆอย่างก็เริ่มกลายเป็นดินพอกหางหมู ฉันไม่เคยให้ทุกคนในครอบครัวรู้เลยว่าฉันกำลังลำบากเพียงไหน เพราะฉันไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ.....และอยากจะทำสิ่งดีๆให้แม่มีความสุขทุกอย่าง ตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่....ถึงแม้ว่าฉันต้องเป็นหนี้มากมายขนาดไหนก็ตาม แปลกไหมล่ะความคิดฉัน ...แต่ถึงยังไงก็จะสู้ต่อไป
ตอนนี้ฉันกำลังจะลำบากมาก.....และฉันจะทำยังไงกับชีวิตต่อไปคืนนี้ติดตามต่อนะคะ....ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาแวะเข้ามาอ่าน...... >>>>>>> กรุณาช่วยคอมเม้น..เเละให้คำแนะนำคำปรึกษาดีๆนะคะ<<<<
Create Date : 23 มีนาคม 2554 |
Last Update : 23 มีนาคม 2554 8:12:12 น. |
|
10 comments
|
Counter : 740 Pageviews. |
 |
|