บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
ปาฏิหาริย์รักฯ บทที่ 5 โดย...บัดดี้

แสงสว่างเจิดจ้าส่องลอดเข้ามาในห้อง ปลุกชาลิสาให้ตื่นจากการหลับใหล เสียงเครื่องยนต์ดังมาจากถนนด้านนอก หญิงสาวพบตัวเองนอนคุดคู้อยู่บนพื้น


                แปลก เมื่อคืน...ฉันไม่ได้ฝัน...หรือว่าฝัน แต่จำไม่ได้


                ไม่ว่ายังไง มันก็ทำให้วันนี้สดใสขึ้นนิดหนึ่ง วันแบบนี้ วันที่ตื่นขึ้นมาจากการหลับสนิทตลอดคืน ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมานานมากแล้ว โดยเฉพาะในรอบหลายเดือนหลังจากที่ เมธาจากไป


                เหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังรูปปลาโลมา บอกเวลา อีกสิบนาทีจะถึงเวลาที่นัดไว้กับป้าวรรณา เพื่อให้หลานชายป้าขับเรือไปส่งที่เกาะหลง วันนี้แล้วสินะ ที่จะได้ไปที่นั่น หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้มีความปรารถนาอย่างรุนแรงที่จะไปที่เกาะนั่น ตั้งแต่เห็นรูปถ่ายในห้องทำงานของมะลิ


                ความจริงไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นมันมาก่อน มันอยู่ในห้องนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอเองก็จำไม่ได้ แต่นานหลายปีแล้ว ชาลิสายังเคยชวนมะลิไปเที่ยวด้วยกันหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยสบโอกาส แต่ความรู้สึกในตอนที่มองรูปถ่ายนั้นอีกครั้ง เมื่อสามวันก่อน แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง น้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าเป็นประกายยิบยับนั้น เหมือนกับเปล่งเสียงเรียกร้องเธอให้เข้าไปหา เชื้อเชิญเว้าวอนเสียจนเธอไม่กล้าถอนสายตาออกจากมัน เพียงแค่จ้องมองก็รู้สึกได้ถึงไอแดดและลมทะเลที่โชยพัดมากระทบผิวกาย ชัดเจนเกินกว่าจะปฏิเสธเสียงเรียกร้องนั้นได้


                มาหาฉัน ชาลิสา ฉันรออยู่ที่นี่ รีบมา


                แม้จะเดินออกจากห้องของมะลิแล้ว แต่เสียงกระซิบเรียกร้องนั้นยังดังแว่วอยู่ข้างหูตลอดเวลา บางครั้งมันทำให้เธอสะดุ้ง เมื่อหันไปมองรอบกาย ก็ไม่เห็นใครนอกจากตัวเองและเด็กที่กำลังทำงานในออฟฟิศอีกไม่กี่คน หญิงสาวไม่ได้รู้เลยว่าการทำตามเสียงเรียกหานั้น มันจะนำพาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่ชีวิตเธอ


               


                หลังล้างหน้าล้างตาและเก็บข้าวของส่วนตัวแล้ว หญิงสาวเดินลงมาที่ชั้นล่างเพื่อเชคเอาท์ออกจากที่พัก มองเห็นร่างสูงใหญ่ของ หลานชายป้าวรรณายืนรออยู่แล้วที่หน้าร้านด้านนอก จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว ก็เดินออกไปหาชายหนุ่มทันที


                หลับสบายไหม เขาถามเสียงเรียบ เธอพยักหน้าตอบแต่ไม่มองหน้าคนถาม ใจหนึ่งสั่งให้แสดงน้ำใจถามถึงแผลที่เกิดเมื่อวาน แต่เมื่อลอบสังเกตไปตามลำแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแล้ว ก็พบเพียงผิวสีน้ำตาลนวลเนียนไร้ร่องรอยบาดแผลใดๆ ทำไมแผลเขาหายเร็วขนาดนี้


                ความจริงไม่น่าถาม เห็นอยู่ว่าเธอตื่นเอาซะบ่ายขนาดนี้ เธอขมวดคิ้วมองหน้าเขา ถามขึ้นว่า


                ว่าไงนะ?


                ก็นี่มันจะบ่ายสองอยู่แล้ว นึกว่าเธอไม่ไปเกาะหลงแล้วซะอีก


                บ่ายสอง! ตลกสิ ฉันเห็นนาฬิกาในห้องยังไม่แปดโมงดี


                เด็กน้อย ฟ้าสว่าง แดดเปรี้ยงขนาดนี้ จะแปดโมงได้ไง นาฬิกาในห้องมันตายน่ะสิ


                แต่…” หญิงสาวขยับจะพูดต่อ แต่เขาตัดบทขึ้นว่า


                ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเถอะ


                ชายหนุ่มก้าวยาวๆ นำไปที่ลานจอดรถ หญิงสาวจำต้องติดตามร่างสูงใหญ่นั้นไป แต่ยังติดใจสงสัยว่า มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เธอหลับนานขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง...อีตานี่! เรียกเธอว่าเด็กน้อยอีกแล้วนะ!


               


                ฉันขับให้เองดีกว่า เดี๋ยวเธอไปเฉี่ยวไปชนอะไรเข้าอีก ก็จะไปไม่ถึงเกาะกันพอดี หญิงสาวอยากจะตอกกลับไปว่า ถ้าไม่มีตัวอะไรซุ่มซ่าม เซ่อซ่ามาตัดหน้ารถ เธอก็คงไม่ชนให้หรอก แต่ก็อดปากไว้ ปล่อยให้เขาคว้ากุญแจรถไปจากมือ


                ทำไมมาเที่ยวคนเดียวเขาถามเมื่อรถเคลื่อนออกมาได้สักพัก ไม่มีเสียงตอบจากหญิงสาวที่มองเหม่อไปนอกรถ


                น่าจะให้เพื่อนมาด้วย อยู่คนเดียวเบื่อแย่


                เงียบ...


                คิดว่าจะอยู่สักกี่วัน


                เงียบ...


                หูหนวกหรือเปล่า เขาเอียงหน้าเข้ามากระซิบข้างหู หญิงสาวสะดุ้งผละออกไปจนชิดประตูรถ


                อ้อ หูไม่หนวก


                นายช่วยขับไปเฉยๆ ได้ไหม ฉันอยากอยู่เงียบๆหญิงสาวตอบเสียงห้วน ส่งค้อนให้ชายหนุ่มที่นั่งอมยิ้มไปหนึ่งวง ก่อนเมินมองออกไปมองนอกกระจกอีกครั้ง รู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะชอบกล


                ทั้งคู่นั่งเงียบกันมาจนถึงท่าเรือ ชายหนุ่มจัดการเอารถไปจอดในที่สำหรับบริการฝากรถ


                เธอไม่มีสัมภาระอะไรติดตัวมาเลยเหรอ หญิงสาวชูกระเป๋าถือคู่กายสีน้ำตาลขึ้นเป็นคำตอบ เขาส่ายหน้าแล้วเดินนำไปที่สะพานลงเรือ


                สะพานปูนทอดยาวลงไปในทะเล เป็นที่จอดเรือสำหรับคณะทัวร์ มีนักท่องเที่ยวห้าหกคนยืนรอขึ้นเรืออยู่ ถัดไปไม่ไกลมีสะพานไม้เล็กๆ ดูง่อนแง่น สั้นกว่าสะพานอันแรกหลายเท่า มีเรือเร็วขนาดเล็กสีขาวลายคาดฟ้าจอดอยู่ลำหนึ่ง ชายหนุ่มเดินลงเรือ ส่งมือให้หญิงสาวจับ เธอไม่สนและพยายามไต่ลงเรือด้วยตัวเอง เครื่องยนต์เริ่มทำงานส่งเสียงดังแสบแก้วหู แล้วเรือเร็วก็บ่ายหน้าออกสู่อ้อมกอดของท้องทะเลคราม


                เรือเร็วแล่นโต้คลื่นมาได้สักพัก โดยไม่มีใครเปิดปากพูดอะไรในระหว่างทาง ในที่สุดก็เข้าเทียบจอดบนชายหาดด้านหนึ่งของเกาะ


จากบนเรือ ชาลิสามองเห็นสีเขียวของไม้พุ่มไม้ยืนต้นขึ้นดกหนาตาอยู่บนเกาะ เบียดกันแน่นจนแทบจะมองไม่เห็นด้านใน ดูเหมือนม่านธรรมชาติปกป้องความบริสุทธิ์ของเกาะจากสายตาคนภายนอก ยอดต้นมะพร้าวหลายยอดเสียดสูงเหนือหมู่ต้นไม้อื่นๆ เอนไหวพัดพลิ้วตามแรงลมไปตลอดแนวชายหาด เหลียวไปอีกด้าน เรือประมงสีฟ้าสีเขียวปักธงชาติไทยลอยอยู่เคียงกันสองลำ น้ำทะเลใสราวกระจกแก้ว มองเห็นพื้นทรายเบื้องล่างชัดเจน ปลาตัวเล็กตัวน้อยแหวกว่ายไปมาอยู่รอบเรือ ชาลิสาก้าวเท้าลงจากเรือแล้วก็เกือบล้มหน้าคะมำ เมื่อพื้นน้ำที่ดูตื้น จริงๆ แล้วลึกถึงสะโพกเธอทีเดียว               


                ระวังๆ หน่อยเธอ ชายหาดแถวนี้มันลาดลึกนะ เห็นตื้นๆ น่ะ จริงๆ มันหลอกตา เขาส่งเสียงสดใสมาจากด้านหลัง แม้ไม่หันไปมองแต่หญิงสาวก็นึกรู้ได้ว่า เขาคงต้องกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่แน่ๆ พยายามเดินก้าวยาวๆ ให้ห่างจากผู้ชายกวนอารมณ์คนนี้ให้เร็วที่สุด แต่ทรายละเอียดใต้เท้าเหมือนหยุ่นยึดให้ไม่สามารถก้าวได้ไวดังใจคิด


หญิงสาวหอบหายใจเมื่อขึ้นมาหยุดยืนบนฝั่งได้สำเร็จ หากไม่มีเรือประมงที่จอดลอยอยู่ริมหาด เกาะนี้ก็ดูไม่ต่างอะไรกับเกาะร้าง เงียบ สงัด ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตใดๆ พยายามมองผ่านแนวต้นไม้เข้าไปด้านใน ก็พบเพียงแสงสว่างรำไรอยู่อีกด้านของม่านต้นไม้ เหลียวกลับไปมองท้องทะเล ภาพตรงหน้าเหมือนภาพถ่ายเสียมากกว่าของจริง ท้องทะเลสีฟ้ากระจ่างสวย สงบนิ่งปราศจากลูกคลื่น เรือเร็วจอดนิ่งสนิท


เธอมาถึงแล้ว ที่นี่คือเกาะหลง ปลายทางของเธออยู่ที่นี่


“เดี๋ยวเราเดินไปที่พักกันก่อน ถ้าเธออยากเที่ยวรอบเกาะ ฉันจะพาไป ไม่ไกลจากตรงนี้มีหมู่บ้านชาวประมง ชาวบ้านที่นี่น่ารัก เป็นกันเองและเป็นธรรมชาติมากๆ” ชายหนุ่มขึ้นมายืนเคียงข้างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ อธิบายเสียงแจ๋ว พูดจบก็เดินนำไปทางต้นโกงกางต้นใหญ่ หญิงสาวเดินตามไป มองเห็นป้ายไม้เป็นลูกศรชี้เข้าไปด้านในเกาะ เขียนด้วยหมึกสีแดงเข้มจัดว่า หลงจันทร์


                เราจะพักกันที่นี่แหละ เขาพูดเมื่อเดินมาทัน และนำทางลอดหมู่ต้นไม้ที่ปลูกเป็นปราการไว้


                หมายความว่าไง เรา”!” แต่เขาลับหายเข้าไปในหมู่ไม้เสียแล้ว


                หญิงสาวเดินตามไปห่างๆ และหยุดเมื่อเห็นเขาหยุดคุยกับชายชราคนหนึ่ง สักครู่เขาก็พยักหน้าเป็นเชิงให้เดินตามไป ชายหนุ่มและชายชราเดินเคียงกันไปหยุดที่บ้านชั้นเดียวหลังเล็ก ปลูกติดพื้นทราย ก่อด้วยปูนอย่างหยาบ ไม่ได้ทาสี จึงยังมองเห็นลายปูนสีเทาทึมบอกอายุการใช้งาน พวกเขาหายเข้าไปในห้องนั้นสักพัก ชายหนุ่มก็กลับออกมา


                เธอโชคดีนะที่มีบ้านพักว่าง” ยิ้มสดใสพร้อมกับชูลูกกุญแจในมือ “ปกติบ้านพักไม่กี่หลังของที่นี่จองเต็มตลอดทั้งปี มาฉันจะพาเธอไปที่พักเขาออกเดินนำไปอีก หญิงสาวเดินตาม ทิ้งระยะพอสมควร


                เมื่อกี๊ นายหมายความว่าไง ที่ว่า เราจะพักกันที่นี่


                เงียบ... ชายหนุ่มก้าวยาวขึ้น จนหญิงสาวต้องกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไป


                นี่ ฉันพูดกับนายอยู่นะ


                เงียบ...


                เฮ้ ไม่ได้ยินที่ถามหรือไง


                เงียบ...


                อีตาบ้า หูหนวกเหรอ


                เขาหยุดกะทันหัน หันควับกลับมาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวไม่ทันระวังจึงชนเข้ากับแผงอกกว้างอย่างจัง ดีที่เขาคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้น คงต้องลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าเป็นแน่


                รู้หรือยังว่าเวลาคนอื่นถาม แล้วเธอไม่ตอบ มันรู้สึกยังไง เสียงเรียบเฉยนั้นไม่ได้บอกอารมณ์โกรธหรือความรู้สึกใดๆ รอยยิ้มประดับอยู่บนกลีบปากอิ่มสวยได้รูป ห่างจากใบหน้าเธอไม่ถึงคืบ เมื่อเขาปล่อยเธอและหันหลังกลับเดินไปตามทางอีกครั้ง หญิงสาวยังยืนตัวแข็งนิ่ง หัวใจเต้นรัวแรงราวกลองเพล รำพึงกับตัวเองเบาๆ


                อีตาบ้า!...


                หญิงสาวเร่งฝีเท้าก้าวตามร่างสูงใหญ่ไป ในใจยังสั่นรัว กลิ่นหอมจากกายเขา ช่างน่าประหลาด หอมเย็นเหมือนกลิ่นดอกไม้อะไรสักอย่าง หญิงสาวครุ่นคิดว่าเธอเคยได้กลิ่นหอมแบบนี้ที่ไหนสักแห่งนะ


                เมื่อเดินลัดเลาะผ่านกลุ่มต้นไม้น้อยใหญ่ ที่ปลูกติดกันเหมือนค่ายกล บ้านไม้ยกพื้นสูงหลังคามุงด้วยใบจากแห้งๆ ก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา สีไม้เป็นธรรมชาติไม่ได้แต่งเติม ดูค่อนข้างอิดโรยด้วยผ่านการใช้งานมานานปี แต่ก็เข้ากันได้ดีกับต้นไม้สูงที่รายล้อมอยู่ด้านหลังและด้านข้าง


                ตัวบ้านหันหน้าออกไปทางชายหาด มีบันไดทอดขึ้นไปสู่ห้องพัก ด้านหน้าห้องพักเป็นระเบียงกว้างขวาง เก้าอี้ผ้าใบสีเขียวดูน่าสบาย วางอยู่สองตัว พื้นที่ด้านล่างตัวเรือน เป็นที่โล่งลาดปูน จักรยานสีแดงคันเล็กจอดพิงเสาเรือนอยู่คันหนึ่ง เขาเดินนำขึ้นไปบนห้องพัก ไขกุญแจแล้วหายเข้าไป หญิงสาวยังยืนรีรออยู่ด้านล่างจนกระทั่ง เขาโผล่ออกมาอีกครั้ง


                ขึ้นมาสิ นี่ห้องเธอ


                ชาลิสาก้าวขึ้นบันไดอย่างระแวงระวัง เดินเข้าประตูที่เปิดอ้าไว้ มองสำรวจไปรอบห้องพัก ห้องกว้างกว่าที่คาด เตียงนอนหลังใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง โคมไฟดินเผาวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงอันเล็ก โซฟาหวายกับเบาะลายดอกไม้สีฟ้าสลับเหลือง อยู่ริมหน้าต่างถัดจากประตู โต๊ะหวายรูปไข่ดูเข้าชุดกับโซฟาวางอยู่ด้านหน้า ไม่มีโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นใดอีก


                ฝาผนังตรงข้ามเตียง เป็นรูปวาดเรือหาปลาลำเล็กเดียวดายในทะเลเวิ้งว้างวางอยู่ในกรอบไม้สีชา ลึกเข้าไปที่มุมด้านในมีตู้เสื้อผ้าหลังย่อมหันหน้าประจันกับห้องน้ำซึ่งเปิดโล่ง ต้นไม้สูงที่รายล้อมอยู่เกือบรอบด้าน ช่วยป้องกันบ้านหลังนี้จากสายตาคนภายนอกได้เป็นอย่างดี


                เธอพักก่อน เดี๋ยวจะมาพาไปกินข้าวเย็นเขากำลังจะก้าวออกจากประตู หญิงสาวพูดขึ้นว่า


                เออ..นายจะกลับไปเลยก็ได้นะ ไม่ต้องห่วงฉันความจริงสิ่งที่เธออยากพูดคือ ไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับฉัน


                ฉันยังกลับไม่ได้ มีธุระต้องทำ เดี๋ยวเจอกันนะ


                ชาลิสาถอนหายใจแรง ผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับ มองไปรอบห้อง ไม่มีข้าวของอะไรที่ต้องจัด เธอควานมือลงไปคว้ากระปุกยาที่อยู่ในกระเป๋าสะพายขึ้นมา มองมันนิ่งนาน ก่อนจะวางมันลงที่โต๊ะหัวเตียง


                เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งช่างเย้ายวนใจให้ออกไปสัมผัสมันเหลือเกิน


                แดดเริ่มอ่อนแสงลงมากแล้ว ประกายทองระเรื่อเรืองอยู่บนผืนฟ้ารำไร เธอเดินเรื่อยเปื่อยจนมาหยุดอยู่หน้าชายหาด เหม่อมองไปไกลสุดสายตา นึกสงสัยว่าเส้นขอบฟ้ามันไกลสักแค่ไหนกัน ถ้าเธอว่ายน้ำไปเรื่อยๆ จะพบกับเส้นขอบฟ้าหรือเปล่านะ แต่เธอว่ายน้ำไม่เป็น แล้วจะไปได้ยังไงกัน


                ชาลิสาทรุดตัวลงนั่งบนพื้นทรายเหมือนคนหมดแรง คิดถึงเรื่องราวในอดีต มากมายหลายฉากตอน แต่ละฉากที่หมุนไปยิ่งทำให้เกิดแรงกดในท้องลามขึ้นมาถึงอก อัดแน่นจนแทบระเบิด รู้สึกปวดแปลบในขมับทั้งสองข้าง เมื่อนึกถึงภาพที่เมธาขอแต่งงานกับเธอครั้งแรก มันเกิดขึ้นบนชายหาดเหมือนกันกับที่นี่ ต่อหน้าท้องทะเลและเกลียวคลื่นเช่นนี้ สายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความหวังเมื่อเขาพูดประโยคนั้นออกมา แต่งงานกันนะแปรเปลี่ยนเป็นงุนงงสงสัย และเจ็บปวดรวดร้าว เมื่อเธอตอบปฏิเสธ


                ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ทุกภาพแห่งความทรงจำต่างๆ ยิ่งหลั่งไหลพรั่งพรูออกมา ราวกับภาพยนต์ที่ฉายซ้ำไปซ้ำมา ทุกฉากความหลังที่เปลี่ยนไป แรงบีบในขมับทั้งสองข้างยิ่งเต้นตุบรุนแรงยิ่งขึ้นราวระเบิดเวลา เพียงแต่เธอไม่รู้ว่า เวลาจะหมดลงเมื่อไหร่


                คำพูดสุดท้ายที่เขาพูดไว้กับเธอในห้องที่คอนโด ผมจะไม่ไปถ้าไม่มีสา ถ้าสาไม่ไป ผมก็ไม่ไป ความมั่นคง จริงจังในแววตายังแจ่มชัด ไม่มีทางลืมเลือน ภาพสุดท้ายของเขาบนเตียงที่โรงพยาบาล ใบหน้าปูดบวมจนแทบจะจำไม่ได้ เลือดท่วมไปทั้งตัว เธอไม่อาจลบมันออกไปได้ หญิงสาวกรีดร้อง ฟุบหน้าลงบนฝ่ามือ เธออยากร้องไห้ หวังว่าน้ำตาจะปลดปล่อย พัดพาแรงกดดันในอกให้ออกมาพร้อมกับมันด้วย แต่ก็เหมือนกับทุกครั้ง ไม่มีหยดน้ำใดสามารถเล็ดลอดออกมาจากดวงตาดำคล้ำคู่นั้นได้ มีเพียงเสียงครางเหมือนคนกำลังจะขาดใจแผ่วเบาจากลำคอ


                เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ หญิงสาวยังคงทรุดนั่งอยู่ริมชายหาด กอดเข่าตัวเองแน่น ส่งเสียงครางเหมือนลูกแมวกำลังจะขาดใจตาย ร่างกายเธอสั่นโยกไปมาราวกับนั่งอยู่บนเรือที่กำลังลอยโต้คลื่นทะเล สายตาว่างเปล่ามองลอยไปไกลอย่างไร้จุดหมาย แสงสว่างรอบๆ ตัวเริ่มเจือจางลง แทนที่ด้วยอากาศเย็นจากลมทะเล


                เสียงเรียกทุ้มแผ่วเบาของใครบางคนปลุกชาลิสาจากภวังค์ความคิด เธอเงยหน้าขึ้นมอง แม้จะอยู่ในแสงสลัวยามใกล้ค่ำ แต่มันกลับแจ่มชัดสำหรับเธอ ใบหน้าที่แสนคุ้นเคย ใบหน้าที่เธอคิดถึง สวรรค์เมตตาเธอแล้ว เขากลับมาจริงๆ ผู้ชายที่เธอโหยหายืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้วในตอนนี้


                เมธา...


                เสียงเรียกชื่อเขาแผ่วเบาราวกับใช้เวลาเดินทางหลายปีแสงกว่าจะสามารถหลุดออกมาจากปากเธอได้ เขายิ้ม เป็นยิ้มที่เหมือนกับทุกครั้ง อบอุ่น ปลอบประโลม อ่อนโยน หญิงสาวไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอคิดถึงรอยยิ้มของเขามากถึงขนาดนี้


                ชายหนุ่มยื่นมือมาให้ เธอคว้ามันอย่างไม่ลังเลแล้วยันตัวเองให้ลุกขึ้น ยิ้มตอบเขาด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้ง ทั้งสองสบตากันนิ่งนาน โลกเหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะ การเคลื่อนไหวรอบกายหยุดลง ไร้ซึ่งสรรพเสียงใด ความเงียบที่แท้จริงเป็นเช่นนี้นี่เอง ไม่มีแม้ลมเย็นที่พัดโชยมาเมื่อครู่ ทั้งสองสื่อสารกันโดยสายตา ที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เข้าใจในความหมายนั้น


                แล้วเขาก็ปล่อยมือเธอ เดินบ่ายหน้าไปทางทะเล เขาเดินเรื่อย ค่อยๆ ลึกลงไปในทะเล ชาลิสามองตามเขาเดินห่างออกไป หัวใจแตกสลาย เขากำลังจะจากเธอไปอีกครั้ง แต่เธอจะยอมหรือ หญิงสาวตะโกนร้องตะโกนสุดเสียง


                เมธา รอสาก่อน


                เขาไม่หันกลับมา ก้าวลึกลงไปอีก หญิงสาวเริ่มออกวิ่งตาม น้ำทะเลกระเซ็นขึ้นมาในทุกก้าวที่เธอย่ำย่าง วิ่งไปพลาง ตะโกนเรียกชื่อเขาไปพลาง


                เมธา รอด้วย อย่าเพิ่งไป


                มองเห็นหลังเขาเดินลึกลงไปในทะเล ชายหาดที่มีความลาดลึก ทำให้ไม่นานน้ำทะเลก็สูงถึงหน้าอก หญิงสาวยังคงก้าวเดินต่อไป ปากก็ยังส่งเสียงเรียกหาชายคนรัก เพียงพริบตาเสียงร้องก็ถูกกลบเมื่อปากของเธอค่อยๆ จมลงไปในทะเล เท้าทั้งสองเขย่งเหยียดจนสุดปลาย แต่ก็ยังพยายามพาเจ้าของร่างก้าวไปข้างหน้า จนในที่สุดก็มีเพียงน้ำทะเลเท่านั้นที่รองรับเธออยู่ หญิงสาวไขว่คว้า ตะเกียกตะกาย พยายามโผล่ให้พ้นน้ำ มองเห็นด้านหลังของเขาอยู่ไกลลิบ แม้จะว่ายน้ำไม่เป็นแต่ก็พยายามจะพาร่างตัวเองให้ก้าวต่อไปอีก ไม่มีวันที่เธอจะปล่อยให้เขาจากไปอีกแล้ว เธอจะต้องไปถึงตัวเขาให้ได้ เขากลับมาแล้ว...มารับเธอ


                ร่างบางดิ้นรนไปมาภายใต้น้ำทะเล พยายามผลักไสตัวเองให้สูงขึ้นเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ตามสัญชาตญาณ น้ำทะเลทะลักท่วมเข้าปากจนสำลัก มันแทรกซึมเข้าไปในตาในจมูก จนรู้สึกปวดแสบไปหมด ยิ่งพยายามดิ้นรน ร่างยิ่งไกลห่างออกไปจากฝั่ง ในขณะที่เรี่ยวแรงเริ่มถดถอย เธอรู้สึกตัวเองกำลังจมลง น้ำทะเลกลืนกินท่วมท้นเธอจนมิดหัว ในขณะที่สองเท้าเหยียดหาที่พึ่งใดไม่มี รอบข้างช่างสงบเงียบเหลือเกิน หญิงสาวค่อยๆ หลับตาลง ปล่อยตัวเองให้เป็นส่วนหนึ่งของคลื่นทะเล บางทีมันอาจช่วยพัดพาเธอไปถึงเขาได้ในที่สุด


                เมธา สามาหาคุณแล้ว...


                ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดตัวเธอไว้จากด้านหลัง เขาคงมารับเธอ ในที่สุดเธอจะได้อยู่ร่วมกับชายผู้เป็นที่รักอีกครั้ง แทนที่เขาจะพาเธอดิ่งลึกลงทะเล เขากลับรั้งร่างเธอขึ้น แล้วสติสุดท้ายของหญิงสาวก็พลันวูบดับลง


Create Date : 08 กรกฎาคม 2553
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 20:29:43 น. 2 comments
Counter : 380 Pageviews.

 
สนุกคะ น่าติดตาม มาอัพเร็วๆนะคะ


โดย: sakeena IP: 115.87.111.99 วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:46:12 น.  

 
มาอัพแล้วค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^


โดย: buddy (sorwor ) วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:17:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.