บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
14 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
สายลับกลับใจรัก บทที่ ๖ โดย สามารถ

-6-

“พ่อแม่บอกว่าเราโตเป็นหนุ่มสาวแล้ว พ่อแม่ว่าดีอย่างไร พ่อแม่ไม่อาจห้ามลูกสาวได้ ลูกสาวจำต้องแต่งงานกับหนุ่ม บ่าวสาวตกลงจะแต่งงานกันตกลงกันแล้ว พ่อแม่จะว่าเช่นไร” เสียงขับร้องเพลงม้งพลิ้วแว่วแผ่วผ่านบานประตูไม้สีแดงเลือดนก เหมือนลมที่มีเสียงไพเราะพัดผ่าน ทำให้หัวใจอบอุ่นและอยากจะกลับไปหาความหลัง

พิดิษเปิดประตูออก ก้าวออกจากบ้าน ตามหลังมาด้วยร่างสมส่วนในชุดม้งสวยงามของนาอู

แดดแล้งแรงจ้าส่องปะทะใบหน้าชายหนุ่ม จนดวงตาเขาหรี่หยี หันหน้ากลับไปมองหญิงสาว แสงแดดกระทบผิวนวลเนียน เห็นเป็นสีชมพูเรื่อเรือง

เธออยู่ในชุดม้งเต็มยศ เอวกิ่ว สะโพกผายได้รูป กระโปรงสั้นเน้นสัดส่วนเธอให้เด่นขึ้นกว่าเดิม โพกศีรษะด้วยผ้าน้ำเงินงามทำให้สาวเชื้อสายไทใหญ่สวยไปอีกแบบที่เขาเคยเห็น

เสียงเพลงยังดังแว่วมาจากเบื้องหน้า ที่มองไปไม่เห็นสิ่งใดนอกจากฟ้าเวิ้งว้างและเทือกเขาสลับซับซ้อน ยักษ์หลับตนนั้นทอแสงสีน้ำเงินเมื่อต้องแดดจัด แม้จะร้อนแล้งปานใด มันก็ยังคงนอนนิ่งไม่ทุกข์ร้อน ไม่ยี่หระต่อโลกที่หมุนเวียนวนด้วยพลังผลักดันอันสับสนวุ่นวาย

หนุ่มสาวคู่รักพากันจูงมือเดินลงเนินหน้าบ้าน เห็นกลุ่มคนยืนล้อมกันบนลานโล่งหน้าเรือนปู้เหว่ย เป็นเพราะบ้านของเขาอยู่สูงกว่าคนอื่น เมื่อมองจากหน้าบ้าน เนินดินนั้นจึงลับบังสายตา ปิดซ่อนหมู่บ้านทั้งหมดไว้หลังเนินนั้นดังสถานที่ซุกซ่อนความลับอำพราง

เสียงพูดคุยเซ็งแซ่อื้ออึงปนเปกันจนฟังไม่รู้เรื่อง สอดแทรกด้วยเสียงแคนหวีดแหลม บางครั้งเสียงคนเฮก็ดังขึ้นพร้อมกันเหมือนถูกใจอะไรสักอย่าง บางคนหันหลังกลับมาหัวเราะคิกคัก แล้วก็หันกลับไปสนอกสนใจเรื่องราวในวงต่อ ทุกคนแต่งตัวด้วยชุดประจำเผ่า สีดำสลับกับลวดลายว่อบแวบดาษดื่นเต็มทั่วพื้นลาน คงเหลือแค่เด็กซนบางคนที่ยังอยู่ในชุดเดิม เสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบเด็กข้างล่าง วิ่งเล่นกันวุ่นวายวนเวียน

สาวๆแต่งตัวสวยงาม ชุดม้งสีดำสดใหม่ชื่นมื่น คงเก็บไว้อย่างดิบดีทั้งปีเพื่อรอสวมใส่อวดกันในวันนี้วันเดียว

“พวกเขาทำอะไรกันคะ?” นาอูถาม

พิดิษยิ้ม สำเนียงภาษาไทยของเธอชัดขึ้นมากแล้ว

เขาเร่งจูงมือหญิงสาวเข้าหากลุ่มคนที่กำลังสนุกอยู่

“พวกเขากำลังเล่นโยนลูกช่วงกัน”

“ลูกช่วง?”

“ใช่...ลูกช่วงหรือที่คนม้งเขาเรียกว่า จุเป๊าะ เล่นกันเฉพาะงานปีใหม่อย่างวันนี้ไงล่ะ” พิดิษจูงมือนาอูเบียดแทรกผู้คนที่ยืนมุงกันอยู่

แดดแรงร้อน แต่กิ่งฉำฉาใหญ่ประจำหมู่บ้านก็สยายร่มเงาบังแสงแดด คุ้มกันให้คนทั้งลานกลางหมู่บ้านได้อย่างพอดิบดี ลำต้นตั้งเฉียงลาดเทขนานไปกับลานลาดเอียง ตระหง่านราวผู้คุ้มครองและปกปักษ์ นี่เป็นยามเช้า ชาวบ้านจึงอาศัยมันได้ หากล่วงบ่ายไป พวกเขาคงต้องย้ายกลุ่มไปอีกฟากฝั่งของโคนไม้ใหญ่

พิดิษเหลียวไปมองฝั่งขวามือ เห็นปู้เหว่ยนั่งเอกเขนกบนเก้าอี้ไม้ทรงฮ่องเต้ริมระเบียงบ้าน ท่าทางสบายอารมณ์ เหม่อมองมายังกลุ่มม้งที่สนุกสนานกันอย่างยิ้มแย้ม

เขาโบกมือทักทายพิดิษ ชายหนุ่มโบกมือตอบ ในใจยังค้างคาเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์พูด แต่วันนี้เขาคงต้องพักเรื่องงานไว้ก่อน ในเมื่อวันนี้ ทั้งหมู่บ้านไม่มีใครทำงานเลยสักคน ทุกคนจ้องจะฉลองปีใหม่กันอย่างใจจดจ่อมาหลายวัน

ดอกเดินมาด้านข้าง สะกิดเขาที่ต้นแขน

ชายหนุ่มสะดุ้ง หันไปยิ้มทักทาย

“ไง...พี่ดอก?”

“คุณพิดิษ...ออกมาสายจังนะครับ” ดอกทักทายกลับ มือขวาจูงหญิงสาวนางหนึ่งมาด้วย แต่กลับมองนาอูแววตาประกาย

ปาตาเพิ่งบอกพิดิษเมื่อวานว่า ดอกได้เมียใหม่ ซึ่งเป็นธรรมดาของชายม้งที่ในอดีตถือว่า ตนได้เสียเงินสู่ขอเมียก็เพื่อมาหากินอยู่ร่วมกัน แต่ก็เปรียบเหมือนคนรับใช้ไปด้วย ผู้เป็นภรรยาจะต้องทำงานหนักทุกอย่างทั้งในบ้านและในไร่ จะต้องตื่นนอนก่อนและหลับทีหลังทุกคนในครอบครัว เมื่องานของภรรยาหนัก ผู้ชายจึงพยายามหาภรรยาใหม่มาอยู่ด้วยเพิ่มเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจครอบครัว ผู้หญิงม้งส่วนใหญ่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างญาติมิตรปรองดองเหมือนเป็นธรรมเนียม ต่างกันตรงที่ผู้หญิงไม่มีสิทธิที่จะมีสามีมากกว่าหนึ่งบ้าง

ตรงกันข้าม หากเมื่อใดเธอโชคร้ายเป็นหม้ายขึ้นมา สิ่งนั้นคือตราบาปติดตัวชั่วชีวิต !

ปัจจุบันชาวม้งรับเอาวัฒนธรรมไทยไปมาก สมัยนี้รูปแบบครอบครัวจึงเหมือนคนไทยมากขึ้น เป็นครอบครัวเล็กๆ มีพ่อ แม่ ลูก และสามีจะช่วยงานภรรยามากขึ้น เพียงแต่ดอกเองนั้นเป็นคนติดนิสัยเจ้าชู้ เขาเคยมีเมียมาแล้วหลายคนหลังจากแม่ของดุ่ยเสียไป ดังนั้น เมียใหม่สาวสวยคนนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับชาวบ้านที่เห็นเขาเปลี่ยนเมียไปเรื่อย

พิดิษหันไปมองนาอู เหมือนจะเย้าหญิงสาวเล่นว่าเป็นเพราะเธอ เขาถึงเกิดอารมณ์คึกกำหนัดอีกและเป็นสาเหตุที่ทำให้ตื่นสาย

เธอหน้าแดงก่ำ หลบสายตาวูบ

“เออนี่พี่ดอก...แล้วดุ่ยล่ะ?”

“เดี๋ยวคงมาครับ เมื่อกี้ผมเข้าไปดูในมุ้งนอน เพิ่งงัวเงยจะตื่น”

“เที่ยวกลางคืนดึกล่ะสิ?”

“ครับ” ดอกตอบ สายตาเฉไปจ้องอยู่ที่กลางลานดินแห้งผาก

หนุ่มสาวในชุดแต่งกายแบบม้งยืนแยกกันเป็นแถวกลางลานกว้าง หญิงหกคนแถวหนึ่งชายหกคนก็อีกแถวหนึ่ง ยืนระยะห่างกันพอประมาณ กางแขนชนกัน ต่างคนหันหน้าเข้าหากัน ส่วนใหญ่จะเป็นคู่ที่หมายปองกันก่อนแล้ว เมื่อมีงานประเพณี พวกเขาจึงพยายามจับจองพื้นที่กลางลานเพื่อเล่นลูกช่วงด้วยกัน

ลูกบอลทำด้วยผ้าสีดำขนาดลูกเทนนิส ถูกโยนข้ามไปมา ระหว่างโยนก็จะมีการพูดจาเกี้ยวพาราสีกันสลับกับการร้องเพลงเป็นบางครั้ง จุดประสงค์ของการเล่นลูกช่วงก็เพื่อคู่หนุ่มสาวที่พยายามที่จะทำความรู้จักกันหรือเลือกคู่ ซึ่งก็แน่นอนว่า หญิงที่มีสามีแล้วจะไม่มีสิทธิเล่นได้

บางครั้ง... ในสังคมของหมู่พลเมืองชั้นสองก็ยังมีลดหลั่นลงมาอีกชั้นหนึ่งเสมอ เป็นเพราะกฎคร่ำครึ หรือความเชื่อที่รังแต่จะสร้างความแตกแยกเหยียดหยาม



เสียงแคนยังคงดังกังวานราวกับว่าพลังคนเป่าไม่มีวันหมด หนุ่มสาวในวงลูกช่วงยังพูดจาโต้ตอบเกี้ยวพากันต่อไป

นาอูยืนหัวเราะคิกคัก บางครั้งก็ปรบมือชอบอกชอบใจ

เจ้าหนุ่มคนหนึ่งออกท่าออกทางตลกโปกฮายามร้องโต้ตอบตอนโยนลูกช่วงสีดำใส่หญิงสาวที่ยืนตรงข้าม ทำหน้าตายั่วยียวนคู่ของตน ผิดกับสาวน้อยคู่ของเขาที่ยืนนิ่งหน้าง้ำแดงก่ำ เธอแก้ขวยด้วยการจงใจขว้างลูกช่วงให้ถูกใบหน้าทะเล้นของเขา เรียกเสียงฮาได้ครืนใหญ่ คนดูใจจดใจจ่อรอให้ถึงคิวเจ้าหนุ่มนั่นโยนลูกช่วงกับเด็กสาวอีกในรอบต่อไปด้วยเสียงเชียร์ครื้นเครง

เด็กวัยซุกซนขว้างเล่นลูกข่างพลาสติกที่พ่อแม่ซื้อมาจากในเมืองอยู่ข้างวงใหญ่ พวกเด็กๆ ไม่ค่อยเข้าใจเนื้อเพลงที่ผู้ใหญ่เกี้ยวกันนักจึงหมกมุ่นอยู่กับของเล่นหมุนได้มากกว่า ลูกข่างที่ทำจากไม้ไม่มีให้เห็นในหมู่บ้านแล้ว ที่จริงการเล่นลูกข่างก็เป็นการละเล่นแข่งขันชนิดหนึ่งของชาวม้งเหมือนกัน แต่ปัจจุบันพิดิษก็เห็นแค่วันนี้ที่เด็กๆ เพียงขว้างเล่นพอให้มันหมุนเฉยๆ ไม่ได้มีพิธีรีตองการแข่งขันอะไร

ขณะที่นาอูยืนยิ้มเบิกบานอยู่ ชายหนุ่มกลับมองตามลูกข่างที่เด็กขว้างไปบนลานดินลูกหนึ่ง สีของมันแดงสด

เขานึกถึงวัยเด็กของตัวเอง ลูกข่างเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นแรกจากพ่อตั้งแต่เขาจำความได้ หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้อะไรจากพ่ออีกเลย สายตาส่ายตามลูกกลมกรวยที่หมุนคว้างไร้ทิศทาง สะดุดกึกเมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่ห่างออกไป พอเขาตั้งใจชะเง้อเงื้อมมองเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง ร่างนั้นก็หายลับไป

“ลุงเติบ” ชายหนุ่มพึมพำ

ลุงเติบเสี่ยงมาที่นี่ทำไม ?

เขาชักสงสัย งานนี้ต้องมีอะไรเร่งด่วนแน่นอน หันไปมองปู้เหว่ย เห็นชายชรานั่งหลับคาเก้าอี้ไปแล้ว เด็กสาวสองคนเดินเก็บถ้วยชากลับเข้าหลังบ้าน

เขามองนาอู เธอกำลังสนุกอยู่ มองหาดอก ไม่ได้อยู่ที่นี่ คงกลับไปหาความสุขกับเมียใหม่ที่บ้านตัวเอง

พิดิษผละออกมาจากที่นั่น เดินเลียบไปทางที่เห็นลุงเติบเมื่อครู่ ชายสูงวัยหายวับไปกับตา

เมื่อมองไม่เห็น เขาจึงเดินเลาะทางชันลงไปยังป่าหนาทึบเบื้องล่าง ก้มตัวลอดพุ่มพุทราดกเต็มไปด้วยหนามแหลม คลานสี่ขาไปอีกห้าหกเมตรก็ยืนได้ จากนั้นจึงลัดเลี้ยวไปตามลำห้วย เมื่อเจอทางแคบๆ ก็กระโดดข้ามไปยังอีกฝั่ง เกาะยึดต้นไม้ใหญ่ขึ้นฝั่งชันอีกด้านก่อนที่ร่างจะหงายหลังแล้วจึงหยุดยืนพักเหนื่อยหลังพิงต้นไม้

สักพักเสียงแกรบก็ดังขึ้น

เขามองไปทางต้นเสียง เห็นลุงเติบเดินหน้าตาเขม็งเครียดมาทางเขา

“ลุงมาได้ยังไง?”

“ฉันมาเอง รถจอดอยู่ไกลจากที่นี่สองสามกิโล’

“ลุงเดินมาจากรถ?”

“ก็ใช่น่ะสิ” ชายชราทำเสียงดุ ”เกิดเรื่องใหญ่แล้วล่ะพิดิษ”

“เรื่องอะไร?”

“ตำรวจภูธร ทหารของกองทัพภาคหนึ่ง ตชด. สนธิกำลังกันขึ้นมาที่นี่ พวกเขาจะจับแกและปู้เหว่ยวันนี้ พร้อมทั้งกวาดล้างหมู่บ้านยาบ้าของแกด้วย”

“หา !ไหงเป็นงี้?” พิดิษสะดุ้งละล่ำละลักถาม “ทำไงดีล่ะลุง?”

“ทำอะไรไม่ได้หรอก ตอนนี้แกต้องหนีอย่างเดียว คิดอะไรไม่ทันแล้ว”

“ทำไมไม่บอกผมล่วงหน้า?”

“งานนี้ นทส.ไม่เกี่ยว ไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ แกคงยังไม่รู้ว่าหัวหน้าเรากับนายการันต์ หัวหน้า ปปส.ไม่ลงรอยกัน พอดีว่าทหารพรานกลุ่มที่เคยจับคนของแกเดือนก่อนบอกฉัน”

ภาพชายชาวม้งสิบคนถูกทาแป้งขาวโพลนไปทั้งตัวแช่รวมกันในบ่อปลักผุดขึ้นในมโนนึก ชายหนุ่มพูดเสียงเด็ดเดี่ยว “งั้นผมต้องเอานาอูไปด้วย”

“รีบเลย...เสร็จแล้วกลับมาเจอฉันที่นี่ หัวหน้าเคลียร์ทางกับวงในไว้ให้แล้ว เดี๋ยวฉันจะพาแกลงเขานี่ไปเอง”

“แล้ว...พวกชาวบ้าน?” พิดิษยังลังเล

“ลืมเรื่องนี้ไปก่อนเถอะ...ทหารไทยไม่ยิงเด็ก ผู้หญิงหรือคนไม่ได้ถือปืนหรอก ถ้าพวกเขารื่นเริงกันแบบนี้ คงไม่มีใครเตรียมตัวโต้ตอบ การจับกุมน่าจะง่ายขึ้น ไปรับนาอูก็ไปซะ...เร็ว!” ลุงเติบเร่ง

สิ้นเสียงแกพิดิษก็ถลันวิ่งกลับทางเดิมอย่างรวดเร็ว


นาอูนั่งพับเพียบ มือสองข้างบีบกันแน่นอยู่บนตัก ร่างระหงสั่นเทิ้ม ริมฝีปากเต้นระริก น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม

จู่ๆ นายดอกก็บังคับให้เธอเดินตามเขามา ถูกกระชากลากถูเข้ามาทางประตูโกดัง ขังเธอไว้ในห้อง สักพักก็กลับเข้ามาอีกพร้อมกับปู้เหว่ยและลูกน้องอีกสองสามคน

“มึงรอไอ้พิดิษมันอยู่นี่แหละ เดี๋ยวมันหามึงไม่เจอมันก็ตามมาที่นี่เอง” ดอกพูดกับเธอเสียงเหี้ยม

น้ำตายิ่งทะลักล้นออกมามากขึ้น

เกิดอะไรขึ้น…? อยู่ดีๆ คนพวกนี้ก็โกรธเกรี้ยวและทำรุนแรงกับเธอทั้งที่ไม่มีวี่แววมาก่อน แต่ความกลัวทำให้หญิงสาวไม่มีแม้แรงจะอ้าปากถาม คิดถึงแต่พิดิษ คิดว่าเมื่อไหร่เขาจะหาเธอเจอ

“นังนี่มันอาจจะรู้อะไรบ้างก็ได้นะครับนาย” ดอกเสนอตาเป็นประกาย

ปู้เหว่ยยังยืนนิ่ง ใบหน้าเฉยเมย มือลูบเคราคางขึ้นลงอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานราวกำลังรวบรวมพลังสมองวิเคราะห์เรื่องราวอยู่

“ไม่หรอก ฉันรู้จักพิดิษมันดี มันไม่ให้ผู้หญิงมาเสี่ยงด้วยหรอก มันไม่มีทางเล่าอะไรให้นาอูฟัง คนอย่างมันระแวงระวังเสมอ”

“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับนาย ว่าคุณพิดิษจะเป็นสายตำรวจ” ลูกน้องคนหนึ่งให้ความเห็น

“ฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอก” ดอกบอก “ฉันแค่สงสัย ก็เลยตามไปดู เห็นมันแอบดอดไปพบผู้ชายแก่ๆ ที่ชายป่าฝั่งโน้น “เขาชี้ไปทางที่เห็นพิดิษเมื่อครู่

“ชายคนนั้นชื่อเติบ เป็นคนส่งสารให้สายลับของ นทส. “ ปู้เหว่ยบอก

“ขนาดนั้นเลยหรือครับ เจ้านายรู้จักชายคนนั้นด้วยหรือ?”

“รู้สิ...ฉันรู้จักหัวหน้าคนเก่าของเขาด้วยซ้ำ” แววตาปวดร้าวฉานขึ้นฉาบใบหน้าชายชรา

“แสดงว่าเจ้านายรู้มานานแล้วใช่ไหมครับ ว่าคุณพิดิษเป็นสายลับ?” ปู้เหว่ยพยักหน้า ยิ่งทำให้ดอกสงสัย

“แล้วทำไมเจ้านายยังปล่อยให้มันลอยนวลอยู่ล่ะครับ?”

“พิดิษเป็นคนเก่ง เป็นคนฉลาดนายก็รู้ ฉันพยายามชักจูงให้เขาคล้อยตามเรา นายก็เห็นไม่ใช่หรือว่าผลงานเขาเป็นยังไง ลำพังฉันคนเดียวคงทำไม่ได้ขนาดนี้” สายตาปู้เหว่ยมองกวาดไปทั่วโรงงาน

“แสดงว่า เจ้านายรู้มาตลอดแต่ก็ยังหลอกใช้งานคุณพิดิษ”

“ก็ไม่เชิงหลอก เพียงแต่ฉันพยายามดึงเขาให้กลายมาเป็นพวกเราให้ได้ ฝีมือและมันสมองของเขายากที่จะหาใครเป็นแบบนั้น” ปู้เหว่ยบอก แววตาเป็นประกาย ชายชราเหมือนกำลังพาตัวเองกลับไปโลกอดีตอีกครั้ง ทั้งที่ปัจจุบันที่สับสนรอสะสางอยู่เบื้องหน้า



Create Date : 14 เมษายน 2554
Last Update : 14 เมษายน 2554 13:24:29 น. 0 comments
Counter : 285 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.