จีนกับยุค new normal (ถือเป็นความรู้ทั่วไปนะครับไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหนแต่อย่างใด) คำว่า "New Normal" หรือ "ความปกติในรูปแบบใหม่"ถูกพูดถึงเป็นครั้งแรกในปี 2008 โดย Bill Gross นักลงทุนในตราสารหนี้ชื่อดัง (bond guru) โดยเขาคำให้นิยามถึงสภาวะเศรษฐกิจโลก ที่จะมีอัตราการเติบโตชะลอตัวลงจากในอดีตและเข้าสู่อัตราการเติบโตเฉลี่ยระดับใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม ควบคู่ไปกับอัตราการว่างงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการถูกdisrupt ทางเทคโนโลยี ยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ง่าย จากประเทศจีนold normal ที่มีอัตราการเติบโตGDPที่10% แต่ปัจจุบันในยุค new normalการเติบโตลดลงเหลือ6-7% โดยส่วนนึงมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงregresstionและการสร้างnew normalของจีนที่เน้นการเติบโตภายในประเทศ มากกว่าการexportส่งออก นั้นส่งผลให้เศรษฐกิจโลกที่มีจีนเป็นกลไกสำคัญ(supply chainของโลก)ในการผลักGDPโลกให้โตนั้นต้องลดสัดส่วนของจีนลงส่งผลต่อGDPโลกที่ลดลง เนื่องจากจีนมีการอิงเศรษฐกิจโลกมากเกินไปพอโดนสงครามการค้าทำให้ดูเหมือนความมั่นคงทางเศรษฐกิจนั้นลดลง โดยจีนรูปแบบใหม่เน้นมุ่งเป้าที่จะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นและไม่เน้นอัตราการเติบโตที่หวือหวาอย่างในอดีต . **เศรษฐกิจจีนสามารถขยายตัวสูงต่อเนื่องในอดีตจากการพึ่งพาการลงทุนและการส่งออกภายใต้การบริหารของ ภาครัฐที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการจัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐกิจและเงินทุน อย่างไรก็ตาม แนวนโยบายดังกล่าว มีผลให้เศรษฐกิจจีนขาดประสิทธิภาพและเสถียรภาพโดยนับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น รัฐบาลจีนชุดปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องดำเนินการปฏิรูปอย่างเร่งด่วนเพื่อปรับสมดุลเศรษฐกิจภายใต้หลักการ “New Normal” ที่ให้ ความสำคัญกับคุณภาพและเสถียรภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงการขยายบทบาทของจีนในเวทีโลก ซึ่งแม้ ต้องแลกมาด้วยการชะลอตัวลงในระยะสั้น แต่ถือเป็นการช่วยลดความเสี่ยงสะสมในภาคการเงินและภาคการคลัง และสร้างแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว . -สีจิ้นผิงนำเศรษฐกิจจีนไปสู่สภาวะ New Normal อย่างไร? 1.) การลดการพึ่งพาเม็ดเงินลงทุนโดยเฉพาะจากภาครัฐ (investment-led growth) แล้วหันมาพึ่งพาการบริโภคเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ (consumption-led growth) 2.) การกำกับดูแลของภาครัฐที่เข้มงวดมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การลดบทบาทการกู้ยืมเงินของภาคธุรกิจเอกชนและรัฐบาลท้องถิ่นผ่านบริษัททรัสต์นอกเหนือจากการกู้ยืมผ่านระบบธนาคารพาณิชย์ (Shadow Banking) และ 3.) สภาวะประชากรในวัยแรงงานที่ลดลง โดยมีอัตราส่วนของประชากรในวัยทำงาน (อายุ 16 - 65 ปี) ต่อประชากรในวัยอื่นลดลงเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2010 4.)แม้ภาคเอกชนจะเป็นตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและโครงการปฏิรูป ทางเศรษฐกิจอย่างมากมายของรัฐบาลจีน แต่ทว่าภายใต้ ‘New Normal’ รัฐบาลจีนจะช่วยประคองผู้ที่มีโอกาสทางสังคมน้อยกว่าให้สามารถยืนหยัดอยู่ได้ภายใต้เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว -อะไรที่ทำให้จีนเชื่อเศรษฐกิจของตนไม่ได้regresstionแต่เป็นnew normal ? คำอธิบายของนักเศรษฐศาสตร์จีนว่าจีนมีเศรษฐกิจมหภาคที่แข็งแรงและเอื้อต่อการขยายการลงทุน เช่น รัฐบาลจีนมีหนี้สาธารณะสัดส่วนเพียง 40% ของ GDP ในขณะที่ มีการออมของภาคเอกชนจีนสูงถึง 50% ของ GDP รวมไปถึงการมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากที่สุดในโลกสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ . สรุป new normal ประเทศจีน นั้นเน้นให้การขยายตัวมีคุณภาพมากกว่าปริมาณเพื่อรักษาศักยภาพและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้งเป็นแนวนโยบายในการเพิ่มบทบาทของจีนในเวทีโลก ซึ่งเป็นที่มาของการเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน” (ขอบคุณ:ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย(BOT) /และ SCB economic center เครดิต:ข้อมูลบางส่วนจากผู้เขียนบทความ นายพิทวัส พูนผลกุล เศรษฐกรอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ) ขอบคุณรูปภาพจาก:กรุงเทพธุรกิจ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่าน ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ https://www.facebook.com/Aboutsidis/posts/109335497168258?__tn__=K-R
Create Date : 31 ตุลาคม 2562 |
|
0 comments |
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2562 10:47:31 น. |
Counter : 703 Pageviews. |
|
|
|