Group Blog
 
 
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
6 เมษายน 2552
 
All Blogs
 

ธงของประเทศสยาม





ภาพธงของประเทศสยามชุดนี้ บริษัทยาสูบบริติช-อเมริกัน (BRITICH-AMERICAN TOBACCO CO.LTD.) พิมพ์ลงในการ์ดแผ่นเล็กที่แถมมาในกล่องยาสูบ (Cigarette Card) แผ่นการ์ดมีขนาดกว้าง ๓.๗ เซนติเมตร ยาว ๖.๓ เซนติเมตร




ภาพด้านหลังของ Cigarette Card
เป็นรูปกล่องยาสูบตรานกอินทรีย์

EAGLE BIRD CIGARETTES
MANUFACTURED BY
BRITICH-AMERICAN TOBACCO CO.LTD.
IN UNITED STATES OF AMERICA.




ธงประจำพระองค์


ธงประจำพระองค์คือ ธงประจำพระองค์พระมหากษัตริย์ เริ่มมีเป็นครั้งแรกในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยทรงพระราชดำริว่า เมื่อเวลาเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคมีเรือขบวนหลายลำ คนทั่วไปไม่มีที่สังเกตว่าประทับอยู่เรือลำใด จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ทำธงประจำพระองค์ ใช้สำหรับชักขึ้นบนเสาเรือพระที่นั่ง เป็นเครื่องหมายว่าเสด็จพระราชดำเนินโดยเรือลำนั้น และโปรดเกล้าฯให้ชักขึ้นบนเสาในพระบรมมหาราชวังด้วย เมื่อไม่ได้ประทับอยู่ในพระนครก็ลดธงสำหรับพระองค์ลง ชักธงไอยราพตขึ้นแทน



:: ธงกระบี่ธุชและธงพระครุธพาห์ ::
เป็นธงสำหรับกระบวนพยุหยาตรา ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชองครักษ์เชิญธงพระกระบี่ธุชและพระครุฑพ่าห์น้อย นำเสด็จพระราชดำเนินในกระบวนราบ ทหารบกเชิญธงพระกระบี่ธุชไปทางขวา ทหารเรือเชิญธงพระครุฑพ่าห์น้อยไปทางซ้าย แต่ถ้าเสด็จเป็นกระบวนรถม้าจึงให้ราชองครักษ์ทหารบกเชิญทั้งสองนาย


ธงหมายยศ




:: ธงจอมพลเรือ ::
ใช้ธงช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นบนผ้าสีขาบ ข้างหน้าช้างมีรูปสมอไขว้ ๒ ตัว กับมหามงกุฎสีเหลือง สร้างขึ้นในรัชกาลที่ ๖ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ โปรดฯให้ใช้สำหรับหมายตำแหน่งยศจอมพลเรือ ถ้าใช้ในเรือใหญ่ให้ชักขึ้นที่เสาใหญ่



พ.ศ. ๒๔๕๔ รัชกาลที่ ๖ โปรดฯให้ใช้ธงพื้นสีขาบ กลางมีรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่น หน้าเข้าข้างเสาไม่มีจักร เรียกว่า "ธงฉาน" สำหรับชักหน้าเรือหลวงทั้งปวง ซึ่งเป็นเรือพระที่นั่งหรือเรือรบในขณะที่อยู่ในราชการ ถ้าชักขึ้นที่ปลายพรวนเสาหน้าเรือลำใด เป็นเครื่องหมายว่าเรือลำนั้นเป็นเรือยามประจำอ่าว และใช้เป็นธงประจำกองสำหรับกองทหารเรือเวลาขึ้นบกด้วย

:: ธงนายพลเรือเอก ::
ใช้ธงพื้นสีขาบ กลางมีรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่น หน้าเข้าข้างเสาไม่มีจักร (หรือธงฉานที่ไม่มีจักร) สำหรับยศนายพลเรือเอก ชักขึ้นที่เสาใหญ่ (สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อพ.ศ. ๒๔๕๔)



:: ธงนายพลเรือโท ::
ใช้ธงพื้นสีขาบ กลางมีรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่น หน้าเข้าข้างเสา มีจักรดวง ๑ ข้างมุมบน (หรือธงฉาน มีจักรดวง ๑ ข้างมุมบน) สำหรับยศนายพลเรือโท ชักขึ้นเสาหน้า (สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อพ.ศ. ๒๔๕๔)



:: ธงนายพลเรือตรี ::
ใช้ธงพื้นสีขาบ กลางมีรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่น หน้าเข้าข้างเสา มีจักร ๒ จักรข้างมุมบนและมุมล่าง (หรือธงฉาน มีจักร ๒ จักรข้างมุมบนและมุมล่าง) สำหรับยศนายพลเรือตรี ถ้าเรือ ๓ เสาให้ชักขึ้นที่เสาหลัง ถ้า ๒ เสาให้ชักขึ้นที่เสาหน้า (สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อพ.ศ. ๒๔๕๔)



:: ธงนายพลเรือจัตวา ::
ใช้ธงพื้นสีขาบ กลางมีรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่น หน้าเข้าข้างเสาไม่มีจักร ตัดชายเป็นแฉกอย่างรูปหางนกแซงแซวเป็นเครื่องหมายตำแหน่งยศนายพลเรือจัตวา (ใช้ธงฉานตัดชายเป็นแฉกอย่างรูปหางนกแซงแซว) (สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อพ.ศ. ๒๔๕๔)



:: ธงนายเรือ ::
เป็นธงหางจรเข้ ข้างต้นพื้นแดง ข้างปลายสีขาบ รัชกาลที่ ๖ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ โปรดฯให้เรียกว่า "ธงนายเรือ" สำหรับชักขึ้นบนเสา เป็นที่หมายเฉพาะนายเรือ



:: ธงผู้ใหญ่ ::
ธงผู้ใหญ่ ข้างต้นกว้าง ๑๔ นิ้ว ยาวศอกคืบ เรียวปลายแหลม ส่วนหนึ่งข้างต้นพื้นสีขาบ ส่วนข้างปลายพื้นสีขาว มีจักรสีขาวอยู่กลางพื้นสีขาบ ทรงสร้างขึ้นในรัชกาลที่ ๕ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐ สำหรับใช้กับธงหางจรเข้เมื่อเรือหลวงทอดอยู่นอกพระมหานครตั้งแต่ ๒ ลำขึ้นไป อันได้ชักธงหางจรเข้ขึ้นไว้บนเสาใหญ่ทุกลำ ถ้าลำใดชักธงนี้ขึ้นบนเสา เป็นที่หมายว่านายเรือผู้ใหญ่อยู่ในเรือลำนั้น

ถึง พ.ศ. ๒๔๕๔ ในรัชกาลที่ ๖ โปรดให้ใช้เป็นเครื่องหมายสำหรับนายทหารผู้ใหญ่ในกระบวนเรือซึ่งอยู่ในลำนั้น เว้นไว้แต่ถ้านายทหารผู้ใหญ่เป็นนายพลจึงให้ใช้ธงนายพลตามตำแหน่งยศ



ความเป็นมาของธงชาติไทย



ธงชาติไทยมีมาแต่เมื่อใดไม่ปรากฏแน่ชัด เท่าที่พบหลักฐานเชื่อได้ว่าน่าจะเกิดขึ้น ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปรากฏในหนังสือจดหมายเหตุของฝรั่งเศสกล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2223 เรือรบของฝรั่งเศสชื่อ เลอรโวตูร์ มีมองซิเออร์ คอนูแอน เป็นนายเรือ ได้นำเรือเข้ามาถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเจริญพระราชไมตรีและการค้า นายเรือได้สอบถามทางกรุงศรีอยุธยา ถ้าจะยิงสลุตให้แก่ชาติไทย เมื่อเรือผ่านป้อมวิไชเยนทร์ (ปัจจุบันคือป้อมวิชัยสิทธิ์) ตามประเพณีของชาวยุโรปจะขัดข้องหรือไม่ สมเด็จพระนารายณ์ทรงอนุญาตและรับสั่งให้เจ้าเมืองบางกอก คือ ออกพระศักดิ์สงคราม ให้ทางป้อมยิงสลุตตอบด้วย ในการที่เรือรบฝรั่งเศสจะยิงสลุตให้นั้น ทางป้อมจะชักธงชาติขึ้น แต่เวลานั้นธงชาติไทยยังไม่มี จึงชักธงชาติฮอลันดาขึ้นแทน แต่ฝรั่งเศสไม่ยอมยิงสลุต เพราะเห็นว่าไม่ใช่ธงประจำชาติไทย และแจ้งให้ทราบว่าหากไทยประสงค์จะให้ฝรั่งเศสยิงสลุตให้เอาธงฮอลันดาลง แล้วชักธงอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้นแทน เผอิญในสมัยนั้นผ้าแดงเป็นผ้าที่หาได้ง่ายกว่าผ้าอื่น ไทยจึงทำธงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้วชักขึ้น ฝรั่งเศสจึงยิงสลุตให้ นับตั้งแต่นั้นมาไทยก็ถือเอาธงสีแดงเป็นธงชาติไทย

ครั้นถึงสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ ก็ยังใช้ธงแดงเกลี้ยงชักเป็นเครื่องหมายประจำเรือค้าขายกับต่างประเทศอยู่ ธงแดงนี้ใช้ชักขึ้นทั้งในเรือหลวงและเรือราษฎร ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงพระราชดำริว่า เรือหลวงกับเรือราษฎรควรมีเครื่องหมายให้เห็นแตกต่างกัน จึงมีพระบรมราชโองการให้ทำรูปจักรสีขาวติดไว้กลางธงแดงเป็นเครื่องหมายใช้เฉพาะเรือหลวง ส่วนเรือการค้าของราษฎรทั่วไปยังคงใช้ธงแดงเกลี้ยงกันอยู่

ถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ช้างเผือกสามเชือกซึ่งตามประเพณีไทยถือว่าเป็นเกียรติยศอย่างยิ่ง จึงมีพระบรมราชโองการให้ทำรูปช้างเผือกไว้กลางวงจักรในธงเรือหลวงด้วย ส่วนธงเรือสินค้าของราษฎรก็ยังใช้ธงแดงเกลี้ยง

รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทำหนังสือสัญญาเปิดการค้าขายกับชาวตะวันตกใน พ.ศ.๒๓๙๘ มีเรือสินค้าของประเทศต่างๆในยุโรปและอเมริกาเดินทางเข้ามาค้าขายมากขึ้น และมีสถานกงสุลตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ สถานที่เหล่านั้นล้วนชักธงชาติของตนขึ้นเป็นสำคัญ จึงจำเป็นที่ไทยจะต้องมีธงชาติที่แน่นอน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่า ธงสีแดงซึ่งเรือสินค้าของไทยใช้กันอยู่นั้นซ้ำกับประเทศอื่น ยากแก่การสังเกต ไม่ควรใช้อีกต่อไป ควรจะใช้ธงอย่างเรือหลวงเป็นธงชาติ แต่โปรดให้เอารูปจักรออกเสียเพราะเป็นเครื่องหมายเฉพาะพระเจ้าแผ่นดิน คงไว้แต่รูปช้างเผือกอยู่กลางธงแดง

พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้มีการแก้ไขลักษณะธงชาติอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากขณะนั้นประเทศไทยได้เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรเพื่อรบกับเยอรมนี ออสเตรีย และฮังการี ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้ใช้ “ธงไตรรงค์” เป็นธงชาติไทย ตามที่ได้ตราพระราชบัญญัติธง ปีพุทธศักราช ๒๔๖๐ ประกาศเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๐ ลักษณะธงชาติมีดังนี้ คือ เป็นธงรูปสีเหลี่ยมรี ขนาดกว้าง ๒ ส่วน ยาว ๓ ส่วน มีแถบสีน้ำเงินแก่กว้าง ๑ ใน ๓ ของความกว้างของธงอยู่กลาง มีแถบสีขาวกว้าง ๑ ใน ๖ ของความกว้างของธงข้างละแถบ แล้วมีแถบแดงกว้างเท่ากับแถบขาวประกอบข้างนอกอีกข้างละแถบ และพระราชทานนามว่า “ธงไตรรงค์” ความหมายของธงไตรรงค์ คือ สีแดงหมายถึง ชาติและความสามัคคีของคนในชาติ สีขาวหมายถึง ศาสนาซึ่งเป็นเครื่องอบรมสั่งสอนจิตใจให้บริสุทธิ์ สีน้ำเงินหมายถึง พระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขของประเทศ

การเปลี่ยนธงชาติครั้งนี้ จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) ซึ่งรับราชการใกล้ชิดพระยุคลบาทในขณะนั้น ได้เขียนเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงลักษณะธงชาติว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริจะเปลี่ยนธงช้างเป็นธงแถบสี เพราะทรงเห็นความลำบากของราษฎรที่ต้องสั่งซื้อธงผ้าพิมพ์รูปช้างมาจากต่างประเทศ และบางครั้งเมื่อเกิดความสะเพร่าติดธงผิด รูปช้างกลับเอาขาชี้ขึ้นเป็นที่น่าละอาย หากเปลี่ยนเป็นธงแถบสี ราษฎรก็สามารถทำธงใช้เองได้ และจะช่วยขจัดปัญหาการติดผิดพลาด ได้ทรงทดลองใช้ธงริ้วขาวแดงติดอยู่ที่สนามเสือป่าหลายวัน ภายหลังจึงเพิ่มสีน้ำเงินขึ้นอีกสีหนึ่ง การเพิ่มสีน้ำเงินนี้ปรากฏพระราชหัตถเลขาในบันทึกส่วนพระองค์ วันเสาร์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๔๖๐ มีความโดยย่อว่า เพื่อนชาวต่างพระเทศของผู้เขียน (อแคว์ริส) ได้ปรารภถึงธงชาติแบบใหม่ว่ายังมีลักษณะไม่สง่างามเพียงพอ ผู้เขียนก็มีความเห็นคล้อยตามเช่นนั้น และเสนอแนะด้วยว่าริ้วตรงกลางควรจะเป็นสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ ซึ่งถ้าเปลี่ยนตามนี้แล้วธงชาติไทยก็จะประกอบด้วยสีแดง ขาว น้ำเงิน มีสีเหมือนกับธงสามสีของฝรั่งเศส ธงยูเนียนแจ็คของอังกฤษ และธงดาวของอเมริกา ประเทศพันธมิตรทั้ง ๓ คงเพิ่มความพอใจประเทศไทยยิ่งขึ้นเพราะเสมือนกับยกย่องเขา ทั้งการที่มีสีของพระมหากษัตริย์ในธงชาติ ก็จะเป็นเครื่องเตือนให้ระลึกถึงพระองค์ในวาระที่ประเทศไทยได้เข้าสู่เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ด้วย


ขอร่ำรำพรรณบรรยาย ความคิดเครื่องหมาย แห่งสีทั้งสามงาม
ขาวคือบริสุทธิ์ศรีสวัสดิ์ หมายพระไตรรัตน์ และธรรมะคุ้มจิตใจ
แดงคือโลหิตเราไซร้ ซึ่งยอมสละได้ เพื่อรักษาชาติศาสนา
น้ำเงินคือสีโสภา อันจอมประชา ธ โปรดเป็นของส่วนองค์
จัดริ้วเข้าเป็นไตรรงค์ จึงเป็นสีธง ที่รักแห่งเราชาวไทย
ทหารอวตารนำไป ยงยุทธวิชัย วิชิตก็กู้เกียรติสยาม

:: พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ::



ถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้ตราพระราชบัญญัติธง ปีพุทธศักราช๒๔๗๙ ในส่วนที่ว่าด้วยธงชาตินั้นยังคงใช้ธงไตรรงค์ แต่ได้อธิบายลักษณะธงให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น คือ ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีขนาดกว้าง ๖ ส่วน ยาว ๙ ส่วน ด้านกว้าง ๒ ใน ๖ ส่วน ตรงกลางเป็นสีขาบ (น้ำเงินเข้ม) ต่อจากแถบสีขาบ (น้ำเงินเข้ม) ออกไปทั้งสองข้าง ข้างละ ๑ ใน ๖ ส่วน เป็นแถบสีขาว ต่อสีขาวออกไปทั้ง ๒ ข้างเป็นแถบสีแดง พระราชบัญญัติธงฉบับต่างๆที่ออกในสมัยต่อมา ไม่มีข้อความใดเปลี่ยนแปลงลักษณะของธงชาติอีก ธงไตรรงค์จึงเป็นธงชาติไทยสืบมาจนปัจจุบัน







:: ธงนำร่อง ::
ธงนำร่องของกรุงสยาม สำหรับชักบอกเป็นที่หมาย ชักขึ้นในที่ใด นำร่องอยู่ที่นั้น รัชกาลที่ ๖ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๐ โปรดฯให้แก้ไขธงนำร่องเหมือนธงไตรรงค์ แต่มีขอบขาวโดยรอบ เป็นเครื่องหมายตำแหน่งพนักงานนำร่อง ให้ชักธงนี้ขึ้นบนเสาหน้าเป็นสัญญาณ



:: ธงราชนาวี ::
รัชกาลที่ ๖ เมื่อปีพ.ศ.๒๔๖๐ โปรดฯให้สร้างธงราชนาวีขึ้นใหม่ มีลักษณะเหมือนธงไตรรงค์ แต่มีวงกลมสีแดงอยู่กลาง ขอบจุดแถบสีแดงของพื้นธง ภายในดวงกลมนั้นมีรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่น หันหน้าเข้าข้างเสา สำหรับใช้ชักขึ้นที่ท้ายเรือและสถานที่ราชการต่างๆของราชนาวี



:: ธงฉาน ::
พ.ศ. ๒๔๖๐ รัชกาลที่ ๖ โปรดฯให้แก้ธงฉานเหมือนธงไตรรงค์ แต่มีรูปสมอไขว้กับจักร และมีรูปพระมหามงกุฎสีเหลืองอยู่เบื้องบนตรงกลางพื้นธง



:: ธงไชยเฉลิมพลเสือป่า ::
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นธงชัยเฉลิมพลของเสือป่า มีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กลางธงเป็นรูปหน้าเสือตรง ด้านบนมีตัวอักษรว่า “กรุงเทพฯ กรมที่ ๑” และคำขวัญ “เสียชีพอย่าเสียสัตย์” อยู่ด้านล่าง




:: พูดคุยท้ายเรื่อง ::
จากที่อ่านมาได้ทราบว่าคนไทยสมัยก่อน เรียก “สีขาบ” หมายถึง สีน้ำเงินเข้ม

สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับธงต่างๆของไทย เข้าไปดูได้ที่บล็อก “ธงไทย” เขียนโดยคุณเซียงยอด และบล็อก “อธิบายเรื่องธงไทย” เขียนโดยคุณกัมม์



ที่มาของข้อมูล:
คลังปัญญาไทย
ธงชาติ
หมวดธงประจำพระองค์
หมวดธงหมายยศ





:: ความเป็นมา :: ภาพเก่าจาก Cigarette Card ::


เมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมาการสะสมสิ่งพิมพ์ประเภทการ์ด ที่เป็นของแถมจากสินค้าต่างๆเป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพการ์ดแผ่นเล็กที่แถมมากับยาสูบ (Cigarette Card) เพื่อเป็นการส่งเสริมการขายให้ผู้ซื้อสะสมรูปภาพให้ครบชุด และได้เริ่มแพร่หลายเข้ามาในประเทศสยามตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงเจริญสัมพันธไมตรีและติดต่อค้าขายกับต่างชาติ ทำให้ประเทศสยามเป็นที่รู้จักในนานาอารยประเทศ ดังปรากฏภาพและเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศสยามในสิ่งพิมพ์ต่างๆของยุโรปในกาลต่อมา

บริษัทผู้ผลิตยาสูบต่างชาติหลายบริษัทได้พิมพ์ภาพเกี่ยวกับประเทศสยาม และนำเข้ามาจำหน่ายในสยามประเทศ จนถึงสงครามโลกครั้งที่ ๒ บริษัทผู้ผลิตยาสูบได้หยุดพิมพ์การ์ดเหล่านี้

ปัจจุบัน Cigarette Card เป็นของเก่าที่หาดูได้ยาก รูปภาพในการ์ดเก่าเหล่านี้บอกเล่าถึงสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ภาษา วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนในอดีต จึงเป็นสิ่งพิมพ์บันทึกประวัติศาสตร์อีกประเภทหนึ่งที่มีคุณค่า

สำหรับบล็อกนี้จะนำมาลงเป็นชุดเรื่องราวเดียวกันในแต่ละตอน โดยไม่ได้เรียงลำดับตามปี











 

Create Date : 06 เมษายน 2552
7 comments
Last Update : 7 เมษายน 2552 12:23:03 น.
Counter : 3475 Pageviews.

 



เจิมค่ะเจิม..สวัสดีค่ะคุณแสง

๙๙
๙๙๙
๙๙๙๙
๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙

ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ดี ๆ มีประโยชน์นี้ด้วยค่ะ

 

โดย: I_sabai 6 เมษายน 2552 22:29:10 น.  

 

เข้ามาอ่านเอาความรู้ค่ะ

 

โดย: Yolanrita 6 เมษายน 2552 23:02:05 น.  

 

ขอบคุณสำหรับความรู้เรื่องธงชาติของเราค่ะ

ชอบภาพที่นำมาประกอบทั้งหมดค่ะ คลาสสิคมั่ก ๆ

ปอลอ กำลังจะเข้ามาบอกว่าสีบีจีของสมุด เปลี่ยนเป็นสีอื่นได้ คุณแสง เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว เก่งจังเลยค่ะ

เด๋วมีแฟ้มกระดาษมาอีกจ้ะ ของใช้สำนักงานอ่ะ

ครูเหมี่ยวให้จิบเต็มจิบ อ่ะจร๊า....

Photobucket Photobucket

 

โดย: fleuri 7 เมษายน 2552 2:49:27 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สวัสดีวันอังคารแรกของเดือนจ้าคุณแสง
ได้ความรู้ดีค่ะ

 

โดย: หอมกร 7 เมษายน 2552 8:15:29 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


ขอให้วันนี้เป็นวันสบายๆ เหมือนเช่นวันวานจ้าคุณแสง

 

โดย: หอมกร 8 เมษายน 2552 6:52:52 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องแสง...
วันนี้ได้เห็นธงหลายรูปอย่างใกล้ชิดเลยยย

 

โดย: ชีวิตมีลีลา 8 เมษายน 2552 8:19:45 น.  

 

whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him

 

โดย: da IP: 124.122.247.144 18 เมษายน 2553 22:42:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


sangseetong
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






my blog

มุมพักผ่อน ยามว่าง
มุมอ่านหนังสือ
มุมสบายๆ
มุมทักทายกับเพื่อนๆ
มุมจับฉ่ายอะไรก็ได้









ขอบคุณคำแนะนำ
การแต่งบล็อกดีๆจาก
เพื่อนที่น่ารัก คุณ colchigue
และเพื่อนๆคนอื่นด้วยค่ะ



Friends' blogs
[Add sangseetong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.