Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
31 สิงหาคม 2559
 
All Blogs
 
ถึงไม่ใช่ปัญหาเส้นผมบังภูเขา แต่เส้นผมที่หลุดล่วงของเราก็ทำให้สามี-ภรรยา



  เรื่องมันเกิดขึ้นที่สวีเดน เราไปเยี่ยมแม่สามีช่วง มิดซัมเมอร์ที่ผ่านมา เรากับสามีไปงานแต่งหลานสาวเขา 
แล้วสามีต้องรีบกลับเพราะติดงาน ให้เราอยู่เที่ยวกับแม่เขา (แม่สามีเราน่ารักมากกกก กไก่ล้านตัว แต่ชีก็เยอะในหลายๆเรื่อง)

      แม่สามีเราอยู่อพาร์ท ไม่ได้มีบ้านของตัวเองนะคะ ห้องของแม่อยู่ชั้นสาม จะมีระเบียงเปิดโลงยื่นออกมาให้เรานั่งเล่น 
ถ้าใครเคยใช้ชีวิตเป็นแขกไปเยี่ยมเยี่ยนครอบครัวชาวต่างชาติจะรู้ว่าเจ้าของบ้านที่นี่จะไม่ให้เราทำอะไรเลย 
ไม่ว่าจะเป็นล้างจาน ถูบ้าน ซักผ้า แล้วเราจะทำก็ไม่ได้ เหมือนเราไปว่าเขากลายๆว่าเขาตอนรับเราไม่ดีพอ เราเลยต้องทำเอง 

.. ไม่รู้บ้านอื่นเป็นแบบนี้ไหมเนาะ แต่ที่เราเจอจะประมาณนี้อ่ะคะ
(ไม่เหมือนทางเอเชีย ที่เจ้าของบ้าน หรือแม่สามีคอยแอบดูว่า แขกคนนี้ ผู้หญิงคนนี้ขี้เกียจไหม 
จะช่วยหยิบจับอะไรไหม  หรือมาให้เป็นภาระไหม) 
เราก็เกรงใจ พยายามช่วยทางอ้อม อย่างเวลาอาบน้ำ เราจะเช็ดพื้นให้แห้ง เช็ดน้ำที่เรียราดซิงค์ เก็บผมที่ล่วงตามพื้นให้หมด 
กินเสร็จล้างจานเลยอะไรแบบนี้ 
เพราะเราเกรงใจนี่แหละคะเกือบเกิดเรื่อง คือผมเรามันร่วงมากๆ เวลาหวีผมนี่หลุดเป็นกำๆ แล้วปลิวติดโซฟาบ้าง หล่นเรี่ยราดพื้นบ้าง 
เราเลยออกไปหวีผมตรงระเบียงบ้าน ผมที่ดึงออกจากหวีได้เราก็เก็บไว้ทิ้งถังขยะ แต่มันก็มี ที่ร่วงแล้วมันก็ปลิวไปตามลม 

       ทีนี้อพาร์ทเม้นต์ห้องข้างล่าง ถัดไปตรงห้องทางขวามือมีสามีภรรยาชาวสวีเดนคู่หนึ่งอาศัยอยู่ 
สามีเป็นคนอัธยาศัยดี ปกติผู้คนที่นี่ก็น่ารักเป็นปกติอยู่แล้ว เจอก็มีทักทายทุกครั้งที่เดินสวนกัน 
แต่เราสังเกตุว่าเวลาเจอกันตรงประตูเข้าออก คนที่เป็นภรรยาจะเลี่ยงเราตลอด 
เช่นทำเป็นก้มหาของในกระป๋า ทำเป็นหยิบโทรศัพท์มาดู คือเดินมาจะเปิดประตูออก 
เราจะเปิดเข้าตึก เขาจะปล่อยมือจับ แล้วคว้าโทรศัพท์ยืนก้มหน้าเฉยเลย 

         ตอนแรกเราก็คิดว่าเราคิดไปเอง แต่แม่ก็เล่าว่า เขามีอคติกับคนเอเชียนิดหน่อย 
เพราะสามีเขาเคยไปดูงานทางเอเชียไม่แน่ใจว่าสิงค์โปร์หรือฮ่องกง แล้วแอบมีกิ๊กที่โน้น ...อ้าว!แค่เกิดมาหัวดำ โดนลูกหลงซะงั้น

   มีอยู่วันหนึ่งเราได้ยินเสียงสองผัวเมียนี้ทะเลาะกันดังมาก ปกติคนที่นี่จะให้เกีรยติคนร่วมอาคาร 
ไม่รบกวนเพื่อนบ้าน ถ้าจะมีการต่อเติมห้องนี่เขาจะเคาะห้องขออนุญาติและแจ้งเวลาเลยหรือไม่ก็ปิดป้ายตรงปะตูเข้าออกตึกให้เห็นชัดเจน 
การทะเลาะกันเสียงดังๆนี่ผิดวิสัยมากๆ...

      ตอนนั้นยังเช้าอยู่ เรายืนหวีผมนอกระเบียง เตรียมจะไปเที่ยวข้างนอกกับแม่  
ได้ยินชัดมาก เลยเรียกแม่มาฟัง เพราะฟังภาษาบ้านเขาไม่เข้าใจ แม่บอกว่าทะเลาะกันเรื่องผู้หญิง 
ผู้ชายพูดประมาณว่า "คุณไม่เคยไว้ใจผมเลย" 
ผู้หญิงถามว่า แล้วไว้ใจได้ไหมละ อธิบายมาสิ ผมสีดำนี่มันเข้ามาอยู่ในห้องเราได้ยังไง.....
..แล้วก็มีการเถียงกันต่อ อิโหลงโฉงเฉ่ง ที่เราฟังไม่ออก เยอะแยะ 
แม่ก็ยังยื่นฟังอยู่ (เจ๋อกันทั้งแม่ผัวทั้งลูกสะใภ้ บอกแล้วว่ามันเป็นเรื่องผิปกติ 555) 
แต่เรื่องที่เถียงกันส่วนใหญ่จะวนมาเรื่องผมผู้หญิงคนอื่นเขามาอยู่ในห้องได้ยังไง...

...แม่มองผมในมือฉันแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าเธอรักลูกชายฉัน อย่าเข้าใจผิดนะ ถ้าฉันจะถามว่าเธอเคยไปห้องเขาไหม?
เรางี้อึ้งไปเลย ไรแว๊ ! "ไม่เคยเลยแม่ หนูไม่รู้จักเขาจะเข้าไปได้ยัง จะเข้าไปทำอะไร”
แม่บอกแต่อาคารหลังนี้ มีเธอคนเดียวที่ผมดำนะ มีอะไรเธอคุยกับฉันก็ได้นะ 
ห๊ะ!แม่ คิดอะไรถึงพูดแบบนี้ เรานี้เอ๋อกินไปเลย หนูเปล่านะแม่ #เสียงสูง ล้านแปดหลอด
แม่บอกว่า เราเข้าไปคุยกันข้างในเหอะ เราก็รีบบอก โอเคๆ ไม่หวีมันแระหัวเหอเนี่ย! บ่นๆปนภาษาไทยไปด้วย 
แล้วเราก็ปัดๆมือที่ผมติดอยู่ แล้วก็เคาะๆแปรงหวีกับมือ (ทำเพราะความเคยชิน) 
แม่มองเส้นเราที่มันปลิวไปตกแหม๊ะบนระเบียงห้องข้างล่างถัดไปทางขวามือ 
แม่หัวเราะกร๊ากๆแล้วบอก เธอต้องลงไปที่ห้องของสองคนนั่นแล้วอธิบายเรื่องนี้กับพวกเขา
ห๊ะ!อธิบายอะไรแม่ หนูยังไม่รู้เลยเขาทะเลาะกันทำไม เรื่องอะไร ....

       แม่บอกผมเธอนี้แหละที่ทำให้เขามีปัญหากัน .. ยังไงแม่ อย่ามาโยนอึใส่หนูแบบนี้สิ....แม่บอกเธอคอยดูนะ
แล้วดึงผมที่เหลือตามซอกแปรงหวีผมมา แล้วเป่าปู๊ดไป ผมเกือบๆกำมือก็ล่อยละล่องอ่อยอิ่งอยู่แป๊บแล้วตกแหม๊ะลงบนระเบียงบ้านเขา 
เอิ่ม.. ถ้าเขาเปิดระเบียงไว้ก็คงลอยเข้าบ้านเขาแน่ๆละ 

       แม่บอก ไป ไปข้างล่างกัน เอิ่ม.. เอาจริงดิ แม่? ได้แต่คิด ไม่กล้าถาม เดินตามแม่ต้อยๆลงไปข้างล่าง 
แม่สั่งให้เรากดกริ่ง เราก็กด แล้วรอสักพัก ผู้ชายมาเปิด เห็นเรายื่นอยู่ 
แกเอามือตีหน้าผากแล้วส่ายหัว ประมาณว่า คุณยิ้มจะมาอะไรตอนนี้ มันใช่เวลาไหม?!? 
แม่สามีเรารีบบอกว่า มีเรื่องมาขอโทษภรรยาเขา เขาก็บอกว่า ไม่ใช่เวลาที่ดีเลยที่จะเชิญพวกเราเข้าบ้านเขา รบกวนมาวันหลังได้ไหม 
แม่รีบบอก ถ้าคุณไม่อยากทะเลาะกันเพราะผมของลูกสะไภ้ฉัน คุณต้องให้ฉันเจอภรรยาคุณตอนนี้!..

ผู้ชายอ้ำอึ้งอำอึ้งอยู่ เราก็ยื่นเอ๋อกิน เข้าใจที่แม่พูดบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง จังหวะนั้น เมียเขาคงแปลกใจว่า อินี่ไปเปิดประตูนานจัง 
หล่อนก็เลย เดินจ้ำๆ เสียงรองเท้าปั๊กๆมากระชากประตูเปิดผ่างงง!! (ฝรั่งไม่ถอดรองเท้าในบ้านนะ) 
พอเห็นเรา น้ำตาหล่อนก็ไหลพรากๆ เดินหนีเข้าบ้านไป ผู้ชายเดินตาม กางมือกางไม้ ประมาณว่า ไม่คิดจะถามผมสักคำก่อนเหรอ 

แม่เห็นประตูเปิดอยู่ก็ดึงฉันเขาไปเลย (ปกติแม่ไม่ทำอะไรแบบนี้นะ แม่จะมีมารยาทมาก) 
แม่ตะโกนว่า “คุณอย่ามาตัดสินลูกสะไภ้ฉันแบบนี้นะ มันเป็นอุบัติเหตุ เป็นเรื่องเข้าใจผิด!” 
แล้วก็อะไรต่อมิอะไรที่เราฟังไม่ออก ปรู้ดปรี๊ดปร๊าดออกมาจากปากแม่ 
ผู้หญิงคนนั้นก็เดินลงเท้ากระแทกส้นกลับมาแรงๆ แล้วโชว์เส้นผมในมือใส่หน้าแม่สามีเราแล้วก็ตะคอกอะไรไม่รู้
(อธิบายบทสนทนาได้ไม่เยอะ แต่อธิบายกระทำได้แจ้มมาก เพราะไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูดกัน และการกระทำมันเห็นไง จินตนาการตามกันเอาเน้อ) 

ประมาณว่า แล้วผมลูกสะไภ้คุณมาอยู่ในห้องของพวกเราได้ยังไง แม่สามีถามกลับว่า เธอรักสามี เธอไหม ผู้หญิงตอบ รักสิ 
แม่สามีเราต่อ ลูกสะไภ้ฉันเขาก็รักสามีเขาเหมือนกัน ลูกชายของฉันคือคนที่เขาเลือกแล้ว '..เอ่ออ แม่คะ...แม่ฉันยังอารมร์เย็นได้อี๊กกกก 
ผู้หญิงตอบ So?!? ประมาณว่า “แล้วไง?!?” 
“เธอต้องขอโทษลูกสะไภ้ฉันก่อน!” ผู้หญิงมองฉันที่ยังยืนเอ๋อๆ แล้วยักไหล่ 

    เรารีบแทรกว่า เราขออธิบายเป็นถาษาอังกฤษได้ไหม ภาษาสวีเดนเราไม่แข็งแรง 
ผู้หญิงคนนั้นตอบ Yes go on! “โอเค ว่ามา” เราก็เล่าๆๆ ตั้งแต่หวีผมในบ้าน แล้วผมมันร่วง 
เกรงใจแม่คนทำความสะอาดเลยออกมาหวีข้างนอกระเบียง บลาๆๆๆ... 
อิคนสามีเห็นทางรอดเลยมาช่วยแจมใหญ่ ใช่ๆ แล้วผมยังเอาเบาะโซฟาไปตากแดดด้วย 
คุณก็รู้ซัมเมอร์เรามีไม่นาน เราต้องใช้ให้มันเป็นประโยชน์ เส้นผมของเขาคงร่วงใส่เบาะแล้วผมเก็บเข้ามาโดยไม่ได้ดู บลาๆๆๆ 
ลงท้ายว่า ผมรักคุณนะ ผมมีประสบการณ์แล้วว่า เวลาเห็นคนที่ผมรักเจ็บมันแย่แค่ไหน ผมจะไม่ทำให้คุณเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว 
( ช่วงนี้ ฮีก็ยังพูดภาษาอังกฤษอยู่) ..อยากจะบอกว่า เจอลูกหยอดนี้เขาไป ขนาดอิฉันยังละลาย แล้วนางจะไปเหลืออะไร้
...นางคงเห็นสามีบอกรักนางต่อหน้าเรากับแม่  สีหน้านางดีขึ้นเรื่อยๆแล้วสลดลง สลดลง คงรู้สึกผิด 
แม่ก็พูดคุยกับพวกเขาต่อ แต่ตอนนี้กลับมาเป็นภาษาสวีเดนแล้ว 

        คือคนที่เป็นสามีพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก แม่บอกว่าภรรยาเขาฟังได้เข้าใจดีแต่จะอายสำเนียงตัวเอง เลยไม่ค่อยพูด 
เราก็บอกว่าไม่เป็นไรฉันเข้าใจ ... พอทุกอย่างเคลียร์เขาก็ขอบคุณเรากับแม่ 

     ผู้หญิงเดินมากอดเรา บอกว่าเขาขอบคุณมากที่เข้ามาอธิบาย
และเขาต้องขอเสียมารยาทเชิญพวกเรากลับเพราะเขาคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อชดเชยให้สามีเขา 
แล้วก็เดินมาส่งเราหน้าห้อง พอมาถึงประตูแม่ไม่ยอมก้าวออกจากห้องเขา 
นางหันมาทำหน้างงๆ “หรือพวกคุณต้องการอยู่ร่วม ดื่มฟริกก้ากับเรา” (ฟริกก้าคือกาแฟกับเค้ก ประมาณค๊อฟฟี่เบรกบ้านเราอ่ะ)

แม่บอกไม่ละขอบคุณ แต่ก็ยังไม่เดินออกจากห้องเขา 
ผู้หญิงก็งง ถามแม่ว่า มีอะไรให้ช่วยอีกไหม แม่บอกคุณยังไม่ได้ขอโทษลูกสะไภ้ฉันเลย 
ผู้หญิงคนนั้นทำท่าตกใจ “โอ้มายก๊อด แต่ฉันขอบคุณเขาไปแล้วนี่” 
แม่บอกคำขอบคุณกับคำขอโทษมันไม่เหมือนกัน คนละความหมายกัน! 
เรารีบบอกแม่ ไม่เป็นไร เราต่างหากที่ต้องขอโทษเขา ที่ทำให้ทะเลาะกัน 
ผู้หญิงคนนั้นรีบเดินมากอดเรา ขอโทษเราใหญ่ ขอโทษที่เข้าใจเราผิด ขอโทษโน้นนี้นั้น 
เขาว่าคงเป็นเพราะเขาโล่งใจ ดีใจมากที่สามีไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เลยทำให้ไม่ได้ระวังมารยาท .. เยอะเนอะ ฝรั่งนี่..(อันนี้ แอบคิดเฉยๆ)
..แม่ก็เยอะ กลับห้องกันเห๊อะ... 

       ตั้งแต่วันนั้นจนครบกำหนดเดินทางกลับ เราก็ได้เพื่อนใหม่ เดินสวนกันตรงประตูออกเขาก็คอยเปิดประตูให้เราด้วยนะ 
วันนั้นเรากับแม่สามียังกลับมาคุยเรื่องนี้ต่อที่ห้อง สมมุติเหตุการณืโน้นนี่นั้น ตลกๆกันไป แต่ก็ดีใจได้เซฟชีวิตคู่ของคนอื่นไว้ได้
แม่บอก ถ้าเป็นเราเจออะไรแบบนี้ต้องฟังลูกชายเขาบ้างนะ แหม..แอบวางมวยไว้ให้ลูกชายเหรอจ๊ะแม่ 555

     เรากับแม่สามีสนิทกันมาก ปกติจะสไกด์กันทุกอาทิตย์ เพราสามีเราทำแต่งาน เขาเคยตกงานอยู่บ้านเรานานมาก 
ทำให้เขาระวังเรื่องงานเป็นพิเศษ ไม่ค่อยลาหยุด เวลาแม่สามเยียมเราที่ไทย เราก็แอบหนีเทียวกันสองคนประจำ 

รักแม่สามีที่ซู๊ดดดด แม่ตัวเองก็รักนะคะ ไม่เอามาม่าน๊ะยูว์ แค่อยากแชร์ประสบการณ์ตลกๆเฉยๆ เรื่องนี้ให้แม่สามีเป็นนางเอกโคนัน
ถ้าไม่ใช่แม่สามีเรานี่ อาจมีไม่มีการสืบเสาะหาความจริง แถมจะเป็นขี้ปากให้สามีเราระแวงเราอีกด้วยแน่ๆ รู้สึกโชคดี 555  

ปล. นีเป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นกับเรา
ไม่อนุญาติให้คุณผู้ชายทั้งหลาย"ที่ทำผิดจริง"เอาไปใช้เป็นข้ออ้าง เวลาแฟนคุณเจอผมคนอื่นในห้องนะคะ 
ส่วนคุณผู้หญิงก็ควรใจเย็นฟังเหตุผลกันบ้าง ที่สำคัญดูพฤติกรรมคนข้างๆเอาเองค่ะ 

อีกปล.ขอแท๊กโต๊ะเครื่องแปรงด้วย ใครมีวิธีดูแลผมดีดี แนะนำด้วยนะคะ ร่วงจนจะล้านแล้วค่ะ
ตัดผมสั้นก็แล้ว หาหมอก็แล้ว สามีบอก แปลกจริงๆที่เห็นปริมาณผมเราที่ร่วงแล้ว เรายังมีผมติดอยู่บนหัวได้อีก






Create Date : 31 สิงหาคม 2559
Last Update : 31 สิงหาคม 2559 13:47:34 น. 0 comments
Counter : 620 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 2533784
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 2533784's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.