|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
16 เมษายน 2553 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เอี้ยงคุงกับเด็กหญิงใจดี
...ณ วันที่ร้อนตับระเบิด...
แม่ออกไปกวาดลานหลังบ้าน แล้วก็ไปเจอะกลุ่มแมวหมู่ที่กำลังรุมประชาทัณฑ์นกตัวหนึ่ง แม่รีบแจ้นไป บอกน้องเรา ซึ่งเธอเป็นเสมือนหน่วย rescue ประจำบ้าน แม้ว่าเธอจะขี้ เกียจสารพัดอย่าง แต่เรื่องช่วยเหลือสัตว์ต้องยกให้เธอ ไม่ว่าเคสนั้นจะ ลำบากยากเข็ญแค่ไหนเธอไม่เคยเกี่ยง และมักจะช่วยได้สำเร็จทุกครั้งไป ทั้ง แมวหลงทางกลับบ้านไม่ได้ แมวขึ้นไปบนหลังคาแล้วลงมาไม่ได้ แมวติดอยู่ในท่อน้ำ แมวตกลงไปในคอห่าน ฯลฯ
ถึงวันนี้บ้านเราจะไม่มี แมวเป็นของตนเองแล้ว มีแต่แมวจรหมอนหมิ่นที่แม่อุตส่าห์ซื้ออาหารเม็ดอย่างดีมาโปรยให้มัน แต่ น้องเราก็ยังรักษาสถานภาพหน่วย rescue ไว้อย่างเหนียวแน่น
เธอ บ่นกระปอดกระแปดว่า ทำไมแมวไม่กินนกให้มันเสร็จๆไปเลย เธอจะได้ไม่ต้องเหนื่อยยาก แต่จริงๆแล้วก็ไม่มีใครอยากให้มันเป็นอย่าง นั้นหรอก
เธอฉกนกออกมาจากวงแมว แล้วก็ไม่รู้จะทำไง เลยเอาไปใส่กรงแมว ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของแพนด้า (แมวป่วย ที่ตอนนี้หายดีแล้ว และหนีออกไปเผชิญโลกในแบบของตัวเอง) ที่บ้านเราไม่ เคยเลี้ยงนก น้องเราก็ไม่รู้จะจัดการยังไงดี เลยเที่ยวไปป่าวร้องไปใน Facebook เผื่อจะมีใครดูแลนกป่วยเป็น แต่ในที่สุดเธอก็พานกป่วยไปหาหมอจน ได้ (แถมเป็นคลินิคไฮโซ)
หมอถามว่าคนไข้ชื่ออะไร (เวลาพาไปหาหมอจะต้องทำระเบียนผู้ป่วย ฉะนั้นสัตว์ตัวไหนไม่มีชื่อ ก็ตั้งต้องชื่อเพื่อความสะดวกของหมอไปโดยปริยาย)
น้องบอกว่า ชื่อ ...นก ชนิดของผู้ป่วย ก็เป็น ...นก
หมอบอกว่า ทำไมผอมจัง ไม่ค่อยได้กินอะไรดีๆเลยล่ะสิ น้องบอกว่า หนูไม่ได้เลี้ยง อันนี้ไปเก็บมาตอนกำลังโดนแมวรุม - -"
หลังหมอตรวจเสร็จก็บอกว่า มันคือนกเอี้ยง ขาหัก ต้องเข้าเฝือก สักอาทิตย์นึงก็หาย (แอร๊ยยยย เป็นนกยังมีเฝือกได้อีก) ว่าแล้วก็สอนวิธีจับนกป้อนข้าวป้อนน้ำ .......เป็นอันเสร็จพิธี
จากนั้นน้องก็กลับบ้าน พร้อมกับนกสีน้ำตาลเข้มใส่เฝือกสีชมพูสะท้อนแสง และเงินที่หายวับไปกับตาอีก 1500 บาท (แต่ทำไมบอกแม่ว่า 400 ล่ะยะ)
ทุกเช้า-ค่ำ น้องก็สาละวนอยู่กับการทำข้าวให้นก อันประกอบด้วยน้ำเปล่า กล้วย (ที่พี่มันเกือบกิน เพราะนึกว่าของคน) และน้ำแดง (ที่แม่คอยริษยาว่าทำไมซื้อให้นก ไม่ซื้อให้แม่)
น้องตั้งชื่อซะงาม เก๋ว่า เอวิส (ชื่อคุ้นๆนะ มันเอามาจากไหนน้อ)
แต่เราเรียกว่า เอี้ยงคุง .... แล้วในที่สุดมันก็ชื่อว่า เอี้ยงคุง แทนเอวิส ไปตามระเบียบ (เรื่องตั้งชื่อบ้านนอกๆ ถูกใจสัตว์ขอให้บอก เราถนัด) ^ ^
น้องถาม ว่าช่วยสัตว์แบบนี้จะได้บุญมากกว่าซื้อนกตามที่เค้าขายแล้วเอาไปปล่อยรึป่าว เรา ตอบว่า ได้มากกว่าอยู่แล้ว เพราะเราช่วยสัตว์ที่บาดเจ็บให้มันมีชีวิตรอดต่อไป เป็นการช่วยต่อชีวิตจริงๆ ส่วนนกที่เค้าขายให้ไปปล่อยนั่น เป็นแบบ จับแล้วปล่อย ปล่อยแล้วจับ มันก็วนเวียนแค่นั้นไม่ได้อะไรเท่าไรหรอก การ ที่ช่วยชีวิตสัตว์อย่างที่น้องทำอยู่นี้ อานิสงส์ที่ได้จะทำให้น้องมีชีวิตยืนยาว... อยู่ไปจนโลกแตกสลาย แบบเหลืออยู่คนเดียวเลยอ้ะ
พอเราพูดจบ น้องก็หันมาทำหน้าละเหี่ย 1 ทีใส่พี่ผู้ถือคติว่า กัดจิกวันละนิดจิตแจ่มใส วันไหนไม่ได้ทำแปลว่าป่วย 555555555
และนี่คือเรื่องราวของเด็กหญิงผู้เป็นตัวขี้เกียจอันดับ หนึ่งของบ้าน แต่เป็นแม่พระของสรรพสัตว์ทั้งหลาย :)
Create Date : 16 เมษายน 2553 |
|
3 comments |
Last Update : 16 เมษายน 2553 10:19:25 น. |
Counter : 655 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: นู๋เบ๊บ 19 เมษายน 2553 10:56:11 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|