พลังงานน้ำมันอนาคตในสายตาคนรักรถ
ขอออกตัวก่อนว่าอย่าเชื่อจนกว่าจะถึงเวลา เพราะไม่มีใครที่ทำนายอนาคตได้แน่นอน ท่ามกลางภาวะวิกฤตน้ำมันแพง จะเกิดอะไรขึ้นสำหรับรถยนต์ ก่อนจะไปยังรถยนต์ คงต้องมาดูสิ่งที่รถยนต์จะบริโภค แน่นอน..มันคือน้ำมัน โลกมอบของขวัญล้ำค่ามาให้ยังมนุษย์ ให้ได้ใช้พลังงานที่ไม่ยุ่งยาก ราคาประหยัด เพียงแค่สูบมันขึ้นมาจากพื้นโลก แล้วผ่านขบวนการกลั่น ก็ได้พลังงานนี้มาแบบง่ายๆ เราจะไปหาพลังงานบ้าอะไรที่ต้นทุนต่ำได้แบบนี้อีกหละ ปัจจุบันโลกทั้งใบให้นายคนเดียว โทษครับนอกเรื่อง....อิอิ ปัจจุบันโลกทั้งใบจึงเสพน้ำมันนี้ ในการขับเคลื่อนยานพาหนะและเศรษฐกิจ
มาดูพลังงานอย่างอื่นที่ไม่ไช่น้ำมันดูบ้าง - เขื่อน : สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ต้นทุนต่ำสุด แต่การสร้างเขื่อนเพิ่มคือการแลกสถานที่ธรรมชาติที่นับวันยิ่งน้อยลง - ถ่านหิน : มีราคาถูกกว่าน้ำมัน เมื่อเทียบที่ค่าความร้อนเดียวกัน ปริมาณสำรองก็มีมากกว่าน้ำมัน มากๆ ยังไงก็คงนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าต่อ แต่ไม่มีทางเอามาใช้ในรถยนต์ที่มีระบบสันดาปภายในแน่นอน...ฟันธง - ก๊าซธรรมชาติ : อันนี้สิพอเป็นทางเลือกปัจจุบันแข่งกับน้ำมันได้ เพราะมันราคาถูกกว่า ขุดเจาะมาใช้กว่าจะหมดโอ้ย! อีกนานเกิน 70ปีขึ้น - พลังงานสายลมแสงแดด : ต้นทุนการผลิตยังสูง ,ใน solar cell เองเมื่อเสื่อมสภาพ จะมีปัญหาในการกำจัดยาก - พลังงานด้านชีวภาพ พวกอัลกอฮอลล์ น้ำมันพืช : ตั้งแต่เปลืองเนื้อที่เพาะปลูก เก็บเกี่ยว นำมาสกัด มันยุ่งยากเสียเวลา ขืนทำทดแทนจริงๆคงต้องเสียเนื้อที่เพาะปลูกเพิ่มเป็น2เท่าจะพอใช้ คงเป็นแค่ตัวประดับ - นิวเคลียร์ : สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ต้นทุนต่ำสุด รองจากพลังน้ำ แต่คงถูกต่อต้านเรื่องความปลอดภัย และการกำจัดกากกัมมันตภาพรังสี
จะเห็นว่านอกจากน้ำมันแล้ว มันยังมีตัวเลือกอื่น เพียงแต่ก่อนนี้น้ำมันมันราคาถูกและสะดวกจนเราลืมตัวอื่นไป ต่อไปนี้รถยนต์คงใช้ตัวอื่นมาเป็นพลังงานด้วย คู่ขนานกันไปกับน้ำมันซักที
แล้วน้ำมันจะหมดโลกจริงหรือ ? บ่อน้ำมันทุกแห่งในโลกเหมือนกันหมด คือ การสูบน้ำมันขึ้นมาจะมีลักษณะเป็นรูปทรงระฆัง คือ ช่วงแรกจะสูบขึ้นมาได้น้อย แล้วเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุด แล้วก็จะสูบได้น้อยลงไปเรื่อยๆ จนหมดบ่อ นักธรณีวิทยาที่มีชื่อเสียงหลายคน ได้ระบุว่า จุดการผลิตสูงสุดได้มาถึงแล้วในระหว่างปี 2005-2010 และน้ำมันจะเหือดโลกไปในปี 2050 หรือไม่เกิน 50 ปีข้างหน้า......อิอิ เชื่อหรือเปล่า แต่ยังไงน่าจะเกิน 20ปีขึ้นไป เพราะพื้นฐานว่าไม่มีการขุดเจาะเพิ่มและใช้ในอัตรานี้ยัง 20ปีเลย อย่าลืมว่ายังมีหลายแหล่งที่ไม่ได้ขุดเจาะ เพราะต้นทุนมันสูง
แล้วน้ำมันจะแพงอย่างนี้ต่อไปรึเปล่า ? มันขึ้นกับอุปทาน อุปสงค์เป็นหลัก และเป็นการเก็งกำไรล่วงหน้ากันด้วย สมัยอดีตปี 2522-2523 เกิดสงครามอิรัก-อิหร่านก็เคยเกิดภาวะน้ำมันขาดแคลนและน้ำมันก็ดีดขึ้นไป 60กว่าเหรียญต่อบาเรลมาทีนึงแล้ว ภาวะน้ำมันแพงแบบนั้นเกิดขึ้นประมาณ 5ปีก็จบสิ้น ส่วนวิกฤตการครั้งนี้จะสิ้นสุดเมือไหร่ ยังรอการพิสูจน์ คงย้อนกลับไปดูว่าครั้งนี้ ทำไมมันจึงเกิดการแพงแบบนี้ขึ้นอีก อุปสงค์ของการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นมาก จากการที่ ช่วง10ปีนี้ ภาวะเศรษฐกิจโลกเกิดการขยายตัว จีน อินเดีย และประเทศต่างๆเร่งพัฒนาประเทศ ความต้องการน้ำมันเลยสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จนใกล้เคียงกำลังการผลิต และกลุ่มเฮดฟันด์เข้ามาเก็งกำไรในตลาดซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าด้วย ขณะที่อุปทานซึ่งส่วนใหญ่การผลิตมาจากกลุ่มโอเปค เดิมทีลดการขุดเจาะสำรวจแหล่งน้ำมันใหม่และแทบไม่ตั้งโรงกลั่นเพิ่มเนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังราคาต่ำ ทำให้ระยะ 4-5ปีนี้ ความต้องการมีใกล้เคียงกับกำลังการผลิตที่ทำได้ ราคาจึงแพงและเกิดภาวะตระหนกตกใจง่าย แม้คาดว่าจะเกิดภาวะอะไรที่ลดการผลิต ราคาก็จะดีดขึ้นทันที
ในเมื่อจะเดาว่าต่อไปราคาน้ำมันจะเป็นแบบใด คงต้องมาดูว่าปัจจัยใดที่จะมีผลกระทบต่อราคาบ้าง
- โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียรของอิหร่าน ได้มีการระงับโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนี่ยมแล้ว (แม้จะเป็นเพียงชั่วคราวตามคำร้องขอของยูเอ็น) แต่เรามาดูหน่อยมั้ยว่าโครงการนี้จะเป็นไงบ้าง...ขึ้นกับอิหร่านครับ เพราะอเมริกาเอง ก็กลัวการพัฒนาหัวรบนิวเคลียรเหมือนกัน แง๋สิ..ก็อิสราเอลก็อยู่ไม่ไกลนี่นา ซึ่งเขาคาดว่าอิหร่านน่าจะพัฒนาได้เมื่อถึงปี 2008??( เดาเอา ) และที่สำคัญนอกจากทางทหารแล้วทางการค้าเทคโนโลยี่นี้ จะยิ่งทวีความสำคัญเมื่อสิ้นสุดยุคของพลังงานฟอสซิล ใครหละจะไม่หวง ใครหละจะไม่อยากผูกขาด!! จึงต้องมีการเจรจาการทูต ทั้งกดดันบนโต๊ะเจรจา แต่ถ้าอิหร่านกลับมาดื้อแพ่งอีก อเมริกาจะกล้ามั้ยที่จะเปิดการโจมตี? ลำบากเหมือนกันนะ ทำไมหรือเพราะ อิหร่านไม่ไช่ประเทศโดดเดี่ยว ยังมีพี่เลี้ยงใหญ่คือจีนและรัฐเซียอยู่ ในความจริงสองประเทศยักษ์ใหญ่นี้เล่นบทแทงกั๊ก ให้อิหร่านเป็นทั้งยุทธศาสตร์ทางการทหารเพื่อรับมือกับแรงกดดันจากอิทธิพลสหรัฐในเอเชียกลาง และผลประโยชน์มหาศาลที่เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญด้วย และการที่ทหารอเมริกาจะใช้พลรบทางภาคพื้นดิน จำเป็นต้องใช้กำลังพล 1แสนคนขึ้นไป ซึ่งกำลังทหารขณะนี้กระจายอยู่ในสมรภูมิศึก2ด้าน คือในอิรัก 1.3 แสนคน และอัฟริกานิสถานประมาณ 8หมื่นคน จึงแทบไม่มีทางโจมตีทางภาคพื้นดินได้เลย การที่โจมตีคงต้องใช้กำลังทางอากาศปูพรมทำลายแหล่งที่ตั้งโรงงานพัฒนานิวเคลียรเป็นหลัก และถ้าเกิดขึ้นนั่นก็เพียงพอที่จะดึงราคาน้ำมันให้พุ่งปรี๊ดทันที
.เพราะอิหร่านเป็นแหล่งน้ำมันที่ใหญ่เป็นอันดับ2ของตะวันออกกลางและอันดับ 4ของโลก ภูมิศาสตร์ของอิหร่านเองสามารถปิดเส้นทางขนส่งน้ำมันจากโอมานและซาอุดิอาระเบีย ที่ต้องผ่านช่องแคบฮอร์มุชได้ทำให้แหล่งซัพพลายน้ำมันส่วนใหญ่ของโลกเป็นอัมพาตทันที ....คงต้องติดตามกันต่อไปกับเหตุการณ์ในตะวันออกกลางว่าเป็นไง แต่ตราบใดที่มีผลประโยชน์อเมริกาย่อมมาแทรกแซง หาความสงบไม่ได้ในภูมิภาคนี้ ....แต่อยากเดาส่งเองว่า อเมริกาไม่บุกอีหร่านหร๊อก เพราะขนาดสงครามอิรักยังจมปลัก อยากถอนใจจะขาดก็ถอนไม่ได้เลย สำหรับอิหร่านแล้วอย่างมากคงบอมโรงงาน ไม่เกี่ยวกับแท่นขุดเจาะน้ำมันแหง๋
- ภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)ประเมินสถานการณ์โลกว่า ปี2549จะเติบโต 5.1% และปีหน้า 2550 จะโตประมาณ 4.9% ถ้าการคาดกาณ์เป็นจริง จะถือว่าเศรษฐกิจโลกโต >4% ติดต่อกัน 4ปี ซึ่งในรอบ 30ปีไม่เคยมีเลย สำหรับอเมริกาเองคาดว่าจะเติบโตลดลงเหลือ 2.9% ส่วนญี่ปุ่น 2.1% ยุโรป 2% มาดูนี้ดีกว่า เศรษฐกิจของเอเชียบ้านเรา จีนน่าจะมีอัตราเติบโตสูงถึง 10% อินเดีย 8.3% มังกรจีนจะช่วยดึงเศรษฐกิจของชาติเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น ฮ่องกง อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และประเทศไทย ซึ่งต่างมีการค้าแนบแน่นกับจีนให้พุ่งทะยานตามไปด้วย ในปีหน้าIMF ประเมินว่าทวีปเอเชียโดยรวมน่าจะเติบโตประมาณ 8.2% อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงที่มีต่อภูมิภาคนี้คือ เศรษฐกิจเรื่องเงินเฟ้อ การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ราคาน้ำมัน และการแพร่ระบาดไข้หวัดนก ยังไม่ลืมไช่มั้ย ประชากรจีน+อินเดีย = 1/3 ของประชากรโลก นะครับ .......ฟันธงได้เลย ปีหน้าอัตราการใช้น้ำมันโลก ยังไม่ลดลงหรอกนะ
-การเพิ่มการสำรวจขุดเจาะของแหล่งพลังงานใหม่ สำนักงานพลังงานสากล (IEA)ประกาศคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกปี 2549 ประมาณ 84.7ล้านบารเรลต่อวัน และปี2550 ประมาณ 86.2ล้านบารเรลต่อวัน โดยการผลิตน้ำมันของโลกส่วนใหญ่มาจากกลุ่มโอเปคโดยผลิตน้ำมันเพียง 1 ใน 3 ของปริมาณการผลิตทั้งหมด แต่ปริมาณการส่งออกมีสัดส่วนถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกทั้งหมดของโลก ขณะนี้โอเปคตึงการผลิตไว้ที่ 28ล้านบารเรล/วัน พบว่าซึ่งยังเพียงพอต่อการใช้น้ำมันของโลกขณะนี้ แต่นับแต่นี้ไปสัดส่วนการป้อนน้ำมันสู่ตลาดโลกโดยกลุ่มนอกโอเปคจะเพิ่มขึ้น
ประเทศที่มีอัตราเจริญเติบโตสูง จะแก้ปัญหาอย่างไรในเรื่องพลังงาน จะพบว่าจีนตัดสินใจสร้างเขื่อน สามผา ปิดกั้นแม่น้ำแยงซีเกียง แต่นั่นยังไม่เพียงพอต่อการใช้เพราะมันน้อยมากๆ ความหวังในการแก้ปัญหาคือ นำทรัพยากรก๊าซและน้ำมันมาจากแหล่งขนาดใหญ่ในเอเชียกลาง เช่น ยูเรเซีย ( รัฐอิสระที่แยกมาจากการล่มสลายของรัฐเซีย อยู่ทางใต้ของรัฐเซีย )และคาซักสถาน ผ่านท่อส่งน้ำมันสายใหม่ คาซักห์-จีน ความยาว 962 กิโลเมตร ซึ่งจะสามารถปั้มน้ำมันให้จีนได้ถึง 1ล้านบาเรล หรือ 15%ของการใช้น้ำมันดิบในจีน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะต่อท่อเข้าหาแหล่งน้ำมันหลายแหล่งเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้ รวมทั้งแผนขั้นที่2คือเชื่อมท่อส่งน้ำมันนี้ เข้ากับท่อส่งน้ำมันขนาด 385กิโลเมตร ในทะเลสาบแคสเบี้ยนของอิหร่าน ซึ่งจีนและอิหร่านมีหุ้นส่วนการค้ากัน
หากโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ ก็จะเป็นครั้งแรกที่จีนเข้าถึงแหล่งพลังงาน อันไม่เป็นที่ล่อแหลมต่อกองทัพเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐ เหมือนดังน้ำมันที่มาจากอ่าวเปอร์เซียและซูดานอีกต่อไป ....ฟันธงเลย ท่อส่งน้ำมันนี้จะมีบทบาททำให้ ราคาน้ำมันโลกลดลง รวมทั้งอิทธิพลอเมริกาในอ่าวเปอร์เซียต่อจีนลดลงด้วย
-การตั้งราคาซื้อขายภายในประเทศ รัฐได้กำหนดให้เป็นราคาลอยตัวตามกลไกการตลาด จะเห็นว่าราคาน้ำมันในประเทศจะมีการอิงกับน้ำมันตลาดโลกเนื่องจากมันเป็นสินค้าสากล สามารถส่งออกนำเข้าเสรี ราคาที่ขาย จะเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ นำมากลั่น ราคาหน้าโรงกลั่น + ภาษีสรรพสามิต + ภาษีเทศบาล +เข้ากองทุนชดเชยน้ำมัน(oil fund) +เข้ากองทุนอนุรักษ์ จึงเป็นราคาที่ขาย(wholesale price) และจะเอาราคานี้มา +VAT น้ำมัน +ค่าการตลาด +VAT ค่าการตลาด ก็จะเป็น ราคาขายที่ยังไม่รวมค่าขนส่ง ดูภาพประกอบ web
//www.eppo.go.th/petro/price/pt-price-st-2006-09-13.xls คัดลอกมาให้ ------- ราคาหน้าโรงกลั่น---ภาษีสรรพสามิต--ภาษีเทศบาล จ่ายเข้ากองทุนนำมัน กองทุนอนุรักษ์ ราคาขายส่ง ค่าการตลาด ราคาขายรวมภาษี เบนซิน95-------16.0273-------- 3.685---------0.3685 ------ 2.5 -------------- 0.04 ---------- 22.6148---- 2.4226 ----------26.79 เบนซิน91-------15.5529 -------3.685-----------0.3685------ 2.3 ----------------0.04---------- 32.9464-----2.3433---------- 25.99 แกสโซฮอลล์ --17.1832 -------3.3165----------0.3317------ 0.54***---------- 0.036--------- 21.4074-----2.2282---------- 25.29 ดีเซล (<0.7%s)19.0385-------2.4050----------0.2405------- 0.975***--------0.04------------23.349------- 1.3*** ---------24.74 LPG (B/kg) 11.8049-----------2.17 -------------0.217------- ลบ1.735*** ------0 ---------------12.4569 ----3.2566------------16.81
ดูแล้วเห็นอะไรบ้างมั้ยครับ พอการตั้งขายในไทยมีการบิดเบือนหลายอย่าง การจ่ายเงินชดเชยเข้ากองทุนน้ำมันที่เคยขาดทุน เพราะอุ้มน้ำมันดีเซลเป็นหลักจนต้องเป็นหนี้ 8หมื่นล้านบาทเมื่อ1ปีก่อน แต่ปัจจุบันผู้ที่จ่ายหนี้กองทุนนี้มากสุดคือคนใช้เบนซิน โดยดีเซลเก็บเข้ากองทุนนี้แค่ประมาณ 0.975 บาท/ลิตร แต่เบนซิน 95 และ 91 จ่าย 2.5และ2.3บาท/ลิตร ตามลำดับ ยังไม่หมดอีกนะ กองทุนนี้ยังเอาไปพยุงราคาแกส LPG อีก เอาเงินน้ำมันมาอุดหนุนแก๊สให้ราคาถูก ทำให้ผู้ใช้เบนซินอุ้ม ผู้ใช้ดีเซลและLPG ....เซ็งวุ้ย!!!!! อ้าว! ยังไม่หมดอีกนะ gasohol จ่ายเข้ากองทุนนี้นิดเดียวเอง 0.54บาท/ลิตร เพื่อบิดเบือนให้ดูว่าราคาถูกน่าใช้ จริงๆหนะต้นทุนสูงกว่าเขา จึงอยากจะบอกว่ากองทุนน้ำมันหนะมันคือ กองทุนแห่งการบิดเบือนทางการขาย
แล้วเมื่อไหร่มันจะจบๆซะทีไอ้กองทุนบ๊องๆนี้ อืมม์...จาก7.3หมื่นล้าน อ้าวโทษที 8หมื่นล้านใช้หนี้มาเรื่อยตอนนี้เหลือ 5หมื่นกว่าล้าน ...คาดว่าถ้าจ่ายแบบนี้อีก 2ปีเศษ ก็จะใช้หนี้กองทุนนี้หมด ถ้าหมดหนี้กองทุนนี้ราคาน้ำมัน จะถูกลงโดยเฉพาะเบนซินจะถูกลงราว 2.5บาท
สรุปทั้งหมดช่วงฟันธง:
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกจะยังอยู่ในระดับ 60-80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลไปจนถึงปี 2552 เพราะการผลิตมีอย่างจำกัด ขณะที่ความต้องการใช้ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ได้ ชะลอตามที่มีการคาดการณ์ เนื่องจากมีเม็ดเงินจากประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน แถบตะวันออกกลาง ทยอยไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลก มาเป็นแรงกระตุ้นให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวต่อไปได้ หลังปี 2552 ราคาน้ำมันโลก จะมีโอกาสลดเหลือ 45-50 เหรียญหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ เพราะเป็นการพูดถึงอนาคต ....อุอุ ดร.ปิยสวัสดิ์ เขียนค่อนข้างชัดเจนเลย
ผมก็คิดต่อไปอีก 2ปีถัดไปหลังปี 2552 จะเป็นไง ราคาน้ำมันแพง แต่ไม่ไช่ว่าน้ำมันในโลกหมด เป็นเพราะดูดขึ้นมาพอดิบพอดีกับการใช้ต่างหาก ถ้าถามว่าตอนนี้ทั่วโลกก็ขุดกันเยอะมั้ย ? ตอบว่า..เยอะครับ หัวเจาะตอนนี้หาซื้อไม่ได้เลย นั่นคงพอบอกได้ว่า โลกเราจะเริ่มขุดน้ำมันขึ้นมาใช้มากขึ้นอีก ซึ่งอีกประมาณ 2ปี จะเริ่มเห็นผลลัพท์จากการขุดเพิ่ม ในใจผมคาดว่าภาวะวิกฤติน้ำมันแพงรอบนี้ ไม่น่าจะเกิน 2ปีจากนี้ (ถ้าไม่มีภาวะตึงเครียดสงคราม) และถ้าสมมุติเมื่อไหร่ราคาไต่ขึ้นมากใกล้ๆ 100เหรียญ/บาเรล ก็จะมีการขุดเจาะน้ำมันจากทะเลลึกซึ่งยังมีปริมาณมากขึ้นมาอีก เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่ค่อยคุ้มทุนเท่าไหร่ คือน้ำมันที่ขุดเจาะจากแหล่งน้ำมันทะเลลึกต้นทุนการเจาะ 40เหรียญ/บาเรล ขณะที่เจาะจากแหล่งน้ำมันธรรมดาในตะวันออกกลางต้นทุนแค่ 10 เหรียญ/บาเรลเอง ฉะนั้นน้ำมันจากนี้ไม่น่าจะแพงมาก ผมว่า ราคาเบนซินคงแถวๆ 20กว่าบาท แค่นี้หละ แต่คงไม่น่าจะต่ำกว่า20บาท แต่คงไม่เกิน 30บาท/ลิตร
อ่านบทความแล้วคงพอมองอนาคตน้ำมันออกนะครับ ขอบคุณครับ
Create Date : 08 กันยายน 2549 |
|
51 comments |
Last Update : 31 มกราคม 2550 2:48:41 น. |
Counter : 1181 Pageviews. |
|
|
|