Group Blog
 
<<
มีนาคม 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 มีนาคม 2548
 
All Blogs
 
....เย็นศิระ เพราะพระบริบาล....

โดย ผู้จัดการรายวัน 22 มีนาคม 2548 09:09 น.






ไฟแผงหน้าปัดติดพรึบ ใบพัดหน้าเครื่องบินปอร์ตเตอร์หมุนเร็วจนครางหึ่งๆ

"อู่ตะเภาไลต์นิ่ง….ทรีเอฟซิกซ์ทีน…รีเควสต์นัมเบอร์วัน ทู-ทรี…"

"รันเวย์เคลียร์!"

นักบินขยับเข็มขัด กางแผนที่กับข้อมูลการบินบนตัก เขาตรวจเช็กสภาพทั่วไปครั้งสุดท้าย แล้วแท็กซี่เครื่องไปยังรันเวย์ ดึงคันบังคับไปข้างหน้า วันนี้เขาทะยานสู่ท้องฟ้าพร้อมทีม Rainmaker อีกครั้ง

ท่ามกลางอากาศร้อนแล้ง ปฏิบัติการ "ฝนหลวง" เริ่มต้นขึ้นแล้ว…





เมื่อกำหนดพิกัดเป้าหมายได้แล้ว พวกเขาจะรีบขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที

มีนาคม 2548... สนามบินอู่ตะเภา ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก

หลายวันที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ลงข่าวภัยแล้งที่แผ่ปกคลุมทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง สำหรับเกษตรกรปีนี้เรียกว่าเลวร้ายและหนักหนากว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะฝนทิ้งช่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน

คำกล่าวของ สุนทร ริ้วเหลือง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเมื่อเร็วๆ นี้ว่า "ภาพรวมขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง 71 จังหวัด 696 อำเภอ 61 กิ่งอำเภอ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 11,058,902 คน โดยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือประสบภัยแล้งสูงสุดคิดเป็น 79.03% ของพื้นที่ รองลงมาคือภาคตะวันออก 64.31% ..ทั่วประเทศมีพื้นที่ประสบภัยทั้งหมด 60.19% " (มติชนรายวัน 20 มี.ค.2548) คงบอกอะไรได้บ้าง

ทุกเช้าจะมีการประชุมของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฝ่ายต่างๆ เพื่อกำหนดแผนงานขึ้นบิน ซึ่งคอมพิวเตอร์ก็มีส่วนช่วยในการปฏิบัติงานได้มากทีเดียว

และตอนนี้ดูเหมือนความหวังทั้งมวลในการแก้ปัญหามุ่งมาที่ปฏิบัติการ "ฝนหลวง"



"ตอนนี้นักบินและเจ้าหน้าที่อ่อนล้าเหมือนกันเพราะหนักมาตลอด" เสียงของ ทวี กาญจนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก ผุดขึ้นมาย้ำเตือน เมื่อเรามองนักบินกับเจ้าหน้าที่ทำฝนหลวงฝ่ายต่างๆ ซึ่งตอนนี้เตรียมพร้อมทั้งวันเป็นสิ่งยืนยันภัยแล้งรุนแรงขณะนี้ได้ดีไม่แพ้ภาพจากทีวี




วันนี้ พวกเขาตื่นแต่เช้าเตรียมวางแผนทำงานที่ตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งถูกแปลงเป็นสำนักงานและห้องวางแผนการบินเล็กๆ ขณะที่ข้างตู้ รถตรวจอากาศฝนหลวงจอดสงบนิ่งเพื่อสนับสนุนข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาที่ได้จากบอลลูนตรวจอากาศซึ่งถูกปล่อยไปแต่เช้ามืด โดยมีโปรแกรมซอนด์ทูและคอมพิวเตอร์ประมวลผลไฮเทคแสดงออกมาเป็นค่าต่างๆ อย่างละเอียดเกี่ยวกับสภาพอากาศที่ความสูงระดับต่างๆ



สารเคมีที่ถูกจัดเตรียมบนภาคพื้นดิน




9 โมงเช้า ห้อง Brief…การประชุมนักวิชาการ นักบิน หัวหน้าคนบดสารเคมีเริ่มขึ้น หลังทุกคนแจ้งความพร้อมของฝ่ายตน ดูข้อมูล ปัจจัยพื้นฐาน และกำหนดพื้นที่เป้าหมายเรียบร้อยแล้ว รถยนต์สามคันก็ถูกสตาร์ทเพื่อส่งนักบิน นักวิชาการ เจ้าหน้าที่โปรย และสารเคมีหลายสิบถุงไปยังเครื่องบินที่จอดสงบนิ่งบนลาน

ปอร์ตเตอร์ 3 ลำครางกระหึ่ม แล้วเริ่มต้นแท็กซี่ไปยังรันเวย์…


กัปตันวิโรจน์ ราษฎร์เจริญ นักบินประจำเครื่องลำที่สองดันคันบังคับไปข้างหน้า เจ้าปอร์ตเตอร์ของเขาตามจ่าฝูงเข้ารันเวย์อย่างกระชั้นชิด แล้วยกตัวขึ้นสู่อากาศด้วยความเร็วสูง…

สารเคมีที่ถูกจัดเตรียมบนภาคพื้นดิน

น่านฟ้าเป้าหมายวันนี้อยู่เหนือเทือกเขางวงช้างของจังหวัดระยอง ที่ซึ่งลมตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นสื่อนำพาก้อนเมฆที่พวกเขากำลังจะไปเร่งปฏิกิริยา ให้กลายเป็นฝนหลวงไปตกยังพื้นที่แถบบ้านปลวกแดงและนิคมพัฒนาได้

"ขับเครื่องบนอากาศหนักกว่าขับรถบนพื้นหลายเท่า แต่เป็นระเบียบกว่าบนถนน" กัปตันไพโรจน์ กาญจนไพร นักบินเครื่องที่สามผู้เคยร่วมงานกับ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ( ผู้นำพระราชดำริริเริ่มฝนหลวงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปฏิบัติ) บอกกับเราก่อนแท็กซี่เครื่องไปยังรันเวย์

เจ้าหน้าที่บดสารเคมีเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ปิดทองหลังพระ โดยเฉลี่ยทุกๆ วันพวกเขาต้องทำงานยกสารเหล่านี้ถึง 6 ตัน

เราเห็นรูปธรรม เมื่อฝูงบินไปเจอเมฆฝนซึ่งมีสภาพอากาศภายในแปรปรวนกลุ่มหนึ่งเข้าอย่างจัง "พี่ครับ ผมขอขึ้นไปที่ 7,000 ฟุต" กัปตันวิโรจน์วิทยุไปยังลีดเดอร์ ขณะที่เครื่องเกิดอาการตกหลุมอากาศเป็นระยะ แต่เขาก็ดูสงบนิ่งด้วยเป็นเรื่องธรรมดา ก่อนพยายามขึ้นเหนือเมฆ และเท่าที่เราจำได้ ด้านขวามือคืออ่าวไทยที่ท้องฟ้าใสแจ๋ว…

"โอเค! ถ้าไม่ไหวเบี่ยงออกเหนือทะเลเลย" เสียงตอบกลับจากผู้ฝูงสุธรรม ปันโนปกรณ์


"แล้วเจอกันที่ 7,500 ฟุตครับ"…กัปตันวิโรจน์กล่าว ก่อนดึงสติ๊กพาเครื่องไต่ระดับ 7,000 ฟุต

สำหรับทีม Rainmaker เหตุการณ์แยกฝูงเกิดขึ้นบ่อยเพราะการทำฝนหลวงบางครั้งด้วยวิธีการทำให้นักบินต้องทำสิ่งขัดกับหลักนิรภัยคือการพุ่งสู่ก้อนเมฆ เพราะโดยหลักการเครื่องบินจะต้องเลี่ยงการบินเช่นนี้ เนื่องจากในเมฆจะมีกระแสอากาศ Up & Down Stream หรือเทอร์บูแลนซ์ตลอดเวลา และสิ่งนี้ทำให้เกิดการ "ตกหลุมอากาศ" ได้

กัปตันวิโรจน์ ราษฎร์เจริญ กำลังนำเครื่องแท็กซี่ไปยังรันเวย์



"เราขึ้นไปต้องรับผิดชอบชีวิตของทุกคน ขึ้นเท่าไรลงเท่านั้น ความเสี่ยงอยู่ที่นักบินว่าชำนาญขนาดไหน เท้าพ้นพื้นก็อยู่ที่การตัดสินใจ บางทีเห็นฟ้าแลบก็ต้องทำ เราพยายามเสี่ยงน้อยที่สุด เรื่องจะบินลุยแทร่ดๆ ไปในเมฆฝนฟ้าคะนองเราไม่ทำ จะดูสภาพการณ์ว่าแบบไหนเหมาะที่สุด…แต่ถ้ามีการร้องขอเราก็เข้า แต่มั่นใจได้ครับ นักบินเองชำนาญอยู่พอสมควร" ผู้ฝูงตอบข้อสงสัยในการปฏิบัติการสุดหวาดเสียว

กัปตันไพโรจน์ เล่าถึงสภาพอากาศวันนี้ว่า "อากาศปิดแบบวันนี้บินยาก ปีกตัวเองบางทีก็ไม่เห็น เราบินตามเครื่องวัด บางทีนักบินอาจหลง เพราะไม่เชื่อเครื่องวัดที่บอกว่าเอียงซ้าย ความรู้สึกจะตรงข้ามคล้ายเอียงขวามากกว่า ถ้าเราดึงคันบังคับตรงข้ามเครื่องก็หล่น นี่เรียกว่า Vertico หลงสภาพ"




ก้อนเมฆเป้าหมาย



หลังจากเด้งขึ้นๆ ลงๆ ในหลุมอากาศอยู่สักพัก ปอร์ตเตอร์ของเราก็พบเครื่องอีกสองลำที่จุดนัดหมายความสูง 7,500 ฟุต เวลานี้เรียกได้ว่าพวกเขาบินด้วยสัญชาตญาณ ความชำนาญและเครื่องวัดโดยแท้จริง ปราศจากเวสเซอร์เรดาร์ ที่แม้จะสแตนด์บายไว้ก็ไม่มีอะไรปรากฏที่จอ(เสีย)…กัปตันทั้งสามลำบอกว่าถ้าได้เครื่องใหม่จะปลอดภัยและอุ่นใจกับทีมงานมากกว่านี้ "ตอนนี้ไม่มีเลย ถ้ามีจะรู้ว่าเมฆหนาไม่หนา มันจะมีแถบสีบอกว่าควรหลบทางไหน"

เสถียร แสนสิงห์ นักวิชาการบนเครื่องลำแรก มองเมฆสองก้อนที่ก่อตัวใกล้กันอย่างสนใจ ก่อนส่งเสียงผ่านเฮดโฟนว่า นั่นคือเป้าหมาย และขณะนี้จากการคำนวณสภาพลมและทิศทางสามารถเริ่มงานได้ทันที

หลังจากพบเป้าหมายแล้ว เครื่องปอร์ตเตอร์ก็แปรขบวนเข้าโจมตีก้อนเมฆ


"ขอตำแหน่งพี่ด้วยครับ" กัปตันวิโรจน์กล่าว ก่อนทวนตำแหน่งและตกลงทิศทางกับทุกลำ

"Start Mission"
…"รับทราบ" …ฝูงบินจัดฟอร์เมชั่น แล้วแยกย้ายปฏิบัติงานทันที




ถึงตรงนี้ คนโปรยสารที่ห้องข้างหลังเปิดปากถุงแล้วหย่อนสารเคมีสูตร 8 ซึ่งถูกออกแบบสำหรับปฏิบัติการในเมฆอุ่น (สูงไม่เกินหมื่นฟุต) มีสารแคลเซี่ยมคลอไรด์ (Cacl2) ลงช่องปล่อย การบินครั้งนี้ไม่ต้องทำขั้นตอนแรกคือ "ก่อกวน" สามารถเริ่มขั้นตอนที่สองคือ "เลี้ยงให้อ้วน" ได้ทันที เพราะเมฆก่อตัวขึ้นเองอยู่แล้ว

ในหลวงของเราทรงพระราชทานวิธีการไว้ในตำราฝนหลวงหลายข้อ แต่โดยสรุป พระองค์ทรงแยกเป็นสามขั้นตอน (ไม่รวมเทคนิคพิเศษที่เพิ่มเข้าไปภายหลังอย่างซูเปอร์แซนด์วิช) คือ



"ล้อเล่นกับท้องฟ้า ขอฝนกับเทวดา"



"ก่อกวน"
ซึ่งเป็นการสร้างแกนให้เกิดเมฆ โดยอาศัยผงเกลือแป้ง ซึ่งทำในสภาวะที่ความชื้นเหมาะสม ส่วนขั้น "เลี้ยงให้อ้วน" คือการใช้สารเคมีประเภทต่างๆ ช่วยเพิ่มแกนเม็ดไอน้ำในเมฆทำให้เมฆฝนมีความหนาแน่นมากขึ้น และขั้นสุดท้ายคือ "โจมตี" ซึ่งจะเป็นขั้นตอนที่เสี่ยงต่อผู้ปฏิบัติงานมากที่สุด เพราะจะต้องเข้าไปโปรยสารเคมีเพิ่มปริมาณการตกของฝนถึงในเมฆที่มีกระแสอากาศแปรปรวน




การโปรยสารเคมีเพื่อ "เลี้ยงให้อ้วน"


ตรงหน้าเราตอนนี้ไม่ใช่การโชว์บินผาดแผลงของเครื่องรบ แต่เป็นการบินผาดโผนเสี่ยงภัยปล่อยสารเคมีทำฝนหลวงเพื่อประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำข้างล่างอย่างหนักที่พวกเขาทำกันอย่างสุดฝีมือเพื่อเหนี่ยวนำน้ำบนท้องฟ้าลงมาสู่ดิน เรียกว่าขอน้ำแบบเผชิญหน้ากับเทวดาอย่างใกล้ชิด

แน่นอน ทุกคนไม่อยากตกสวรรค์…การขึ้นแต่ละครั้งนอกจากต้องคิดถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญแล้ว ยังใช้งบประมาณหลายหมื่นบาท การตัดสินใจเข้าปฏิบัติการกับเมฆก้อนหนึ่งจึงผ่านการคิดคำนวณจากประสบการณ์ และหลักวิชาการอย่างรอบคอบที่สุด "ก่อนหน้าที่มีเครื่องตก เป็นเรื่องอากาศและประสบการณ์นักบินที่เข้ามาปฏิบัติการใหม่ยังไม่คุ้นกับงานแบบนี้ เพราะบินเข้าเมฆ มีเกาะหมู่ ซึ่งยาก เป็นแบบเดียวกับที่โชว์กันในงาน" ผู้ฝูงเอ่ย


"ฝนจะตกไม่ตกอยู่ที่สภาพอากาศว่าชื้นแค่ไหน การเปลี่ยนแปลงมีตลอดครับ ล้อเล่นกับธรรมชาติมันยาก ช่วงนี้ทำฝนประสบความสำเร็จน้อยเนื่องจากความชื้นต่ำ จากระดับพื้นถึงความสูง 6,000 ฟุต มี 60% แต่เลยขึ้นไปอีกมี 20% แบบนี้ความชื้นที่จะไปประกอบกับกลุ่มเมฆมันมีน้อยมาก" เสถียรบอกกับเรา



พาเมฆไปในทิศทางที่คำนวณ การทำงานครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นกับลมว่าจะพัด


ตอนนี้ภาพเครื่องบินปล่อยหางสีขาวตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มปรากฏต่อสายตา ลำหนึ่งมุดบริเวณไหล่เมฆอย่างน่าตื่นตา อีกลำหนึ่งก็โปรยสารเคมีที่ฐานเมฆระดับ 7,000 ฟุต คราวนี้พวกเขากำลังจับเมฆสองก้อนรวมตัวกันแล้ว "เลี้ยงให้อ้วน"


กัปตันไพโรจน์บอกว่า ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ เขาสามารถพาทีมทำงานฝนหลวงไปได้ทุกจุดถ้าสภาพเครื่องอำนวย "เรามีการปรับเป้าหมายตลอด เพราะต้องการกลุ่มเมฆที่ได้ผลที่สุด นักบินมีหน้าที่พาไป คนที่บอกว่านักบินไปไม่ถึงที่หมายนั้นไม่มีทางครับ เรายินดีไปตามที่หมาย คนที่พูดว่านักบินไปไม่ตรงเป้าหมายนั้น อาจเพราะฟังจากชาวบ้านที่เห็นว่าเขาอาศัยอยู่ตรงนี้ เขาขอฝนแต่ไม่เห็นนักบินมาทำ ซึ่งมีปัจจัยเนื่องมาจากทิศทางลม ความเร็วลม เราจะไปทำเหนือลมครับ เขาไม่เห็นเลยคิดไปอย่างนั้น"

สารเคมีหมด ในที่สุดเสียง "Mission Complete" ก็ดังขึ้นในหูฟัง เครื่องปอร์ตเตอร์สามลำบินมาเกาะกลุ่มอีกครั้งและมุ่งหน้ากลับฐาน "ช่วงเมื่อกี้เราแค่เลี้ยงให้อ้วน เร่งปฏิกิริยาเมฆให้มารวมตัวกันมากขึ้น เดี๋ยวการโจมตีอาจจะมีอีกช่วงหนึ่งตอนบ่าย..ภารกิจของวันจะจบเมื่อเราส่งข้อมูลไปถวายพระองค์ท่านที่หัวหินครับ" เสถียรกล่าว



บรรยากาศขณะปฏิบัติการ


ทั้งสามลำกลับสู่ฐาน และจู่ๆ ฝนก็เทลงมาพร้อมรอยยิ้มของทุกคนในทีมเมื่อก้าวลงจากเครื่อง เสถียร บอกว่าตามหลักวิชาการ "ตกลงมานี่แค่หล่อเย็นนะครับ ระดับน้ำผิวดินใต้ดินตอนนี้ยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก"

นั่นหมายถึงภารกิจของพวกเขาในช่วงแล้งนี้ยังไม่จบลงง่ายๆ…

"ภารกิจการทำฝนหลวงทั่วประเทศขณะนี้มีการจัดตั้งฐานระดับภาคคือ เหนือ กลาง อีสาน ใต้ ตะวันออก เป็น 5 ศูนย์หลัก สำหรับภาคตะวันออกเป้าหมายเรามี 8 จังหวัด ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว" ทวี กาญจนา เล่าขอบเขตงานของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงฯ ภาคตะวันออก

ก่อนเล่าแผนการในอนาคต "ปกติเรามีการตั้งฐาน 3 จุด คือที่หลักคือ สนามบินอู่ตะเภา ระยอง สนามบินท่าใหม่ จันทบุรี มีระยะทำงาน 15 ก.พ. ถึงกลางเดือนพ.ค.. ที่กำหนดไว้ดังนี้เพราะเดือน พ.ค. จะเข้าฤดูฝนของภาคตะวันออกตอนล่าง คาดว่าไม้ผลจะมีน้ำพอต่อการโตแล้วและบางส่วนเก็บเกี่ยว เราจะย้ายฐานทั้งจันทบุรี ระยองไปที่วัฒนานคร สระแก้วเป็นฐานที่สาม เพื่อทำฝนช่วยพืชไร่ในส่วนของภาคตะวันออกตอนบน"

ปัจจุบันศูนย์ฯ มีเครื่องบินในระดับเพียงพอคือเครื่อง CN235 2 เครื่องยนต์ บรรทุกได้ 2,000 กก. ต่อเที่ยวบิน 1 ลำ อีก 4 ลำ เป็น ปอร์ตเตอร์ เครื่องยนต์เดียว บรรทุกได้ 500 กก. ต่อเที่ยวบิน เรื่องขาดอุปกรณ์จึงไม่ใช่ปัญหา



การบินเข้าสู่ก้อนเมฆคือสิ่งที่พวกเขาต้องทำ


แต่เรากลับพบว่าขณะที่ที่อื่นขาดนักวิชาการมาก ที่นี่นอกจากนักวิชาการแล้วยังขาดคนบดสาร เจ้าหน้าที่พูดตรงกันว่า "เรื่องเจ้าหน้าที่ถ้ามองในด้านการทำงานให้ทันไม่พอ พูดตรงๆ อย่างคนบดโปรยสารเคมีตอนนี้มีอยู่ 10 คน ถ้าขึ้นฟ้าไปหมด ซีเอ็น 6 คน ปอร์ตเตอร์อีก 4 คน (ลำละคน) กำลังภาคพื้นดินจะไม่มีในการเตียมสารเคมีกรณีต้องบินต่อเนื่อง ต้อง 15 คนเป็นอย่างน้อยถึงทำงานได้ทั้งข้างบนและล่าง บางทีเราเตรียมสูตรขึ้นไปพอจะเปลี่ยนสูตรไม่ทัน เพราะไม่มีข้างล่างเตรียม ตอนนี้หนึ่งวันทำงาน 7 ชม. สำหรับนักบิน นักบินโหลด คนทำงานโหลดไปหมด"

สองคล้องกับ ผอ. ศูนย์อย่างคุณทวี ที่บอกว่า "สมมติคนโปรย 6 คน ไม่ได้โปรยอย่างเดียว เริ่มตั้งแต่บดสารแล้วยกขึ้นรถ ถ่ายเข้าเครื่อง เทบนฟ้า เทียบแล้วบดสารเคมี 2 ตัน เขาต้องยก 3 ครั้ง สรุป 6 ตัน!"

"รัฐให้จ้างพนักงานราชการได้แต่เรื่องช้ามาก ป่านนี้ผมยังไม่มีคนงาน คนบดปัจจุบันอายุ 50 ขึ้นทั้งนั้น เหนื่อยมากครับ นอนไม่ต้องกินยานอนหลับกันแล้ว ส่วนหนึ่งผมต้องขอจากทางจังหวัด ผู้ว่าฯ ท่านก็จัดคนมาช่วย คนที่ไม่ชำนาญก็เป็นปัญหาเหมือนกัน การโปรยสารเคมีต้องอาศัยประสบการณ์ครับ จริงๆ ใครก็โปรยได้ แต่การสื่อสารและโปรยให้มีประสิทธิภาพมันยาก คนที่มีประสบการณ์ เขาจะรู้จังหวะดีกว่า" ผอ.ศูนย์กล่าว

ส่วนการทำงานเชิงรุกนั้น "ตอนนี้ผมแจกเบอร์ผมเลยครับ เป็นสายตรงสู่ ผอ.ศูนย์ฝนหลวงภาคตะวันออก"

…ในหลวงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรภาคอีสานผ่านพื้นที่แห้งแล้ง ทรงทอดพระเนตรที่ฟ้าแล้วมีพระราชดำริว่า "…เงยดูท้องฟ้า มีเมฆ ทำไมมีเมฆอย่างนี้ ทำไมจะดึงเมฆนี้ลงมาให้ได้ ก็เคยได้ยินเรื่องทำฝนก็มาปรารภกับคุณเทพฤทธิ์ ฝนทำได้มี มีหนังสือ เคยอ่านหนังสือทำได้"

โครงการ "ฝนหลวง" จากน้ำพระทัยของพระองค์จึงเกิดขึ้น…



การบินเข้าสู่ก้อนเมฆต้องใช้ความชำนาญของนักบินสูงมาก


พ.ศ.2548…
ครึ่งศตวรรษผ่านไป กษัตริย์พระองค์เดียวกันยังทรงงานหนัก ทั้งยังมีพระมหากรุณาธิคุณดูแลประชาชนด้วยโครงการนี้ดุจ 50 ปีก่อน ด้วยการยอมลำบากพระวรกายเสด็จลงบัญชาการฝนหลวงด้วยพระองค์เอง และด้วยจริยาวัตรเช่นนี้ ทำให้คนที่ทำงานทั่วประเทศไม่เคยหมดพลังใจ

กัปตันไพโรจน์บอกเราว่า "ที่มาทำโครงการในหลวง เพราะผมเคยทำงานกับท่าน ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ มาก่อน เป็นความสุข เราช่วยเหลือคนเดือดร้อน ให้ประชาชน นี่คือโครงการเพื่อความสุขราษฎรของพระเจ้าอยู่หัว"

เขารำลึกว่า "ม.ร.ว.เทพฤทธิ์เสียไป 6 ปีแล้วครับ ท่านเป็นคนมุ่งมั่น ขยัน อยากรู้ ทดลองหลายเรื่องเกี่ยวกับโครงการหลวง ตัวท่านผ่าตัดตั้งแต่อกไปถึงท้องน้อย มือท่านก็โดนระเบิด เหลือ 2 นิ้ว ใส่ถุงมือ ท่านเป็นคู่คิดของพระเจ้าอยู่หัว ตอนนั้นผมเป็นนักบินกองบินตำรวจ โครงการฝนหลวงผมทำมาตั้งแต่เริ่มต้นวิจัย เครื่องที่บินนั่นก็ชาวไร่อ้อยจังหวัดกาญจนบุรีซื้อให้ เครื่องปอร์ตเตอร์ 1609 ยังบินได้ครับ เรายังอนุรักษ์ไว้ที่กองบินตำรวจ"



ภารกิจการโปรยสารเคมี



"ตั้งแต่วิเคราะห์อากาศจนถึงขั้นโจมตีกว่าจะได้ฝนเหนื่อยมาก ผมเองก็รับฟังความทุกข์ของเกษตรกรที่กำลังล้มละลายมามาก อยากบอกว่านี่เป็นโครงการที่เกิดจากความห่วงใยของในหลวงท่าน ที่เราทุ่มเทกันไม่ว่านักวิชาการ นักบิน เจ้าหน้าที่โปรยสาร มีเป้าหมายเดียวกันคือให้ฝนตก ให้พื้นที่เกษตรรอดจากความเสียหาย เราภูมิใจที่ได้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท สองสิ่งนี้เราชาวฝนหลวงสำนึกและตระหนักมาโดยตลอด" ผอ.ทวี กล่าว

ส่วนนักวิชาการ นักบินได้บอกกับเราว่า "เราเห็นฝนตกก็มีความสุขครับ แม้บางทีแม่ค้าบางท่านอาจจะไม่ชอบบ้างก็ตาม เขาบอกเห็นเครื่องบินแล้วน้ำตาไหลเลย" กัปตันไพโรจน์กล่าวติดตลก

บางทีเราหวังว่าภาพการทรงงานของ "พ่อหลวง" ภาพการทำงานของ Rainmaker ทั่วประเทศแบบไม่หยุดพักในช่วงนี้ จะเตือนสติซีอีโอบางคนที่อ้างว่าเวลานี้ไม่มีอำนาจสั่งการ แล้วหนีไปเที่ยวได้ดี




ส่วนหนึ่งของทีมปฏิบัติการ Rainmaker จากซ้าย ผู้ฝูงสุธรรม ปันโนปกรณ์ , กัปตันไพโรจน์ กาญจนไพร , กัปตันวิโรจน์ ราษฏร์เจริญ และเสถียร แสนสิงห์


เราหวังว่าภาพนี้จะคอยเตือนคนไทย ว่าท่ามกลางแผ่นดินร้อนระอุ…มุมหนึ่งที่วังไกลกังวล หัวหิน "พ่อหลวง" กำลังทรงงาน




และเหนือขึ้นไป 7,000 ฟุต บนท้องฟ้า เหล่า "อัศวิน" ของพระองค์กำลังทำหน้าที่เพื่อประชาชนคนไทยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย…

*ขอขอบคุณท่านหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการฝนหลวงฯ คุณทรง กลิ่นประทุม ในการให้ข้อมูลพื้นฐานและภาพรวมของการทำฝนหลวงในประเทศไทย






ส่วนหนึ่งของทีมปฏิบัติการ Rainmaker จากซ้าย ผู้ฝูงสุธรรม ปันโนปกรณ์ , กัปตันไพโรจน์ กาญจนไพร , กัปตันวิโรจน์ ราษฎร์เจริญ

**ขอจงทรงพระเจริญ อยู่เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยตลอดไปด้วยเทอญ**







Create Date : 23 มีนาคม 2548
Last Update : 23 มีนาคม 2548 18:35:50 น. 40 comments
Counter : 3288 Pageviews.

 
ทรงพระเจริญ



โดย: ศรเมฆา ฟ้าแว๊บๆ วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:10:28:07 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ
อยากจะเห็นมานานแล้วค่ะ ว่าขึ้นตอนเป็นอย่างไร

ฝนหลวง ฉ่ำชื่นหัวใจ


โดย: MDA วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:11:34:19 น.  

 
ขอจงทรงพระเจริญ อยู่เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย ตลอดไปด้วยเทอญ



ขอบคุณค่ะ เพราะไม่เคยเห็นเหมือนกัน ครั้งแรกเลยที่ได้เห็น


โดย: อยู่ไกลบ้าน วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:13:53:43 น.  

 
แวะมาดูฝนหลวงด้วยคนจ้า


โดย: กีวี่สีฟ้า (กีวี่สีฟ้า ) วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:13:59:42 น.  

 
ยังแปะรูปไม่ครบ ไว้มาแปะต่อนะค่ะ


โดย: ไร้หัวใจ .. ไม่ได้ล๊อคอินค๊ะะ (ไร้หัวใจ ) วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:15:22:21 น.  

 
ขอจงทรงพระเจริญค่ะ ไว้แปะครบจะแวะมาดูใหม่นะค่ะ ขอบคุณค่ะ


โดย: เชอเบทส้ม วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:15:59:57 น.  

 
ฝนตกในใจเรา


โดย: nanus (nanus ) วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:16:01:14 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกซึ้งอ่ะ คือผมอ่านแล้วคิดลึกไปหน่อยคิดไปถึงว่า ตัวเองเกิดมาตั้ง 27 ปี ทำแต่อะไรให้แต่ตัวเองกับคนรอบข้างไม่กี่คน ได้อ่านเรื่องราวของคนทำงานเพื่อคนส่วนใหญ่แล้วรู้สึกซึ้งมาก วันๆตัวเอง คิดแต่ว่าทำไงให้มีเงินเยอะๆ จะได้ซื้อรถซื้อบ้าน แต่งงานมีลูกแล้วก็ตาย ตอนที่ได้ดูโฆษณา แรงเยอร์ที่มีลุงที่เคยเป็นตำรวจปลูกต้นไม้ 18 ปีอ่ะอึ้งเลย ชอบแววตากับคำพูดของลุง ว่าคนต้องพึ่งพาธรรมชาติ พวกป่าคอนกรีตเป็นแค่ภาพลวงตาอะไรประมาณเนี๊ยะ ดูจบแล้วรู้สึกเลยว่าทำมัยโลกและสังคมถึงได้วุ่นวาย เพราะทุกคนมัวแต่ทำแต่เรื่องของตัวเองโดยไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไง


โดย: webhero (webhero ) วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:16:05:12 น.  

 
ดีจังเลยค่ะ ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ


โดย: หัวใจสีม่วง วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:16:15:11 น.  

 
ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ

เบื่อเจงๆ พวกนักการเมืองไร้ความสามารถ ในหลวงพระองค์อายุมากแล้ว แถมยังประชวลอยู่ ยังให้พระองค์ต้องมาเหนื่อยอีก

ปล.ขออภัยที่กล่าวค่อนข้างรุนแรง


โดย: เหวียนสีเทียนจุ้น IP: 202.12.97.118 วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:16:19:10 น.  

 
ดีใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย
เกิดมาบนแผ่นดินที่มีพระองค์ท่านเป็นเจ้าของแผ่นดิน




โดย: น.ส.มารร้าย วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:16:35:24 น.  

 
อ่านไปขนลุกไป
เพลงดีจังเลย...

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


โดย: prncess วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:16:36:51 น.  

 
รักในหลวงมากเหมือนกันค่ะ


โดย: นางมารร้าย วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:16:41:52 น.  

 
ทรงพระเจริญ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ


โดย: ธูปหอมเทียนสว่าง วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:16:45:15 น.  

 
...คุณศรเมฆา...ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ ขอในหลวงจงทรงพระเจริญ...เช่นกันค่ะ

...คุณ MDA...มาอ่านด้วยกันนะค่ะ เพิ่งได้ทราบว่าเค้าทำ "ฝนหลวง" กันอย่างไรเช่นกันค่ะ

...คุณอยู่ไกลบ้าน..เช่นกันค่ะ ทรงพระเจริญ

...คุณกีวีสีฟ้า...ยินดีค่ะ มาแวะบ่อย ๆ นะจ๊ะ

...คุณเชอเบทส้ม...เสร็จเรียบร้อยแน่นอนแล้วค่ะ...มาชมใหม่หรือยังค่ะ..รออยู่นะค่ะ

...nanus...ฝนตกในใจเช่นกันค่ะ แต่ฝนที่ตกในใจครานี้ ทำให้ใจไม่หม่นหมองนะค่ะ มีแต่ความสมชื่น ชุ่มช่ำในใจมาก มากค่ะ

...webhero...ไม่เสียหายเลยค่ะที่รู้สึกเช่นนั้น รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน แถมบ่อย ๆ ด้วยค่ะ บางครั้งอ่านหนังสือบางเรื่อง ก็เป็นค่ะ พออ่านแล้วคิด พอคิดแล้วนำมาใช้กับตัวเรา เทียบกับตัวเรา บางครั้งพออ่านจบ รู้สึกว่า ความทุกข์ ความเสียใจ ฯ เป็นเรื่องเล็ก ๆ ไปเลยล่ะค่ะ

...คุณหัวใจสีม่วง...ยินดีอย่างยิ่งค่ะ

...เหวียนสีเทียนจุ้น...ท่านเป็นสิ่งที่สุดในชีวิตค่ะ ท้อแท้ก็นึกถึงท่าน นึกถึงความลำบากของท่านทำให้มีแรงฮึด ทุกทีค่ะ

...น.ส.มารร้าย..ดีใจเช่นกันที่เกิดเป็นคนไทยค่ะ

...prncess...ดีใจที่มาเยี่ยมกันนะค่ะ ตื้นตันเช่นกันค่ะ

...นางมารร้าย...รักท่านเช่นกันค่ะ

...ธูปหอมเทียนสว่าง...ดีใจที่ได้นำเรื่องราวดี ๆ มาให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ และดีใจที่ทุกคนมาอ่านและมาเยี่ยมชมค่ะ


โดย: ไร้หัวใจ...ไม่ได้ล๊อคอินค่ะ IP: 203.151.140.117 วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:18:58:09 น.  

 
ดีจังเลยค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ

อ่านแล้วดีมากๆค่ะ


โดย: รักดี วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:19:03:30 น.  

 
ขอบคุณ สำหรับเรื่องดีๆที่ทำให้ชื่นใจ


โดย: rebel วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:19:08:00 น.  

 



ข อ จ ง ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น






//ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีดีมาให้อ่านนะคะ


โดย: มัชฌิมา วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:20:04:33 น.  

 
ขอจงทรงพระเจริญ
เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ช่วยกันทำฝนหลวงนะคะ


โดย: ภูมิใจที่เป็นคนไทยได้พระบรมโพธิสมภารของในหลวง (กุหลาบหนามแหลม ) วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:20:05:59 น.  

 
อยากจะบอกว่าเข้ามาอ่าน blog ของคุณไร้หัวใจแล้ว "ขนลุก" ค่ะ เป็นอะไรที่เป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติเลยจริงๆค่ะ...ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานค่ะ....^__^


โดย: jayjayกะน้องถ้วยฟู วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:21:30:15 น.  

 
ภูมิใจและดีใจเป็นที่สุด..ที่เราเป็นคนไทย

ขอบคุณนะคะที่นำข้อความดีๆ มาบอกเล่าต่อกัน

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

_/l\\_


โดย: มะนิก วันที่: 23 มีนาคม 2548 เวลา:21:46:55 น.  

 
...คุณรักดี...สบายดีหรือเปล่าค่ะ ดีใจที่อ่านแล้วชอบนะจ๊ะ

...คุณ rebel ...ขอบใจในคำขอบคุณเช่นกันค่ะ

...คุณมัชฌิมา..มิเป็นไรด้วยความภูมิใจนำเสนอค่ะ

...คุณกุหลาบหนามเตย...ใช่ค่ะ เป็นกำลังใจอีกหนึ่งดวงสำหรับภารกิจที่ยิ่งใหญ่

...คุณjayjayกะน้องถ้วยฟู...ภูมิใจมาก ๆ เช่นกันค่ะ ทำ bg นี้ไปก็รู้สึกดีมาก ๆ ค่ะ

...คุณมะนิก...ดีใจที่เกิดบนแผ่นดินนี้ค่ะ


โดย: ไร้หัวใจ วันที่: 24 มีนาคม 2548 เวลา:7:07:27 น.  

 
ดีใจที่มีสายเลือดไทยค่ะ

และกำลังใจส่วนหนึ่งก็ยังให้กับทหารอากาศใจดีคนหนึ่งเสมอ...


โดย: แม่มดน้อย23 วันที่: 24 มีนาคม 2548 เวลา:9:10:42 น.  

 

อย่าให้ทหารอากาศขาดรักนะค่ะ วี๊ดวิ้ววววว


โดย: ไร้หัวใจ .. ไม่ได้ล๊อคอินค๊ะะ IP: 203.147.50.146 วันที่: 24 มีนาคม 2548 เวลา:11:06:47 น.  

 
คิดถึงมากมายนะคะ


ยังไงก็ตามเราไม่ลืมบ้านหลังนี้แน่นอน

แต่ตอนนี้.............

ลมไม่มีแรงแล้วคะ


โดย: สายลมที่เปลี่ยนไป วันที่: 24 มีนาคม 2548 เวลา:16:52:08 น.  

 
ยอดเยี่ยมอย่างแรงคับ

ผมก็เพิ่งรู้วิธีการทำฝนหลวงแบบจริงๆ จัง นี่แหละ ..


โดย: เด็กชายหัวหอม วันที่: 24 มีนาคม 2548 เวลา:20:30:34 น.  

 
มาดูฝนหลวงอีกรอบจ้า


โดย: กีวี่สีฟ้า วันที่: 25 มีนาคม 2548 เวลา:2:37:38 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ค่ะ
รักเมืองไทยจัง


โดย: Nessa วันที่: 25 มีนาคม 2548 เวลา:17:54:03 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ ไม่เห็นเลยสองสามวันมานี้
งานยุ่งหรือเปล่าค่ะ


โดย: อยู่ไกลบ้าน วันที่: 26 มีนาคม 2548 เวลา:9:45:06 น.  

 
แวะมาดูด้วยคนค่ะ


โดย: คนขี้เหงาคนหนึ่ง วันที่: 26 มีนาคม 2548 เวลา:14:01:06 น.  

 
งานยุ่งพอควรค่ะ ยิ่งใกล้สิ้นเดือนจะวุ่นวายบ้างค่ะ

แล้วจะรีบ อัพบล๊อคนะค่ะ


โดย: ไร้หัวใจ .. ไม่ได้ล๊อคอินค่ะ IP: 203.147.50.146 วันที่: 26 มีนาคม 2548 เวลา:15:02:47 น.  

 
แวะมาเยี่ยม
รออ่านนะ


โดย: nanus (nanus ) วันที่: 28 มีนาคม 2548 เวลา:9:20:03 น.  

 
เพิ่งทราบจริง ๆ ค่ะว่ามีเพลงมาประกอบที่บล๊อค

เพื่อนคนไหนกรุณาเอ่ย...ขอบคุณมาก ๆ นะค่ะ


โดย: ไร้หัวใจ .. ไม่ได้ล๊อคอินค๊ะะ IP: 203.147.50.146 วันที่: 28 มีนาคม 2548 เวลา:14:19:11 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณไร้หัวใจ
ขอบคุณค่ะที่แวะไปเยี่ยมที่บล็อก
จะมาบอกว่าสบายดีค่ะ
มีเหงามั่งเพราะอยู่บ้านคนเดียว

คุณไร้หัวใจสบายดีหรือเปล่าค่ะ
เห็นว่างานยุ่งๆอยู่
ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ

รู้สึกอบอุ่นค่ะเวลามีคนถามว่าสบายดีหรือเปล่า
ไม่มีคนถามตั้งหลายปีแล้วค่ะ
ขนาดที่บ้านที่เมืองไทย
ไม่เคยมีใครถามคำนี้เลย

ขอบคุณมากๆ


โดย: อยู่ไกลบ้าน IP: 210.18.17.50 วันที่: 28 มีนาคม 2548 เวลา:21:50:10 น.  

 
ประเทศไทยของเราสุดยอดที่สุดแล้ว มีพระเจ้าอยู่หัวที่แสนดี เป็นมิ่งขวัญปวงประชา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน......

โชคดีที่เกิดเป็นคนไทย.........


โดย: แม่โกลเด้นฯ วันที่: 29 มีนาคม 2548 เวลา:18:45:14 น.  

 
หนูรักในหลวง


โดย: เรารักในหลวง IP: 203.153.175.119 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:08:57 น.  

 


โดย: มัทนา IP: 117.47.78.161 วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:8:42:52 น.  

 
โครงการนี้ดีสำหรับคนทั่วประเทศ


โดย: วิว IP: 112.142.22.249 วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:14:41:34 น.  

 
หมอกขอฬห้ในหลวงทรงอญู่กับชาวไทยไปนานๆ


โดย: หมอก IP: 125.26.72.35 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:21:25:44 น.  

 
คุณครูบอกว่าให้หางานที่พ่อหลวงทรงทำ พอเปิดออกมาดูหมอกประทับใจมาเลยค่ะพ่อหลวงทรงทำงานเพื่อประชาชนขนาดนี้เเล้วคนไทยยังจะทำให้ในหลวงไม่สบายใจอีกทำไมหมอกเป็นสว่นหนึ่งที่อยากเห็นคนไทยรักกัน


โดย: หมอก IP: 125.26.72.35 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:21:37:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไร้หัวใจ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ไร้หัวใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.