แฟนฟิคชั่น : กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน (The Hero & The King)
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
2 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
กระบี่สะท้านฟ้าฯ ตอนที่ 12 แผนการของกงซุนเช่อ (1)



ความเดิมจากตอนที่แล้ว

ชีเส้าเฟย กงซุนเช่อ ลู่เสี่ยวฟงและอ้อมหมิงเจิ้งเดินทางมาถึงค่ายแม่ทัพหลินเซียง พวกเขาได้พบกับหลินชงจึงได้เสนอความคิดว่าจะช่วยหลินชงรับมือองครักษ์จั๋วอี้หังที่เดินทางมารับหลินกุเหนียงเพื่อไปงานคัดเลือกฮองเฮา

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

“จริงสิ!! ทำไมข้าลืมเรื่องนี้ไปได้นะ เดินทางมาครั้งนี้ ไทเฮาทรงรับสั่งให้พาหมอหลวงมาด้วย ยังไงท่านลองให้ท่านหมอหลวงตรวจดูอาการของน้องสาวสักหน่อยนะ” จั๋วอี้หังกล่าว
“เอ่อ.. คือ..” หลินชงตกใจมาก เขาไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้
“คุณชายหลิน ท่านมีอะไรไม่สะดวกหรือเปล่า” จั๋วอี้หังเห็นชายหนุ่มเงียบไปจึงถามขึ้น
“คือ.. เอ่อ.. อ้อ.. น้องสาวข้าป่วยเป็นโรคระบาด ข้าเกรงว่าอาจจะทำให้พวกท่านต้องติดโรคไปด้วย” ชายหนุ่มตอบตะกุกตะกัก
“มันก็จริงของท่านนะ ท่านหมอหลวงท่านจะว่าอย่างไร” จั๋วอี้หังหันไปถามความคิดเห็นจากหมอหลวง
“ถึงจะเป็นโรคติดต่อแต่ก็ไม่น่าจะติดกันง่ายดายถึงเพียงนั้น ไม่เช่นนั้นแล้วพวกท่านคงจะติดกันไปหมดแล้ว หากใส่ชุดป้องกันสักหน่อยก็ไม่น่าจะเป็นอะไร ยังไงข้าก็ยินดีจะตรวจให้ครับ” หมอหลวงกล่าว ฝ่ายจั๋วอี้หังก็พยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นสิ ให้หมอหลวงดูสักหน่อยเถอะนะ เผื่อจะมีทางช่วยรักษาได้”
“เอ่อ.. แต่ว่า..” หลินชงอ้ำอึ้ง
“คุณชายคะ อย่าลังเลอีกเลย ในเมื่อองครักษ์จั๋วและหมอหลวงมีน้ำใจเช่นนี้ ท่านก็รับน้ำใจพวกเขาไว้เถอะ เผื่อจะช่วยคุณหนูได้นะคะ” อ้อมหมิงเจิ้งที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นท่าไม่ดีจึงเดินเข้าไปช่วยหลินชงไว้
“เอ่อ.. หา.. ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้น.. งั้นก็ได้” หลินชงหันมามองหน้าอ้อมหมิงเจิ้งด้วยความสงสัย ก่อนที่นางจะทำสัญญาณให้เขารู้ว่าไม่ต้องเป็นห่วง หลินชงจึงรับปากจั๋วอี้หังแล้วพาเขาไปพบหลินกุเหนียง

ยังไม่ทันที่เท้าของหมอหลวงจะก้าวเข้าสู่ห้องนอนของหลินกุเหนียง ก็มีกลิ่นเหม็นโชยออกมาจากห้องของหญิงสาวคลุ้งไปหมด หมอหลวงเดินเกร็งๆ ค่อยๆ ก้าวเข้าไปช้าๆ เขาเห็นร่างยาวนอนอยู่ใต้ผ้าห่มหนา เหมือนนางกำลังสั่นเทาด้วยความหนาว
“คุณหนูคะ ท่านหมอหลวงมาตรวจอาการท่านค่ะ” หงเผาตะโกนเข้าไปในห้อง พอคนที่นอนอยู่ได้ยิน ก็โบกมือไล่ เหมือนไม่ต้องการให้ใครเข้ามามารบกวน
“ไม่เป็นไรนะคุณหนู ข้าตรวจดูแค่ครู่เดียวก็จะจากไปแล้ว” หมอหลวงเดินเข้าไปในห้องคนเดียว ปล่อยให้คนอื่นที่เหลือรอลุ้นอยู่ข้างนอก เขาตรวจดูอาการของหลินกุเหนียงแค่ครู่เดียว ก็เดินออกมารายงานผลให้ทุกคนทราบด้วยสีหน้าไม่สบายใจเท่าไหร่นัก
“แปลกมาก ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยพบเห็นโรคเช่นนี้มาก่อนเลย” หมอหลวงส่ายหน้า
“ชีพจรของนางสับสนมาก เต้นแรงและหนักหน่วงไม่เหมือนชีพจรสตรีทั่วไป แถมในเลือดยังมีพิษไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง ใบหน้าของนางก็มีฝีหนองพุพองเต็มไปหมด จนข้าแทบมองไม่ออกเลยว่าเป็นคุณหนูหลิน” หมอหลวงถอนหายใจอย่างหมดปัญญา ฝ่ายอ้อมหมิงเจิ้งก็เอามือปิดปากกลั้นหัวเราะไว้แทบไม่ทัน จนกระทั่งหลินชงและองครักษ์จั๋วเดินจากไปแล้ว นางจึงได้เดินเข้าไปในห้องของหลินกุเหนียง คนที่นอนป่วยอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้นมา ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่นึกเลยว่าท่านก็เล่นละครเก่งเหมือนกันนะ” หญิงสาวพูดไปหัวเราะไป แล้วมานั่งลงบนเตียง
“สนุกมากใช่ไหม ตอนนี้ข้าป่วยอยู่นะ ยังจะมาแกล้งกันอีก ดูซิ ให้ใส่ชุดอะไรเนี้ย นี่ถ้าหัวหน้าใหญ่ไม่ขอร้อง ให้ตายข้าก็ไม่ใส่หรอก” ลู่เสี่ยวฟงบ่นพรางแกะของเหลวที่ติดอยู่บนใบหน้าของตนออก
“นี่อย่าเพิ่งเอาออกเลย ข้าว่าไว้แบบนั้นตลกดีออก” หงเผายิ้ม
“ใช่สิ เจ้าไม่ได้มาใส่เองนี่ คราวหลังจะเสนอตัวช่วยใคร ก็อย่าให้มาเดือดร้อนถึงข้าจะได้ไหม” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงขุ่น
“นี่เป็นไรไป ปรกติเจ้าชอบเล่นอะไรสนุกๆ แบบนี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมแค่นี้ต้องอารมณ์เสียด้วย”
“ก็ใครจะไปอารมณ์ดีเหมือนเจ้าเล่า ตั้งแต่มาถึงค่ายแม่ทัพหลินก็ดูมีความสุขซะเหลือเกิน ไปๆ เจ้ารีบออกไปดูคุณชายหลินของเจ้าเถอะไป ข้าจะเป็นตายยังไง ไม่ต้องมาสนใจหรอก” หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็โกรธ ทำไมคุณชายลู่ต้องพูดจาถากถางน้ำใจนางเช่นนี้ด้วย ชีวิตของนาง รักพี่น้องในค่ายมากที่สุด จะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเขาได้อย่างไร
“ตามใจ ตายไปเลยก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้ไม่ต้องห่วงอีก” หงเผาพูดจบก็เดินหุนหันออกไป จังหวะเดียวกันนั้นกงซุนเช่อก็เดินเข้ามาพอดี ทำให้ชนกับหงเผาเข้าอย่างจัง
“น้องสามระวังหน่อยสิ เจ้าจะรีบเดินไปไหน ยาข้าหกหมดแล้วเห็นไหม” กงซุนเช่อที่เดินถือถาดเข้ามาร้องโวยวาย
“ดี หกให้หมดเลย จะได้ไม่ต้องกิน” พูดจบหงเผาก็เดินสะบัดหน้าออกไป ปล่อยให้กงซุนเช่อยืนงงอยู่ตรงนั้น
“นี่ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ” ชีเส้าเฟยเดินตามเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดีจึงถามขึ้น เมื่อไม่มีคำตอบใดๆ เขาก็เลยเดินเข้าไปหาลู่เสี่ยวฟง
“คุณชายลู่ งานนี้เจ้าต้องขอบใจหงเผาเขารู้ไหม” ชีเส้าเฟยกล่าว
“จริงด้วยน้องสี่ ไม่อย่างนั้นองครักษ์พวกนั้นป่านนี้ก็ยังไม่ไปหรอก” กงซุนเช่อกล่าวเสริม พรางปิดประตูแล้วก็เดินมาที่เตียงของลู่เสี่ยวฟง
“เจ้ารู้หรือเปล่าว่าหงเผาเขาช่วยเหลือพี่หลินชงในครั้งนี้เพื่อแลกกับอะไร” ชีเส้าเฟยตั้งคำถาม พรางนั่งลงข้างๆ ลู่เสี่ยวฟง
“ข้าจะไปรู้เหรอ นางอยากเป็นฮูหยินหลินมั๊ง” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก ฝ่ายกงซุนเช่อได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะแล้วหันมามองหน้าชีเส้าเฟย
“เจ้าผิดแล้ว นางแลกกับยาถอนพิษถ้วยนี้ต่างหาก” กงซุนเช่อกล่าว
“นี่คือยาถอนพิษที่ใช้ทางการทหารไง” กงซุนเช่ออธิบายสรรพคุณแล้วก็ส่งถ้วยยาที่ตอนนี้เหลือเพียงครึ่งแก้วให้ลู่เสี่ยวฟง ชายหนุ่มรับมาไว้ในมือ เขาคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ดื่มเข้าไปจนหมดแก้ว
“เจ้ารู้นะว่าต้องทำอย่างไร” ชีเส้าเฟยตบบ่าของลู่เสี่ยวฟงเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“น้องสี่ เจ้าพักผ่อนมากๆ หล่ะ ไม่เกินสองชั่วยาม คิดว่าพิษในร่างเจ้าคงสลายไปหมด แล้วค่อยให้หัวหน้าใหญ่มาเดินลมปราณให้อีกที” กงซุนเช่อพูดจบก็ปิดประตูห้อง แล้วเดินตามชีเส้าเฟยออกไป ตอนนี้จึงเหลือเพียงลู่เสี่ยวฟงนั่งเงียบอยู่คนเดียว
“อะไรกัน.. พูดแค่นี้ก็ต้องงอนด้วย..”
“ผู้หญิงนะผู้หญิง ยังไงก็เป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ”
“หายแล้ว จะแกล้งให้เข็ดเลย” ลู่เสี่ยวฟงบ่นพรึมพรำ ก่อนที่จะเอ็นตัวลงนอน แล้วหลับไปเพราะฤทธิ์ยา

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

เช้าวันต่อมา ณ ตำหนักไทเฮา

“ฮ่องเต้เสด็จแล้ว” เสียงทหารองครักษ์กล่าวนำทางก่อนที่คังซื่อจะเดินมาถึงหน้าห้องบรรทมของผู้เป็นมารดา
“ซือมาลากู เสด็จแม่ไปไหนงั้นเหรอ” เมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง ไม่พบกับผู้เป็นมารดาก็ถามหา
“ไทเฮาทรงเสร็จออกไปไหว้พระที่นอกตำหนัก เพื่อขอพรให้ฝ่าบาทเรื่องงานแต่งตั้งฮองเฮาไงเพคะ”
“ไม่ต้องขงไม่ต้องขอแล้ว เจ้าดูนี่สิ นี่คือพิราบสื่อสารที่ทางค่ายแม่ทัพหลินส่งมา” ชายหนุ่มกล่าวอย่างตื่นเต้นพร้อมกับส่งกระดาษให้หญิงสาวดู
“ตายจริง ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้หล่ะเพคะฝ่าบาท”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ไชโย!! ในที่สุดก็ไม่ต้องแต่งงานแล้ว” ฮ่องเต้ชูกระดาษขึ้นสูงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เอฝ่าบาท แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ ต่อให้ลูกสาวแม่ทัพหลินป่วยจริง งานแต่งตั้งยังไงก็ต้องจัดอยู่ดีแหละเพคะ”
“เจ้าจะไปรู้อะไร ก็เสด็จแม่หน่ะโปรดลูกสาวแม่ทัพหลินมากที่สุด ตอนนี้นางป่วย ยังไงเสด็จแม่ต้องยอมเลื่อนพิธีออกไปแน่ๆ” ชายหนุ่มพูดไปยิ้มไป
“เอ๊ะเดี๋ยวก่อน กระดาษนี่ของจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ ยังไงเรารอองครักษ์จั๋วกลับมาก่อน แล้วค่อยว่ากันดีไหมเพคะ”
“เจ้าอยากรอก็รอไปเถอะ งั้นข้าขอตัวไปฉลองก่อนนะ” พูดจบแล้วคังซื่อก็เดินออกไปนอกตำหนักคว้ามือองครักษ์เหอที่ยืนรออยู่หน้าห้องไปด้วย
“ฝ่าบาทจะไปไหนพะยะค่ะ” องครักษ์เหอทำหน้าดุใส่เขา
“เดี๋ยวก็รู้เองหล่ะหน่า” คังซื่อไม่ได้สนใจสีหน้าขององครักษ์เหอเลย ว่าแล้วก็ลากเขาออกไปอย่างรวดเร็ว

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

เช้ามืดของวันที่สิบ ณ ร้านเหล้าฉีถิง

ซุนเส่เยี่ยนอนพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ ในที่สุดนางก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอน วันนี้แล้วสินะ ที่นางจะได้พบกับชีเส้าเฟยตามสัญญาของเขา เมื่อไหร่ถึงจะเช้าสักที เมื่อไหร่พระอาทิตย์จะขึ้น นางแทบจะอดใจรอไม่ได้แล้ว หรือบางทีพระอาทิตย์อาจจะขึ้นไปแล้ว แต่เพราะนางมองไม่เห็นก็เป็นได้ นักพรตจิวเองก็หายไปหลายวันแล้ว เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเขาและชีเส้าเฟย

เพื่อหยุดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินลงมาด้านล่าง หมายจะถามเวลากับคนที่อยู่แถวนั้น ระหว่างทางที่นางเดินลงมา มีชายวัยกลางคนๆ หนึ่งกำลังเมาเต็มที่ เขาเดินสวนกับนางพอดี จึงพูดจาแทะโลมนาง
“ไงน้องสาว ดึกดื่นค่ำคืนอย่างนี้จะไปไหนจ๊ะ" ชายวัยกลางคนไม่พูดเปล่าพรางเอามือของเขาลูบไปที่ใบหน้าของหญิงสาว
“ปล่อยนะ..” เส่เยี่ยผลักชายผู้นั้นออกไป ฝ่ายชายแปลกหน้าก็ไม่ยอมลดละ เขาพยายามเอามือมาโอบกอดหญิงสาวไว้ ทำให้นางดิ้นอย่างสุดแรงจนพลัดตกบันไดลงมา “ปัง”
“โอ๊ย” หญิงสาวร้องด้วยความเจ็บปวด นางเอามือกุมที่ขาของตัวเอง โชคดีที่บันไดไม่สูงมากนัก เส่เยี่ยจึงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินกระโผกกระเผกหนีต่อไป ฝ่ายชายผู้นั้นก็ยังคงตามนางมาอยู่ แต่เป็นเพราะเขาเมามาก ทำให้ไล่ตามเส่เยี่ยไม่ทัน เขาจึงตะโกนส่งเสียงขู่ให้นางกลัว และก็ได้ผล เส่เยี่ยกลัวมาก ตอนนี้นางมองอะไรไม่เห็นเลย รู้แต่ว่าต้องหนีๆ ไปให้ได้ไกลที่สุด หญิงสาวค่อยๆ คลำทาง ล้มลุกคลุกคลานแล้วก็มาสะดุดเข้ากับคานประตูหน้าร้าน ทำให้ถลาเข้าไปชนกับกลุ่มคนที่เดินอยู่ด้านนอก
“เพล้งงงงงงง” เสียงแก้วแตกกระทบพื้น
“อุ๊ยตายยยย ว๊ายยยยย กรี๊ดดดดด นังเด็กบ้า ทำไมเดินไม่ระวังเลย” หญิงสาววัยกลางคนผลักเส่เยี่ยจนกระเด็นล้มลงไป แล้วนางก็ก้มลงเก็บเศษแก้วอย่างลนลาน พอเห็นว่าเศษแก้วเหล่านั้นแตกละเอียดจนไม่สามารถประกอบได้อีก นางจึงตาเขียวหันไปเอาเรื่องกับเส่เยี่ย
“นังเด็กบ้า ฉันจะฆ่าแก บังอาจทำอ่างแก้วมังกรสมัยราชวงศ์ถังของฉันแตก” ไม่พูดเปล่าหญิงวัยกลางคนลงมือตบตีเส่เยี่ยทันที
“เจ๊ๆ อะไรกันใจเย็นๆ ก่อนสิคะ” หญิงสาวชุดม่วงหน้าตาสะสวยที่เดินทางมาด้วยรีบวิ่งเข้าไปห้าม
“ก็นังบ้านี่นะสิ ทำอ่างแก้วของฉันแตกหมดแล้ว โฮ...” หญิงสาวร้องโอดครวญด้วยความเสียดายแล้วทำท่าจะเป็นลมล้มลงไป
“โธ่เจ๊ เงินทองของนอกกาย หาอีกเมื่อไหร่ก็ได้” หญิงสาวชุดส้มอีกคนที่มาด้วยก็เข้ามาช่วยกันปลอบใจหญิงวัยกลางคน
“นี่ นังหน้าจืด แก ชดใช้มาซะดีๆ ไม่งั้นแม่จะตบให้เสียโฉมเลย” หญิงสาวชุดแดงอีกคนที่มาทีหลังรู้สึกคันไม้คันมือจึงเดินเข้าไปหาเรื่องกับเส่เยี่ย
“พี่สาวทั้งหลาย ข้าขอโทษนะคะ คือข้ามองไม่เห็น ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ข้าไม่มีเงินหรอก พวกท่านรอจนท่านลุงของข้ามาก่อนได้ไหม รับรองข้าจะต้องชดใช้ให้แน่ๆ” เส่เยี่ยที่นั่งอยู่พูดขอร้องอย่างน่าสงสาร หญิงสาวคนอื่นก็ทำท่าเห็นใจนาง แต่หญิงสาวชุดแดงทำท่าไม่ยอม
“ต๊ายอะไรกัน นี่กล้ายกพวกมาขู่พวกเรางั้นเหรอ รู้มั๊ยว่าพวกฉันเป็นใคร แม้แต่นายอำเภอยังต้องเกรงใจ แบบนี้มันต้องตบสั่งสอน” ว่าแล้วหญิงชุดแดงก็เข้าไปคว้าตัวเส่เยี่ยขึ้นมาพร้อมกับง้างมือจะตบนาง
“ควับ” หญิงสาวชุดม่วงรีบเข้ามาห้าม นางคว้ามือของหญิงสาวชุดแดงไว้ได้ทัน
“นี่เอี้ยนเอ๋อเจ้าอย่าป่าเถื่อนให้มากนักเลย” หญิงสาวในชุดม่วงกล่าว
“แล้วจะเอายังไง เจ้าจะชดใช้แทนนางหรือไง เหอะ” หญิงสาวชุดแดงทำสีหน้าเย้ยหยัน แล้วก็หันไปฟ้องหญิงวัยกลางคนที่ยืนโศกเศร้าอยู่
“เจ๊.. อย่าบอกนะว่าจะปล่อยมันไปเฉยๆ หน่ะ” หญิงชุดแดงไม่พูดเปล่า นางก้มลงเก็บเศษแก้วที่แตกขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วชูมันไปมาอย่างลอยหน้าลอยตา ฝ่ายหญิงวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็เกิดโมโหขึ้นมาอีก นางทำท่าจะเข้าไปทำร้ายเส่เยี่ย
“แก!!! เอาอ่างแก้วฉันคืนมานะ” หญิงสาวคนอื่นๆ รีบเข้าไปช่วยกันห้าม
“ข้าขอโทษจริงๆ นะคะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ แต่ข้าไม่มีเงินให้พวกท่านหรอก” เส่เยี่ยสั่นและเดินถอยหล่นไปด้วยความตกใจ
"อืมหน้าตาสะสวยดี จับแต่งซักหน่อยคงใช้ได้" หญิงสาวชุดแดงเอามือเชยคางของเส่เยี่ยขึ้น พอคิดอะไรออกก็รีบเดินไปกระซิบข้างหูหญิงวัยกลางคนทันที
“ดี ไม่มีเงินใช้ใช่ไหม ถ้างั้น.. เด็กๆ จับตัวมันไป ไม่มีเงินใช้ ก็ต้องทำงานใช้” หญิงวัยกลางคนสั่ง จากนั้นชายหนุ่มร่างกำยำที่ติดตามมาด้วยก็เข้าไปจับตัวเส่เยี่ย นางได้แต่ร้องให้คนช่วย แต่ตอนนั้นยังไม่สว่างดีนัก จึงไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของนาง

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ณ ค่ายแม่ทัพหลินเซียง

“ปัง!!!” เสียงแม่ทัพหลินเซียงตบโต๊ะด้วยความไม่พอใจแล้วเขาก็เซล้มลงไปกับเก้าอี้ พอทหารจะเข้าไปช่วยประคอง เขาก็ห้ามเอาไว้
“ลูกชงนี่เจ้ารู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป เท็จทูลเบื้องสูงหน่ะ โทษถึงประหารเจ็ดชั่วโคตรเลยนะ” เมื่อถูกผู้เป็นบิดาตำหนิ หลินชงก็คุกเข่าลง ก้มหน้าก้มตายอมรับโทษ
“ท่านแม่ทัพ เรื่องนี้ข้าเป็นต้นคิดเองทั้งหมด ข้าจะรับผิดชอบเอง” ชีเส้าเฟยกล่าวว่าแล้วเขาก็คุกเข่าลงข้างๆ หลินชง ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันอย่างรู้ใจ แม้ไม่ได้เจอกันมานาน แต่พวกเขาก็รักกันเหมือนดั่งพี่น้องแท้ๆ
“ชีเส้าเฟย เจ้ากับค่ายเหลียนอิ๋นตอนนี้ยังเอาตัวไม่รอดเลย แล้วเจ้าจะเอาหน้าที่ไหนมาแบกรับความผิดแทนตระกูลข้า” แม่ทัพหลินเซียงดุเขาเสียงดัง ไม่ต่างกับตอนที่เขาเป็นเด็กเลย
“ข้า...”
“ในเมื่อข้าขับไล่เจ้าออกไปแล้ว เจ้าก็ไม่น่าจะกลับมาอีกเลย การกลับมาของเจ้ากลับสร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลของข้าอีก” แม่ทัพหลินพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ คำพูดของเขาทำให้ชีเส้าเฟยเจ็บลึกไปถึงขั้วหัวใจ เพราะในใจของเขาเคารพแม่ทัพหลินเซียงเหมือนบิดาแท้ๆ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ พวกเราเสี่ยงชีวิตช่วยท่านไว้แท้ๆ แต่กลับมาด่ากันแบบนี้ แม่ทัพหลินเซียง ท่านคิดดูให้ดีๆ สิ ในเมื่อลูกสาวของท่านหนีการแต่งงานไป ต่อให้พวกเราไม่โกหก โทษของพวกท่านก็ถึงตายอยู่แล้ว นี่พวกเราช่วยท่านไว้ นอกจากท่านจะไม่ขอบคุณแล้ว ยังมากล่าวหากันแบบนี้อีก ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ เลย” อ้อมหมิงเจิ้งหมดความอดทนจึงระเบิดคำพูดออกมาเป็นชุด
“หงเผา!!! เจ้าห้ามเสียมารยาทต่อหน้าท่านแม่ทัพนะ” ชีเส้าเฟยหันไปดุอ้อมหมิงเจิ้ง ทำให้นางชักสีหน้าไม่พอใจ เพราะอะไรกันหัวหน้าใหญ่ถึงต้องเกรงใจแม่ทัพหลินเซียงมากขนาดนี้
“ดี เจ้าพูดได้ถูก งั้นแม่นางคนฉลาด ไหนเจ้าลองตอบข้ามาหน่อยสิว่า เรื่องคุณชายอ๋าวเทียนลี่ เจ้าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร พวกเจ้าจับตัวเขาไว้ ตอนนี้อ๋าวไป้คงกำลังเดินทางมาที่นี่แล้ว แล้วข้าจะตอบคำถามนี้กับทางราชสำนักได้อย่างไร เจ้าว่ามาซิ” คำถามของแม่ทัพหลินเซียงถึงกับทำให้หงเผาอึ้งไป นางลืมไปเสียสนิทเลยว่านางได้พาตัวอ๋าวเทียนลี่มาด้วย แบบนี้ถ้าปล่อยตัวเขาไป ค่ายแม่ทัพหลินเซียงคงไม่พ้นข้อหากล่าวหา ว่าให้การช่วยเหลือคนร้าย อ๋าวเทียนลี่ต้องกลับมาเล่นงานทุกคนแน่
“น้องสาม เรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมเจ้าถึงลืมนึกไปได้นะ” กงซุนเช่อกระซิบกับนางเบาๆ
“ก็ตอนนั้นมันฉุกละหุกข้าเลยลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป” หงเผาตอบด้วยสีหน้ามีกังวล
“ลูกชงเจ้าเห็นหรือยัง ว่าการทำอะไรไม่ปรึกษาพ่อ มันทำให้พวกเราเดือดร้อนแค่ไหน” หลินเซียงหันไปตำหนิลูกชาย
“ท่านพ่อ ลูกสำนึกผิดแล้ว ลูกยินดีรับโทษทุกอย่าง ท่านพ่ออย่าไปตำหนิแม่นางอ้อมหมิงเจิ้งเลย”
“ตอนนี้พ่อไม่ต้องการตัวคนผิด แต่พ่อต้องการวิธีแก้ไข เอาหล่ะไหนพวกเจ้าเก่งกันนัก ลองบอกสิว่า เรื่องนี้จะจัดการยังไง” หลินเซียงมองไปที่หลินชง ชีเส้าเฟย และกงซุนเช่อ ที่ตอนนี้ต่างก็ก้มหน้าก้มตานิ่งเงียบกันไปหมด มีแต่หงเผาคนเดียวที่ทำท่าเหมือนจะคิดอะไรออก
“ที่จริง ข้าก็พอมีวิธีไม่ให้พวกข้าต้องเดือดร้อน และค่ายแม่ทัพหลินก็จะไม่เดือดร้อนด้วย แต่ข้ารู้ว่าท่านต้องไม่ยอมแน่” หงเผาเดินก้าวเข้ามาพูดกับแม่ทัพหลินเซียงอย่างท้าทาย
“หากเจ้ามีวิธีดีเช่นนี้จริง ทำไมข้าจะต้องไม่ยอมด้วยเล่า ไหนเจ้าลองบอกวิธีของเจ้ามาซิ” แม่ทัพหลินเซียงทำหน้าสงสัย
“ฆ่ามันซะ” หงเผาตอบน้ำเสียงเรียบ
“แค่นี้ก็จะไม่มีใครรู้แล้วว่าค่ายของท่านให้การช่วยเหลือพวกเรา”
“หา...” คนในห้องต่างพากันร้องออกมาด้วยความตกใจ บางคนก็เริ่มจะคล้อยตามกับความคิดของอ้อมหมิงเจิ้ง
“ไม่ได้!!!” แม่ทัพหลินเซียงค้านเสียงดัง
“แม้ว่าอ๋าวเทียนลี่จะไม่ใช่คนดิบดีอะไร แต่โทษของเขาก็ไม่ถึงตาย”
“ข้าก็นึกอยู่แล้ว ว่าท่านต้องไม่กล้า ถือว่า.. ข้าไม่เคยพูดเรื่องนี้ก็แล้วกัน” หงเผากล่าวแล้วก็เดินกลับไปยืนข้างๆ กงซุนเช่อ คราวนี้เป็นกงซุนเช่อที่ทำท่าเหมือนจะคิดอะไรออก
“ท่านกงซุน ได้ยินชื่อเสียงของท่านมานาน ไม่ทราบว่าท่านมีความเห็นอะไรกับเรื่องนี้หรือเปล่า” แม่ทัพหลินเซียงสังเกตเห็นอาการผิดปกติของกงซุนเช่อจึงเดินเข้าไปหาเขา
“ออ ปะ เปล่า ไม่มีนี่ เรื่องนี้ข้าเองก็จนปัญญาเหมือนกัน” กงซุนเช่อพูดจบก็พยายามไม่สบตาใคร ชีเส้าเฟยอยู่กับเขามานานจึงมองออกว่า กงซุนเช่อต้องคิดแผนการอะไรออกแน่ๆ เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากจะเสนอออกมาเท่านั้นเอง
“พี่รอง ตอนนี้พวกเรากำลังลำบาก ต่อให้ท่านไม่ช่วย ไม่ช้าทางการก็ต้องยกคนมากำจัดค่ายเราอยู่ดี ข้าเพียงแต่ไม่อยากให้ท่านแม่ทัพต้องเดือดร้อนไปด้วย ถ้าท่านมีวิธีอะไรก็ช่วยบอกมาเถอะ” ชีเส้าเฟยหันไปขอร้องกงซุนเช่อ
“หัวหน้าใหญ่ท่านอย่าบีบบังคับข้าเลย” กงซุนเช่อหันหน้าหนี
“พี่รอง ถือว่าข้าขอร้องหล่ะนะ” ชีเส้าเฟยพยายามกดดันเขาต่อไป
“โธ่.. หัวหน้าใหญ่.. ท่าน..” กงซุนเช่อถอนหายใจยาว...




Create Date : 02 มกราคม 2552
Last Update : 19 มีนาคม 2560 0:34:36 น. 0 comments
Counter : 352 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

realtomtam
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add realtomtam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.