ค่าย....หนทางที่เดินผ่าน(ตอนจบ)
ครูฝึกเกษมเล่าให้พวกเรา 123 ชีวิตฟังว่า รุ่นก่อนๆโหดมาก นอนตี 2 ตื่นตี 5 แถมตาย 3 เจ็บ 1 หลายคนโดยเฉพาะป้า ๆ กลืนน้ำลายไม่ลง เหมือนมีก้อนขวางที่คอ แล้วตูจะรอดไหมเนี่ย ฉันนั่งอมยิ้มเหมือนรู้ทัน เอ!มุขนี้ถ้าซื้อคงแพงน่าดู จนตอนหลังมาเฉลยที่ตาย 3 เจ็บ 1 คือไก่ที่แม่ครัวฆ่ามาทำอาหาร 3 ตัวอีก 1 ตัวหนีไปได้แต่โดนหนังสติ๊กก็เลยเจ็บตัวฟรี บรรดาป้าๆก็โล่งใจกันเป็นแถวกิจกรรม Walk rally ในภาคบ่ายสนุกดี คล้ายกับโดนรับน้อง แต่ง่ายและสบายกว่ากันเยอะ ต่างกันอย่างตรงที่รับน้องไม่มีการบอกเหตุผลว่าทำไม ให้ทำแบบนี้ คุณโตแล้วคิดเอง...ขณะที่เป็นคนถูกกระทำก็คิดได้อย่างเดียวว่าไร้สาระ จนเมื่อตนเองเป็นรุ่นพี่บ้าง....จึงเข้าใจการฝึกอบรมครั้งนี้เป็นการฝึกอบรมที่ไม่มีอายุ ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีวีมาเกี่ยวข้อง ทุกคนอายุเท่ากันคือ 15 ปี ทุกคนมีฐานะเป็นแค่ผู้เข้ารับการอบรมเท่านั้นตกเย็นฉันถูกครูฝึกเลือกมาเป็นนางรำ ...หลายคนตกใจ เหรอ อือ !!!! ก็ครูฝึกเล่นเลือกกองละ 3 คน บังเอิ้ญกอง 2 ของฉันมีแต่คนตัวเล็ก สโนไวท์สูงยาวเข่าดีอย่างฉันเลยถูกเลือกไปโดยปริยายอดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก เป็นคำพูดที่ครูฝึกให้พวกเราท่องก่อนทานข้าว ส่วน /// สามัคคี /// มีอุดมการณ์ /// สรรสร้างมวลชน เฮ้! เป็นสูตรปรบมือของชาวสาธารณสุขเชียงใหม่คืนนี้พวกเรานอนกันเที่ยงคืนครึ่ง บางคนไปทานข้าวต้มที่โรงอาหาร ตอนหลังต่างชมว่า ข้าวต้มรอบดึกมื้อนี้อร่อยกว่ามื้อก่อนๆในค่ายซะอีกวันที่ 2 ของการบรม เราถกปลุกตั้งแต่ตี 5 ด้วยเสียงแตรที่ดังทั่วค่าย หมาที่หลับอยู่ก็ตื่นมาหอน พอเสียงเพลงหยุดจึงหยุดหอนแล้วหลับต่อครูฝึกพาพวกเราวิ่งและออกกำลังการหลายท่าทาง แต่ละท่า ก็ตัดกำลังกล้ามเนื้อทุกมัดของร่างกาย เด็กๆไม่เท่าไหร่ สงสารแต่พี่ป้า น้า อา พูดถึงเรื่องนี้ก็ให้คิดถึงหนังโฆษณา ครีมทาแก้ปวดเมื่อยยี่ห้อหนึ่ง..งนักท่องเที่ยวคนไทยไปเที่ยวกำแพงเมืองจีน เกิดปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ ไกด์ที่แสดงโดย อ.วิโรจน์ ตั้งวานิชย์ ก็ชี้มือไป...พอไปถึงทุกคนก็เมื่อยขาไปหมด...แถมยังพบว่าส้วมน่ะเป็นส้วมซึม...ไอ้หยา ไม่อยากเล่าต่อ...ภาคเช้าจะเป็นการเข้าฐานวิชาการ งานใครงานมัน ภาคบ่ายเป็นกิจกรรม 5 ส ต่อด้วยการโดดหอสูง มีชื่อจริงเรียกว่าการกระโดดร่มภาคพื้นดิน ผู้หญิงโดดก่อน ก่อนโดดต้องแต่ตัวเอาชุดร่มมาใส่ให้รัดกุม ไม่หลวม จากนั้นเดินขึ้นไปบนหอ รอโดด..งตอนท้ายแพทย์ใหญ่ คนขับรถ รวมทั้งเลขาฯ ก็โดดด้วยเรื่องโดด...สมัยเรียนก็โดดบ่อย โดด Lecture ประจำ สมุดจดก็โดดไปโดดมา ไม่ต่อเนื่องสักทีฉันไม่ชอบที่สูง ฉันจึงพอใจที่จะอยู่ติดดิน ถึงแม้ฉันจะชอบท่องไปบนภูสูง กระนั้นฉันก็ยังอุ่นใจที่ได้อยู่ติดดินพิธีเปิดผ่านไปอย่างรวบรัด กิจกรรมอำลาครูฝึกก็ผ่านไปอย่างเศร้า เศร้า ความรู้สึกใจหายเกิดขึ้นกับบรรดาครูฝึกและผู้เข้าอบรม ความอ้างว้างกำลังเข้ามาแทนที่ คนเราถ้าได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเอง ก็จะไม่ลำบากใจเมื่อไม่มีใครๆอยู่รอบข้าง หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับ พอฉันเห็น พนักงานขับรถ-คุณสมพงษ์ แล้วฉันดีใจ น้ำตาแทบไหล รู้สึกคิดถึงดอยเต่าอย่างจับใจ ไม่นึกว่าเวลาแค่ 2 วัน จะดูเนิ่นนานขนาดนี้เหมือนจากมาเป็นอาทิตย์อย่างไรก็ตาม...บนหนทางที่ผ่านมา ค่ายแต่ละค่าย อาจแตกต่างกันไป แต่ค่ายก็ได้ให้อะไรมากมายแก่ฉันเสมอ......ความอดทนอดกลั้น ต่อความเหนื่อย ความยากลำบาก การรักษาระเบียบวินัยเมื่ออยู่กับคนหมู่มาก ความสามัคคี รักใคร่ปรองดอง การทำงานร่วมกับผู้อื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา การประสานงาน การติดต่อสื่อสารในโอกาสต่างๆ ความรับผิดชอบ เหล่านี้ค่อยๆถูกหล่อหลอมรวมกันในมโนสำนึกของฉัน และฉันคิดว่าเหล่านี้จะได้มากน้อย อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน...แค่ในที่สุดของที่สุด...ไม่ว่าค่ายไหน...มันทำให้ฉันรู้จักผู้คนมากมาย...บนหนทางที่เดินผ่าน ผู้คนเหล่านี้มีความหมาย...หลายคนยังเดินไปด้วยกันต่อ...บางครั้งเหนื่อยก็นั่งพัก หายเหนื่อยก็เดินต่อ...บางครั้งเจอทางแยก หลายคนแยกทาง.....แยกเข้า..แยกเข้า..บางทีก็เดินมาเจอกันอีก....ดวงตะวันลับขอบฟ้าไป...ไม่นานก็จะกลับมาส่องแสง.......หนทางข้างหน้า ไม่มีวันร้างราผู้คน.....