ศาสนา เป็นองค์คุณอันสำคัญ
โดยช่วยให้ชีวิตนี้ มีความสดชื่น เยือกเย็น พอที่จะเป็นอยู่ ไม่ร้อนเป็นไฟ
เช่นเดียวกับน้ำ เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง พฤกษาชาติ ให้สดชื่น งอกงาม ตลอดเวลา ฉันใดฉันนั้น

มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ที่ ๓ "ทานกัณฑ์"



มหาเวสสันดรชาดก ทานกัณฑ์ กัณฑ์ที่ ๓
ที่มา : คัมภีร์ขุททกนิกาย มหานิบาตชาดก ตอนทศชาติ
--------------------------------------------------------------------------------

สํ ลาลปิตํ สุตฺวา ปุตฺตสฺส สุณิสาย จ กลูนํ ปริเทเวสิ ราชปุตฺตึ ยสสฺสินี เสยฺโย วิสํ เม ขายิตํ ปปาตา ปปเตยฺยาหํ รชฺชุยา พชฺฌมิยฺยาติ กสฺมา เวสฺสนฺตรํ ปุตฺตนฺติ



ณ บัดนี้ อาตมภาพจักแสดงเรื่องพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ขัตติยราช ในคัมภีร์ขุททกนิกาย มหานิบาตชาดก กัณฑ์ที่ ๓ ว่าด้วยเรื่องพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ อันมีนามว่าทานกัณฑ์ สืบต่อไป เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้สดับเรื่องพระเวสสันดรทรงบริจาคทาน ในการเสด็จออกจากพระนครสู่ป่าหิมพานต์โดยสมควรแก่เวลา

ดำเนินความว่า เมื่อสมเด็จพระนางผุสดีได้ทรงสดับสารคดีว่า พระมิ่งโมลีนฤเบศเวสสันดรจะถูกขับจากพระนครดังนั้น พระนางเธอจึงทรงพระดำริว่า บัดนี้ลูกของเราจะทำอย่างไรหนอ เราควรจะไปเยี่ยมเยียนดูให้รู้แน่ ครั้นทรงพระดำริดังนี้แล้ว จึงเสด็จด้วยพระราชอุทยานอันปกปิด ออกจากพระราชวังของพระนางเจ้าไปจรกระทั่งถึงพระราชวังของพระเวสสันดรราชโอรส จึงทรงโปรดให้หยุดพระราชอุทยานแล้วเสด็จขึ้นไปประทับยืนใกล้ห้องที่บรรทม

ได้ทรงสดับคำพร่ำสนทนาของพระราชโอรสและพระสุณิสา พระนางเธอจึงทรงปริเทวนาการละห้อยไห้ ฯ เพระฉะนั้น เมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาจารย์จะทรงประกาศซึ่งเนื้อความอันนั้น จึงได้ทรงประพันธ์คาถาดังที่ได้สาธกยกขึ้นไว้ในเบื้องต้นนั้น แล้วแปลความในประพันธ์คาถานั้นว่า ครั้นสมเด็จพระนางผุสดีผู้เป็นพระราชบุตรีพระเจ้ามัททราชผู้มียศ ได้ทรงสดับถ้อยคำที่พระราชโอรสและพระสุณิสาพร่ำสนทนากัน พระนางเธอทรงคร่ำครวญละห้อยไห้ว่า

เราจะกินยาพิษให้ตายเสียดีกว่ามิฉะนั้นเราจะกระโดดเหวให้ตายเสียเป็นการดี หรือมิฉะนั้นเราควรจะผูกคอให้ตายเสียดีกว่าอยู่ เหตุไรพวกชาวสีพีจึงขับไล่เวสสันดรผู้ไม่มีความผิด ผู้เป็นนักปราชญ์ ผู้เป็นทานบดี ผู้เป็นที่เคารพนับถือของกษัตริย์ทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติมาดาบิดา ทั้งยำเกรงผู้เฒ่าผู้แก่ในราชตระกูล ผู้ทำประโยชน์ให้แก่กษัตริย์ทั้งหลายตลอดถึงญาติและมิตรสหายบ้านเมืองเช่นนี้

ครั้นทรงคร่ำครวญอย่างนี้แล้ว จึงทรงปลอบพระราชโอรสและพระสุนิสาศรีสะใภ้ เสร็จแล้วจึงเสด็จไปเฝ้าพระเจ้ากรุงสญชัย กราบทูลขึ้นว่า ข้าแต่สมมุติเทวราชเจ้า เมื่อพวกชาวสีพีขับไล่พระราชโอรสผู้ไม่มีความผิดให้ไปเสียจากบ้านเมืองแล้ว บ้านเมืองของพระองค์ก็จะเป็นเหมือนรังผึ้งอันไม่มีแม่หวงแหน จักเป็นเหมือนมะม่วงที่ร่วงหล่นลงบนดิน ส่วนพระองค์เล่าเมื่อพวกอำมาตย์พากันทิ้งแล้วก็จักต้องทรงลำบากอยู่แต่พระองค์เดียว เหมือนกับพญาหงส์ปีกหักอันจมอยู่ในปลักฉะนั้น เพราะฉะนั้น ขอพระองค์อย่าให้ประโยชน์ล่วงไปเสียเปล่า คือ อย่าทรงขับเจ้าเวสสันดรตามคำของชาวสีพีเลยพระเจ้าข้า

พระเจ้ากรุงสญชัยผู้พระราชสามีจึงตรัสตอบพระเสาวนีย์ว่า เราเป็นผู้เคารพต่อราชธรรมประเพณี จะขับไล่พระราชโอรสผู้เป็นธงชัยแห่งชาวสีพีเสีย ถึงแม้ว่าพระราชโอรสจะปรากฏเป็นที่รักยิ่งชีวิตของเราก็ตาม ที่เราจำเป็นต้องขับไล่ด้วยความเคารพในราชธรรมประเพณี

พระนางผุสดีจึงทรงคร่ำครวญขึ้นว่า เมื่อก่อนย่อมมีธงปลิวไสวแห่แหนตามพระเวสสันดรซึ่งเสด็จไปในที่ต่าง ๆ ทั้งเหล่าเสนาในก็เคยตามเสด็จแห่แหน แต่วันนี้จักต้องเสด็จแต่ผู้เดียว เคยเสด็จด้วยช้าง วอทองและราชรส วันนี้จักต้องบทจรด้วยเท้า ทรงเคยลูบไล้ด้วยผงจันทน์แดง สนุกสนานด้วยระบำและเพลงขับ จักไปแบกผ้าหนังเสืออันหนัก กับทั้งขวานและกระทอและบริวารอย่างไรได้

ทำอย่างไรจึงจักไม่ต้องใช้ผ้าย้อมน้ำฝาดและหนังเสืออยู่ในป่า เหตุไรเขาจึงไม่ทอผ้าป่านใช้ เวลาเจ้านายทรงผนวชจะทรงผ้าอย่างไรกัน มัทรีจักนุ่งผ้ากรองอย่างไรได้ เพราะมัทรีเคยนุ่งแต่ผ้ากาสีและผ้าโขมพัตร์กับผ้าโกทุมพรพัตร์ มัทรีเธอมีรูปร่างสะโอดสะองเคยทรงแต่คานหามวอทองและราชรถ วันนี้มัทรีจักเดินด้วยเท้าอย่างไร มัทรีเคยมีฝ่าเท้าอันอ่อนนุ่ม ไม่เคยทำการงานหนัก มีแต่ความสุขอยู่อย่างเดียว จะไปทางไหนก็เคยแต่สวมรองเท้าทอง ย่อมเดินนำหน้าพวกข้าหลวงนับจำนวนพัน วันนี้จะเดินป่าคนเดียวอย่างไรได้

มัทรีเป็นผู้มีขวัญอ่อน เมื่อไปได้ยินเสียงสุนัขจิ้งจอกหรือเสียงนกเค้า ก็จะตกใจกลัวจักกำสรดเศร้าระทมทุกข์ไปนาน เหมือนกับนางนกอันนายพรานพรากเอาลูกไปจากรังฉะนั้น เมื่อแม่ไม่เห็นลูกรักทั้งสองแม่ก็ต้องเป็นทุกข์ไปตลอดกาลนาน ข้าแต่พระจอมภูบาลผู้ประเสริฐเมื่อเกล้ากระหม่อมฉันพร่ำเพ้ออยู่อย่างนี้ ถ้าพระองค์จักขืนทรงขับไล่ซึ่งพระราชโอรสเสียแล้ว หม่อมฉันก็จะต้องถึงซึ่งชีวิตเป็นเที่ยงแท้

เมื่อพวกนางนักสนมกำนัลในตลอดถึงชาวสีพีทั้งปวงของพระเจ้ากรุงสญชัย ได้ยินเสียงทรงพระกรรแสงร้องไห้ของพระนางเจ้าผุสดีในครั้งนั้นก็พากันคร่ำครวญละห้อยไห้ ผู้คนในนิเวศน์ของพระเวสสันดรต่างก็พากันละห้อยไห้ไปตามกัน ไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในพระราชวังทั้งสองจักดำรงคงปกติของตนอยู่ได้ ได้พากันทุ่มทอดกายปริเทวนาการ เหมือนดังว่าต้นรังอันถูกพายุพัดให้หักโค่นลงฉะนั้น กล่าวคือ พระราชโอรสและพระราชธิดา พระชายาในพระราชวังของพระเวสสันดร ตลอดถึงพวกเด็ก ๆ และพ่อค้าคฤหบดี พราหมณ์ชี จตุรงคเสนาทั้ง ๔ เหล่า อันมีอยู่ในพระราชวังของพระเวสสันดรนั้น ได้พากันร่ำร้องพิไรอยู่เซ็งแซ่ไปตามกัน

ครั้นรุ่งเช้าขึ้น พระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์เจ้าจึงเสด็จเข้าไปสู่โรงทาน ตรัสสั่งให้บริจาคไทยทานเครื่องนุ่งห่มและเครื่องกินอยู่แก่พวกขอทาน ตลอดถึงสะราและเมรัยให้แก่พวกนักเลงเหล้า ไม่ให้มีผู้ใดผู้หนึ่งว่ากล่าวพวกที่มารับไทยทานด้วยมีพระราชบรรหารว่า ขอท่านทั้งหลายจงให้ผ้าแก่ผู้ต้องการผ้า จงให้เหล้าแก่พวกนักเลงเหล้า จงให้อาหารแก่ผู้ต้องการอาหาร อย่าเบียดเบียนพวกรับไทยทานเป็นอันขาด

จงพากันเลี้ยงดูพวกมารับทานให้อิ่มหนำสำราญด้วยข้าวน้ำดังนี้ ฯ ในขณะนั้นเทพเจ้าเที่ยวป่าวร้อง กษัตริย์ในพื้นชมพูทวีปให้เสด็จด่วนมารับพระราชทานนางกษัตริย์จากพระเวสสันดร เมื่อกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทรมาพร้อมกันแล้ว พระเวสสันดรบรมกษัตริย์ก็ทรงพระโสมนัสปรีดา ให้พระราชทานนางกษัตริย์ ๗๐๐ องค์ซึ่งล้วนแต่ประดับเครื่องสรรพอาภรณ์ขึ้นทรงรถอันงามงอนไปทั้งนั้นและได้พระราชทานช้างพลาย ๗๐๐ อันประกอบด้วยเครื่องประดับพร้อมเสร็จทั้งหมอควาญด้วย

ได้พระราชทานม้าอีก ๗๐๐ ล้วนแต่เป็นม้าสินธพอาชาไนยมีฝีเท้าอันเร็วไว พร้อมทั้งผู้ขับขี่อันถือทวนและธนู ได้พระราชทานรถ ๗๐๐ อันประดับด้วยเครื่องรูปปักธงชัยหุ้มด้วยหนังเสือเหลืองและเสือโคร่งมีสารถีสวมเกราะถือธนูขึ้นขับขี่ พระราชทานแม่โคนม ๗๐๐ ซึ่งล้วนแต่อย่างละ ๗๐๐ ๆ ของพระราชทานเหล่านั้นล้วนแต่กษัตริย์พราหมณ์แพศย์ศูทรรับพระราชทานไปทั้งนั้น การบริจาคสัตตสดกมหาทานของพระเวสสันดรในครั้งนั้น ได้บันดาลให้เกิดขนพองสยองเกล้าไปทั่วทุกตัวคน ทั้งเมทนีดลก็หวั่นไหวเป็นมหัศจรรย์

ครั้นพระราชทานเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเย็นพระองค์จึงเสด็จกลับเข้าสู่พระราชวังด้วยทรงพระดำริว่า พรุ่งนี้เช้าเราจึงจักเข้าไปกราบถวายบังคมลาพระราชมารดาบิดา ฝ่ายพระนางมัทรีก็ทรงดำริว่า จักตามเสด็จพระราชสามีออกสู่ป่า พอรุ่งราตรีคืนวันนั้นแล้ว สองกษัตริย์จึงเสด็จคลาดแคล้วจากพระราชวังของพระองค์ตรงเข้าเฝ้าพระราชบิดามารดา แล้วสมเด็จพระเวสสันดรจึงกราบทุลพระราชบิดาขึ้นว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศเป็นพิเศษ บัดนี้ขอพระองค์ทรงพระกรุณาเนรเทศข้าพระองค์ไปสู่เขาวงกตตามโทสานุโทษเถิดพระพุทธเจ้าข้า ธรรมดาสัตว์โลกทั้งหลายทั้งที่เกิดมาแล้วหรือยังจะเกิดมาข้างหลัง หรือเกิดอยู่ในเวลานี้ก็ดี ล้วนแต่เป็นผู้ไม่อิ่มด้วยความสุขทั้งหลายนั้น ส่วนข้าพระองค์ผู้บำเพ็ญทานอยู่ในปราสาทของตน ยังชื่อว่าเบียดเบียนพวกชาวเมือง ข้าพระองค์ขอยอมไปทนทุกข์อยู่ในป่าใหญ่อันเกลื่อนกลาดไปด้วยสัตว์ร้าย ตามถ้อยคำของชาวสีพีทั้งหลาย ข้าพระองค์ตั้งใจจะทำบุญเพื่อจะยกตนให้พ้นจากหล่ม คือกิเลส ส่วนพระองค์ยินดีจมอยู่ในหลุม คือกิเลส

ครั้นพระเวสสันดรกราบทูลดังนี้แล้วจึงเสด็จไปเฝ้าพระราชมารดาถวายบังคมว่า ข้าแต่พระแม่เจ้า ขอได้ทรงโปรดอนุญาตให้เกล้ากระหม่อมฉันทรงบรรพชาเถิด เกล้ากระหม่อมฉันบำเพ็ญทานอยู่ในปราสาทของตน เขายังว่าเป็นการเบียดเบียนชาวเมือง เพราะฉะนั้น เกล้ากระหม่อมฉันยอมไปทนทุกข์อยู่ในป่าใหญ่อันเกลื่อนไปด้วยสัตว์ร้าย มีแรดและเสือราชสีห์เป็นต้นตามคำของชาวสีพี เกล้ากระหม่อมฉันยินดีไปสู่เขาวงกต เพื่อได้โอกาสบำเพ็ญพรตบรรพชาพระพุทธเจ้าข้า ฯ

ฝ่ายพระนางผุสดีราชมารดาจึงตรัสตอบว่า ดูก่อนลูกรัก แม่ยินดีอนุญาตให้ลูกบวชเป็นชีไพร แต่มัทรีลูกรักของแม่จงให้ลูกพามาอยู่กับแม่ในที่นี้เถิด พระเวสสันดรกราบทูลว่า อย่าว่าแต่ทัทรีเลยถึงจะเป็นทาสีก็ตาม ถ้าเขาไม่พอใจจะไปตามเกล้ากระหม่อมฉัน แล้วเกล้ากระหม่อมฉันก็ไม่ยินดีจะให้เขาไป เพราะฉะนั้น ถ้ามัทรียินดีตามเกล้ากระหม่อมฉัน ก็จงไปตามประสงค์เถิด ถ้าไม่ยินดีจะไปก็จงอยู่เถิด









 

Create Date : 25 สิงหาคม 2549
0 comments
Last Update : 25 สิงหาคม 2549 23:44:31 น.
Counter : 14499 Pageviews.


สายน้ำระริน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สายน้ำระริน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.