ศาสนา เป็นองค์คุณอันสำคัญ
โดยช่วยให้ชีวิตนี้ มีความสดชื่น เยือกเย็น พอที่จะเป็นอยู่ ไม่ร้อนเป็นไฟ
เช่นเดียวกับน้ำ เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง พฤกษาชาติ ให้สดชื่น งอกงาม ตลอดเวลา ฉันใดฉันนั้น

มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ที่ ๑ "ทศพร"




มหาเวสสันดรชาดก ทศพร กัณฑ์ที่ ๑
ผู้แต่ง : สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส
ที่มา : หนังสือชุดภาษาไทยของคุรุสภา มหาเวสสันดรชาดก ฉบับ ๑๓ กัณฑ์
--------------------------------------------------------------------------------

ผุสฺสตี วรวณฺณาเภติ อิทํ สตฺถา กปิลวตฺถํ อุปนิสฺสาย นิคฺรธาราเม วิหรนฺโต โปกฺขรวสฺสํ อารพฺภ กเถสีติ

สตฺถา สมเด็จพระสรรเพชญ ปางเมื่อพระองค์เสด็จอาศัย ซึ่งกรุงกบิลพัสดุ์บุรีเป็นที่ภิกษาจาร ทรงสำราญพระพุทธหฤทัยในนิโครธารามวิหารบรมพุทธาวาส แห่งศากยราชร่วมพระประยูรวงศ์บริวัตร อารพฺภ ทรงปรารภซึ่งฝนโบกขรพรรษให้เป็นเหตุ กเถสิ จึ่งตรัสเทศน์พระมหาเวสสันดรชาดก ให้เป็นผลาดิลกยอดยิ่งพระญาณ พระอรหันต์นับประมาณห้าร้อยพระองค์ แต่ล้วนทรงพระปฏิสัมภิทา* มีพระมหากัสสปเถระเป็นต้น มีพระอานนท์เป็นปริโยสาน อุปลักขิตนาการกำหนดด้วยบทต้นพระคาถาว่า ผุสฺสตี วรวณฺณาเภติ เป็นปฐมบาทดั่งนี้ก่อน

ยทา กาลใด พระศาสดาได้ตรัสแด่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณยอดธรรมวิเศษ พระองค์จึงตรัสเทศนาพระธรรมจักกัปวัตนสูตร โปรดเบญจวัคคีย์* ภิกษุทั้งห้า แล้วพระองค์ก็เสด็จไปยังราชคฤหบุรีโดยลำดับ เสด็จยับยั้งอยู่สิ้นเหมันตฤดูในพระเวฬุวนารามมหาวิหาร พระอุทายีเถระเจ้าเป็นมัคคุเทศก์ผู้แสดงทางพระพุทธดำเนิน พระองค์จึ่งเสด็จพระพุทธลีลาโดยมรรคาครั้งนั้น ด้วยพระขีณาสพอรหันต์เจ้าสองหมื่น ชื่นชมตามเสด็จมิทันช้า พระศาสดาก็เสด็จไปยังกบิลพัสดุ์บุรี เป็นปฐมทีแรก เสด็จประทับอยู่ที่ฝั่งชลนที และมรรคาแต่ราชคฤห์มาถึงกบิลพัสดุ์ ไกลถึงหกสิบโยชน์เป็นกำหนด เมื่อสมเด็จพระบรมศรีสุคต เสด็จพระพุทธดำเนินโดยอตุริตจารึกโดยมิได้เร่งรีบ ล่วงมรรคาละโยชน์ ๆ ถึงหกสิบราตรี ก็บรรลุกบิลพัสดุ์มหานคร เมื่อวันวิศาขบูรณมีเพ็ญเดือนหก เป็นมหามงคลสมัย

ปางนั้นพระบรมวงศาศากยราช ทราบว่าพระบรมโลกนาถศาสดาเสด็จมาถึง จึ่งพร้อมกันทุกพระองค์ทรงปราโมทย์ ตรัสสั่งให้แต่งนิโครธมหาวิหารแล้ว จึ่งประดับเครื่องอลังการทุกพระองค์ ทรงพระภูษาทุกูลพัสตร์ พระหัตถ์ทรงเครื่องสักการบูชา แล้วก็ปัจจุคมนาการเชิญเสด็จพระศรีสรรเพชญ ให้ทรงพระที่นั่งเรือขนาน จากชลธารถึงนิโครธารามบรมนิเวศน์ สมเด็จพระโลกเชษฐ์เสด็จประทับเหนือบวรพุทธอาสน์ ส่วนพระบรมญาติทุกพระองค์ทรงมานทิฐิ ต่างพระองค์ทรงพระดำริตริตรึกนึกในพระทัยว่าสมเด็จพระสิทธัตถะมีพระบวรวิลาสสดใส เพิ่งจะทรงพระเจริญวัยหนุ่มนัก ทั้งพระบวรลักษณ์ก็งามบริสุทธิ์ มีพระชนมายุคราวบุตรและนัดดา เราจะอภิวันทนาดูก็ไม่สมควรก็ชวนกันนั่งอยู่ในเบื้องหลัง ยังพระราชกุมารหนุ่ม ๆ ทั้งนั้นให้ถวายอภิวาทน์วันทนา

สมเด็จพระบรมศาสดาทรงทราบพระอัชฌาสัยหฤทัยพระบรมญาติทุกพระองค์ อันทรงซึ่งมานะไปหมด ควรตถาคตจะทรมารพระประยูรญาติให้ปราศจากมานทิฐิ สมเด็จพระผู้ทรงบุญสิริ ก็เข้าสู่พระจตุตถฌาน มีอภิญญาณ* เป็นที่ตั้ง ดำรงพระองค์เสด็จเหาะตรงขึ้นสู่นภากาศ ประดุจจะยังธุลีละอองพระบาทให้เรี่ยรายลงถูกต้องเศียรเกล้าพระวงศาศากยราช เปล่งพระฉัพพรรณรังสิโยภาส* รุ่งเรืองสว่าง อย่างพระยมกปาฏิหาริย์ในมณฑลสถานไม้คัณฑามพพฤกษ์ ดูพิลึกเลิศมหัศจรรย์

ลำดับนั้น สมเด็จพระเจ้าสิริสุทโธทนพุทธบิดา ทอดพระเนตรเห็นมหัศจรรย์ ยกพระกรอภิวันทน์สรรเสริญพุทธเดชานุภาพว่า ภนฺเต ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระองค์ยังทรงพระเยาว์อุดม พระพี่เลี้ยงพระนมข้างฝ่ายในเชิญเสด็จพระองค์เข้าไปจะให้วันทนานมัสการชฎิลดาบส ปาเท ปริวตฺติตฺวา พระบาทบงกชทั้งคู่ ดูประดุจจะขึ้นประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งชฎิลดาบส ข้าพระพุทธเจ้าก็ประณตน้อมนมัสการโดยคำนับ วปฺมงฺคลทิวเส วันเมื่อข้าพระพุทธเจ้าทำวัปปมงคลจรดพระนังคัลในท้องสนามหลวง พระพี่เลี้ยงทั้งปวงเชิญเสด็จพระองค์ไปบรรทมอยู่เหนือพระยี่ภู่ ปูด้วยผ้าทุกูลพัสตร์ในบริเวณจังหวัดร่มไม้หว้า ชมฺพูฉายา เมื่อตะวันชายเงาไม้ มิได้บ่ายไปตามตะวัน บังกั้นพระองค์อยู่ดูประดุจพระกลด ครั้งนั้นข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ประณตนบเป็นคำรบสอง สามทั้งครั้งนี้ เมื่อสมเด็จพระบรมชนกาธิบดีสิริสุทโธทน์ ทรงพระปราโมทย์ถวายอภิวาทน์ เหล่าศากยราชสิ้นทุกพระองค์ มิอาจจะทรงมานะอยู่ได้ ก็พร้อมกันถวายอภิวาทน์วันทนา

นาโถ สมเด็จพระบรมโลกนาถศาสดาจารย์ เมื่อพระองค์ยังพระบรมประยูรญาติทั้งหลายให้ถวายนมัสการทุก ๆ พระองค์แล้ว จึ่งเสด็จคลาแคล้วลีลาลงจากนภาดลอากาศ เสด็จนั่งเหนือบรมพุทธอาสน์อย่างเอก ขณะนั้นมหาเมฆอันใหญ่ตั้งขึ้นมา ยังท่อธาราห่าฝนโบกขรพรรษ ให้ปวัตนาการเป็นท่อธารไหลไป สีน้ำนั้นแดงใสบริสุทธิ์ แม้ว่ามนุษย์หญิงชายผู้ใด ปราถนาจะมิให้ถูกต้องกายแห่งตน แม้มาตรว่าแต่ขุมขนก็มิได้ชุ่มไปด้วยน้ำน่ามหัศจรรย์ ตกลงแล้วก็ไหลลั่นสนั่นไปใต้พื้นพสุธา ส่วนพระบรมวงศาศากยราช ทอดพระเนตรเห็นพุทธอำนาจมหัศจรรย์ ก็พากันทรงพระปราโมทย์ ออกพระโอษฐ์ตรัสว่า มหัศจรรย์ในครั้งนี้ แต่ก่อนไม่เคยมีเราไม่เคยเห็น หากบันดาลเป็นด้วยอำนาจพุทธานุภาพระบรมศาสดา ตรัสแล้วก็น้อมพระเศียรเกล้าบังคมลาสมเด็จพระมหากรุณาธิคุณเจ้า ต่างเสด็จกลับเข้ายังพระราชวัง

วีสติสหสฺสานิ ฝ่ายพระอรหันต์สองหมื่นก็ชื่นชมปรีดา สั่งสนทนากันว่า แต่กาลก่อนมิได้เคยทัศนาเหมือนครั้งนี้ สตฺถา สมเด็จพระชินศรีสัพพัญญู เสด็จมาสู่ที่ประชุมจึงตรัสถาม ทรงทราบความตามเรื่องที่ภิกษุสั่งสนทนา จึ่งมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหัศจรรย์ห่าฝนสวรรค์โบกขรพรรษปวัตนาการตกลงมาในที่ประชุมพระบรมญาติทั้งนี้ ย่อมมีมาแล้วแต่กาลก่อน พระองค์ตรัสฉะนี้แล้วก็ทรงดุษณีภาพ พระภิกษุทั้งหลายปรารถนาจะใคร่ทราบ จึ่งทูลอาราธนา สมเด็จพระศาสดาก็ทรงนำมาซึ่งอดีตนิทาน ตรัสเทศนาว่า

อตีเต ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ทั้งหลาย ในอดีตกาลล่วงแล้วแต่ปางหลัง ยังมีบรมกษัตริย์พระองค์หนึ่งทรงพระนามพระเจ้าสีวีราชบรมกษัตริย์ เถลิงถวัลยราชสมบัติในกรุงสีวีราษฎร์บุรี พระองค์มีพระราชบุตรพระองค์หนึ่ง ชื่อว่าสญชัยราชกุมาร ครั้นทรงวัฒนาการเจริญวัย สมเด็จพระราชบิดามอบสิริราชสมบัติให้ครอบครองพระพาราสีวีราษฎร์บุรี อภิเษกกับพระผุสดีราชธิดา แห่งสมเด็จพระบรมกษัตราจอมจุฑามัททราชพระเยาวมาลย์มาศมิ่งมกุฎผุสดี แต่ปางก่อนพระนางมี มูลปณิธีได้ตั้งไว้ตั้งแต่ภัทรกัป* นับถอยหลังลงไปได้เก้าสิบแปดกัป พระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มาอุบัติในโลก พระองค์เสด็จอยู่ในวิหารมฤคทายวัน ใกล้พันธุมดีมหานคร

กาลครั้งนั้นพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง เสวยสมบัติในนครอันเป็นเขตขึ้นนครพันธุมดี ส่งมาซึ่งสุวรรณมาลีวิมลมาศราชบรรณาการ กับทั้งรัตจันทนสารแก่นจันทน์แดงมาถวายแด่พระเจ้าพันธุมราช พระองค์ก็ประสาทจันทนสารให้แก่พระผุสดีสุวรรณมาลีดอกไม้ทอง พระองค์ก็พระราชทานให้แก่พระราชธิดาน้องพระองค์น้อยด้วยความเสน่หา

ส่วนพระราชธิดาทั้งสองก็มาตริตรองการ เห็นแท้ว่ามิได้เป็นแก่นสารที่จะประดับในกาย ควรจะนำไปถวายเป็นพุทธบูชา สองพระราชธิดาจึงกราบทูลแด่สมเด็จพระปิตุราช พระองค์ก็ทรงพระอนุญาตยอมอนุโมทนาด้วยพระราชธิดาทั้งสองพระองค์ ฝ่ายพระราชบุตรีผู้พี่นั้น ก็ให้บดแก่นจันทน์เป็นวิเลปนะเครื่องลูบไล้ ใส่ลงในผอบทองอันวิจิตร

ฝ่ายพระกนิษฐานารีผู้น้องน้อยก็พลอยมีศรัทธา จึ่งเอาสุวรรณมาลาดอกไม้ทองให้นายช่างประดิษฐ์กรอง กระทำเป็นสุวรรณมาลาเครื่องประดับอุรพางค์ แล้วพระนางโปรดให้สาวใช้หยิบยกไปสู่พระวิหาร สรีรํ ปูเชตฺวา ฝ่ายพระเยาวมาลย์ราชธิดาองค์ใหญ่นั้น ก็บูชาพระทศพลด้วยจุรณแก่นจันทน์ ที่เหลือนั้นก็เรี่ยรายปรายโปรยในสถานที่คันธกุฎี พระนางก็ตั้งปณิธานวาทีด้วยบาทคาถาว่า

เอสา จนฺทนจุณฺเณน ปูชา ตุมฺเหสุ เม กตา ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส มาตา เหสฺสํ อนาคเตติ

ภนฺเต ข้าแต่สมเด็จพระผู้ทรงพระภาค เอสา ปูชา อันว่าการสักการบูชาอันข้าพระพุทธเจ้ากระทำในพระองค์ ด้วยผงจุรณแก่นจันทน์นี้ ขอให้ข้าได้สมความยินดีเป็นพุทธมารดาพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล อันทรงพระญาณวิเศษปรากฏเหมือนอย่างพระองค์ฉะนี้ ส่วนพระกนิษฐานารีผู้น้องก็นำเอาดอกไม้ทองเครื่องประดับอุรา บูชาสมเด็จพระศาสดา แล้วก็ตั้งปณิธานความปรารถนาในที่เฉพาะพระพักตร์พระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนางกล่าวเป็นบาทพระคาถาว่า

ภนฺเต สุวณฺณมาลาย มยา ตฺวํ ปูชิโต อสิ เตน มยฺหํ อุเร โหตุ มาลา ปุญฺเญน นิมฺมิตาติ

ภนฺเต ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงทศพลญาณ* เดชะเกล้ากระหม่อมฉันกระทำสักการบูชาแด่พระองค์ ด้วยสุวรรณมาลีเครื่องประดับสำหรับอุระนี้ ขอให้บุญราศีตกแต่งสำเร็จความปรารถนา ให้ลายลักษณวราบุปผาชาติพิเศษ เกิดปรากฏในอุระประเทศแห่งข้าพระบาท สมเด็จพระโลกนาถก็ตรัสอนุโมทนาโดยบทพระคาถาดั่งนี้

ยา เจตฺถ ทฺวีหิ ตุมฺเหหิ ปูชา มยฺหํ ปติฏฺฐิตา ตาย อิชฺฌนฺตุ ตุมฺหากํ ยถา โว ปตฺถนา ตถาติ

โดยบรมพุทธภาษิตว่า มโนปณิธานความปรารถนาดั่งนี้ ที่ท่านทั้งสองตั้งไว้เป็นอันดีในสำนักตถาคต ของจงให้สำเร็จมโนรถแก่ท่านทั้งสอง ด้วยผลอานิสงส์ซึ่งได้กระทำพุทธบูชา พระราชธิดาทั้งสองพระองค์ ก็ทรงภิรมย์เปรมปรีดิ์ ถวายนมัสการลาสมเด็จพระชินสีห์ แล้วก็เสด็จกลับยังปราสาท พระพี่น้องสองราชนารีก็เกษมศรีเสวยสมบัติสิ้นกาลช้านาน

เมื่อสิ้นพระชนมานก็บังเกิดในสวรรค์ ครั้นจุติจากเทวโลกนั้น พระราชธิดาผู้พี่ก็ได้เป็นพระบรมพุทธชนนีสมพระปรารถนา ทรงพระนามพระนางสิริมหามายาราชเทวี ส่วนพระกนิษฐานารีผู้น้องนั้น ครั้นจุติจากสวรรค์ก็ได้มาบังเกิดในขัตติยพันธุ์เป็นพระราชธิดาพระเจ้ากีกิสราช ในศาสนาพระพุทธกัสสปชินศรี

พระราชบุตรีกอบไปด้วยฉัพพรรณรังสีสุวรรณมาลามาศประดุจนายช่างผู้ฉลาดวาดเขียน เป็นเครื่องประดับพระอุระองค์อันรจนา จึ่งทรงพระนามอุรัจฉทาราชกุมารี เมื่อพระชนมายุได้สิบหกปีได้ฟังภัตตานุโมทนาสมเด็จพระสัพพัญญู พระนางก็ตรัสรู้พระอรหัตตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทประหาณ เข้าสู่พระนิพพานในศาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า

ราชา สมเด็จพระเจ้ากีกิสราช พระองค์มีพระราชธิดาอื่นอีกเจ็ดพระองค์ ทรงพระนามต่างกันคือ นางสมณี นางสมณโคตตา นางภิกขุณี นางภิกขุทาสิกา นางธัมมา นางสุธัมมา นางสังฆทาสี
ส่วนนางสุธัมมานั้น ครั้นสิ้นชีพแล้วไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงพระนามพระผุสดีเป็นพระอัครมเหสีสมเด็จอมรินทรา เมื่อบุรพนิมิตปรากฏแก่พระผุสดีเทพกัญญาเป็นเหตุจะจุติสิ้นพระชนมพรรษานิราศร้างจากทิพยสถาน

สกฺโก เทวราชาสมเด็จท้าวมัฆวานตรีเนตร ทราบเหตุเบญจบุรพนิมิต* ห้าประการอันบังเกิดแก่พระเยาวมาลย์มิ่งมเหสี จึ่งพาเทพผุสดีไปยังที่นันทวโนทยาน ยังพระเยาวมาลย์ให้บรรทมในแท่นทิพยไสยาสน์อันยิ่งยง ท้าวเธอก็เสด็จทรงพระไสยาสน์ ร่วมทิพยอาสน์ด้วยพระผุสดีเทพอัปสร เมื่อท้าวเธอจะประสาทพร ก็กล่าวเป็นบาทพระคาถาดังนี้

ผุสฺสตี วรรณฺณาเภ ฯ

สกฺโก สมเด็จพระอมรินทราธิราช จึ่งมีเทวราชบัญชาตรัสประภาษว่า ภทฺเท ดูกรเจ้าผู้มีสุนทรพักตร์ กอปรด้วยสุภลักษณะอันวิเศษหาผู้จะติเตียนมิได้ ยํ วรํ พระพรสิ่งใดเป็นที่เจริญใจแห่งเจ้า อันจะลงไปบังเกิดในมนุษยโลกจะต้องวิโยคจากทิพยวิมาน วรสฺสุ เจ้าจงเลือกเอาพระพรสิบประการตามความปรารถนา พระผุสดีเทพกัญญา ก็อัญชลีกรประนมบังคมทูลถามท้าวสหัสนัยน์เทวราช ว่ากรรมอันใดจะให้เคลื่อนคลาดจากทิพยวิมาน เหมือนลมพายุมาพัดพานเพิกถอนหมู่ไม้ ให้กำจัดไปจากพื้นพสุธา จงทรงพระกรุณาตรัสให้ทราบแก่ข้าผุสดี สมเด็จท้าวโกสีย์อมรินทราธิราช เมื่อพระเยาวมาลย์มาศผุสดี สิ้นสมฤาดีประมาท จึ่งตรัสประภาษตอบสุนทรวาทีว่า ภทฺเท ดูกรเจ้าผุสดี อย่าหมองศรีโทมนัส เราทั้งสองจะต้องกำจัดจากกันในครั้งนี้ เจ้าจงภิรมย์ยินดีรับเอาซึ่งทศวรพรสิบประการ พระผุสดีสดับเทวโองการ พลางพระเยาวมาลย์ก็กล่าวเป็นพระคาถาว่า

วรญฺเจ เม อโท สกฺก ฯ

สกฺก ข้าแต่สมเด็จอมรินทราธิราช ข้าพระบาทจะจากไปสู่มนุษย์เมืองไกล จะขอรับเอาพระพรชัยทูลสนองเหนือเกศ ข้าพระบาทจะถวายบังคมลาลงไปเกิดเอาชาติกำเนิด ขอให้ข้าไปบังเกิดในปราสาทแห่งพระเจ้าสีวีราชอันทรงศักดิ์ มีพระราชอาณาจักรปกแผ่ไปในสกลชมพูทวีป ให้หมู่ประชาชนอยู่เป็นสุขสำราญเกษมสันต์ชื่นชม พระพรนี้เป็นประถมขอให้สมดังปรารถนา

นีลเนตฺตา ขอให้ข้ามีดวงเนตรทั้งสองดำเป็นสีเหมือนหนึ่งตามฤคีลูกเนื้อทราย อันเกิดได้ขวบปีปลายเป็นกำหนด พระพรนี้เป็นคำรบสองจงปรากฏแก่ข้าพเจ้า

นีลภมู อนึ่งเล่าขอให้ขนคิ้วข้าเขียวดูงามขำบริสุทธิ์เป็นสีระยับดุจสร้อยคอมยุระยูงงาม พระพรนี้เป็นคำรบสามจงสมด้วยความปรารถนา

ผุสฺสตี นาม นาเมน ข้าแต่สมเด็จอมรินทราธิราช นามกรข้าพระบาทจงชื่อว่าผุสดี พระพรนี้เป็นคำรบสี่จงประสิทธิ์ดั่งประสงค์

ปุตฺตํ ลเภถ ขอให้ข้าพระองค์มีโอรส ทรงพระเกียรติยศยิ่งกว่ากษัตริย์ในสากล ทรงพระราชศรัทธาเพิ่มกุศล แก่หมู่ประชาชนทุกขอบเขตขัณฑสีมาอาณาจักร พระพรนี้เป็นคำรบห้าข้าผู้บริรักษ์ต้องปราสงค์

เมื่อข้าพระองค์ทรงพระครรภ์พระโอรสอย่าให้ครรภ์ข้าพระบาทปรากฏนูน เหมือนสตรีทั้งมูลดูเวทนา จาปํว ลิขิตํสมํ ให้มีครรภ์โอรสาดูงามพร้อมเหมือนคันธนูดูละม่อมอันนายช่างฉลาดเหลาเกลี้ยงเกลาพร้อมเสมอสมาน พระพรเป็นคำรบหกประการจงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า

ถนา เม นปฺปวตฺเตยฺยํ อนึ่งเล่ายุคลถันทั้งสองของข้าพระบาท เมื่อทรงครรภ์อย่าวิปลาสแปรผันดำปรากฏ แม้พระบวรปิโยรสจะเสวยทุกวันทุกเวลา อย่าคล้อยเคลื่อนเลื่อนลดลงมาจากพระทรวง ให้เต่งตั้งดั่งปทุมบัวหลวงงามบริสุทธิ์วิเศษเสร็จ พระพรนี้เป็นคำรบเจ็ดขอให้บรรลุดังปรารถนา

ปลิตา นสฺสนฺตุ อนึ่งขอให้เส้นเกศาสีดำขลับสลวยบริสุทธิ์ ประดุจสีปีกแมลงค่อมทองเป็นมันระยับย่องควรจะทัศนา พระพรเป็นคำรบแปดขอให้สมเจตนาฉะนี้

สุขุมฉวิ ขอให้ผิวเนื้อละเอียดเป็นนวลละอองดั่งทองคำธรรมชาติ สกลกายใสสะอาดดูผ่องแผ้วหมดราคี พระพรเป็นคำรบเก้านี้จงประสิทธ์

วชฺฌญฺจาปิ ปโมจเย อนึ่งคนโทษทุจริตอันเข้มขัน จะพินาศด้วยพระราชทัณฑ์ทำลายล้างชีวิต ขอให้ข้าได้เปลื้องปล่อยปลิดให้พ้นตาย ด้วยกำลังยศปริยายปัญญาญาณ พระพรเป็นคำรบสิบประการ เรียกพระพรชัยสิทธิ์อันวิเศษ ข้าแต่ท้าวสหัสนัยนเนตรเทวราช ขอพระองค์จงโปรดประสาทให้แก่ข้าพเจ้า ผู้เป็นบริจาริกา

สกฺโก สมเด็จพระอมรินทราธิราช ได้ทรงฟังพจนารถสุนทรวาจา อันนางผุสดีเทพกัญญาทูลขอทศวรพรสิบประการ ก็ตรัสพระราชทานด้วยคาถาดังนี้

เย เต ทส วรา ทินฺนา มยา สพฺพงฺคโสภเน สิวิราชสฺส วิชิเต สพฺเพ เต ลจฺฉสิ วเรติ

ภทฺเท ดูกรเจ้าผุสดีผู้มีสุนทรพักตร์ พร้อมด้วยสรรพลักษณวิไลเลิศ เย เต ทส วรา ทินฺนา วรพรพิเศษประเสริฐสิ่งใดทั้งสิบประการ ที่เราประทานประสิทธ์ให้ พระพรนั้นไซร้เจ้าจักได้สำเร็จเสร็จสิ้นทุกประการ ในพระราชฐานแว่นแคว้นแดนอาณาจักรจอมนาถ แห่งสมเด็จพระเจ้าสีวีราชนั้นเทอญ

ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สคฺถา อาห
อํทิ วตฺวาน มฆวา เทวราชา สุชมฺปติ ผุสฺสติยา วรํ ทตฺวา อนโมทิตถ วาสโวติ

ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงสิกขา มฆวา อันว่าท้าวมัฆวานเทวราช ผู้เป็นพระราชสามีนางอัปสรราชสุชาดา ทรงพระราชทานซึ่งทศวรพิธพรสิบประการแก่พระผุสดีเทพนารีแล้วก็ทรงเกษมสันต์โสมนัสปรีดาผ่องแผ้ว ด้วยพระทัยอนุโมทนาในกาลบัดนั้นแล

ทสวรกณฺฑํ นิฏฺฐิตํ










 

Create Date : 23 สิงหาคม 2549
0 comments
Last Update : 23 สิงหาคม 2549 21:28:52 น.
Counter : 6036 Pageviews.


สายน้ำระริน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สายน้ำระริน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.