ศาสนา เป็นองค์คุณอันสำคัญ
โดยช่วยให้ชีวิตนี้ มีความสดชื่น เยือกเย็น พอที่จะเป็นอยู่ ไม่ร้อนเป็นไฟ
เช่นเดียวกับน้ำ เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง พฤกษาชาติ ให้สดชื่น งอกงาม ตลอดเวลา ฉันใดฉันนั้น
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ที่ ๔ "วนปเวสน์"



มหาเวสสันดรชาดก วนปเวสน์ กัณฑ์ที่ ๔
ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฏ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ที่มา : หนังสือชุดภาษาไทยของคุรุสภา มหาเวสสันดรชาดก ฉบับ ๑๓ กัณฑ์

--------------------------------------------------------------------------------
เต ปฏิปเถ อาคจฺฉนฺเต มนุสฺเส ทิสฺวา กุหึ วงฺกตปพฺพโตติ ปุจฺฉนฺติ มนุสฺสา ทูเรติ วทนฺติ ฯ




อนุสนธิพระธรรมเทศนา มีบุพพาปรลำดับจับประพันธ์แต่ทานกัณฑ์สืบมา เต จตฺตาโร ขตฺติยา อันว่ากษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ คือสมเด็จพระวิสุทธิพงศ์ภูวนาถเจ้าประชาชาติชาวสีพี และสมเด็จพระมเหสีนารีรัตน์ และสองดรุณกษัตริย์คือพระชาลีศรีรัตนราชกุมาร และพระเยาวมาลย์กัณหาชินาราชบุตรี เมื่อเสด็จโดยวิถีภูวสถาน ดำเนินโดยบทมาลย์ในทางกันดารดั่งกล่าวมา

สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ พระองค์ทรงอุ้มพระชาลีสมเด็จพระมัทรีทรงอุ้มนางกัณหาชินา เสด็จโดยมรรคานุกรมในวารปฐมที่สองสามตามลำดับไป เมื่อใด ๆ ได้ประสบพบมนุษย์ซึ่งเป็นบุรุษหรือสตรีที่เดินทวนวิถีทางมาบ้างก็ตรัสถาม ว่า กุหึ วงฺกตปพฺพโต ท่านทั้งหลายยังได้ความตามการที่เคยไป หรือฟังแต่ใคร ๆ บ้างหรือ ภูเขาซึ่งเขาเล่าลือโดยชื่อว่าวงกต หรือว่าเขาคดเป็นสำคัญนั้นอยู่ที่ไหน พวกชนเดินทางก็ให้การว่าสถานนั้นตูข้าได้รู้ว่าอยู่ไกลยิ่งนักพระเจ้าข้า

เตน วุตฺตํ ด้วยเหตุนี้แหละจึ่งมีพระคาถาเป็นพระพุทธปฏิญญา ในพระคัมภีร์จริยาปิฎกยกเป็นปัฐยาวัตฉันท์ว่า ยทิ เกจิ มนุชา เอนฺติ เป็นต้น ความในพระคาถาพุทธนิพนธ์ในพระคัมภีร์อื่นก็มีนัยดั่งแสดงมา แปลกแต่ที่ว่าปฏิปุจฺฉาม ฯลฯ อมฺเห ปสฺสิตฺวา เป็นต้น ตามพุทธนิพนธ์เป็นปฏิญญา ว่าเราทั้งหลายสี่กษัตริย์ได้ไต่ถาม และได้ฟังความแต่คนผู้เห็นเราทั้งหลายเท่านั้นไม่ผิดกันไปเท่าไร

และเมื่อสี่กษัตริย์เสด็จไปโดยมรรคากันดารสองราชกุมารทอดพระเนตรเห็นต้นไม้ที่สูง ๆ ใหญ่ ๆ ประกอบไปด้วยดอกและผล มีสีสัณฐานและอาการอันประหลาดหลาก ก็เกิดความอยากจะใคร่ได้มาทรงเล่น ก็รบเร้าสมเด็จพระชนกชนนีให้ทรงเก็บดอกและผลพิเศษ ซึ่งทอดพระเนตรเห็นนั้นมาประทาน ครั้งนั้นทวยเทพทุกสถานพิมานไม้ ก็มีน้ำพระทัยสงสารแก่สองกุมารนั้นหนักหนา

บันดาลให้กิ่งพฤกษาซึ่งทรงดอกและผลโอนอ่อนลงจนสี่กษัตริย์ยื่นพระหัตถ์เก็บถึงได้ ด้วยอัศจรรย์อันนี้เป็นไปสี่กษัตริย์ก็มีน้ำพระทัยเชื่อถือในบุญบารมี เชื่อได้ว่าเสด็จไปครั้งนี้จะไม่มีอันตราย เห็นทวยเทพทั้งหลายในป่าจะกรุณารักษาทุกสถาน เตน วุตฺตํ ด้วยความนี้จึ่งมีพุทธบริหารมา ในพระคัมภีร์จริยาปิฎก โดยอัษฎกฉันท์คาถาดั่งนี้

ยทิ ปสฺสนฺติ ปวเน ฯ

ความในพระคาถาสาธกจริยาปิฎกบาลีก็มีนัยเหมือนกัน จะกล่าวไปก็เป็นซ้ำความนั้นไม่แปลกไป เชตุตฺตรนครโต จะคิดคำนวณนับลำดับตำบลในสถลมรรคาลัย แต่กรุงไกรเชตุดรนครมาถึงภูผาชื่อสุวรรณคีรีตาลบรรพต กำหนดนับโยชน์ได้ห้า แต่นั้นไปถึงแม่น้ำโกติมาราก็ห้าร้อยโยชน์เหมือนกัน และไปต่อแต่นั้นถึงเขาอัญชนคิรีก็มีประมาณโยชน์ได้ห้า และแต่นั้นไปถึงบ้านพราหมณ์ ชื่อตุณณวิถนาลิทัณฑคามตามระยะก็ห้าโยชน์

และแต่นั้นไปก็อีกสิบโยชน์จึ่งจะถึงที่วิเศษโสดชื่อมาตุลนคร ในแว่นแคว้นแดนเจตราษฎร์ เทพเจ้าผู้มีฤทธิ์อำนาจหากบันดาล ให้ทางไกลในประมาณสามสิบโยชน์นี้เป็นวิถีทางสั้น สี่กษัตริย์เสด็จเดินไปในวันหนึ่งก็ถึงมาตุลนครเจตราษฎร์ ด้วยเหตุนี้จึ่งมีพระพุทธฎีกาประกาศเนื้อความไว้ในพระคัมภีร์จริยาปิฎกเป็นพระคาถาว่า

สํขิปึสุ ปถํ ยกฺขา ฯ

ความในพระคาถาว่า ยกฺขา อันว่าหมู่ทวยเทพดา ซึ่งมนุษย์ย่อมเซ่นสรวงบูชาจึ่งเรียกว่ายักษ์ อนุกมฺปาย ทารเก ย่อมอนุเคราะห์ด้วยความรักทารกราชกุมาร ก็ย่นย่อทุรสถานไกลนั้นให้สั้น จนสี่กษัตริย์เสด็จไปในมิช้าพลัน ก็บรรลุถึงยังเจตราษฎร์ไม่คลาดคลา ด้วยฤทธิ์เทพดาเจ้า นั้นแล


อุปคจฺฉนฺตา เมื่อสมเด็จพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์และสมเด็จพระมัทรีนารีรัตนราชกัลยาณี และดรุณบุตรีคือพระชาลีและพระกัณหาชินา เสด็จมาถึงมาตุลนครนั้นในเวลาสายัณเหสมัย ก็มิได้เสด็จเข้าไปภายในกำแพงเมือง ด้วยทรงคิดจะไม่ให้เป็นที่ขัดเคืองแก่ท่านผู้ใด จึ่งเสด็จเข้าประทับอยู่ ณ ศาลาที่อาศัย ใกล้ทวารนครนั้นจนล่วงราตรี

ครั้นเวลาเช้าสมเด็จพระมัทรีเสด็จออกนั่งแสดงพระองค์อยู่ตรงหน้าศาลา จึ่งชนชาวเจตราษฎร์ที่เดินไปมาได้เห็นแล้วก็รู้จักชัดว่า พระนางนั้นเป็นพระมเหสีสมเด็จพระเจ้าสีพีบรมกษาตริย์ก็อัศจรรย์ใจ จึ่งเข้าไปแวดล้อมไต่ถาม ก็ได้ความว่าพระนางนั้นตามเสด็จสมเด็จพระสวามีมาแต่สีวีราษฎร์ ชาวพระนครก็เห็นเป็นการแปลกประหลาดก็เล่าลือระบือไป จนความทราบถึงกษัตริย์ผู้ใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นประธานในการครอบครองมาตุลนครนั้น

กษัตริย์เจตราษฎร์ซึ่งเป็นประธานได้ยินการเป็นอัศจรรย์ก็พากันออกไปปราศรัยไต่ถามความดีร้าย โดยอาการชนที่เป็นสหายมีความจงรักภักดี แด่สมเด็จพระเจ้าสีพีเพสสันดรบรมโพธิสัตว์ พระองค์ก็ตรัสโดยสัจบรรยายเหตุผลต้นปลาย ให้กษัตริย์เจตยาธิบดีทราบถ้วนถี่ทุกประการ พวกนั้นก็คิดอ่านจะแก้ไขให้เป็นคุณ อุดหนุนแด่พระองค์ให้คืนคงและดำรงในอิสริยยศ

พระองค์ก็ไม่ยอมรับตามแล้วทรงไต่ถามหาหนทางจะไปเขาวงกตบรรพตคีรี พวกเจตยาธิบดีก็แสดงแนะนำมรรคาด้วยทางกถาเป็นอันมาก ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห สมเด็จพระผู้มีพระภาคผู้เป็นปริโสดมบรมศาสดา เมื่อทรงแสดงความตามที่ว่ามาโดยสังเขปนี้ จึ่งตรัสพระคาถานับว่าเป็นชาดกบาลีในวนปเวสน์กัณฑ์นี้ ดั่งจะอ่านต่อไป

เต คนฺตฺวา ทีฆมทฺธานํ ฯ

อรรถาธิบายความตามพระคาถาพระพุทธฎีกานั้นว่า ภิกฺขเว ดูรานะพระภิกษุในสาวกสงฆ์ ผู้มีโสตดำรงตรับสดับชาดกเทศนา เต จตุตาโร ขตฺยา อันว่ากษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ซึ่งเสด็จมาโดยประสงค์จะไปเขาวงกตบรรพต กำหนดตามถ้อยคำบัพพาชนียกรรม ซึ่งต้องแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงสญชัยตรัสบังคับให้นิรเทศพระเวสสันดรเจ้า จำพระหฤทัยไปอยู่ตามความผิดนั้น เสด็จจรจรัลด้วยพระบาทลีลาศในทางไกล จนได้ถึงเจตราษฎร์ ซึ่งเป็นมนุสสาวาสอันมั่นคั่ง

อิทฺธํ ผิตํ เป็นชนบทใหญ่ได้ตั้งมั่นคงควรเห็นเป็นที่สมประสงค์สิ่งต่าง ๆ ทุกอย่างทุกประการ เบิกบานบริบูรณ์ด้วยสรรพสมบัติมีมัจฉมังสาหารสุราบานมากมาย เจติโย ครั้งนั้นจึ่งชาวเจตราษฎร์ทั้งหลายแลเห็นสมเด็จพระนางมัทรี เป็นเอกอัครนารีมีสรรพวรลักษ์ ซึ่งคนบางเหล่าในพวกนั้นเคยรู้จักมาแต่ปางก่อน ก็มีจิตร้อนด้วยความเอ็นดูสงสาร รีบมาแวดล้อมรอบคอบทุกด้านแล้ว ก็บ่นด้วยความประหลาดหลากใจว่า

สุขุมาลี อยํ อยฺยา โอพระแม่เจ้าพระองค์นี้ เคยตั้งอยู่ในความสุขนิรทุกข์โดยสวัสดิสมบัติของกษัตริย์สูงหนักหนา ก็เหตุไฉนหนอบัดนี้เสด็จเดินไปมาอยู่ด้วยพระบาทเปล่า คนบางเหล่าก็บ่นว่า วยฺหาหิ ปริยายิตฺวา โอแต่ก่อนตูข้าได้เคยเห็นพระแม่เจ้าพระองค์นี้ เสด็จไปในวิถีแถวกนน มีบริวารชนเชิญเสด็จในยั่วยานคานหาม และพระวองามด้วยยานาลงกรณ์และบวรราชรถ มีพระยศรุ่งเรืองกระเดื่องหล้า

สาชฺช มทฺที อรญฺญสมึ โอ้ก็เวลาวันนี้สมเด็จพระมัทรีเจ้าเสด็จรีบร้อนมาในทางป่าด้วยพระบาท ดูอนาถนักดั่งนี้ด้วยเหตุไฉน เมื่อมหาชนชาวเจตราษฎร์ได้โอกาสไต่ถาม ได้ความว่าพระนางนั้นเสด็จตามเสด็จพระสวามี พร้อมด้วยดรุณบุตรบุตรีทั้งสองพระองค์ เพระไม่ได้ดำรงในสิริราชสมบัติ ก็พากันกล่าวประวัติข่าวนั้นให้อึงอื้อเล่าลือไปจนทราบถึงกษัตริย์ผู้ใหญ่ ๆ ในมาตุลนครนั้น เจตา ปาโมกฺขา จึ่งกษัตริย์ผู้ใหญ่ ๆ เป็นประธานในราชการบ้านเมืองจึ่งพากันรีบออกไป ได้เห็นสี่กษัตริย์เสด็จประทับอยู่ ณ ศาลาเป็นอนาถน่าสงสาร

โรทมานา ก็มีอัสสุชลปวัตนาการกันแสงศัลย์ พากันเข้าไปนั่งใกล้คำนับปราศรัยแล้วไต่ถามเป็นความไมตรีว่า กจฺจิ นุ เทว ข้าแต่สมมติเทวราชบรมนาถชาวสีพีผู้เลิศไกร กุสลํ ความคล่องว่องไวในพระวรกายสบายพระองค์ไม่ทรงมึนเมื่อยล้า เพราเหตุที่เสด็จมาโดยทางไกลในครั้งนี้ ยังมีอยู่แด่พระองค์บ้างหรือพระเจ้าข้า กจฺจิ ปิตา อโรโค เต สมเด็จพระบรมนาถราชบิดาของพระองค์ยังทรงพระวรกายสบายดีไม่มีพระโรคหรือ ชาวชนบทบ้านเมืองมีชื่อว่าสีพียังอยู่ดีดั่งเดิมไม่มีความเดือดร้อนหรือไฉน

ข้าแต่สมเด็จบรมราชบพิตรผู้เป็นใหญ่เจ้าเอ่ย พระองค์ละล่วงเลยรี้พลสกลพยุหโยธา ที่ข้าคะเนว่าตามเสด็จมาด้วยนั้นไว้ที่ไหน ราชรถมณฑลมงคลราชยานประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใดไม่ได้ตามเสด็จมา อนสฺสโก อรถโก ครั้งนี้เป็นน่าตกใตนัก พระองค์ทรงเฉพาะพักตร์มายังทิศ ไม่มีอัศวราชพาหนะและพระที่นั่งรถราชยาน เสด็จมาด้วยพระบาทในทางไกลจนถึงเจตราษฎร์วิสัยนี้ พระองค์มีอรินทรราชไพรีมาครอบงำทำให้พิบัติหรือไฉน ขอพระองค์ทรงแถงให้ข้าทั้งหลายแจ้งใจ ในกาลบัดนี้เถิด


โพธิสตฺโต สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์บุรุษรัตนพิเศษเพสสันดร ได้ทรงสดับสุนทรวาจาปราศรัย ของกษัตริย์ผู้ใหญ่ ๆ ในเจตราษฎร์ จึ่งตรัสประกาศความตามจริงทุกสิ่งอันให้กษัตริย์เจตราษฎร์เหล่านั้นทราบถนัดด้วยพระวาจา ตรัสว่า สมฺมา โอท่านทั้งหลายผู้เป็นสหายเสมอในสุขทุกข์ต่อกันและกันทั้งปวงเอ่ย กุสลํ โรคภัยอันใดก็ไม่มีเลยแก่ตัวเรา ถึงเดินทางไกลมาครั้งนี้เล่าก็ไม่มีความมึนเมื่อยเลื่อยล้า สมเด็จพระบรมนาถราชบิดาของเราก็สบายพระองค์ ไม่ทรงพระประชวรอะไร ชาวกรุงไกรและชาวชนบทแว่นแคว้นแดนสีพีก็อยู่เย็นเป็นสุขดีด้วยกันทั้งสิ้น

อหํ หิ กุญฺชรํ ทชฺชํ แต่ตัวเรานี้เมื่อเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในพิภพสีพีสำคัญว่าตนมีอิสรภาพ ทราบไปในสิ่งซึ่งคนทั้งปวงเห็นว่าเป็นราชูปโภค จึงได้บำเพ็ญกุศลทานานุโยคอย่างใหญ่ ได้ให้พระมหาวิสุทธิเศวตวรรณกุญชร ซึ่งมีคู่งางอนงามนักและมีสรรพางค์พิมลลักษณ์บริบูรณ์ ควรเป็นพาหนะทรงองค์นเรศูรเศรษฐกษัตริย์ เป็นหัสดีรัตน์รู้เกษตรเขตพยุหพล ในกลกิจการยุทธสงครามเป็นที่ขามของศัตรู เพราะกล้าหาญอยู่เป็นนิตย์ดั่งติดน้ำมัน เป็นช้างสำคัญต้องตำราว่าอุตดมดี มีสีแสงงางวงอพยพทั้งปวงจนปลายหาง สรรพางค์ผ่องผุดสุดสะอาดขาวเหมือนไกลาสเทวราชบรรพต

มีนามกำหนดว่าช้างปัจจัยนาค ซึ่งเลื่องชื่อลือมากอยู่ทุกประเทศ ทั้งเครื่องสรรพบริพารหัสดาลังการพิเศษ ทั้งเศวตวรราชฉัตรและผู้ปฏิบัติในหนทาง และเครื่องใช้ทุกอย่างทุกประการ และหมอควาญผู้อภิบาลรักษาพระมหาราชพาหนะอัครวรยาน ยกให้เป็นอุตดมทานของเราไป แก่พราหมณ์ทั้งหลายซึ่งเป็นผู้มาแต่เมืองไกลชื่อกลิงคราษฎร์ ตสฺมึ เม สิวิโย กุทฺธา จึ่งนิกรประชาชาติชาวสีพีมีความโกรธแก่เรา

ปิตา จุปหโตมโน สมเด็จพระบรมนาถมหาราชบิดาเจ้า ก็มีพระราชหฤทัยขัดเคืองในเหตุนั้น จึ่งได้ทรงบังคับราชทัณฑ์แก่เรานี้ ให้ต้องเนรเทศจากแว่นแคว้นแดนเขตแขวงสีพี ไปอยู่ยังที่เขาคดชื่อวงกตบรรพตตามเยี่ยงขัตติยราชต่าง ๆ แต่ก่อนมาบรรดาซึ่งต้องบัพพาชนียกรรมเช่นนี้ สมฺมา ท่านทั้งหลายผู้มีชาตยาทยาวัสดาการประมาณแม้นเสมอเอ่ย ท่านอย่าเชือนเฉยช่วยชี้ถิ่นสถานที่โอกาสอันสมควรซึ่งเราจะได้ด่วนรีบไป อยู่ ณ พนาลัย นั้นแล

เจ โต ครั้งนั้นกษัตริย์ผู้ใหญ่จึ่งทูลตอบพระราชบรรหารว่า รเถสภ โอข้าแต่พระองค์ผู้เป็นประธานวโรสภพิลาสในราชรถ อิเธว ตาว อจฺฉสฺสุ ขอเชิญเสด็จพระองค์ทรงงดการจะเสด็จไป จงประทับระงับอยู่ในเมืองนี้ก่อน ข้าพเจ้าทั้งหลายจะคิดผ่อนผันพากันไป ยังสำนักสมเด็จพระเจ้ากรุงสญชัยบรมนาถราชบพิตร แล้วกราบทูลอ่อนคำนับรับผิดแทนพระองค์ท่าน แล้วว่าขานขอรับพระราชทานโทษ ให้ท่านโปรดรำงับดับพระราชบัญชา ตามพระราชอาชญาแต่พระองค์

เมื่อสมเด็จพระบิตุรงค์ผู้เป็นเจ้าเจริญแว่นแคว้นแดนสีพี ทรงยินดียอมยกโทษแด่พระองค์แล้ว ข้าทั้งหลายชาวเจตราษฎร์นี้ก็จะมีกมลผ่องแผ้วด้วยปีติโสมนัส แวดล้อมเชิญเสด็จพระองค์ ให้คืนไปดำรงในราชสมบัติ กรุงเชตุดรมหานครของชาวสีพี ขอพระองค์จงให้ทราบความคิดของข้าทั้งหลายผู้ใคร่ให้ได้สบายนี้เถิด

โพธิสตฺโต สมเด็จพระเวสสันดรมหาปุริโสดมบรมโพธิสัตว์ได้ทรงสดับคำนั้น ก็พลันตรัสตอบแก่กษัตริย์เจตราษฎร์ทั้งหลายว่า มา โว จุติตฺถ คมนํ โอท่านทั้งหลาย จงอย่ามีความชอบใจในการที่จะไปทูลเหตุผลเป็นเค้ามูลแด่สมเด็จพระชนกนาถ เจ้ากรุงสีพีราษฎร์ให้คลายหายพระพิโรธแก่เราเลย โอท่านทั้งหลายเอ่ย สมเด็จพระเจ้าสญชัยมหานราธิราช ก็ไม่มีอิสรภาพอำนาจในการเรื่องนี้

อจฺจุคฺคตา หิ สิวิโย เพราะชนชาวสีพีมีความกำเริบเสิบสานเป็นการใหญ่ พร้อมใจกันทั้งพหลพลหลายพัน ภายในพระมหานครวโรดม และชาวคามนิคมชนบทร้องอุปกาศ ขอให้ท่านถอดเราจากยศนิรเทศจากเขตขัณฑ์ ถ้าพระองค์จะมิทรงบังคับดั่งนั้นก็ไม่ได้ เพระเขาว่าท้าทายว่าจะทำอันตรายแก่ท่านไท้บรมนาถราชบิดาด้วย ถ้าพระองค์ยังทรงช่วยข้างตัวเรา ไม่ขับเสียตามเขาหวังแล้วจะยังให้อยู่ในพระนคร ท่านไท้ก็จะได้เดือดร้อนเพราะตัวเรา เพระไม่ตามใจเขา นั้นแล


เจตา ครั้งนั้นเหล่ากษัตริย์ผู้ใหญ่ในเจตราษฎร์ ได้สดับรับพจนพิลาสพระเพสสันดร จึ่งคิดผันผ่อนยักย้ายทูลแจ้ง อธิบายความคิดอีกอย่างหนึ่งตามความรำพึงของตนว่า รฏฺฐวฑฺฒนํ โอพระองค์ผู้ดำรงความเจริญผล ในแว่นแคว้นแดนดินที่อยู่ของมนุษย์ พระเจ้าข้า สเจ เอสา ปวตฺติ ถ้าและการเช่นตรัสมานี้เป็นไปในแผ่นดินถิ่นที่ชาวสีพีทั้งหลายแล้ว

อิเธว รชฺชํ กาเรหิ ขอพระองค์มีพระหฤทัยผ่องแผ้ว ทรงรับสิริราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์เอกราชมีอำนาจในนครนี้ ข้าทั้งหลายก็มีจิตสมัครพร้อม ยอมเป็นข้าฝ่าละอองธุลีพระบาททำราชการเป็นบริวารพึ่งพระบารมี ขอพระองค์จงทรงพระเกษมศรีเสวยสวัสดิ์ในบุรีรัตนราชมหานคร มีนามกรว่ามาตุละนี้ ไม่ต้องอับอายแก่หญิงชายชาวสีพีด้วยประการใด

อิทฺธํ ผิตญฺจิทํ รฏฺฐํ แผ่นดินเจตราษฎร์นี้ก็เป็นเมืองใหญ่ บริบูรณ์ไปด้วยส่วยสาอากร เป็นที่ประมวลพระราชทรัพย์มาผันผ่อน จำหน่ายจ่ายใช้ในการบำรุง ปรนปรุงผู้รับราชการรักษาพระราชวราณาจักร ทำให้ชาวประชาข้าแผ่นดินทั้งสิ้นอยู่สมัครสโมสร สรรพมนุษยนิกรก็จะชื่นชมนิยมในพระบารมีของพระองค์

มตึ กโร หิ ขอจงทรงพระราชดำริตริตรองการ ในที่จะพระราชทานพระราชกำหนดกฎหมายตามพระบรมราชาธิบายในราชสมบัติเถิด ข้าทั้งหลายก็จะมีปิติโสมนัสบังเกิดพร้อมยอมรับทำตามโดยความภักดี เป็นข้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทของพระองค์ ดั่งฝูงข้าประสงค์นี้เถิด

อถ โพธิสตฺโต เมื่อสมเด็จพระปุริโสดมบรมโพธิสัตว์ได้ทรงสดับอรรถเนื้อความตามประสงค์ ของกษัตริย์ผู้ใหญ่ในเจตราษฎร์ ยอมถวายอำนาจในแผ่นดินสิ้นทั้งแว่นแคว้นนั้นแด่พระองค์ เมื่อจะแสดงความไม่ประสงค์จึ่งตรัสตอบให้ชอบแก่คลองการว่า น เม ฉนฺโท โอท่านทั้งหลายเอ่ย ความชอบใจและความคิดอ่านการไว้ไม่มีเลยแก่ตัวเราเพื่อจะคิดเอาบ้านเมืองนี้ไว้ในใต้อาณาจักร เราไม่มีความรักเพื่อจะเป็นเจ้าเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เพระชาวสีพีราษฎร์ทั้งสิ้นเขาจะติฉินว่ามีโทษโหดร้าย จึ่งขับเรานี้ให้ย้ายถิ่นฐานโดยอาการของกษัตริย์ที่ต้องกำจัดจากพระนคร ก็ซึ่งท่านมาคิดผันผ่อนด้วยอุบายต่าง ๆ อย่างว่ามานี้ เราจะชี้โดยเหตุให้ท่านเห็นว่าการอย่างนั้นย่อมไม่เป็นการอันชอบโดยแน่แท้ให้ท่านเข้าใจได้

เจตปุตฺตา สุณาถ เม โอท่านทั้งหลายผู้เป็นใหญ่อันเกิดในเชื้อวงศ์พงศ์เจตราษฎร์สืบมา ท่านจงตรองตริด้วยสติปัญญาแล้วจงเงี่ยโสตสดับคำเราจะว่านี้ เจตา รชฺเชภิเสจยํ ถ้าท่านเจตาธิบดีจะมีความสโมสร อภิเษกเราให้เป็นใหญ่ในสมบัติ ยามเมื่อเราต้องพรากพลัดจากสถานที่มหากษัตริย์เอกราชเจ้าชนชาติชาวสีพีครั้งนี้แล้วไซร้ ชาวสีพีราษฎร์ทั้งผู้ใหญ่และไพร่พล ก็จะมีกมลหฤทัยกินแหนงแคลงคลางไปต่าง ๆ แก่พวกท่าน จะเห็นไปว่าตัวเรามาคิดการจะทดแทนแก้แค้นเขาด้วยอาฆาต จะนำเขาให้พินาศอยู่ในเนื้อมือ จึงมาเกลี้ยกล่อมให้ท่านทั้งหลายนับถือยกตัวเป็นใหญ่ เมืองนี้ก็ใกล้เขตแดนกับแว่นแคว้นสีพีราษฎร์ ประชาชาติชาวสีพีก็จะมิไว้ใจในความไมตรีที่มีมาแต่ก่อน ก็จะก่อการสงครามเป็นความร้อนแก่อาณาประชาราษฎร์ทั้งสองฝ่าย จะเป็นอันตรายแก่การไร่นาค้าขาย ซึ่งเป็นอุบายความสุขของมนุษย์นิกร ก็ความเดือดร้อนอันนี้จะมีแก่ชนเป็นอันมากต้องยากเย็น จะบังเกิดเป็นก็เพระตัวเราผู้เดียว

เพระฉะนั้นเราไม่คิดแลเหลียวที่จะกลับรับราชสมบัติแล้ว จะแสวงหาแต่ความผ่องแผ้วในพิสุทธิพรหมจรรย์อันเป็นกุศล ปฏิคฺคหิตํ ยํ ทินฺนํ สิ่งไรท่านได้จัดให้แก่เราผู้เป็นอาคันตุกชน หรือสิ่งไรท่านคิดจะให้เป็นศุภผลแก่เรา จึ่งได้คิดหารือปรึกษาว่าจะคิดอ่านพร้อมยอมยกให้ทำให้ สิ่งทั้งปวงนั้นก็จงเป็นสมมุติว่าเรารับไว้ สพฺพสฺส อคฺฆิยํ กตํ พนมดอกไม้ซึ่งเป็นของควรจะนำมาให้ เพื่อแสดงแถลงความว่าเป็นผู้กตัญญู รู้อุปการที่ท่านทำ ก็จงสมมติว่าเป็นอันเราทำตอบแทน แก่สิ่งทั้งปวงที่ท่านไม่หวงแหนยอมยกให้นั้นเป็นอันแล้วกันเถิด

อวรุทฺธสิ มํ ราชา สมเด็จพระเจ้าสญชัยบรมนาถราชบิดาผู้ประเสริฐของเราผู้ผ่านเกล้าชาวสีพี ได้มีพระราชบัญชาลงอาญาแก่เรา ให้ขับไล่เราไปอยู่ในเขาวังกบรรพต เรามีความเคารพจะไม่ล่วงพระราชกำหนดนั้นโดยพลัน จะขอไปตามรับสั่ง ขอท่านทั้งหลายจงรู้โอกาสที่ควร เราจะหวังเอาเป็นที่อยู่แล้วจงบอกให้รู้ในบัดนี้ ในพนมไพรที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของครอบครองนั้นไซร้ที่ไหนจะดีควรจะเป็นที่อยู่ของเราได้ ถ้าท่านรู้อยู่ก็จงบอกแก่เราให้แจ้งใจในกาลบัดนี้เถิด


อถสฺส เจตา ครั้งนั้นกษัติริเจตราษฏรฺ เมื่อไม่อาจยอเย้าเกากวนชักชวนให้ยักย้ายอุบายเป็นอย่างอื่นได้แล้ว ก็มีจิตเศร้าหมองไม่ผ่องแผ้วแต่จำใจตอบไปตามจนว่า ตคฺฆ เต มยํ พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์มีพระราชประสงค์จะแสวงหาแต่การเป็นกุศลดั่งนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายก็จะขอชี้ถิ่นที่สมควรพระองค์จะเสด็จไปอยู่ได้ ตามถ้อยคำชาวป่าดงพงไพรที่เขาฉลาดอาจสังเกตได้ในแผนที่ พนมพนาลีมีในที่ต่าง ๆ

ก็กษัติริย์ที่ละวางสิริราชสมบัติตัดอาลัย มาทรงประพฤติพรตบูชาไฟมีน้ำพระทัยอันตั้งมั่น เสด็จอยู่ในที่ไหนได้เป็นอันเกษมสำราญ ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ยินเขาว่าขานต้องกันเป็นอันมาก เอโส ปพฺพโต ภูเขาหลากล้วนแล้วด้วยศิลาภูเขาหนึ่งควรจะไปถึงได้ เขานั้นไซร้เขาเรียกว่าเขาคันธมาทน์เพราะมีพฤกษาและคัจฉลดาชาติ ซึ่งเป็นของประหลาดมีกลิ่นหอม งอกแวดล้อมและขึ้นเต็มไปในเขานั้น จะนับด้วยพันก็มิถ้วนได้ ปล่อยกลิ่นหอมขจรตรลบไปในทิศทั้งสี่

มหาราช ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมหิศวราธิบดีสีพีราษฎร์ ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นว่าเขานั้นประหลาดควรจะเป็นที่สบายของพระองค์ จะได้เสด็จไปอยู่กับสมเด็จพระอนงค์นาถราชมหิษี และสมเด็จพระราชบุตรบุตรีพร้อมเพรียงกัน ปราศจากสรรพอันตรายดั่งข้าทูลถวายนี้แล

เอวํ มหาสตฺโต สมเด็จพระมหาสัตว์ผู้เลิศลบโลกพิภพแผ่นดินสีพีเวสสันดร เมื่อหมู่กษัตริย์ผู้ใหญ่ในมาตุลนครทูลวิงวอนโดยอเนกประการ เพื่อให้ทรงรับอัครสถานเป็นมูรธาภิสิตเตกราชบรมนาถในเจตราษฎร์พิสัย ก็มิได้มีพระหฤทัยจะทรงยินดีรับยอมเสด็จแรมประทับระงับกระวรกระวายพระสกลกายเพียงราตรีหนึ่ง

เจตา หมู่กษัตริย์เจตราษฎร์จึ่งทูลเชิญเสด็จให้เข้าไปประทับแรม ณ สัณฐาคารสถานเป็นที่สำราญ ณ ภายในกำแพงพระนคร พระองค์ไม่ประสงค์จะอ่อนตามความเชิญชวน ตรัสว่าเราจะด่วนเดินไปจากเจตราษฏร์พิสัยนี้ ข้าจะขอแรมเพียงอีกราตรีหนึ่งก็จะไป ศาลานี้เราก็ได้อาศัยอยู่ราตรีหนึ่งซึ่งล่วงมา ก็เป็นผาสุกสมควรอยู่แล้ว

กษัตริย์เจตราษฎร์จึ่งบังคับชนผู้รับใช้ในอำนาจให้กวาดแผ้วศาลานั้นทั้งภายนอกภายในให้บริสุทธิ์สะอาดแล้ว ปูลาดด้วยพรมเจียมตระเตรียมมัญจาสนาสน์ราชบรรจถรณ์ ที่บรรทมบรมไสยาสน์ สมควรแก่ขัตติยราชทั้งสี่พระองค์ แวดวงด้วยสาณีปราการม่านอันวิจิตร ดาดเพดานชวลิตด้วยดวงดารารายในเบื้องบน แล้วถวายน้ำสรงและเครื่องสุคนธ์สำราญพระกาย แล้วถวายนานัคครสโภชนาหาร ให้เสวยอิ่มหนำเกษมศานต์ และตามประทีปชัชวาลในที่สมควร ณ ห้องศาลานั้น

แล้ววางพวกพหลพลขันธ์จุกช่องล้อมวง พิทักษ์รักษาการทุกสิ่งสารพัดจัดตามกิริยาของผู้เป็นเจ้าถิ่นที่ ซึ่งมีความเคารพรับยินดีรักใคร่ผู้มีไมตรีมาแต่เมืองไกล ปุน ทิวเส ครั้นรุ่งขึ้นเป็นวันใหม่ ก็ถวายนานัคครสโภชนาหารล้วนเป็นของตระการอย่างดี ให้กษัตริย์ทั้งสี่เสวยสำราญเสร็จแล้ว พระเพสสันดรก็มีพระทัยผ่องแผ้วตรัสสรรเสริญความชอบขอบคุณแก่กษัตริย์เจตราษฎร์ ด้วยสุนทรพจนพิลาสแล้วก็ตรัสอำลา กษัตริย์เจตราษฎร์มีดวงพักตร์เต็มด้วยอัสสุธาราเพราะมีความอาลัย แต่จะขัดพระประสงค์มิได้ก็ต้องอำนวยตาม พระบรมโพธิสัตว์ได้ความอนุญาตของกษัตริย์เจตราษฎร์แล้ว ก็ทรงอำลาเสด็จลีลาศไปโดยทางข้างอุดรทิศ

กษัตริย์เจตราษฎร์ยังมีน้ำจิตที่จะใคร่เกื้อหนุนให้เป็นคุณแก่พระองค์ ตามไปส่งเสด็จถึงที่สุดสิ้นเขตแดนแว่นแคว้นเจตราษฎร์ สิ้นหนทางที่ท่านนับอ้างว่าสิบห้าโยชน์ ถึงที่วิเศษโสดเป็นทางที่จะเข้าป่าพระหิมพานต์ จึ่งทูลรำพันทุกถิ่นฐานในทางที่จะต้องเสด็จไปในเบื้องหน้า ตมตฺถํ ปกาเสนํโต สตฺถา อาห เนื้อความนั้นสมเด็จพระบรมศาสดามีพระพุทธประสงค์จะแสดงความให้แจ้งด้วยดีแก่ผู้ฟัง เพื่อจะได้ตั้งสติจำทรงไว้ด้วยง่าย จึ่งตรัสเทศบรรยายผูกพันเป็นพุทธนิพนธคาถาดั่งนี้

ตํ เจตา อนุสาสสึสุ ฯ


ภิกฺขเว นี่แน่ภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลวัตร เจตา หมู่พวกเจตกษัตริย์ทั้งหลายผู้ใหญ่ในเจตวิสัย มีอาลัยในพระเวสสันดรเกิดความโศกเร่าร้อนหฤทัย มีเนตรเต็มไปด้วยอัสสุธารา มีดวงหน้าแสดงความโศกด้วยว่าจะวิโยคพระเวสสันดร จึ่งรำพันว่ากล่าวสั่งสอนแสดงที่ต่าง ๆ ที่ควรอ้างเป็นสำคัญในมรรคมรคา และเป็นที่ประทับโดยลำดับจนถึงวังกบรรพตคีรี ว่า


อิโต คจฺฉ มหาราช ข้าแต่มหาราชเจ้าเอ่ย พระองค์จงเสด็จแต่ที่นี้แล้วอย่าหนีหนทางข้างอุดร จงผันผ่อนจับทางให้ตรงคงทิศนั้น ไม่ช้าพลันความเจริญจงมีแด่พระองค์เถิด ที่สำนักอันประเสริฐคือเขาวิบุลบรรพตเป็นที่กำหนดในคันเขต พระองค์จะได้ทอดพระเนตรเห็นเป็นที่สำราญ นานาทุมคณากิณฺณํ เขานั้นมีต้นไม้ใหญ่ ๆ เป็นไม้มีแก่นสารมีใบทึบหนา มีฉายาอันเย็นเป็นที่สบาย ก็เมื่อพระองค์เสด็จย้ายจากที่นั่น ความเจริญจะมีแก่พระองค์ด้วยพลัน

พระองค์จะได้ทอดพระเนตรถิ่นที่มีน้ำควรเป็นที่ยินดี คือแม่น้ำชื่อว่าเกตุมดีที่มีกระแสน้ำลึก ไหลมาแต่ท้องภูผาเป็นเดิมเถิด เป็นแม่น้ำอันล้ำเลิศอาเกียรณ์เดียรดาษด้วยหมู่มัจฉาชาติใหญ่ ๆ หลายเหล่าหลายพรรณ ทางที่จะขึ้นท่าที่จะลงแม่น้ำนั้นก็เป็นทางอันง่ายอันสะดวก ไม่เป็นที่ขึ้นยากลงยาก ถึงมีน้ำมากบางแห่งก็เป็นทางที่จะข้ามได้

ตตฺถ นฺหาตฺวา ปิวิตฺวา จ ขอเชิญเสด็จพระองค์สรงและเสวยน้ำที่เย็นและใสในแม่น้ำให้สำราญ โปรดให้สองพระราชกุมารชื่นชมยินดี ด้วยทรงเล่นในถิ่นที่มีน้ำตื้นพื้นหาดทรายที่สะอาดปราศจากอันตราย แต่สัตว์ร้ายอาศิรพิษและมัจฉาชาติ และมีเม็ดกรวดประกอบด้วยสีสันพรรณประหลาดต่าง ๆ บ้างเหลืองบ้างแดงมีสีแสงเป็นแก้วโมรามหาชาติ นากสวาดประเสริฐศรีเขียวขจีเจือจานกัน เมื่อเสวยสรงทรงสำราญในที่นั้นเสร็จแล้วเสด็จไป จงหาทางหาดตื้นในภาคพื้นเกตุมดีนที ลางแห่งมีเป็นที่พอจะลุยข้ามไปได้

หรือจะผูกพ่วงด้วยกิ่งไม้ที่เบาลอยน้ำทำเป็นพาหนะและเอาไม้ค้ำข้ามที่ลึกไป เมื่อถึงฝั่งโน้นแล้วเชิญเสด็จเลาะลำเนาไพรไปข้างอุดรทิศ ทิวไม้ใกล้แม่น้ำนั้นย่อมมีเงาร่มชิด ควรจะเป็นที่ประทับอาศัยได้หลายตำบล ต้นไม้ที่มีผลควรคนจะกินเป็นอาหารได้ก็มีอยู่ในที่ใกล้แม่น้ำนั้นมาก ต้นต่ำ ๆ จะเก็บผลได้โดยไม่ยากก็มากมี เป็นถิ่นที่ไม่มีใครไปห้ามหวงปกครองรักษา คนไปมาเขาย่อมเก็บกินเป็นอาหาร อีกมูลมันในป่าที่จะขุดขึ้นเผาบริโภคได้ ก็มีหลายประการเกลื่อนไปในที่นั้น

เชิญพระองค์จงทรงเลือกสรรผลไม้และมันแล้วบริโภคเถิด จะให้เกิดกำลังพระกายสบายพระราชหฤทัย พร้อมกับพระมเหสีและสองดรุณดนัยด้วยอรัญญิกาหาร เมื่อพระองค์เสด็จโดยคมนาการข้างทิศอุดรโดยลำดับ พระองค์จะได้เสด็จไปประทับ ณ ภายใต้พญาไม้มหานิโครธต้นไม้ใหญ่มีใบร่มชิดสนิทดี เกิดขึ้นในที่มอศิลาเป็นทางท่าที่ควรยินดีนักควรอภิรมย์ ไม้นั้นต้นก็ย่อมน่าชมด้วยมีผลประหลาดผิดกับชาติไม้ไทรสามัญ ผลของไม้มหานิโครธนั้นย่อมเผล็ดเป็นนิตยกาล มีรสหวานควรบริโภคเป็นอาหารได้

เมื่อพระองค์เสด็จไปจากที่ร่มไม้มหานิโครธนั้น ไม่ช้าพลันก็จะได้เห็นนาฬิกบรรพต เป็นที่ควรกำหนดว่าเป็นเขาใหญ่ ล้วนแล้วไปด้วยศิลามีช่องน้อยใหญ่ เป็นที่อาศัยของทิชคณานิกรนกต่าง ๆ หลายอย่างหลายประการ ในเขานั้นมีนกประหลาดด้วยสีและสัณฐานควรจะชม และเป็นที่เขานิยมว่ามีนกอย่างหนึ่งซึ่งเรียกว่ากิงบุรุษ เพราะรูปร่างละม้ายคล้ายมนุษย์และมีปีกหางบินไปได้ในอากาศดูประหลาดนักหนา

เมื่อถึงนาฬิกบรรพตนั้นแล้ว ขอเชิญเสด็จเยื้องยักหาทางไปข้างทิศอิสาน ไม่ช้านานก็จะถึงมหามุจลินท์สระศรี มีน่านหน้าอุทกวารีปหคลุมไปด้วยบุณฑริกชาติ คือบัวสัตตบงกชสีขาวสะอาดดอกใหญ่ ๆ บางแห่งมีบัวสายโสคันธิกอุบลงอกแทรกแซงอยู่ได้ก็มี


ก็สระมุจลินท์นี้มีตาน้ำซึมซาบแทรกไปไกลในป่า น้ำที่ซึมไปนั้นก็เป็นที่อาศัยของต้นพฤกษาลดาดินติณชาติ บรรดาที่เป็นบาทบชักตรลบเอารสวารี มาบำรุงต้นให้เขียวขจีมีสีสัน แล้วคายไอในอากาศประหลาดครัน และดูดังเมฆปกคลุมอยู่เป็นนิตย์ พื้นภูมิภาคปฐพีก็มีหญ้าแพรกงอกงามติดต่อไปไม่รู้แห้งทุกฤดู ป่านั้นก็ประหลาดอยู่ควรจะชื่นชมภิรมย์นักหนา

เมื่อพระองค์เสด็จต่อไปอย่าได้มีพระหฤทัยครั่นคร้ามขามต่อพาฬมฤคร้าย จงตั้งพระหฤทัยให้สบายดั่งพญาราชสีห์ เมื่อจะเข้าในพนาลีเพื่อจะจับสัตว์เป็นภักษาหาร เมื่อเสด็จเข้าไปในไพรนั้นข้าทั้งหลายก็มีใจมั่นเชื่อต่อพระบรมบุญญาภิสมภาร อาจทูลประกันได้ว่าภัยอันใดจักไม่มี พระองค์จะได้เสวยแต่ความเกษมศรีสุขาภิรมย์ ด้วยชมหมู่ไม้สองอย่าง คือลางบางมีดวงดอกอันตระการด้วยพรรณสัณฐานต่าง ๆ หลายอย่างพ้นที่จะพรรณนา บางพวกก็มีกลิ่นหอมฟุ้งขจรมาทั่วทุกทิศานุทิศ บางพวกมีผลพิจิตรด้วยสีและสัณฐาน และมีรสเปรี้ยวหวานหรือขมเฝื่อนบ้างต่างกัน ควรจะจัดสรรเก็บเลือกบริโภคเป็นอาหาร

บางอย่างควรจะเก็บใช้ในการประกอบเป็นโอสถบริโภครักษาโรคภายในกาย ในไพรนี้มีหมู่นกทั้งหลายมากหลายอย่างหลายประการ มาขันขานด้วยศัพท์สำเนียงเสียงไพเราะพลอดเพราะตามสกุณภาษา บางพวกจับเป็นคู่คูขันกันโดยธรรมดาเวลากรุ่มกำลังที่ตั้งขึ้นตามฤดู หมู่ไม้ในไพรประกอบด้วยบุปผชาติ

คนฺตฺวา คิริวิทุคฺคานิ ขอเชิญพระองค์เสด็จไคลคลาคลาดจากป่านั้นไป ข้ามทางกันดารสถานใหญ่ ๆ ที่จะเดินไปได้ด้วยยาก ในทางซอกเขาลำเนาเนินเป็นที่เขิน และบางแห่งเป็นท่าราบเป็นทางน้ำที่ซึมซาบอาบไหลมาแต่ยอดภูผาอันเย็นชุ่มอยู่เป็นนิตย์ มีเมฆเข้าเกาะติดให้เกิดน้ำซึ่งเป็ฯไอละอองมาแต่อากาศ ก่อวารีให้เอิบอาบซาบไปในที่ลาดแล้วก็เลื่อนลงยังที่ลุ่ม แล้วก็คุมกันเป็นกระแสน้อยใหญ่ ไหลไปเป็นพุและลำรางต่าง ๆ

กระทั่งถึงลำธารและห้วยละหานอันใหญ่ไหลหลั่งไปเป็นเค้าของแม่น้ำนทีทั้งหลาย เมื่อพระองค์เสด็จไปในกันดารฉะนี้ ถึงยากลำบากไม่สู้มีความสบาย ก็จงทรงพระอุตสาหะเสด็จไป ไม่ช้าก็จะถึงที่ควรประสงค์ซึ่งข้าทั้งหลายจำนง ว่าควรพระองค์จะเสด็จประทับอยู่เป็นที่สำราญในการประพฤติกุศลพรต ที่นั้นมีสำคัญควรกำหนดด้วยจัตุรัสโบกขรณี

สระนั้นมีต้นไม้กลุ่มงอกคุมกับไม้รกฟ้า หรือบางพวกเรียกว่าไม้ไทรย้อย งอกอยู่รอบขอบสระศรี สระนั้นมีหมู่มัจฉาชาติประหลาด ๆ หลายอย่างต่าง ๆ กัน มีทางท่าลงในด้านนั้น ๆ ก็ลงง่าย มีตาน้ำซึมมาแต่ทิศทั้งหลายต่าง ๆ ลงยังสระนั้น ให้มีวารีมากอยู่เป็นนิตย์ สระนั้นดูเหมือนมีชนไปคิดกะแผนที่ตีเส้นเทียบ ให้เรียบเป็นจัตุรัสเสมอกันแล้วขุดไว้ ที่นั้นเพราะไม่มีชนไปเนือง ๆ สิ่งซึ่งเป็นเครื่องโสโครกทำให้สระเสียไปก็หามีไม่ น้ำในสระนั้นก็ใสเย็นไม่มีกลิ่นเหม็นเป็นที่รังเกียจเลย

ทางนี้เพราะมีชนเคยไปมาแต่ก่อนกาล มาว่าขานยืนยันมั่นคงควรเชื่อได้ ข้าทั้งหลายจึ่งทูลแต่พระองค์ไปครั้งนี้ตามความที่ได้ฟังมา และเขากล่าวอีกว่าในส่วนบุรพุตรทิศาภาคของสระจัตุรัสโบกขรณี มีจังหวัดบนเขาควรสำคัญว่าจะสร้างเป็นอัสสมบทอยู่ได้

ขอเชิญพระองค์จงเสด็จไปทอดพระเนตรที่นั้น ถ้าเห็นว่าเป็นที่ควรแล้วอย่าช้า จงทรงสร้างบรรณศาลาอาศรมบรมสถาน เป็นที่อยู่สำราญพระกายและพระหฤทัย อนึ่งข้าทั้งหลายได้ฟังมา ว่าป่ารอบขอบที่นั้นไซร้มีผลไม้เผือกมันสรรพสิ่งซึ่งควรจะเป็นอาหาร มีมากมายหลายอย่างต่างประการ อยู่ในที่ใกล้ไม่ไกลนัก อาจจะเก็บได้ทุกวันไปในฤดูของปีไม่มีที่จะขาดสาย ขอเชิญพระองค์เสด็จประทับอยู่ให้สบาย เลี้ยงพระกายด้วยอุญฉาจริยา ดั่งพรรณนามานี้เถิด

เอวํ เจตา โดยนัยที่แสดงมานี้ เหล่าขัตติยเจตาธิบดีในเจตราษฎร์ ได้ทูลแถลงแนววนาวาสต่อนั้นไปไกลถึงสิบห้าโยชน์จนถึงที่วิเศษโสดชื่อวังกบรรพต กำหนดด้วยจัตุรัสโบกขรณี แด่พระเวสสันดรและพระมัทรีสองกษัตริย์ ซึ่งนิราศพลาดพลัดจากสมบัติกรุงสีพีมา เต อุนฺโยเชตฺวา ได้ส่งเสด็จสี่กษัตริย์ให้ดำเนินไป ในหนทางพนมไพรซึ่งได้แสดงแถลงถวายนั้นแล้ว ยังคิดจะให้สี่กษัตริย์ผ่องแผ้วพ้นพยันตรายแต่ไพรีร้ายที่คลางแคลงว่าชาวสีพีจะแต่งติดตามมา ให้พิฆาตนิราศจากความสุขให้พระองค์ทรงเสวยทุกข์ยิ่งขึ้นไป

หรือยังเกรงอีกว่าจะมีคนจนยากไร้ตามไปทูลขอสองดรุณน้อยหน่อขัตติยาราช หรือพระราชเทพีซึ่งมีสิริวิลาสลักษณวิไลไปเป็นของตน ทำให้ถึงทรพลต้องเลี้ยงพระองค์แต่ผู้เดียว ไม่มีผู้จะแลเหลียวเปลี่ยวอนาถ กษัตริย์เจตราษฎร์จึงได้เลือกสรรวนจรกบุรุษ ชื่อเจตบุตรมนุษย์พรานป่า เป็นคนที่มีกำลังวังชาเชี่ยวชาญชำนาญในหนทางข้างทิศนั้น แล้วตั้งให้เป็นผู้รักษาทางร่วมที่สำคัญเป็นต้นทาง ที่เดินตามพระองค์ไป

กษัตริย์เจตาธิบดีกำชับสั่งเจตบุตรพรานไว้ว่า อย่าให้ใคร ๆ เดินไปในทางนี้ได้เป็นอันขาด เว้นแต่ราชทูตถือข่าวสาสน์ ของสมเด็จพระภูมิบาลพระเจ้ากรุงสญชัย หรือกษัตริย์ผู้ใหญ่ในเจตราษฎร์หากบังคับใช้มา แล้วให้นายเจตบุตรคิดอ่านรักษาสี่กษัตริย์ ให้ได้เสด็จอยู่เสวยสุขสวัสดิ์โดยบรมราชอัธยาศัย ในกุศลวัตรปฏิบัติบำเพ็ญอุตมพรหมจรรย์ในอรัญประเทศ เมื่อดำรัสจัดการเสร็จแล้วก็เสด็จคืนมาตุลนคร ซึ่งอยู่ครอบครองแต่ก่อนนั้นแล

สปุตฺตทาโร เวสฺสันฺตโรปิ แม้ฝ่ายว่าสมเด็จพระบรมนเรศเวสสันดรกับพระมัทรีชาลีกัณหาชินา เป็นสี่กษัตริย์เสด็จจรโดยมรรคานุกรมมีนิยมดั่งกล่าวมา ถึงภูผาเขาคันธมาทน์เลือกได้ที่สะอาดเสด็จประทับอยู่แรมราตรี ครั้นรุ่งขึ้นเสด็จจากที่นั้นผันพระพักตร์ต่ออุดรทิศ เสด็จไปไม่ผิดถึงเขาวิบุลบรรพต เสด็จเลียบเชิงเขาไปโดยกำหนดจนถึงฝั่งเกตุมดีนทีเป็นเวลาพระสุริยรังสีร้อนกล้า จึ่งเสด็จนิสัชนาการนั่งในร่มไม้ใกล้ฝั่งแม่น้ำนั้น ประทับระงับร้อนผ่อนผันพระกายให้สำราญ

ครั้งนั้นยังมีนายพรานผู้หนึ่งมาถึงไต่ถามพระองค์ดูก็รู้จัก จึ่งมีจิตจงรักภักดีต่อพระบรมสมภาร จึ่งได้แต่งมธุรมังสาหารถวายให้เสวยในเวลานั้น พระองค์จึ่งพระราชทานรางวัลคือถอดพระสุวรรณจุฑามณี จากพระเมาลีแล้วยื่นให้เป็นทาน ส่วนพระองค์สรงสนานเสวยสีตโลทกในแม่น้ำนั้นพร้อมกันกับสามกษัตริย์ซึ่งตามเสด็จมา แสวงหาหาดที่ตื้นในพื้นนทีที่พอจะข้ามได้ แล้วเสด็จไปฝั่งโพ้นของแม่น้ำเกตุมดีนที

เสด็จจรลีลีลาคลาไคลไปจนถึงที่ตั้งพญาไม้มหานิโครธ เป็นไม้วิเศษโสดงอกขึ้นใกล้ชะง่อนแง่มอศิลา ข้างเขาสานูบรรพตเสด็จประทับในที่นั้น เสวยผลของไม้นิโครธที่มีพรรณและรสอันหวานสำราญพระราชหฤทัย แล้วเสด็จต่อไปจากที่นั้นมิช้าก็ถึงเขานาฬิกบรรพต เสด็จอ้อมเขาไปโดยกำหนดจนถึงมุจลินท์สระศรี แล้วเลียบขอบสระไปจรถึงที่ทิศอีสาน จึ่งทอดพระเนตรเห็นทางเล็กควรบทวารผู้หนึ่งจะพึงไป

พระองค์ก็ตั้งพระทัยอุตสาหะกล้าพาสามกษัตริย์เข้าไปในป่าชัฏดงกันดาร ล่วงถิ่นสถานที่มีแง่ศิลาและเครื่องรกในป่าและซอกธารน้ำไหลลงจากภูเขาใหญ่เป็นอันมาก เป็นทางยากที่จะเดินสัญจร พระองค์สู้ผันผ่อนพระกำลังยังเสด็จไป จนได้ถึงซึ่งที่จัตุรัสโบกขรณีตามสังเกต ว่าอยู่ในเขตเขาวังกบรรพตซึ่งกำหนดไว้ว่าจะเป็นถิ่นที่อยู่ของพระองค์ โดยความประสงค์นั้นแล


ตสฺมึ ขเณ ในขณะนั้น พิภพของท้าวสักกินทรเทวราชด้วยอำนาจพระบรมบารมีของพระโพธิสัตว์ ให้อุบัติบันดาลแสดงอาการอันร้อน สมเด็จพระเป็นเจ้าเทพนครสักกินทราธิบดี ทรงคำนึงตามเหตุที่บังเกิดมีก็ได้ทราบชัด ว่าพิเศษอุบัติอันนั้นบังเกิดเป็น ด้วยจะเตือนพระองค์ให้เห็นแก่พระเวสสันดร ช่วยผันผ่อนแก้ไขไม่ให้ได้ความลำบากมากนัก จึ่งมีเทวบัญชาให้หาพระเวสสุกรรมเทพบุตร ให้เร็วรุดมายังที่เฉพาะพักตร์แล้วตรัสสั่งให้ไปยังท้องภูเขาวังกรบรรพต สร้างอัสสมบทและเครื่องประพฤติพรตทุกอย่างต่าง ๆ ถวายพระเวสสันดร เตรียมไว้ให้พร้อมก่อนแต่ท้าวเธอนั้นยังไม่ทันเข้าไปถึง

โส สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา พระเวสสุกรรมเทวบุตรรับเทวบัญชาว่าสาธุดั่งนี้แล้ว ก็คลาดแคล้วจากเทวโลกโดยพลัน ถึงเขาวังกบรรพตนั้นมิช้าด้วยเทพฤทธิ์ก็นิรมิตพระบรรณศาลาสองหลังตั้งไว้ และถิ่นที่ทั้งปวงสำหรับใช้คือที่จงกรม และถิ่นที่ควรนิยมเป็นที่ประทับในทิวาราตรี ก็นิรมิตไว้เป็นถิ่นที่สมควรทุกประการ อนึ่งได้บันดาลด้วยเทพฤทธิ์ให้กอไม้น้อย ๆ มีดวงดอกอันวิจิตรหลายอย่างต่าง ๆ กัน และกัทลีวันป่ากล้วยมีผลอันหวานงอกขึ้นทันใจในที่นั้น ๆ ทำให้เป็นที่สำคัญเหมือนกับมนุษย์บุรุษที่อยู่มาก่อนแต่ปลูกไว้เป็นเครื่องประดับในพระอาศรมสถาน แล้วก็นิรมิตบรรพชิตบริขารทุกประการ ตั้งไว้ให้บริบูรณ์พร้อมมูลในพระบรรณศาลา

อกฺขเร ตฺตถ ลิขิตฺวา แล้วเขียนหนังสือเป็นสัญญาประกาศไว้ว่า เยเกจิ ใคร ๆ จะใคร่บรรพชาก็จงอย่ามีสงกาเลย แล้วจงรับสรรพสิ่งพร้อมสรรพสมณบริขารทั้งถิ่นสถานอาศรมบทนี้ ด้วยความยินดีเป็นของตนเถิด พรหมจรรย์อันประเสริฐจงเป็นไปโดยสวัสดี แล้วทำเทวอิทธาธิฏฐานบันดาลให้อมนุษย์ร้ายราวี และมฤคปักษีมีเสียงอันไม่เป็นที่เจริญใจ ให้หนีไปไกลจากที่นั้น กำชับสั่งเทพเจ้าในไพรสัณฑ์โดยบัญชาสมเด็จท้าวเทวาธิราช ให้รักษาสี่กษัตริย์ให้เสวยสวัสดีอยู่ อย่ามีความประมาทเปิดช่องให้ไพรีมา การตามเทพบัญชาพระเวสสุกรรมจัดเสร็จแล้ว ก็คลาดแคล้วคลาไคล คืนพิภพเทวาลัยนั้นแล

มหาสตฺโตปิ แม้ฝ่ายว่าสมเด็จพระมหาโพธิสัตว์เสด็จไปอยู่ยังฝั่งสระจัตุรัสโบกขรณีที่สังเกต เที่ยวทอดพระเนตรที่ต่าง ๆ จึ่งทรงเห็นทางเอกปทิกมรรคที่จุรอยเท้าผู้เดียวจักเดิน เดินไม่เคียงเป็นแต่จะเรียงตัวกันไปได้ พระองค์จึ่งทรงพระดำริในพระหฤทัยว่าในท้องห้องไศลวงกตบรรพตนี้ ชะรอยจะมีพระดาบสอยู่ประพฤติพรตในพระอาศรมที่ตั้งอยู่จมลึกเข้าไปในป่า จึ่งมีทางน้อยที่แวะเข้าไปหาเฉพาะตัว ไม่เป็นทางใหญ่ไปทั่วที่ต่าง ๆ พระองค์จึ่งทรงละวางสมเด็จพระมัทรีมเหสีกับสองกุมาร ให้หยุดยั้งอยู่ยังอัสสมบททวารสถานนั้นแล้ว แต่พระองค์เสด็จไคลคลาแคล้วเข้าไปตามเอกปทิกมรรค

ก็ได้ทอดพระเนตรเห็นอัสสมบทนั้นประจักษ์ทุกสิ่งสรรพ์บรรดาที่เทพดามานิรมิตไว้ ทอดพระเนตรอักษรซึ่งเทพดาจารึกในบรรณศาลาก็ทรงพระสันนิษฐานทราบการว่าชะรอยสมเด็จมัฆวานเทวราชซึ่งมีอำนาจในโลก ทรงเห็นการกุศลานุโยคควรแก่พระองค์ จึ่งทรงพระกรุณาให้นิรมิตประทานประดิษฐานไว้คอยรับ ณ ที่นี้ ให้มีสรรพพัสดุซึ่งจะเป็นเครื่องใช้และถิ่นที่จะปฏิบัติศีลวัตรพรหมจรรย์ พระองค์ทรงพระดำริฉะนั้นแล้วก็มีพระทัยผ่องแผ้วด้วยกุศลเจตนา น้ำพระหฤทัยน้อมไปในบรรพชาเป็นแม่นมั่น

ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา พระองค์จึ่งเสด็จเข้าไปในบรรณศาลา ทรงปลดเปลื้องเครื่องบรมราชาวุธสำหรับการยงยุทธ์คือพระขรรค์ และเกาทัณฑ์ธนูศรและราชาภรณ์แล้ว ทรงผลัดพระราชภูษาทรงวากจิรพัสตร์ ตามบรรพชาวัตรอย่างดาบส ทรงสะพักหนังอชินมฤคตามพรตในพระทักษิณอังสประเทศ แล้วมุ่นพระชฎามณฑลพิเศษเป็นเพศพระฤาษีสำเร็จ พลันแล้วทรงธารพระกรกัตรทัณฑ์ ดำเนินออกหน้าบรรณศาลา ทรงพระโสมนัสด้วยบรรพชาสิริ มีพระปีติกล้าเปล่งพระอุทานวาจาราชบรมสุขในบรรพชามัยกุศล

แล้วเสด็จโดยภูมิดลมาขึ้นที่จงกรม เสด็จเดินไปมาโดยนิยมอย่างทาง ภาวนาสำราญพระหฤทัยแล้วภายหลังจึ่งเสด็จออกด้วยอุปสมาการ เปรียบปานพระปัจเจกพุทธเจ้า พระองค์เสด็จจนถึงสำนักพระมเหสี ซึ่งประทับอยู่กับสองกุมารกุมารีราโชรสราชธิดา สำแดงพระกิริยาอย่างธรรมิกบรรพชิต มทฺที เทวีปิ โอโลเกนฺตี ฝ่ายสมเด็จพระมัทรี เมื่อเพ่งพิศทอดพระเนตรแม่นยำก็ยังจำได้ จึ่งกราบก้มบังคมลงแทบพระบาทท่านให้ ทำความเคารพนอบนบพระสวามี ผู้ทรงผนวชนับว่าพระราชฤาษีเจ้านั้น แล้วก็กลั้นความโศกบมิได้ ทรงพระกันแสงไห้ตามวิสัยสตรี แล้วดำรงพระสติตั้งยังที่ปกติ กิริยา

เตน สทฺธึ อสสฺมปทํ ปวิสิตฺวา เมื่อพระสวามีราชฤาษีเสด็จ ก็เสด็จตามไปกับพระองค์ตรงเข้าสู่อัสสัมบท แล้วเสด็จเข้าอาศัยอยู่ในบรรณศาลาที่บำเพ็ญพรตอีกหลังหนึ่ง ซึ่งพระเวสสุกรรมนิรมิตไว้เพื่อจะให้เป็นที่อยู่ของพระนาง ทรงละวางเครื่องประดับแล้วก็กลับเพศ เป็นดาบสินีพิเศษด้วยทรงผลัดผ้าวากจิรพัสดร์ ซึ่งเทพเจ้าจัดนิรมิตไว้เป็นเครื่องใช้ดาบสินี ทรงหนังอชินมฤคีเหนือพระอังสาและผูกชฎามณฑลเสร็จแล้ว ทั้งสองพระองค์ก็ทรงพระประสาทผ่องแผ้วเลื่อมใสในบรรพชาเพศ แล้วจึ่งโปรดให้สองเยาวเรศราโชรสราชธิดา ทรงเพศบรรพชาเป็นดาบสกุมาร จตฺตาโร ปิขตฺติยา แม้ทั้งสี่กษัตริย์มหาศาลซึ่งทรงผนวชดั่งนี้แล้วนั้น ก็พร้อมกันประทับระงับอาศัยในอัสสัมบท ณ ท้องเขาวังกบรรพตเป็นสุขสำราญ ด้วยกุศลการ นั้นแล


อถ มทฺที เทวี ครั้งนั้นสมเด็จพระมัทรีดาบสินี มีพระหฤทัยยังจำนงจงรักภักดี ต่อพระบรมราชฤาษีสามีด้วยความกตัญญู จะใคร่ให้พระองค์ทรงประพฤติพรตอยู่สบาย ไม่ต้องลำบากพระกายด้วยต้องเสด็จไปเที่ยวแสวงหาผลาผลแต่ต้นไม้ในไพรสณฑ์ และจะรับอาสาด้วยตนมาถวาย ให้ได้เสวยเลี้ยงพระกายและสองดรุณราชกุมาร พระนางจึ่งกราบทูลขอพระราชทานบวรปฏิญญาว่า

เทว ข้าแต่สมเด็จพระมหาวิสุทธิสมมุติเทพพงศ์ ข้าพระบาทขอรับพระราชทานโอกาส ขอพระราชทานพระพรแต่พระองค์จงโปรดอย่าถือโทษข้ามัทรี พระองค์เป็นพระราชสวามีผู้เป็นเจ้าเหนือเศียรเกล้าของข้าพระบาท ไม่ควรที่พระองค์จะเสด็จไปในวนาวาสเพื่อแสวงหาผลาผลในหนทางกลางป่า เมื่อเวลาร้อนรนในกลางวัน ขอพระองค์อย่าเสด็จไปในอรัญเพื่อแสวงหาผลาหาร จงเสด็จอยู่กับสองดรุณดาบสกุมารในอัสสมบทนี้

ตัวข้ามัทรีจะขออาสาไปเที่ยวแสวงหามูลผลาบรรดาเป็นของคนควรจะบริโภคได้ มาถวายให้เสวยกับสองดรุณดนัย และเก็บบางส่วนซึ่งเหลือแล้วข้าจึ่งจะหาอื่นมาจานเจือ เก็บไว้เพื่อจะพระราชทานสองกุมารในเพลากลางวันหรือใคร ๆ มาแต่ทิศนั้น ๆ เป็นอาคันตุกมนุษย์มาที่นี่ พระองค์จะได้ทรงพระปฏิบัติในพระทานบารมี และอาคันตุกปฏิสันถาร นับเป็นการพระราชกุศลตามประสงค์ ขอพระองค์จงโปรดยอมตามความปฏิญญาของข้ามัทรีผู้เป็นทาสีนี้เถิด

โพธิสตฺโต ปิ แม้ถึงสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ พระองค์ก็ตรัสขอปฏิญญา แต่พระดาบสินีมัทรีราชกัญญาว่า ภทฺเท เออเจ้าผู้มีสวามิภักดิ์ ถ้าเจ้าจะรักปฏิบัติดั่งเจ้าว่า เราก็ยอมตามความปรารถนาของเจ้าทุกประการ แต่จะต้องมีกติกาอีกสถานหนึ่งเป็นการซึ่งสมควรแก่พวกพรหมจรรย์ เพระเราทั้งสองบัดนี้นั้นเป็นนักบวชบรรพชิต บำเพ็ญกุศลกิจในเมถุนวิรัติปฏิบัติสมณธรรมอยู่ฉะนี้ ธรรมดาสตรีย่อมเป็นที่เศร้าหมองแก่พรหมจรรย์ เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าอย่าได้มาหาเราในใช่เวลา ลับตาสองกุมารทั้งในทิวากาลและราตรี ตลอดเดือนและปีไปเถิด

สา สมฺปฏิจฺฉิ สมเด็จพระมัทรีก็ทรงพระโสมนัสยินดีรับพระราชกติกา ถวายปฏิญญาแล้วก็ทำตามความนั้น ตั้งแต่วันกษัตริย์ทั้งสี่ทรงพระผนวชบวชเป็นฤาษีในท้องเขาวังกบรรพต สมเด็จพระมัทรีก็ปฏิบัติตามกำหนดทุกสถาน ตามการซึ่งกราบทูลรับอาสา ปาโต วุฏฐาย ในเวลาอรุณรุ่งแสงพระสุริยะพวยพุ่งพ้นราตรี พระนางก็เสด็จจากที่บรรทมทรงครองเครื่องนุ่งห่มอย่างดาบสินี เรียบร้อยดีสมควรแล้ว ก็ทรงกวาดแผ้วพื้นภูมิภาคพระอาศรม แล้วตั้งน้ำฉันน้ำใช้ไว้ในที่นิยมตามสถาน

ครั้นเมื่อทวารบรรณศาลา สมเด็จพระภัสดาบรรทมตื่นฟื้นพระองค์ทรงเผยออก แล้วเสด็จมาข้างนอกจากที่บรรทมใน พระนางก็เข้าไปถวายอุทกวารีเป็นที่ชำระสรงพระพักตร์ ซึ่งตักมาด้วยกมัณฑลุภาชน์ทั้งไม้ชำระพระทันต์อันสะอาดเป็นวัตรปฏิบัติ แล้วก็จัดที่ทั้งปวงให้คงในระเบียบเรียบร้อยดี มอบสองดรุณกุมารกุมารีให้อยู่เฝ้ารับใช้ใกล้สมเด็จพระบรมนาถราชบิดา ส่วนพระนางเสด็จมาทรงแสรกคานกระเช้าสานและขอและเสียมเตรียมให้พร้อม พระทัยก็น้อมในที่จะแสวงหาผลาผลไม้และมูลมันน้อยใหญ่ในไพรสณฑ์

ทรงยกเครื่องเหล่านั้นด้วยพระหัตถ์และพระอังสา แล้วเสด็จพระดำเนินเข้าในป่าแสวงหามูลผลาผล ถึงขัดสนก็เที่ยวค้นคว้าเสาะหาตามได้ ผลไม้มูลมันอันใดควรจะบริโภคได้เป็นอาหาร ก็เก็บเล็มทำให้เต็มในกระเช้าสานโดยประมาณ ที่คาดการว่าจะพอบริโภคทั้งสี่พระองค์แล้วก็เสด็จกลับมายังพระอาศรม โดยนิยมเวลาสายัณห์ไม่ทันค่ำ นำผลไม้น้อยใหญ่มาเก็บไว้ในบรรณศาลาแล้วสระสรงพระองค์ด้วยอุทกธาราสำราญพระกาย แล้วให้สองดาบสกุมารสรงน้ำให้สบาย

แล้วทั้งสามพระองค์เสด็จมายกภาชนะมูลผลาผลมาวางลงเบื้องหน้าพระบรรณศาลาทวาร กษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ก็เลือกเสวยสำราญจนอิ่มหนำด้วยผลาหารเป็นเครื่องค้ำพระชนม์ชีพและพระกำลังที่ตั้งพรตจรรยา ครั้นเสวยเสร็จแล้วพระนางก็พาสองดาบสกุมารไปยังสถานที่ประทับของพระนางนั้น สมเด็จบรมธรรมธาดามหาสัตว์ ก็ทรงปฏิบัติสมาทานอธิษฐานเบญจศีล เพื่อรักษาตามดาบสวัตรมีเมถุนวิรัติเป็นที่ครบห้า จะเว้นจากวิกาลโภชนาด้วยมิได้ เพระใช้ในอุญฉาจริยา แสวงหาผลไม้มูลมันในเวลากลางวัน จะได้มาฉันต่อเวลาเย็นค่ำเข้าราตรี

แล้วจึ่งนมัสการกองอัคคีด้วยสำคัญว่าเพลิงนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์ใหญ่ มีรัศมีสว่างไปไกลและมีเดชกล้ากาสิ่งเสมอมิได้ในพสุธาดล เหมือนพระสุริยมณฑลในท้องฟ้า แล้วเจริญทางเมตตาพรหมวิหาร แผ่ไปในสัตว์ไม่มีประมาณทั่วทิศานุทิศ เมตฺตานุภาเวน ด้วยอำนาจเมตตาจิตของสมเด็จพระมหาสัตว์ซึ่งทรงปฏิบัติพระเมตตาบารมีอันอุดมเป็นบรมโพธิสมภาร บรรดาสัตว์ดิรัจฉานทั้งหลายทั้งปวงซึ่งมีอยู่ในที่สามโยชน์โดยรอบขอบ ก็กลับมีความคิดชอบประกอบเมตตาจิตคิดรักใคร่แก่กันและกัน สัตว์ในอรัญประเทศเขตเท่านั้น ตัวใดตัวหนึ่งซึ่งจะทำร้ายเป็นอันตรายแก่สัตว์ตัวอื่นก็หามิได้ สัตว์ที่ร้ายกาจก็มิอาจจะอยู่ได้หลีกไปเสียภายนอกกำหนดที่สามโยชน์โดยรอบขอบเขาวังกคีรี อิมินาว นิยาเมน โดยนิยมดั่งพรรณนามานี้

เต จตฺตาโร ขตฺติยา กษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ ก็ทรงพระเกษมศรีอยู่เป็นสุขสำราญ ในอาศรมสถานซึ่งตั้งอยู่ ณ ท้องเขาวังกบรรพต นานกำหนดถึงเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา นับแต่แรกเสด็จมานั้นแล


วนปเวสนกณฺฑํ นิฏฺฐิตํ







Create Date : 30 สิงหาคม 2549
Last Update : 30 สิงหาคม 2549 22:34:08 น. 0 comments
Counter : 4239 Pageviews.

สายน้ำระริน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
30 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สายน้ำระริน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.