...ความรู้สามารถเรียนทันกันได้...
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 กรกฏาคม 2559
 
All Blogs
 

อินาโมริ คาซึโอะ ผู้พลิกฟื้นกิจการ JAL





พระอาจารย์เซน ‘บันเค โยตาคุ’ มีลูกศิษย์ลูกศิษย์ลูกหามากมาย จึงมีคนอิจฉา

วันหนึ่งพระสายชินชูจึงคิดลองดีท่าน ด้วยการท้าพระอาจารย์บันเคว่า….

“ผู้ก่อตั้งนิกายเรามีปาฏิหาริย์ สามารถถือพู่กันที่ฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ และให้ศิษย์ถือกระดาษยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ก็สามารถเขียนอักษรผ่านอากาศ เป็นตัวอักษรลงในกระดาษได้ ท่านสามารถทำแบบนี้ได้หรือไม่? ”

พระอาจารย์บันเค ตอบกลับ….
-2-
ฝนที่ตกทางนู้น หนาวถึงคนทางนี้ เมื่อลมเริ่มพัดจากทิศตะวันตก มาทางทิศตะวันออก แต่ลมไม่ได้พัดหอบมาแค่ลม แต่พัดสายฝนมาด้วย ยิ่งเมื่อลมพัดแรง ๆ พร้อมกับสายฝนเม็ดโต แล้วรวมตัวกัน จึงกลายเป็นพายุลูกใหญ่ วิกฤตการณ์จากทิศตะวันตก เมื่อพัดมาทางทิศตะวันออก จึงเปรียบเสมือนไฟลามทุ่ง

เมื่อวิวัฒนาการโลกเติบโตขึ้นตามวิวัฒนาการขององค์กรบริษัทที่แสวงหากำไร บริษัทที่คิดจะหากำไรได้ ยิ่งโดยเฉพาะอยู่ตลาดที่แข่งขันรุนแรง หรือภาษานักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า “ตลาดที่แข่งขันสมบูรณ์แบบ” ก็ต้องหาวิธีการที่แตกต่าง คือคิดค้นหาวิธีการนำเสนอที่มีคุณค่าให้กับลูกค้า ในแบบที่ผู้แข่งขันเดิมไม่เคยทำ

สายการบินรูปแบบใหม่จึงเลือกจะตัดสิ่งฟุ่มเฟือยไม่มีความจำเป็นสำหรับการเดินทางทิ้ง เพื่อลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เพื่อมอบตั๋วโดยสารราคาประหยัดให้แก่ลูกค้าแทน

จึงกลายมาเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้บริการทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ส่งผลกระทบไปถึงธุรกิจสายการบินขนาดใหญ่ในรูปแบบเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สายการบินขนาดยักษ์หลายแห่งจึงทยอยเดินหน้าเข้าสู่แผนล้มละลาย และพายุครั้งนี้มันไม่ได้อยู่แค่ตะวันตก แต่มันลามไปทั่วโลก เจแปน แอร์ไลน์ หรือ ‘JAL’

ซึ่งเปรียบได้กับสถาบันหลักแห่งชาติแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ก็ตกอยู่สภาพไม่ต่างกัน จนแอร์โฮสเฮสเตสสาวต้องประกาศห้ามผู้โดยสารลุกออกจากที่นั่ง พร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยนั่งกับที่ให้เรียบร้อย เพราะตัวเครื่องบินกำลังเผชิญหลุมอากาศครั้งใหญ่ เพราะเมื่อปี ค.ศ. 2010 บริษัท ‘JAL’ ถูกยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายล้มละลาย โดยมีหนี้สินรวมกันทั้งสิ้น 2.3 ล้านล้านเยน

และหน้าที่ภาระนี้ หนีไม่พ้นที่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องสอดส่องหากัปตัน ที่ต้องขับเคลื่อนสถาบันแห่งชาตินี้ เพื่อให้ผ่านหลุมอากาศครั้งนี้ไปให้ได้ และมนุษย์ประเภทไหนที่จะกล้ารับอาสางานที่สาหัสสากรรจ์เช่นนี้ และในที่สุด หวยจะไปออกที่ใครไปไม่ได้

เมื่อท้ายที่สุดรัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจส่งจดหมายเทียบเชิญ จ่าชื่อหน้าซองไปที่ ‘อินาโมริ คาซึโอะ’ ผู้ก่อตั้ง Kyocera Corporation ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเซรามิคส์ระดับโลก อดีตพระนักบวชในนิกายเซน ชายแก่ผู้ผ่านโลกมา 78 ปี ท่ามกลางเสียงค่อนขอด ว่าไปเอาคนแก่ที่ไม่ได้รู้จักและเติบโตมากับธุรกิจสายการบิน มาขับเครื่องครั้งนี้จะรอดหรือ?

แต่รัฐบาลญี่ปุ่นในขณะนั้นคงตระหนักดีว่า ในสถานการณ์ที่ลมพายุแรงเช่นนั้น มีแต่ต้นไม้ใหญ่ ที่รากลึกหยั่งถึงและอยู่สู้แดดสู้ลมพายุมานานแล้วเท่านั้น ที่จะรับมือกับลมพายุได้ดี หรือบางทีอาจต้องการปาหาริย์แบบพระอาจารย์บันเค อินาโมริ คาซึโอะ ที่รับค่าตัวศูนย์บาทในการทำงานครั้งนี้ สารภาพในวันแรก ๆ ที่รับตำแหน่งว่า…

“เขาเกลียดการบริการของ JAL มาก เหมือนว่าพนักงานงาน JAL ทำได้ตามแค่หนังสือคู่มือการทำงานเท่านั้น แต่ไม่มีหัวจิตหัวใจของการบริการ แถมถูกมองว่า เจ้ายศเจ้าอย่าง และหัวสูง”

ซึ่งจากสาเหตุนี้ เป็นเหตุผลตามมา ทำให้เขาต้องลงพื้นที่หน้างานเพื่อพูดคุย กับคนทำงานหน้าเคาน์เตอร์ แอร์โอสเตส กัปตัน ช่างเครื่อง และพนักงานภาคพื้นดิน โดยบอกกับทุกคนว่า …

“ลูกค้าจะชอบ JAL หรือไม่ ขึ้นอยู่กับท่าทีปฏิบัติ และวิธีพูดของพวกคุณ”

นั่นคือสิ่งที่เขาพูดเพื่อให้พนักงานตระหนักถึง ‘ความเจริญก้าวหน้าของบริษัท อยู่ที่ท่าทีปฏิบัติต่อลูกค้า’

อินาโมริ ยังเล่าถึงสิ่งที่เขาต้องทำแรก ๆ เมื่อเข้ามาทำงานที่ JAL ว่าดูเหมือนขณะนั้นภายในบริษัท แต่ละคนยังไม่ตระหนักว่า ‘บริษัทจะล้มละลายแล้ว’ มีแต่บรรยากาศที่คอยโยนความรับผิดชอบให้กัน สิ่งแรกที่ต้องทำคือให้พนักงานตระหนักถึงความเป็นจริงว่า…

บริษัทกำลังล้มละลาย และไม่มีใครช่วยได้ นอกจากต้องช่วยตัวเอง!

เขายังได้จัดทำปรัชญาการดำเนินธุรกิจองค์กร โดยให้ผู้บริหารกับพนักงานร่วมกันเรียบเรียง เพื่อเป็นแนวทาง ที่พนักงานทุกคนต้องปฏิบัติตาม ซึ่งได้รวบรวมมาได้ 40 หัวข้อ ซึ่งเป็นวิธีอะไรที่ฉลาดมาก แทนที่เขาจะเป็นคนกำหนดเอง ซึ่งเป็นเหมือนคำสั่งจากข้างบนลงล่าง

ซึ่งโดยปกติพนักงานเวลาผู้บริหารกำหนดแนวทางอะไรใหม่ ๆ ไม่ค่อยอยากปฏิบัติกัน เพราะไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง และบางทีก็ไม่เชื่อว่าผู้บริหารจะกำหนดแนวทางที่ถูกต้องขององค์กร แต่อินาโมริกลับเลือกให้ผู้บริหารกับพนักงานร่วมกัน กำหนดแนวทางปฏิบัติของตัวเอง คือ

การบริหารอินาโมริไม่เน้นเอกสาร พิธีรีตอง แต่เน้นขอให้เข้าใจปรัชญาเดียวกัน

อินาโมริ บอกว่า…

“ถึงเขาจะไม่เคยมีประสบการณ์ในธุรกิจสายการบิน แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา ปรัชญาการทำงานของเขาใช้ได้เสมอ ขอเพียงให้ฝ่ายบริหารตระหนักและเข้าใจในปรัชญาเดียวกัน ว่าการบริหาร คือการสร้างความสุขให้กับพนักงาน และเดี๋ยวสิ่งดีๆ จะตามมาเอง”

ขอเพียงดูแลแม่ไก่ให้ดี ไข่จะตามมาเอง ถ้าคุณทำร้ายหรือฆ่าแม่ไก่ คุณไม่มีทางได้อะไรที่ต้องการทั้งนั้น

3 ปีให้หลัง หลังจาก อินาโมริ เขารับตำแหน่งประธานกรรมการ ซึ่งเปรียบได้กับกัปตันเรืออากาศที่ขับผ่านหลุมอากาศครั้งใหญ่ อินาโมริก็นำเครื่องบินแห่งชาติลำนี้ Landing สู่สนามบินได้อย่างปลอดภัยราวปาฏิหาริย์ ท่ามกลางเสียงผู้คนที่แทบไม่น่าเชื่อว่าสายการบินแห่งนี้จะรอดพ้นหลุมอากาศครั้ง นี้มาได้ เมื่อในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2013 บริษัทกลับมาปิดงบยอดขายได้สูงถึง 1,238,800 ล้านเยน และคงกำไรได้ถึง 195,200 ล้านเยน

อินาโมริ กล่าวว่า…

“มีเพียงสิ่งเดียวที่เปลี่ยนไป คือ ใจคน เพียงแค่เปลี่ยนความคิด ก็ทำให้กิจการฟื้นกลับขึ้นมาได้”

อินาโมริเล่าว่า มีคนชอบมาถามเขาอยู่บ่อยๆ ถึงเคล็ดลับและเทคนิคกการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เมื่อคำตอบออกจากปากไปแล้ว ทุกคนต้องทำหน้าผิดหวัง เพราะไม่มีใครเชื่อว่า สามารถบริหารธุรกิจได้ ด้วยวิธีพื้น ๆ

“หลักการอันเรียบง่าย คือ สิ่งที่ดีที่สุด”

อินาโมริว่า …

“คนเราชอบคิดว่าสิ่งต่างๆ ซับซ้อนกว่าความเป็นจริง ทั้งที่แก่นแท้ของสรรพสิ่งทั้งหลายนั้นแสนเรียบง่าย”

“รู้ไหมยีนของมนุษย์นี่นะ มันอาจจะจับคู่กันได้ถึงสามพันล้านคู่ แต่ทั้งหมดมันจับกันจากเบสเพียง 4 ชนิดเท่านั้นเอง”

ผืนผ้าแห่งความจริงถักทอจากด้ายเพียงเส้นเดียว ดังนั้นทั้งการดำเนินชีวิตและทำธุรกิจบางทีมันก็ไม่ซับซ้อนขนาดนั้น มันมีชุดความสัมพันธ์แค่ไม่กี่ชุด แต่มนุษย์ชอบทำให้ซับซ้อนเกิน

อินาโมริว่า ไม่ว่าธุรกิจใด ๆ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ และจริยธรรมขั้นพื้นฐานที่เราใช้กับมนุษย์ (ใช่พอเวลาเราพูดถึงบริษัทบริษัทหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องอิฐหินปูนทราย แต่คือ ‘คน’ ที่อยู่ในบริษัท เพราะบริษัทไม่มีชีวิต แต่คนในบริษัทมีชีวิต และมีแค่คนที่จะทำให้บริษัทเจริญก้าวหน้า หรือ เปลี่ยนแปลงได้ และยังส่งผลไปยังลูกค้า ซึ่งก็คือ คนเช่นกัน)

อินาโมริว่า…

“การใช้ชีวิตตามหลักการเป็นเรื่องง่าย แต่ทำยาก เพราะมนุษย์มักพ่ายแพ้ต่อสิ่งล่อตาล่อใจ และ ความทะยานอยาก”

ในชีวิตเราจึงเห็นคนที่เก่ง ๆ ที่ตอนหลังชีวิตต้องล้มเหลว หรือคนเคยเป็นคนดีแทบทุกอย่างแต่ตอนหลังเปลี่ยนไป เพราะคำ ๆ เดียวคือ ‘โลภ’ อยากได้ผลประโยชน์มากๆ จนทำให้ทำอะไรที่ผิด และส่งผลต่อชีวิตตามมา

-1+2-

พระอาจารย์บันเค ตอบ..

“นั่นมิใช่การกระทำของเซน ปาฏิหาริย์ของอาตมา คือ เมื่อรู้สึกหิว ก็ฉัน เมื่อง่วงหาว ก็เข้านอน”

ใช่คนเราเวลากินมักไม่มีสติอยู่กับการกินอย่างแท้จริง เวลากินข้าว เรามักคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้อยู่ในหัวตลาดเวลา ไม่ได้อยู่กับการกินอย่างแท้จริง เราอาจคิดถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรือสิ่งที่เราจะทำต่อหลังกินข้าวเสร็จ (ซึ่งบางทีก็นำทั้งสุข และทุกข์มาให้ ทั้งที่ตัวเรานั่งกินข้าวอยู่ตรงนี้ แต่ไม่มีความสุขเลย เพราะอาจมัวคิดเรื่องอื่นอยู่)

ทั้งที่การอยู่กับปัจจุบัน เป็นสิ่งเรียบง่ายที่สุด แต่เราก็ยากที่จะทำได้ อินาโมริบอกว่า…

“ชีวิตคือ ผลรวมของสิ่งที่เราทำในแต่ละวัน การอยู่กับปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่ว่าเป้าหมายจะยิ่งใหญ่แค่ไหน หากเราไม่พยายามทำแต่ละวันให้ดีที่สุด และก้าวไปที่ละขั้น เราก็ไม่มีวันไปถึงเป้าหมายได้”

*** หาหนังสือที่ อินาโมริ คาซึโอะ เขียนแปลเป็นภาษาไทยได้ โดยมี 2 เล่ม ‘ช้าให้ชนะ’ กับ ‘ถอยก็ตาย วิกฤตยังไงต้องสู้’

//www.leaderwings.co/leadership/make-employee-happiness/





 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2559
0 comments
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2559 21:18:13 น.
Counter : 1014 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Querist
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




Friends' blogs
[Add Querist's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.