ฤดูกาลแห่งโลชั่น
จำไม่ได้ว่ารู้สึกได้ถึงลมหนาวเมื่อวันไหน ฤดูหนาวสำหรับคนกรุงมันจะมีสักกี่วันกันเชียว อุ๊ยลืมไปว่าตัวเองอยู่นอกกรุง ขออภัย มาอยู่ได้ไม่กี่ปีเลยยังติด คิดว่าตัวเองเป็นคนกรุง แต่ก็นะไปทำงานในกรุงทุกวัน... นอกจากลมเย็นๆ ที่พัดมา อีกอย่างที่เป็นสัญญาณบอกกับฉันว่าหนาวแล้ว (คือต้องเข้าใจนะว่าหนาวในที่นี้คือแปลว่าเย็น ไม่ถึงกับ 15 องศาอะไรอย่างนั้น) ก็คือผิวอันบอบบางของดิฉัน ( จริงๆ คือผิวอันแห้งกร้าน) จะเริ่มแห้ง และคันคะเยอะ แล้วฉันก็โรคจิต ชอบเกา ช่วงนี้อาการเริ่มออกแระ นั่งทำงานอยู่ ทำไมคัน.. ทำให้ต้องหาโลชั่นมาประดับโต๊ะทำงานเสียแล้ว ปกติ เป็นคนดูแลตัวเองดีมาก โลชั่นจึงไม่ค่อยสัมผัสผิว แต่พออากาศเย็นลงทีไร ต้องควานหาโลชั่นให้จ้าละหวั่น ดังนั้นเมื่อพูดถึงหน้าหนาว นอกจากเสื้อหนาวที่ซื้อมาก็ใส่แค่ปีละ 5 วันเป็นอย่างมาก อีกอย่างที่ต้องนึกถึงก็คือผลิตภัณฑ์คุ้มครองผิวทั้งหลายแหล่ โดยเฉพาะกับคนผิวแห้งอย่างฉัน โดยเฉพาะที่หน้าแข้งของฉัน มันจะแห้งและขึ้นลายเหมือนเกล็ดงูเลย ที่หน้าขา เอ๊ะ หรือหน้าตักก็เช่นกัน ตอนเช้าตื่นมาก็เริ่มเลย เกา เกา เกาและเกา แดงเป็นปื้น บางทีก็ที่เกิดอาการที่ข้อพับ และที่น่อง หากใส่กระโปรง แล้วเห็นรอยแผลเป็น ไม่ได้โดนหมาที่ไหนไล่กัด แต่ทำตัวเองทั้งน้าน.. คือแบบว่าบางทีมันเกามันไปหน่อยอ่ะ แห่ะๆ (นิสัยเสียแก้ไม่หาย)ว่าไปก็ดีเหมือนกันหล่ะนะ ที่เมืองไทยไม่หนาวมาก (จริงๆ คงต้องบอกว่ากรุงเทพและปริมณฑล) ไม่อย่างนั้น คงต้องเสียตังค์ค่าโลชั่นเยอะมากแน่ๆ ฮ่ะฮ่า แล้วเราก็จะขี้เกียจอาบน้ำเหมือนฝรั่ง ตัวก็จะเหม็น อากาศเย็นก็เข้าห้องน้ำบ่อยด้วย (ปกติก็เข้าบ่อยอยู่แว้ว) เคยไปเที่ยวเมืองหนาว มือแข็ง ไม่อยากแม้แต่จะยกกล้องกดชัตเตอร์ ฉะนั้นหนาวแบบพอเพียงก็ดีเหมือนกันนะ บางคนชอบบ่นว่าเมืองไทยร้อนอย่างนู้นอย่างนี้ อือ ก็เราอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรนี่นะ ถ้าหิมะตกแสดงว่าโลกใกล้แตกแล้วแน่ๆ ว่าไป อากาศเย็นๆ ตอนเช้าชวนให้จินตนาการไปถึงการเดินเล่นชมดอกไม้บานในยามเช้า เฮ่อสดชื่นนน แต่ในความเป็นจริงก็คือ นอนอยู่บนรถเมล์เกือบชม. ต่อรถไฟฟ้า และเดินเข้าอโศกฝ่าควันพิษและฝุ่นละออง แถมพอขึ้นตึกก็ต้องเผชิญกับควันบุหรี่ ไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเล้ยให้ตายสิ แล้วหน้าหนาวของคนอื่น นอกจากเสื้อหนาวและคนรักแล้วคิดถึงอะไรอีกบ้างเอ่ย?