เรื่องเดียวกันแต่ต่างมุมมอง
ก็อยากจะเขียนมั่งอะ ไปอ่านบ้านโน้นมาแระ มาอ่านบ้านนี้มั่ง .. ฉัน ยังเป็นผู้หญิงที่มีปัญหาสำหรับคนที่บ้านอยู่ ฉัน ยังเป็นคนขวางโลกสำหรับคนที่นี่อยู่ และฉันยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตของคนที่นี่ได้ เพียงเพราะ หัวใจฉันยังมีปัญหา เอาเถอะแม้กระทั่งการเลือกตั้ง ฉันยังสามารถตะโกนได้ว่า “เบอร์หนึ่ง” รองเท้าบางคู่อาจจะเขวี้ยงมาถึงหัวฉันได้หากฉันไม่รีบหลบโดยเร็ว บอกตามตรงก็คือสติฉันยังไม่ครบถ้วนเท่าไหร่
แล้วเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตคนหนึ่งก็ฝากข้อความมาถึงฉันผ่านเฟชว่า “มาหากันได้ไหม” ฉันเปิดเจอข้อความนั้นเมื่อ 4 ชั่วโมงถัดมา (จริง ๆ แล้วโทรหากันก็ได้) แน่สิคนบ้าอย่างฉันจะปฏิเสธได้ยังไง “โดดขึ้นรถมาเล้ยย” เอากะฉันสิ คนบ้าอย่างฉันมีคนอยากมาหาด้วยวุ้ย เขาไว้ใจว่าฉันจะให้ความปลอดภัยเขาได้ไงกัน
คน ๆ หนึ่ง ที่รู้จักกันในบล็อก คนที่สื่อสารกันด้วยข้อความเพียงสองสามบรรทัด คนที่ฉันเรียกว่าเจ้ และยอมรับการเป็นเจ้ฉัน แบบไม่ตกลงกันล่วงหน้า
ก็เมื่อฉันเจ้ไป เขาก็แทนตัวเองว่าเจ้กลับมา ในที่นี้ไม่ขอระบุชื่อ ไม่อยากให้ออกสื่ออีก เด๋วจะดังเกินหน้าเกินตาฉัน
ฉันคลิกกลับไปที่หน้าเฟช ของเขา เพื่อจะตอบคำถามนั้นปรากฏว่าในเฟช แฮะแฮะ แอบอ่าน มีข้อความจากเพื่อนร่วมงานบางคนของเขา และ หัวข้อแปลกๆ ที่ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกว่าเขามีปัญหา จริง ๆ แล้วก็ตั้งแต่ ข้อความแรกของตอนเช้าแล้ว เพียงแต่ไม่สะกิดใจเท่านั้น
“ช้านนกลัวเขาจะฆ่าตัวตายฟะ” แต่คงไม่มีใครคิดปัญญาอ่อนแบบนี้แน่นอน กดโทรย้อนศรกลับไปรวดเร็ว ปลายสายตอบกลับมาด้วยเสียงหัวเราะเจือสะอื้นน เลยบอกไปว่า มาเลย เดี๋ยวนี้เลย ทางโน้นก็บอกว่า ต้องซักเสื้อผ้าก่อน “ไม่ต้องแล้วมาใส่ที่นี่ของน้องมี” “ไม่ได้วะใหญ่ใส่กะใครไม่ได้ คำนั้นทำให้ฉันวางโทรศัพท์ไปอย่างอึ้ง ๆ ยอมรับให้เขาเดินทางมาในวันพรุ่งนี้โดยดุษฏี เพราะฉันใหญ่ไม่เท่า (สงสัยชิมิ ว่าอะไรใหญ่ ตามนั้นแหละ)
..........
สำหรับคนบ้านนอกอย่างพวกเรา คำว่าเพื่อนทางเน็ตจะมาที่บ้าน เป็นเรื่องไม่ธรรมดาเลย แม่ถามฉันว่า “เคยเห็นหน้าไหม” “เคยเจอแล้วเหรอ” พี่สาวบอกฉันว่า “เขากล้ามาคนเดียว จะมาหลอกเอ็งหรือเปล่า” ..ไม่รู้ฟะ.. แต่ฉันบอกทุกคนไปว่า “เจ้อกหัก” คุณเชื่อไหม พี่สาวฉันโทรไปหาน้องสาวที่อยู่บนเกาะ จองปู ไว้ 5 กิโล ต้อนรับ ยายคนที่ไม่ไว้วางใจว่าจะมาหลอกฉัน วางแพลนคร่าว ๆ สำหรับการเดินทางเรียบร้อย ..รินซ่า..เคยบอกฉันว่า ตัวจริงเจ้น่ารักมาก ฉันเชื่อรินซ่า.. และคุณก็ไม่ใช่เพื่อนทางเน็ตคนแรกที่เดินทางมาหาฉันซะหน่อย.. ...... เช้าของวันต่อมา ตลอดทั้งวันฉันหายใจเข้าออกเป็นเจ้..กลัวหลงเพราะคนไม่เคยมา ฉันเตรียมปลาหมึกไว้ในตู้เย็น หนึ่งกิโล รอเจ้มาทำกินเอง เพราะไม่รู้ว่าเจ้จะกินอะไรเป็น ต้องเข้าใจนะ เพราะฉันเข้าใจว่า คนเกิดต่างที่ ต่างภูมิลำเนาวัฒนธรรมการกินไม่เหมือนกัน แม้เจ้จะเคยบอกฉันว่า ..กินแบบอาเดียวกิน..ก็ตาม อาเดียวกินนมจืด เจ้จะกินมั้ยเล่า..
บทสรุปออกมาง่าย ๆ คือเจ้ทำอาหารไม่เป็น แว้กกกก
..หลังจากรอคอยตั้งแต่ฟ้าสาง จนอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ไปเนิ่นนาน ในที่สุดเจ้ก็โทรมาบอกว่าถึงละแมแล้ว ฉันขับรถโต๋เต๋ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบเร่ง แวะเข้าซุปเปอร์ซื้อหนม แวะปั้มเติมน้ำมัน เพียงเพื่อมาถึงจุดนัดหมาย และ พบสี่สายที่ไม่ได้รับจากโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อ อ๊ากกกซ์ ฉันขับรถมาสี่แยกเพียงเพื่อจะพบว่า เจ้..นั่งรถเลยไปแล้ว...
ทุ่มกว่า สำหรับบ้านนอกนี่มืดแล้วพิ้งกี้คันเก่งของฉันห้อตะบึงด้วยความเร็ว สุดชีวิต ยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง.. ทันที ที่เจอก็พบกับเสียงหัวเราะ แล้วเราก็ได้รู้ว่าอะไรใหญ่ไม่ใหญ่ เราสองคนมีความสูงไล่เลี่ยกัน น้ำหนักก็อาจจะพอ ๆ กัน เจ้บอกฉันว่า “คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง” ใช่สิ ฉันเขียนมุมบล็อกไว้นี่ว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ
ไม่มีอะไรน่าผิดหวังแต่น่าเสียใจอยู่นิดหนึ่งตรงที่ว่า ฉันเผลอบอกเจ้ไปว่า พ่อฉันดุ.. เท่านั้นเอง เจ้ก็นอนเปิดไฟตลอดทั้งคืน..เฮ้ออกรรมจังตรู
........
แทนที่เราจะได้นั่งคุยกันริมชายหาด โขดหิน ริมฝั่งเรือ หรือตรงระเบียง ฉันกลับต้องเดินขาลาก ตามเจ้ไปนี่นั่นโน่น ผู้นำทางคือคนป่วยของฉัน ..แม่นั่นเอง อายุเลยหกสิบไปหลายปีแล้ว เพิ่งป่วยอยู่ไม่กี่วัน ใจสั่นไม่มีแรงเวียนหัว..ฮึ่ม พาฉันขึ้นบันไดร้อยกว่าขั้น พาฉันเดินเลาะชายหาดไปหาหอย หาปู
แล้วก็พาฉันขึ้นเรือไป ..ลงน้ำ
ขอบอกว่าใครคนนี้ความดันต่ำ ค่าของเลือดต่ำ เป็นโลหิตจาง ลอยอยู่กลางทะเล ท้ายที่สุด คนขับเรือต้องบอกฉันว่า ถ้าลงน้ำ ไป จะไม่เมาคลื่น ฉันลงน้ำทั้งๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น อี้..กลัวอะ.. ..แต่ใต้น้ำสวยมาก น่าถ่ายรูปไปฝากใครบางคน ใครบางคน..
และเราก็ได้ความดำกลับมา จนตอนนี้หน้าก็เป็นสิวด้วย จากไม่สวยอยู่แล้วกลายเป็นไม่สวยมากขึ้น .. ยังเหลือกิจกรรมอยู่สองสามอย่างที่เจ้ยังไม่ได้ทำ คือ..การออกเรือตกหมึกและ อีกฟากของเกาะที่ยังไม่ได้ไป..
...สิ่งที่ฉันถามอยู่ทุกวันก็คือ.. คุ้มมั้ยนะ การเดินทางครั้งนี้ และ อยากรู้อีกว่า
รอยแผลที่ตรีนกะที่หัวใจ บรรเทาเบาบางลงบ้างไหม
Create Date : 23 กรกฎาคม 2554 |
|
11 comments |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 16:55:20 น. |
Counter : 920 Pageviews. |
|
|
|