พรุ่งนี้เช้าเราก็จะได้เจอกันสินะ Himalai ระหว่างทางอากาศดีๆเย็นๆ วิวสวยๆ อย่างกะสวิสย่อมๆเลยนะ ไม่ไกลจากตัวเมืองด้วย สวรรค์ของบ้านพักตากอากาศของคนเมืองจริงๆ บ้านชาโตว์ประมาณ ด้านหน้ามีนาขั้นบันได หลังพิงหิมาลัย...Wowww มันช่างดูโรแมนติกยิ่งนัก... Zzzzz ตื่น ยัยพลอยตื่น 5555 อยากย้ายมาอยู่เลย
|
Nepal
|
เค๊าเล่ากันมาว่าเมื่อก่อนนายพล Rana ที่มีชื่อเสียง และ empower ที่ปฏวัติรัฐประหาร King ออกจากตำแหน่ง แล้วฮียึดครองซะเอง ฮีก็มีVilla อยู่ที่บริเวณแถวนี้ ฮีจะพาผู้หญิงสวยๆที่หวังต้องการอยากมีชีวิตสุขสบายมาเล่นกิจกรรม sexual intercourse กันแล้วสังหารทิ้งทั้งหมด ผู้หญิงทุกคนที่ได้เข้าไปกับฮีไม่เคยมีใครได้กลับออกมาอีกเลย พอฮีตกกระป๋อง Valla ฮีถูกขายออก มาทำเป็นโรงแรม มีคนที่มาพัก ชอบบอกว่าเห็นผู้หญิงสาวสวยๆเดินอยู่ในเวลากลางคืนบ่อยๆ บรื๋ออออ.... น่ากลัวฉมัด
แหมมม เล่าซะน่ากลัวเลย แต่ที่นี่ก็ดูน่ากลัวจริงๆอะแหละ หลังจากฟังจบแล้วสมองก็เกิดจินตภาพในบัดดล 5555 โรงแรมมันดูสวย เก่า เปิดไฟแบบส้มๆ มืดสลัวๆ คือจริงๆมันก็ไม่ได้มืดมากนะ แต่อารมณ์ของไฟมันหลอนๆ
นั่งชมวิวที่มีหิมาลัยเบลอๆ (เพราะกว่าจะคลำทางหาโรงแรมเจอก็ใกล้พลบค่ำ)ที่ระเบียงห้องพักจนค่ำ มืดสนิท เห็นแต่แสงไฟดวงเล็กๆจากหมู่บ้านด้านล่างนิดหน่อย ที่พาดพิงกะหิมาลัย ที่นี่มืดไวมาก อากาศก็หนาว วันนี้ไม่มีดาว เพราะเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง แสงของพระจันทร์ได้บดบังแสงดาวจนหมด Moon ที่นี่ Shine มากๆ แสงออกมาเป็นแฉกๆเลย เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิต มีคำว่า Sunshine แต่นี่ขอเรียกว่าเป็น Moonshine เลย นั่งชมจันทร์ไปจนเกือบอิ่ม อากาศมันดีจริงๆ แต่มองออกภายนอก มืดสนิท ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากแสงจันทร์ที่สว่างจ้า ไม่มีไฟยังพอมองเห็นเลย ยังพลอยเลยถือโอกาสนั่งสมาธิอยู่นานสองนาน มัน Light มากอากาศที่นี่ อยากเก็บเอาใส่กระป๋องกลับบ้านเลย ทั้งอากาศและบรรยากาศ
ขอเรียก Moonshine แทน Moonlight นะ แต่กล้องอิฉันสามารถแค่นี้ 😤
|
Nargarkot, Nepal |
ที่ระเบียงห้อง ที่มองไม่เห็น ด้านหลังไกลๆ คือ หิมาลัย
|
Nargarkot, Nepal |
เพื่อนเดินมาบอกว่า พนักงานโรงแรมมาแจ้งว่า "Dinner is served" If you ready, Please, Let's go to Dinning room..
คืนนี้มี forecast จากในข่าวโทรทัศน์ว่า Jupiter และ Mars จะโคจรมาอยู่ใกล้กัน นี่ก็นั่งเม๊าส์กัน จน 10 โมงกว่าระ ยังมองไม่เห็นอะไรเลย ทั้ง Jupitor and Mars แยกย้ายกันไปนอนดีกว่าเพราะพรุ่งนี้จะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนประมาณ ตี 5
กรี๊ดดดด ดิฉันอยู่ดีๆก็ตื่นขึ้นมา ดูนาฬิกา มันเพิ่งตี 3 แม่เจ้า!!! ... มองไปรอบกายมืดมาก ห้องก็หนาวเย็นสุดๆ ไม่กล้าออกจากผ้าหม่ ห้องก็กว้างใหญ่ วังเวงมาก แถมกลัวเรื่องที่ได้ฟังจากเมื่อวานอีก จะไปนั่งโซฟาที่ living room ก็ไม่กล้า แถมหนาวมากด้วย Heater ก็ยังไม่เห็นอุ่นพอ สงสัยห้องนี้เป็นห้องsuite รูปไข่หัวมุมปีกซ้ายของตัวตึก กระจกรอบห้องเลยไม่ค่อยอุ่น ทำไงดี เช้าเกิน จะไปปลุกชาวบ้านมาอยู่เป็นเพื่อนก็เกรงใจ แอบแง้มม่านนอกระเบียงดูด้วยความสยิว แต่ที่พบนั่นคือ ดาว Jupiter สีส้มสดดวงใหญ่ อยู่ใกล้ๆกะดาวอีกดวง มีแสงประกายสีขาวสุกสกาว Oh! Wowwww ความกลัวเริ่มหายไปหน่อยนึง ไปลากผ้าหม่มาคลุมร่างไปด้วยดูดาวไปด้วย ดูไปดูมาเริ่มง่วงกลับไปนอนต่อ 55555 ขณะนั้นตี 4 กว่า
ผลสรุป ไม่มีปัญญาตื่นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนตี 5-6 โมงเช้า ล่อไปตื่นอีกทีเกือบ 10 โมง ลงมาทานอาหารเช้า แต่ที่Front บอกว่า ไม่ต้องเสียใจไป เพราะว่าวันนี้อากาศปิด หมอกลงจัดมากมองไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น 55555 โล่งใจไป ขณะนี้เป็นเวลา 8 โมงกว่า นัดกันไว้ว่าจะไปเดินเทรคไปหมู่บ้านใกล้ๆ ตอนตี 5 โดนล้มเลิกไปโดยปริยายเพราะยัยพลอยตื่นสาย รีบอาบน้ำแล้วลงมาทานอาหารเช้า แต่หมอกก็ยังคงจัดอยู่ มองไม่เห็นหิมาลัยเลย เสียใจนะจะบอกให้ ฉันอุตส่าห์เดินทางมาจากที่แสนไกล เพื่อที่จะมามาตามหาเธอนะ... ใจร้ายจัง! ฉันมาหาเธอเพื่อที่จะมาดูความหล่อของเธอ แต่เธอกลับมาหลบอยู่ด้านหลังเงาหมอกซะงั้น เมื่อวานตอนที่ฉันเห็นเธอแว๊บๆ ฉันวาดฝันไว้ว่าจะได้พบเธอเป็นคนแรกในยามเช้าที่ฉันลืมตาตื่น ฉันจะนั่งจิบชา กะ คุ๊กกี้ แล้วนั่งมองเสพเธอไปผ่านทางสายตาของฉัน นอกจากนั้นยังต้องการเสพอากาศเบาๆ บริสุทธ์ๆ รอบกายเธอ
ในความจริงที่ฉันตื่น (ขนาดสายแล้วยังมองไม่เห็น) ฉันได้แต่นั่งดื่มชาฝรั่ง กะคุ๊กกี้ที่เตรียมมา แต่มองไม่เห็นอะไรเลยรอบกายยกเว้นหมอก กะอากาศเบาที่ชื้นๆ ฉันเลยก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าของฉัน
เธอทำฉันฝันสลาย ...Himalaya 😂 😭
|
Nargarkot, Nepal |
นั่งเสพหมอกสักพักจนสายมากแล้ว เดินทางต่อไปเมือง Bhaktapur
|
Nargarkot, Nepal |
Bhaktupur : The world heritage site
ปักตะปูร์ หรือ ภาทคาวัน (Bhaktapur or Bhadgaon) มีพื้นที่ 4 ตารางไมล์ ปักตะปูร์หรือเมืองแห่งผู้มีจิตศรัทธา (City of Devotees) ซึ่งยังคงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ในยุคกลาง มีร่องรอยความรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรมและศิลปะเสน่ห์ของเมืองคือ วิถีชีวิตของชาวบ้านที่ดำรงอยู่รวมกับอาณาจักรโบราณอย่างกลมกลืน สามารถพบเห็นสิ่งสะท้อนชัยชนะในอดีตของผู้ครองนครมัลละได้ที่จัตุรัสปักตะปูร์ ดูร์บาร์ ที่ซึ่งทำเครื่องปั้นดินเผาและงานทักทอเป็นอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมที่สำคัญ ปักตะปูร์มีชื่อเสียงในด้านการแกะสลักไม้และทำภาทคาวันโตปี หรือหมวกแก๊ป (Bhadgaonle Topi Cap) เมืองนี้อยู่ห่างจากรุงกาฐมาณฑุ ไปทางตะวันออกประมาณ 14 กิโลเมตร
ก่อนเข้าสู่เมืองต้องซื้อตั๋วผ่านประตูเข้าด้วย Np R$1500 แหนะ ได้ตั๋วแล้วไปกันเลย
|
Bhaktapur, Nepal |
เมืองดูเป็น Historical Park มาก
มีมนต์เสน่ห์สุดๆ
|
Bhaktapur, Nepal |
|
Bhaktapur, Nepal |
Sun Bath สบายอารมณ์ // ขอโทษนะเราไปปลุกยูตื่น
|
Bhaktapur, Nepal |
อนุรักษณ์ไว้อย่างดี
|
Bhaktapur, Nepal |
ภายในเมือง เหมือนหลงเข้าไปในภาพยนต์
|
Bhaktapur, Nepal |
|
Bhaktapur, Nepal |
ชีวิตความเป็นอยู่
|
Bhaktapur, Nepal |
ขายสารพัด
|
Bhaktapur, Nepal |
Holy กันทั้งเมือง
|
Bhaktapur, Nepal |
ทุกที่
|
Bhaktapur, Nepal |
|
Bhaktapur, Nepal |
จนเดินไปถึง จัตุรัสปักตะปุร์ ดูร์บาร์ (Bhaktapur Durbar Squrae)
เป็นที่ตั้งของหมู่พระราชวัง วิหารและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในศิลปะสกุลช่างเนทาวารีแท้
|
Bhaktapur, Nepal |
ที่จุดอยู่ด้านล่าง Stupa
|
Bhaktapur, Nepal |
ก่อนเข้าพระราชวังมีวัด ซึ่งตอนนี้ราบคาบไปแล้วจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว วัดไภราพนาถ (Vatsala) วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายพระเจ้าไภราพ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความน่าเกรงขาม ปางหนึ่งของพระศิวะ
|
Bhaktapur, Nepal |
นี่คือภาพของวัดสมัยอดีต
|
Bhaktapur, Nepal |
เหลือแต่ทางขึ้นให้ดูต่างหน้า
|
Bhaktapur, Nepal |
พระราชวัง Palace of 55 Windows สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2243 เนื่องจากปักตะปุร์เคยเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ และมีความรุ่งเรืองทางการค้า จึงทำให้มีพระราชวังที่งดงามที่สุดของสถาปัตยกรรมเนปาลในสมัยศตวรรษที่ 18 เช่นที่ระเบียงของหน้าต่างทั้ง 55 บานซึ่งอยู่บนกำแพงอิฐ ได้รับการออกแบบและมีการจัดวางสวยงาม ระเบียงนี้จัดได้ว่าเป็นผลงานชิ้นสำคัญในด้านการแกะสลักไม้
|
Bhaktapur, Nepal |
ประตูทองคำ (Sun Dhaka หรือ Golden Gate) เป็นทางเข้านำไปสู่ลานของพระราชวังนามว่า Palace of 55 Windows ประตูทองคำสร้างโดยกษัตริย์รานจิต มัลละ (King Ranjit Malla) เป็นประตูที่มีการแกะสลักงดงามและสมบูรณ์ที่สุดในโลก มีการประดับตกแต่งลวดลายของเหล่าเทพและอสูรต่างๆ ไว้อย่างประณีต
|
Bhaktapur, Nepal |
ด้านใน
|
Bhaktapur, Nepal |
อนิจัง ทุกขัง อนัตตา
|
Bhaktapur, Nepal |
สระอาบน้ำ
|
Bhaktapur, Nepal |
นอกจากนี้วัดหินที่มีชื่อว่า พัตสะละ เทวี (Batsala Devi) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสดูร์บาร์ด้วยเช่นกันเป็นวัดที่มีงานแกะสลักมากมาย เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมแบบศิขะระ บนระเบียงวัดมีระฆ้งทองสัมฤทธิ์แขวนอยู่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Bell of Barking Dogs ในสมัยก่อนมีการตีระฆังมหึมาใบนี้เพื่อบอกเวลานับจากที่ได้นำมาตั้งไว้ในปีพ.ศ. 2280 แต่ตอนนี้ ได้สูญสิ้นไปแล้วด้วย earthquake
|
Bhaktapur, Nepal |
ที่จัตุรัส
|
Bhaktapur, Nepal |
ชิ.. มีคนแอบถ่าย
|
Bhaktapur, Nepal |
???
|
Bhaktapur, Nepal |
ด้านบนที่เป็นเสาค้ำหลังคา ทุกที่ในเนปาลถ้าสังเกตุดีๆจะเป็น Kamasutra ทุกที่เลย
ผู้เขียนกามาสุตรา เชื่อกันว่า วาตสยายน (วาต-สยา-ยะ-นะ) ผู้เขียนคัมภีร์เล่มนี้ มีชีวิตอยู่ในราว คริสต์ศตวรรษ ที่ 1 - 6 อาจจะอยู่ในสมัยคุปตะ ของอินเดีย แต่ไม่สามารถระบุเวลาได้แน่ชัด
กามสูตร หรือกามาสุตรา เป็นคัมภีร์อินเดียสมัยโบราณว่าด้วยเพศศึกษาหรือพฤติกรรมทางเพศของมนุษย์ ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นผลงานมาตรฐานว่าด้วยความรัก ในวรรณคดีสันสกฤต เขียนโดยวาตสยายน (วาต-สยา-ยะ-นะ) โดยมีชื่อเต็มว่า "วาตฺสฺยายน กาม สูตฺร" (คัมภีร์ว่าด้วยความรักของวาตสยายน) นอกจากนี้ยังมีความสำคัญในด้านสังคมวิทยา และแพทยศาสตร์ ด้วย
คัมภีร์กามสูตรประกอบด้วยโศลก 1,250 บท แบ่งเป็น 7 ภาค, 14 ตอน และ 36 บท ดังนี้
สาธารณะ (5 บท) ว่าด้วยความรัก การจำแนกประเภทของสตรี
สัมปรโยคิกะ (10 บท) ว่าด้วยการจูบ การเล้าโลม การแสดงท่าร่วมรัก
กันยาสัมปรยุกตกะ (5 บท) ว่าด้วยการเลือกหาภรรยา การเกี้ยวพาราสี และการแต่งงาน
ภารยาธิการิกะ (2 บท) ว่าด้วยการประพฤติตัวอย่างเหมาะสมของภรรยา
ปารทาริก (6 บท) ว่าด้วยการแอบมีชู้กับภรรยาคนอื่น หลักศีลธรรม
ไวศิกะ (6 บท) ว่าด้วยหญิงคณิกา โสเภณี
เอาปนิษทิกะ (2 บท) ว่าด้วยการสร้างเสน่ห์ให้ตนเอง
กามสูตรกล่าวถึงท่าทางการร่วมเพศ 64 ท่า โดยเป็นการรวมวิธีร่วมรัก 8 วิธี และท่าเฉพาะของแต่ละวิธี 8 ท่า รวมทั้งหมด 64 ท่า ในคัมภีร์นี้เรียกว่า ศิลปะทั้ง 64 วาตสยายนเชื่อว่าเรื่องเพศนั้นไม่ใช่สิ่งผิด แต่การกระทำที่ผิดศีลธรรมเท่านั้นที่เป็นบาป
คัมภีร์กามสูตร เป็นคำสอนสำหรับหญิงชายที่ให้ความรู้ด้านเพศศึกษาอย่างครบถ้วน และละเอียด อย่างน่าพิศวง นอกจากนี้ยังกล่าวถึงศีลธรรมและการปฏิบัติทางเพศในอินเดียสมัยนั้นด้วย และคัมภีร์เรื่องนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในภาษาอังกฤษ ของเซอร์ ริชาร์ด ฟรานซิส เบอร์ตัน เมื่อ ค.ศ. 1883
ยัยพลอยว่า ... สงสัย King กลัวมีประชากรน้อย หรือว่าต้องการสอนวิชาBasic ให้ประชาชน แต่ยัยพลอยว่าเรื่องอย่างงี้ไม่ต้องสอนก็ได้มั๊ง มนุษย์มีสันดานดิบพื้นฐานอยู่ในกายตั้งแต่เกิดมาทุกคน อิด(Id) ของมนุษย์ได้รับการยกย่องขนาดนี้ ไม่สนับสนุนให้ ego หรือ superego ทำงานบ้างเหรอ
หรือ King ต้องการสนับสนุนความต้องการ Basic Human need of Maslows ข้อ 1 เพื่อให้ทุกคนมีเท่าเทียมกัน
1. Basic Physiological Need
2. Safe and Security Need
3. Love and Belonging Need
4. Esteem Need
5. Self Actualization Need
|
Bhaktapur, Nepal |
วัดมณฑปญาฏะโปละ เป็นมณฑปที่สูงที่สุดในเนปาล สวยโดดเด่นด้วยหลังคา 5 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่บนฐานที่มีระเบียง 5 ชั้น วัดนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้เลย มันสูงใหญ่ และเจ๋งมาก
|
Bhaktapur, Nepal |
ดูเหมือนเล็ก แต่ของจริงใหญ่โต รโหฐานมากค่ะ
|
Bhaktapur, Nepal |
ที่บันไดทางขึ้น
|
Bhaktapur, Nepal |
ในเมืองมีของขายมากมาย
|
Bhaktapur, Nepal |
ทางออกเมืองด้านหลัง
|
Bhaktapur, Nepal |
ได้เวลาสมควร เดินทางกลับ katmandu จะกลับไปดูกุมารีอีกรอบว่าวันนี้จะพบหรือเปล่า แล้วไปเดินเล่นรอบๆเมืองดูเล่นๆ กลับมาถึงง่วงขอพักผ่อน คุณเพื่อนไปหามอเตอร์ไซด์มา เราก็เลย Roam around กันด้วยมอเตอร์ไบค์แทนเท้า ค่อยังชั่วหน่อย จะได้เก็บแรงไว้ไปเทรคพรุ่งนี้
วันนี้ได้พบกุมารี เค๊าห้ามถ่ายภาพแต่ยัยพลอยไม่รู้ถ่ายมาแล่วอ่ะ เพิ่งรู้ว่าห้าม เลยเอามาให้ดูกัน ยัยพลอยรีบวิ่งมาอวดเพื่อนๆที่รออยู่ที่ร้านอาหารแถวๆ Durbar Square เพราะพวกนั้นบอกขี้เกียจไปดูขอนั่งจิบเบียร์ที่ร้านอาหารแทน ยัยพลอยเล่าให้ฟัง ทุกคนตกใจใหญ่บอกยูถ่ายมาได้ไง เค๊าห้ามถ่ายภาพกุมารี อะจิงดิ ก็ไอไม่รู้อะ เดินเข้าไปเห็นชียืนมองอยู่ก็เลยถ่ายมา 5555 เป็นที่ฮาของเพื่อนๆ
|
Kumari, Nepal |
ดูๆไปแล้วก็น่าสงสารชีนะ ดูเหมือนอยู่ในที่กักบริเวณและไม่มีชีวิตวัยเด็กเลย แต่ชีอาจ Borned to be
|
Kumari, Nepal |
กิน again at Thai restaurant แถว Thamel อร่อยมากเลยยย รสชาติแบบ inter นิดนึงแบบครีมมี่กลมกล่อมนี้ยัยพลอยชอบมากกว่าแบบไทยแท้ที่รสชาติจะออกแบบเผ็ดเค็ม ... คือดีงาม ตามท้องเรื่อง กลับบ้านนอนเอาแรงสำหรับงานหนักวันพรุ่งนี้
เช้าวันต่อมา คุณเพื่อนมารับพร้อมมอไซด์ ... ไปเทรคกัน
ระหว่างทางแวะวัด Budhanila Kantha หรือ Narayan Thaan
|
Nepal |
เป็นวัดฮินดูที่มีพระวิศณุ บรรทมอยู่บนนาคราช
|
Nepal |
ไป Shivapura National Park เพื่อไปเทรคกิ้งกันต่อ
จ่ายค่าเทรค เซ็นชื่อเรียบร้อย ได้เวลาเดิน
|
Nepal |
เมื่อเดินได้ประมาณ1 ชม. ระหว่างทางพบวัดบนเขา
|
Nepal |
คุณชีบอกว่าเดินอีกประมาณ 3 ชม.เราจะถึง Summit จะรออะไร..งั้นเราไปกันต่อเลย
เพิ่งเดินผ่านเขาลูกแรก
|
Nepal |
ระหว่างทางพบที่พักของฤษี 3 ถ้ำ และ สถานที่ปฏิบัติ
|
Nepal |
และมีบ่อน้ำของพระศิวะ
|
Nepal |
และมีต้นน้ำ ที่มี โยนี และ ศิวลึงค์ ซึ่งเป็นต้นน้ำที่ไหลลงสู่เมืองและแม่น้ำต่างๆ
|
Nepal |
เราพักทานอาหารกลางวันที่สายมากๆกันที่นี่ และดื่มน้ำจากที่นี่ เบา เย็นสดชื่น และหวานดีจัง
|
Nepal |
กินใกล้เสร็จ เมฆดำหนาทึบลอยอยู่บนหัวเรา จึงตัดสินใจกันว่าเราควรเดินกลับ เพราะฦนกำลังจะเทลงมา ท่าทางจะเป็นฝนใหญ่ซะด้วย (เพื่อนบอก) และเราต้องรีบกลับไปให้ถึง Base ก่อนพลบค่ำเพราะเราจะมองไม่เห็นทางเดิน OK กลับก็กลับ ...
สรุปฝนแรงเลย..
|
Nepal |
เปียกปอน
|
Nepal |
ระหว่างทางเดินขากลับ
|
Nepal |
มาถึงวัดซะที ใจชื้นขึ้นหน่อย
|
Nepal |
ที่วัดยามเย็น
|
Nepal |
พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว
|
Nepal |
ดอกไม้น่ารักระหว่างทาง
|
Nepal |
Daisy ก็มี น่ารักจัง
|
Nepal |
เดินลงมาถึงBase เกือบทุ่ม เจ้าหน้าที่บอกถ้าอีกพักยูไม่ลงมา ไอต้องเอาเจ้าหน้าที่ออกตามหาแล้วนะ คิดว่ายูหลงป่า กรี๊ดดดด .... Go so big หล่ะ
ก่อนกลับโรงแรม เราแวะ Mall เพื่อทานอาหารเย็น ร้านนี้อร่อยมากเลยแฮะ กินเสร็จเดินย่อยด้วยการ Shopping ขอบอกว่า เครื่องใช้ที่นี่ราคาถูกมากค่ะ เครื่องแก้วคริสตัล ที่เมืองไทยราคาโหดมากที่นี่ราคาหลักร้อย หลักพันต้นๆ , จาน Corrells ของฝรั่งเศส เมืองไทย ใบเล็กใบละ 500 กว่าบาท ที่นี่ สนนราคาใบใหญ่ประมาณ 200 กว่า ลายเพียบให้เลือก แต่บางลายอาจไม่ครบชุด คือแบรนด์ดีๆ ราคาย่อมมาก แนะนำเลย กระติกน้ำ Tiger แบบ Made in Japan ซื้อได้ในราคา 900 บาท เหมือนของอิฉันที่ใช้อยู่ได้มาจากเดอะมอลล์ราคา 2000 กว่าบาท 😏 พวกเครื่องใช้สีแบบทองแดง ราคาดีงามฝุดๆ
ดีงามเฟ่อร์ แต่ขนไม่ไหว 5555 😓 คิดแล้วอยากกลับไปด้วยกระเป๋าเดินทางเปล่าเลย
กลับโรงแรมนอนอย่างสงบ เพราะเหนื่อยหนักมาก 55555
รุ่งขึ้นเช้าขอพักร่างแบบตื่นสายๆ เลย แล้วค่อยไปสนามบิน
จะกลับบ้านแล้วอะ เร็วจัง ...แล้วเจอกันใหม่นะจ๊ะ..เนปาล