Pokhara

ตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไป Pokhara  รถที่พวกเราเหมาไว้มารับที่โรงแรม เพื่อนๆที่นอนอยู่ต่างที่กันเดินทางมาสมทบที่นี่ วันนี้จะต้องเดินทางไกลแค่ 220 กม. แต่ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง รวมเวลาทานอาหารกลางวัน และเอ้อระเหยตามทางด้วย  

Pokhara เป็นเมืองชายแดนติดกับประเทศอินเดีย โดยมียอดเขาซารางกอต (Salangkot) เป็นเทือกเขาใหญ่ ที่นี่จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่งดงามของเธาละคีรี (Dhanulagiri) มนะสลู (Manaslu) มัชฉาปุรณะ (Machhapuchher) และยอดเขาอรรณาปุรณะ (Annapurana) ทั้ง 5 ยอด เป็นเมืองแห่งมนต์เสน่ห์ท่ามกลางวงล้อมของหุบเขาอรรณาปูรณะ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 827 เมตร และเป็นจุดชมความงดงามของเทือกเขาหิมาลัยได้ใกล้ที่สุดเนื่องจากห่างจากบริเวณเทือกเขาแค่ 30 กิโลเมตร และที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นการเดินขึ้นเขาเพื่อพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกคือเอเวอเรสต์ด้วย

ก่อนออกจากเมืองแวะซื้อสเบียงที่ร้านโชห่วย

Nepal

วิวระหว่างทางไป

Nepal

แวะเมืองเล็กๆ จำชื่อไม่ได้  มีวัดศักดิ์สิทธิ์อยู่บนเขาต้องนั่ง Cable car ขึ้นไป

นั่นของคน  แต่นี่ของสัตว์ เจ๋ง!! มากๆ อะ คิดได้ไงเนี๊ยะ 

วิวงามๆด้านล่าง

Nepal

Nepal

เมื่อลงจากกระเช๊า ที่เมืองด้านบน เดินชมชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่ อยู่บนภูเขาสูง แปลกใจจัง เมื่อก่อนไม่มี Cable car แล้วเดินทางกันยังไงหล่ะ

Nepal

วัดที่พอเดินไปถึง  OMG!! ราบคาบ  เมื่อก่อนมันเคยเป็นวัดสวยงามแบบในรูป

ปัจจุบันเหลือเพียงแต่ความทรงจำ

Nepal

ด้านหน้ามีขายของสักการะ

Nepal

ถึงแม้จะราบคาบแต่คนก็ยังมาสักการะอยู่มากมาย

ดูคิวเข้าสักการะ ด้านหลัง  มันยาวมาก และเลื้อยเป็นงูอยู่ด้านหลังโน้นไม่รู้กี่ขด

พอดียัยพลอย Selfie อยู่พวกคนที่นั่นก็ดูยัยพลอยงงๆว่าชีทำบ้าอะไร กะไม้Selfie ก็เลยชวนกันมาถ่ายรูปให้หายงงกันซะเลย  ฮีมีแพะด้วย แต่แพะมันตัวเตี้ย 5555

Nepal

ด้านหลังที่ยัยพลอยยืนเป็นที่สักการะด้านนอก

Nepal

จุดธูป จุดกำยาน ตามอัธยาศัย

Nepal

ด้านหน้าเมื่อไหว้สักการะเสร็จแล้ว ออกมามีพราหม์ หรือ ฤษี อิฉันก็ไม่ทราบ ต้องกราบขอประทานอภัยถ้าเรียกผิด นั่งรออยู่ใกล้ๆ เพื่อให้คนมารับการขอพร

Nepal

Nepal

และใช้สีแดงๆ (ผงชาด หรือ เรียกว่า Vermillion Powder ) ผสมกับของบางอย่างเข้าใจว่าน่าจะเป็นข้าวสารดิบนะ (สีขาวๆ) ส่วนสีอื่นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ไม่กล้าไปดูใกล้ๆ

ป้ายไปที่หน้าผาก  ก้อนใหญ่มาก

Nepal

เสร็จแล้วเดินลงกลับไปขึ้นกระเช้า  เมื่อเดินไปเห็นคนรุมซื้ออาหารที่รถนี้กัน มันคืออัลไล

Nepal

ลงด้วยกระเช๊าไปด้านล่าง ต้นสนตัดสีเขียวขจีตลอดแนวเขาสูงตัดกับท้องฟ้าที่งดงาม

Nepal

วิวสวยจัง

Nepal

ใกล้ถึงแล้ว

Nepal

เมื่อมาถึงพื้นเราก็เดินทางต่อ

Nepal

อ้อแวะทานอาหารกลางวันที่โรงแรมใกล้ๆนี้ก่อนแล้วค่อยมาวัดด้านบน แต่ :-( มากอะ  โรงแรมใหญ่โตดูดี มีสระว่ายน้ำและแม่น้ำ วิวดี๊ดี วิวอะให้เต็ม 10 แต่อาหารให้ 0 ไม่ได้ใจร้ายนะ แต่จริงๆ55555

หลับๆ ตื่นๆ มาถึง Pokhara เช็คอินเสร็จ เราก็ออกไปนั่งเรือเล่นกันที่ Phewa Lake

Phewa Lake, Pokhara

สงบดีจัง  คนพายก็พาย smooth ดี

แวะวัดบาลาฮี (Barahi Temple) วัดฮินดูที่กลางน้ำ ซึ่งมีสถูปสีขาว

Barahi Temple, Pokhara

เค๊าบอกว่าที่บนเขาสูงนั้น บนสุดมีวัดญี่ปุ่น เป็นวัดพุทธนิกายเซน อยู่ด้วย  เจ๋งมาก!! มองเห็นได้จากไกลๆ จนเป็นจุดเล็กๆ แต่ไม่สามารถถ่ายเห็น

ที่วัดกับคุณยายคนพื้นเมือง

เรือของเรา Let's go!

Barahi Temple, Pokhara

ไม่ไกลจากวัด มีท่าเรืออีกท่า เพื่อนเลยบอกให้ไปจอดที่ท่าใกล้ๆนี้แล้วไปเดินเล่นดีกว่า

Phewa Lake, Pokhara

ที่ท่าเรือ

Pokhara

แล้วเราก็ลงไปเดินเล่นที่ริมน้ำกัน

Pokhara

บรรยากาศดี๊ดี

Phewa Lake, Pokhara

ที่นี่มีร้านอาหาร หรือ Pub,,  Bar ก็ไม่สามารถ indicate ได้ว่าเป็นประเภทไหน ประมาณร้านริมเล นั่งดื่มสบายๆชิลล์ๆ ส่วนใหญ่เค๊าก็ดื่มเบียร์ชมบรรยากาศกัน

Phewa Lake, Pokhara

เดินเล่นไปเรื่อยๆ มีทั้ง ชิงช้าสวรรค์แบบ Manual สำหรับเด็กๆ 

ก็ดีนะ ได้เห็นเด็กๆสนุกได้ตามอัตภาพ ไม่เหมือนเด็กเมือง ไม่ต้องมี X-Box หรือ ถ้าเป็นสมัยก่อนก็ต้องวีดีโอเกมส์ใช่ม๊ะ ก็ใช้ชีวิตแสนสนุกได้

ยัยพลอยว่า...

ไม่ต้องมีสิ่งเทคโนโลยีพวกนี้ก็ดีเหมือนกันนะ  เด็กๆจะได้ใช้ชีวิตที่ไม่ต้องเป็น Pattern เดียวกันที่โลกเทคโนโลยีเขียนไว้ให้เดินตาม  การสร้างจินตนาการ  การเรียนรู้และจินตภาพของเด็กที่นี่น่าจะดีกว่าเด็กๆในเมืองที่อยู่แต่กะโลกเทคโนโลยีนะยัยพลอยว่า

Phewa Lake, Pokhara

ชิงช้า ให้ได้เช่าเล่น

Phewa Lake, Pokhara

มีหลายอารมณ์มาก เดินๆไป มีนาข้าวงี๊ แบบของที่ไม่ต้องเข้าพวกกัน ก็เอามาอยู่ติดกันได้ แบบงงๆ 

เดินเล่นบนถนนmain ที่ Pokhara

Pokhara

ท้องเริ่มร้อง ไปทานอาหารเย็นกัน อาหารเนปาลอีกแล้ว แต่ขอเอาที่กินได้หน่อยนะ

Local Food by Local People  ร้านดูสยอง แต่รสชาตไม่เลย ลืมถ่ายแกง Lamb กะไก่

Pokhara

เดินช๊อปปิ้ง กระเป๋า ของกระจุ๊กกระจิ๊ก ที่ Hand made น่าจะเป็นขนสัตว์ มีมากมายให้เลือกสรร

น้ำมันอโรมาก็เลิศ มีร้านชิคๆ ให้เลือกเยอะแยะ ราคาก็นักท่องเที่ยวอะนะ

กลับโรงแรมพักผ่อน เพื่อจะต้องตื่นเช้ามากไปดูพระอาทิตย์ขึ้น และ Machhapuchher ❤

Sun rise with Machhapuchher at Sarangkot, Pokhara

Sarangkot, Pokhara

พระอาทิตย์ยังไม่มา

Machhapuchher  / Sarangkot, Pokhara

ที่ชอบเพราะมันช่าง Unique นัก ยอดเขาMachhapuchher แหลมขึ้นมาเป็นปลายหางปลาตามชื่อ มัจฉาเลย  เราจะได้เห็นยอดเขาอรรณาปุรณะ ทั้ง 5 ยอด โดยเฉพาะยอดเขาอรรณาปุรณะ 1 ที่สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก ยอดเขาเธาละคิรี ยอดเขามนะสลู และวิวของเทือกเขาหิมาลัย

เห็นยอดขาวๆ บนมือที่พนมไหมคะ นั่นแหละ มัจฉาปูชเล (Machhapuchhe)

Machhapuchher at Sarangkot, Pokhara

ที่ฮาหนักมาก ทุกคนมองยัยพลอยเป็นตาเดียว  นางเล่นใส่ชุดนอนกระโปรงมา หัวฟู พร้อมหน้าตายังไม่ตื่นนอน ไม่ใช่เพราะว่า sexy นะ 5555 แต่อากาศหนาวมากเยี่ยงนี้ ประมาณ 8 องศาได้  ทุกคนเลยคงคิดว่าแต่งตัวผิดอ๊ะเปล่า  ทุกคนคือจัดเต็ม ขนปงขนเป็ด ขนห่าน จัดกันไป แต่ยัยพลอยมาแบบบางเบามากคือว่ายัยพลอยอยู่ในฮีทเตอร์มาตลอด พอลงรถเท่านั้นหล่ะ ชั๊นพลาดแล้ว หนาวจิงจัง อิฉันมากะชุดนอนแบบกระโปรง เสื้อ Jacket บางเฉียบ 1 ตัวและผ้าพันคอ  .. ดูแต่ละคนด้านหลังอิฉันใส่

Sarangkot, Pokhara

Sun rise

Sarangkot, Pokhara

Sarangkot, Pokhara

เมืองด้านล่างที่จุดชมวิวSarangkot

Sarangkot, Pokhara

Sarangkot, Pokhara

กลับมาแล้วไปชมวิวยอดเขาด้วย Paraglide กัน  จริงๆมี 2 วิธีให้เลือกชมวิว คือ นั่งเครื่องบินเล็ก และ Palagliding นั่งเครื่องบินมันก็ธรรมดาไปสินะ เราต้องมีอะไรที่ Challenge กว่านั้น

ด้วยความที่น้ำมันขาดแคลน เราก็เลยต้องไปด้วยกันแบบนี้ รถเบียดสุดๆ

Pokhara

ใช้น้ำมันในการเดินทาง 1 เที่ยวให้เป็นประโยชน์ที่สุด

รถมาส่งแล้วต้องเดินขึ้นเขาต่อไปบนยอดเพื่อไปเริ่มต้นวิ่งจากจุดนั้น

เริ่มต้นกางร่ม

พอเริ่มวิ่งร่มจะเริ่มกินลมพองออก

Pokhara

เราต้องวิ่ง ๆ ๆ ออกไปแล้วตัวเราจะหล่นตุ๊ป (จริงๆ แล้วตัวเราไม่ได้หล่นตุ๊ป แต่ใจเรานี่สิไวกว่า เมื่อขาหลุดลอยออกจากพื้นดินบนยอดเขาที่เราเหยียบ ใจมันก็หล่นตุ๊ป ไปก่อน... สติจ๊า สติ)  คือสิ่งที่คิดก่อนวิ่ง ประมาณว่าถ้าร่มไม่กางคือเราก็จะหล่นตุ๊ป จากยอดเขาไปติดหรือตกลงไปตายที่ไหนซักที่้ที่ด้านล่าง  คือความเฉียดตายใกล้มาเยือน แต่ยังใจดีสู้เสืออยู่ ลองดูสักตั้งจะเป็นไร 

เมื่อ วิ่งๆๆๆ แล้วตัวเราก็หล่นลงไปสักไม่กี่วิ ร่มก็ดึงตัวเราลอยขึ้นไปสัมผัสอากาศด้านบน มันเจ๋งมาก

เราเหมือนนกจริงๆเลย วิวสวยงาม

Sun is Shining

Wind is Flowing

รู้สึกได้ถึง Freedom of the Planet มากๆ

Nice Clear Blue Sky with Mountain and Lake

ตอนลงร่อนลงมาข้างLake แบบสวยๆ ขอบคุณ my guide นะคะ ที่พาเราปลอดภัย 

ถ้าไม่ลงสวยจะเป็นเยี่ยงนี้... ไม่นะ  ดูที่กางเกงของผู้หญิงด้านหลัง  หลายๆคนเป็นงี๊  ตอนลงอย่าเกร็งนะคะ สบายๆ ลงมาแล้วก็วิ่งๆนิดนึง ไม่ล้มง่ายค่ะ

Pokhara

ขอสารภาพ...

First landing,, ยัยพลอย feel sooo good  แต่หลังจากนั้นสักพัก อยู่ดีๆความหลอนก็มาเยือน I come up with "unstable" inside my head. รู้สึกมวลท้อง เหมือนอยู่กับความตื่นเต้นขีดสุด  หรือประมาณกำลังจะเข้าห้องสอบสัมภาษณ์อะไรประมาณนั้นเลย  อยู่ดีๆ Unstable feeling ก็ come out a lot on me.   ยัยพลอยเลยเลยนึกไปถึงการทำเรกิบำบัด เคยมีคำถามในหัวมาตลอดว่าทำไมต้อง grounding ด้วยการกอดทุกครั้งหลังทำ  ดิฉันได้คำตอบวันนี้  และวันนี้ยัยพลอย need a big warm hug มากๆ for grounding me 

Is it too free in the air?

I know I have habit about everything of mine has to be on the plan and schedule. I always set aside everything in proper position.  I cannot handle if I am a penguin who stand alone on the flake of a plague floating broken ice.   By the way, Not worse me. It is worth for my lesson to learn and passed for my Life to get higher level of it.

กลับไปอาบน้ำอาบท่า แพคของกลับ Katmandu  แต่ก่อนไป แวะเที่ยวรอบๆ Pokhara ก่อน

แล้วรอบๆหล่ะไปดูอะไรบ้าง...  ตามมา

ถ้ำพระศิวะ (Shiva Cave) 

ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่อยู่ในใต้ดิน ภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปสลักของพระศิวะองค์ใหญ่ โดยทั่วไปจะมีโอกาสเขาชมน้อยมาก เนื่องจากน้ำที่มักจะไหลท่วมเข้ามาภายในศูนย์อพยพชาวทิเบต (Tibetan Tefugee Camps) คนทิเบตเหล่านี้ซึ่งอพยพมาจากทางตอนเหนือของเนปาลในคราวที่จีนบุกกรุงซาลาและประกาศให้ทิเบตเป็นส่วนหนึ่งของจีน 

โดยศูนย์อพยพแห่งนี้ได้รับการดูแลจากองค์การยูเนสโกด้วยนะจะบอกให้

เดินเข้าไปด้านใน สถานที่เหมือนทำไม่เสร็จ แต่สวยงาม

Shiva Cave, Pokhara

ดูเหมือนอยู่สเปน

Shiva Cave, Pokhara

มี Sclupture เทพเจ้า งดงามมากๆ ชอบๆ

Shiva Cave, Pokhara

เดินลงไปเรื่อยๆ ตามบันไดวน จะเป็นทางลงในถ้ำ ด้านในเปียกและมืดมาก เลยไม่สามารถถ่ายรูปมาได้ มีลูกกรงเหล็กกั้นให้ดูได้ไกลๆเท่านั้น คือเอาเป็นว่ามองแทบไม่เห็นอะ เห็นแต่มี something ในลูกกรงเหล็ก แต่ตามป้ายเค๊าบอกว่าเป็นรูปสลักพระศิวะ 🙏🏼  🙏🏼  🙏🏼

Shiva Cave, Pokhara

เดินออกมาใกล้ทางออก มีพระพิฆเนตรอยู่

Shiva Cave, Pokhara

และใกล้กันมี Sign ของ พระศิวะอยู่

Devi’s Fall 

น้ำตกที่ตั้งชื่อตามเด็กชายเทวีที่มาเสียชีวิตพร้อมคู่รัก  แต่บางคนบอกว่า มีเด็กผู้ชายตกลงไป แม่เลยกระโดลงไปช่วย  กะอีกตำนานบอกว่า มีหญิงมาเอาน้ำไปซักผ้าแล้วตกลงไป แต่ความจริง ก็ไม่รู้สินะ...  

ณ ที่แห่งนี้น้ำตกแห่งนี้น้ำตกแห่งนี้แปลกกว่าที่อื่นตรงที่ต้องชะโงกหน้าก้มลงไปดู เพราะเป็นน้ำตกที่ทิ้งตัวลงจากลำธารลงสู่ช่องเขาเบื้องล่างลึกลงไปกว่า 100 เมตร นับว่าเป็นน้ำตกที่มีความลึกที่สุด  

เห็นเหมือนที่ฉันเห็นไหม...? 

มันเหมือนเป็นหินรูปหน้าคน 2 คนกำลังจูบกันอยู่หนะ

ด้านบนมี ลัญลักษณ์ฮินดูของท่านเทพอยู่

ขากลับ Katmandu แวะข้างทาง เห็นมีหมู่บ้านเลยขอแวะลงไปดู

ที่อยู่อาศัยจริงของคนพื้นที่

Nepal

มีสะพานข้ามไปอีกฟาก  ยัยพลอยเลยค่อนข้างอ๋อ ว่าเมื่อก่อนถ้าไม่มี Cable car เค๊าเดินทางกันอย่างไร เดินกันหนักมาก

Nepal

เมื่อเดินข้ามไปอีกฝั่งก็มีที่บ้านเล็กๆอยู่ริมน้ำ

Nepal

และบ้านที่อยู่กระจายอยู่บนเขาเมื่อเดินขึ้นไปดู  งงและทึ่งมากว่าเค๊าอยู่กันได้อย่างไร กินอะไรกัน ใช้ชีวิตอยู่อย่างไร เก่งมากอะ

Nepal

ที่บ้านพักเค๊ากำลังทำอาหาร

Nepal

ถึงก็ดึกแล้ว กลับมาถึง KTM นอนต่อ หลังจากนอนมาตลอดทาง 5555

to be continued...

see you at Nepal 3 

Ploy Journey Journal