21. บนรถไฟสาย 東西 เฮ้อ ๆ ๆ
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็นั่งรถไฟสายโทไซไปทำงาน เหมือนๆกับที่ทำมาทุกอาทิตย์
ระยะที่นั่งก็จาก 芦屋駅 ไปที่ 北新地駅 ทั้งนี้ โดยส่วนมากต้องเปลี่ยนสายที่ 尼崎駅
ปิคชอบเมืองที่นี่ในตอนกลางคืนมากเลยค่ะ ตอนกลางวันมันก็ปกติธรรมดานะ แต่ตอนกลางคืนมันจะสวยมาก
เริ่มจากตอนนั่งรถไฟกลับจากที่ทำงาน จากโอซาก้าข้ามมาอะมางาซากิ มันจะต้องผ่านทะเล(หรือมันคือแม่น้ำใหญ่หว่า) (สายโทไซ) แล้วตรงนั้น คู่ขนานกันแต่ไกลๆหน่อย จะมีสะพานสำหรับรถวิ่ง ท่ามกลางผืนน้ำกว้างใหญ่ มีแสงไฟของเมือง จากบ้าน จากไฟถนน จากรถ น้ำก็จะระยิบระยับ สวยมากๆจริงๆ นั่งรถไฟกลับทีไร ต้องมองออกไปทุกที รถไฟสายนี้ มันจะคล้ายๆรถไฟฟ้าบ้านเราค่ะ หันหน้าเข้ามากัน
ต่อจากอะมางาซากิไปอะชิยะ (สายโกเบ) ถ้านั่งรถเร็ว มันจะเป็นที่นั่งเหมือนรถบัส นั่งแล้วก็มองภาพบ้านเมือง ขนาบกันก็มีทิวเขา ชอบนั่งมอง แล้วก็คิดอะไรไปเรื่อยๆ มีความสุขดี มันสบายใจ
จากนั้น จากสถานีอะชิยะ ต้องเดินกลับหอ เวลาเดินกลับหอ มันมักจะราวๆเที่ยงคืน ไม่ค่อยมีคนเลย ถนนโล่งๆ สงบดีจัง ช่วงที่ต้องเดินจากสะพานข้ามแม่น้ำลงไปหอ มันจะเป็นทางลาด ด้านขวามือก็เป็นภูเขาอีกแล้ว แต่ว่า มันสวยมาก เพราะบนภูเขาจะมีบ้านคน มีแสงไฟเป็นจุดๆ บางทีวันข้างขึ้น ก็มีพระจันทร์ส่องแสงนวลๆ
สวยมากๆจริงๆ ภาพแบบนี้ หาไม่ได้ในกรุงเทพฯ แต่อยู่ที่นี่ มองได้ทุกวัน
เข้าเรื่องล่ะค่ะ ตะกี้แค่อารัมภบท ฮ่าๆๆ เรื่องที่ว่า เกิดขึ้นบนรถไฟสายโทไซค่ะ
วันก่อนตอนไปทำงาน หลังจากลงรถที่อะมางาซากิ ไปขึ้นสายโทไซ ปิคก็นั่งฝั่งนึง อีกฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ ไปอีกฝั่งของประตู คนนึงใส่สูท อีกคนใส่เสื้อยืดธรรมดา นั่งไขว้ห้าง กดมือถือ
สักพักก็มีชายสติไม่ดี(คิดว่านะ) เดินมา แล้วก็เรียก โอนี่ๆ (พี่ชายๆ) ปิคก็เงยหน้าขึ้นไป เห็นเค้ากำลังเรียกชายใส่สูท ใจความคือ เอาขาลงหน่อย คือ ไม่ให้นั่งไขว่ห้างน่ะค่ะ ชายคนนั้นก็เอาขาลง กดมือถือต่อไป จากนั้นชายสติไม่ดีก็เดินไปอีกฝั่ง เรียก โอนี่ๆ เอาขาลงหน่อย ชายใส่เสื้อยืดก็เอาขาลง มองหน้าชายสติไม่ดี พอชายสติไม่ดี ตั้งท่าจะเดินต่อ ชายคนนั้นก็ยกขาขึ้นเหมือนเดิม ชายสติไม่ดีเลยหันขวับกลับไป พร้อมพูดใจความคือ ก็บอกให้เอาขาลงไง ชายใส่เส้อยืดก็เหมือนหงุดหงิด พูดเสียงดังกลับไปว่า อะไรของเมิง ชายสติไม่ดีก็เลยพูดกลับประมานว่า ก็บอกอย่างงี้ๆ ทำไมต้องงี้ๆ อย่างงี้ไม่ได้รึไง (อันนี้เริ่มฟังไม่ออกล่ะค่ะ แต่น่าจะแนวนี้) ชายใส่เสื้อยืดก็เลยเอาขาลง แต่ก็ยังดูหงุดหงดอยู่ แต่ชายสติไม่ดีก็เดินจากไป ไปเปิดประตู ข้ามไปอีกตู้ ชายสองคน ก็ยกขาขึ้นมาไขว่ห้างดังเดิม...
ยังไม่จบค่ะ พอชายคนนั้นข้ามไปอีกตู้นึง ก็มีลุงคนนึงเดินตามหลังไปด้วย ชายสติไม่ดีหันมา ตีแขนลุงเบาๆ แต่พูดเสียงดัง ชิเมะเตะๆ (ปิคประตู) เหมือนลุงแกก็เกิดหงุดหงิดขึ้นมา เลยหน้าขึ้นมองชายคนนั้น แล้วก็ชี้หน้า พูดอะไรไม่รู้ (คนละตู้แล้วค่ะ ไม่ได้ยิน) แต่แกก็หันมาปิด แล้วก็เหมือนจะเม้งกันต่อ
จบเรื่องที่ปิคมองเห็นโดยตรงเพียงเท่านี้ แต่เหมือนเรื่องยังไม่จบ เพราะสามสาวที่นั่งริมประตูระหว่างตู้ หันไปมองแล้วก็คุยกันเบาๆไปอีก
อีกครั้งบนสายโทไซ แต่ขากลับ ปิคนั่งตรงกลางเบาะ มีชายสองคนนั่งริมประตู ซ้าย ขวา ของปิค จากนั้นที่สถานีชินฟุกุชิมะ ก็มีชายคนนึงเดินมา เรียกปิค โอเน่จัง ปิคก็งง เงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นเค้าทำทีจะนั่งข้างๆ ปิคเลยเขยิบนิดนึง ให้เค้านั่งตรงกลางระหว่างปิคกะชายริมประตู แต่... ทำไมเค้าต้องหันมามองปิคด้วยอ่า มองหันหันมาแทบจะแนบกับกระจกอยู่แล้ว ปิคก็กลัวดิ่คะ อะไรอ่ะ แอบมองหน้าอกเรารึป่าว เลยยืดตัวขึ้นไปข้างหน้า แต่เหมือนยังมองอยู่ แต่ก็ไม่กล้าย้ายที่ กลัวว่าถ้าเค้าปกติก็จะกลายเป็นยัดข้อหาให้เค้าไป แต่ว่า ปิคก็ไม่กล้าหันไปมองชัดๆ แต่ก็กลัว เพราะหัวเค้าหันมาเยอะเกิน แถมยังทำตาเหมือนหลับ แต่มันไม่เหมือน บอกไม่ถูกอ่ะค่ะ เลยเขยิบก้น นั่งขึ้นไปข้างหน้าอีกหน่อย แล้วก็ยืดตัวไปข้างหน้าอีกนิด กดมือถือไปด้วยเพื่อความเนียน
พอถึงสถานีอะมางาซากิ เลยรีบวิ่งไปต่อรถอีกฝั่ง แต่.. เอ้า ต่อรถเหมือนกันอีก คราวนี้เลยไม่มั่นใจว่า ต่อจริง หรือต่อตาม แต่คราวนี้นั่งห่างไกลกันมาก แต่ตู้เดียวกัน พอถึงสถานีอะชิยะ ปิคเลยรีบออกรีบเดินกลับหอเลย ไม่รู้อ่ะ ดึกขนาดนี้ ยังไงก็คงต้องระแวดระวังไว้ก่อนล่ะเน่อ
เรื่องจะเล่าก็มีแค่นี้ล่ะค่า ฮ่าๆ
อากาศร้อนมากๆ ไปนั่งตากแอร์ที่ร้านเกะกันค่ะ ร้อนจริงๆ ตั้ง 31 องศาแน่ะ (หรืออาจมากกว่า...)
Create Date : 21 สิงหาคม 2553 |
|
4 comments |
Last Update : 21 สิงหาคม 2553 9:57:08 น. |
Counter : 530 Pageviews. |
|
|
|
กลับบ้านดึก ๆ ระวังตัวด้วยน่ะค่ะ...