|
น้ำตาดวงดาว 3 ถนนลาดยางที่มีไอละอองแดดลอยเป็นเปลวขึ้นไปบนอากาศบอกให้เอื้อมดาวรู้ว่าวันนี้สภาพอากาศจะร้อนทบทวีกว่าปกติอย่างแน่นอน หญิงสาวเป็นห่วงอาการป่วยกระเสาะกระแสะของนางลำเจีอกที่โรงพยาบาลจิตเวชจะกำเริบหนักขึ้นมาอีกครั้ง เพราะหลังจากเดินด้วยอาการเร่งรีบไปให้พ้นออกมาจากโรงแรมหรูแห่งนั้นหญิงสาวก็รุดตรงไปถามอาการของผู้มีบุญสูงสุดในชีวิตอีกคนหนึ่ง จนปลายสายเอ่ยถามมาว่า ... คุณต้องการทราบอะไรคะคุณดาว ... ฉันเอ่อ ... อยากรู้อาการป่วยของป้าลำเจียก ห้อง 36 ค่ะคุณพยาบาล... เมื่อตอนบ่ายป้าเจียกไข้ขึ้นสูง เพ้อและก็อาเจียนออกมาอยู่หลายครั้ง ตอนนี้คุณหมอวิชาญให้นอนพักฟื้นที่ห้องดูอาการค่ะ แล้วคุณเป็นใครเหรอคะ เป็นญาติป้าเจียกหรือเปล่า... ค่ะคุณพยาบาล ฉันเป็นญาติเพียงคนเดียวของป้า ... งั้นก็ดีแล้วที่เจอคุณ เพราะเมื่อตอนบ่ายคุณหมอบอกว่าช่วงนี้ญาติป้าเจียกต้องมาดูแลป้าอย่างใกล้ชิด ดีกว่าจะให้พยาบาลเวรดูแลกันเอง เพราะไม่รู้ว่าป้าจะอดทนกับโรคเบาหวานที่เรื้อรังนี้ได้อีกนานแค่ไหน ไม่มีใครรับประกันได้.. แล้วฉันต้องทำยังไงค่ะคุณพยาบาล... ก็อย่างที่บอก ... คุณต้องมาดูแลป้าเจียกเอง เผื่อว่า ... เอ่อ อาการทางใจจะดีขึ้นมากว่าในตอนนี้... ค่ะ ค่ะฉันจะไปที่นั่นในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้.... ดาววางสายโทรศัพท์อย่างคนจิตใจอ่อนล้า เพราะเป็นห่วงในตัวยายลำเจียกผู้มีพระคุณสูงสุดในชีวิตว่าจะเป็นอะไรไปมากหรือเปล่า หรืออาจเป็นเพราะความผิดของตนเองทีเดียวที่ไม่ได้มาดูแลยายลำเจียกในช่วงนี้ มัวติดแต่เรื่องหนีอะไรบ้าๆ ก็ไม่รู้ เป็นไงล่ะตอนนี้เกือบสายเกินไปแล้ว นี่ถ้าป้าเป็นอะไรไปจะไม่ให้อภัยตนเองตลอดชีวิต ... หญิงสาวพึมพำบ่นกับตัวเอง ก่อนจะเดินออกมาป้ายรถเมล์ที่อยู่ถัดไปอีกสองเสาไฟฟ้า ด้วยอารมณ์เหม่อลอยเช่นเดิม ระยะทางที่เอื้อมดาวมาถึงโรงพยาบาลจิตเวช ใช้เวลานานกว่าปกติเพราะผู้โดยสารที่แน่นขนัดเต็มคันรถ พอมาตึกผู้ป่วยประจำหญิงสาวเร่งรุดเข้าไปในทันที จนเห็นว่ายายลำเจียกระบายยิ้มน้อยๆ แต่ซีดเซียวขาดชีวิตชีวาของชีวิตอยู่บนเตียงนอนสีขาว โบกมือเข้าไปหา ... ดาวของป้ามาแล้ว... เสียงเอ่ยทักของผู้อาวุโสทำเอาหยดน้ำตาของดาวหยดรินอาบสองแก้มนวล ยิ่งเมื่อเห็นสายยางที่พาดระโยงระยางไปมาเต็มไปหมดน้ำตาเจ้ากรรมไหลทะลักออกมาจนกลั้นไว้ไม่อยู่อีกทำนบใหญ่ .... พยาบาลสาวสองสามคนอดแปลกใจไปไม่ได้ที่เห็นหญิงสาวร่างเล็กบอบบางนอนกลั้วน้ำตากับคนไข้เป็นเวลานานสองนาน ก่อนจะเงยหน้าแล้วสนทนากัน ... ป้าเจียกเป็นยังไงบ้างจ๊ะ ...ปวดเมื่อยตรงไหนบอกดาวมาได้นะ.. โธ่ดาวเอ๋ย ... ชีวิตแกก็ลำบากมากพออยู่แล้ว ยังมาห่วงป้าอีก ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไรแล้ว ดาวรู้นะว่าป้าไม่สบายมาก ตลอดเวลาที่ ดาวหายไป ป้าคงลำบากมาก .. วุ้ย ...ลำบากอะไรวะ อยู่ที่นี่กินนอนไปวันๆไม่เห็นต้องไปลำบากคุ้ยหาเศษขยะข้างนอกนั่น.. นางลำเจียกพยายามระบายยิ้มที่ฝืดฝืนเต็มทีออกไปเพื่อให้คนฟังสบายใจ แต่หญิงสาวกลับบีบมือผู้อาวุโสแน่น น้ำตาไหลนองหน้าอยู่เช่นเดิม ... ดาวดีใจที่ป้าชอบที่นี่ วันนี้คุณพยาบาลฟ้องดาวว่าป้าไม่ยอมทานข้าว.. ก็มันเบื่อนี่นา เช้าข้าวต้ม กลางวันซุป ตอนเย็นโจ๊กตบท้าย ... ไม่ให้อ้วกก็ไม่รู้จะว่าอะไรแล้ว .. อาการของป้าเจียกอยู่ในช่วงรอดูอาการ ให้คุณหมอท่านได้เช็ครายละเอียดโรคซะก่อนได้ไหมป้า ดาวขอสัญญาว่าถ้าป้าหายจากโรคนี้เมื่อไหร่ จะพาไปกินส้มตำรสเด็ดข้างสถานีตำรวจเจ้าประจำของเราสองคนให้ได้อย่างแน่นนอน ... ป้าไม่เป็นไรแล้ว เห็นไหมว่ายกแขนข้างนี้ขึ้นเหมือนเก่าแล้ว... นางลำเจียกพยายามที่จะยกแขนขวาที่หนักอึ้งขึ้นสูงให้สูงขึ้นเพื่อแสดงว่าตนเองแข็งแรงดีเกือบเหมือนปกติ หญิงสาวไม่ต้องเป็นห่วงอะไร... จ๊ะ ดาวเชื่อป้าเจียกแล้ว ... แล้วดาวเป็นยังไงบ้าง เลิกทำงานที่ร้านคาราโอเกะนั่นหรือยัง... ดาวบอกป้าเจียกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าได้งานทำที่นวนคร เป็นสาวโรงงานเย็บผ้าโหลเล็กๆ คนงานประมาณสองสามร้อย เจ้านายเป็นคนญี่ปุ่น ระเบียบจัดมาก แต่เขาก็จ่ายเงินสูงเช่นกันนะป้า ... ดาวระบายยิ้มตอบผู้อาวุโสที่ปรากฏยิ้มน้อยที่มุมปากเช่นกันก่อนจะเล่าต่อไปอีกว่า ... วันนี้ดาวเอาเงินที่เก็บได้เล็กน้อย จากน้ำพักน้ำแรงมาให้คุณพยาบาลไว้เป็นค่ายา ค่ารักษาพยาบาล ค่าเฝ้าไข้ของป้าและค่าจิปาถะอีกหลายอย่าง ป้าอยู่ที่นี่ให้สบาย ไม่ต้องคิดมากเรื่องเงิน ... ดาวอยู่ข้างนอกจะหาเงินมาเยอะๆมาให้ป้าเจียกเก็บไว้ส้รางบ้านสำหรับเราอยู่กันสองคนเนอะป้าเนอะ... ป้าดีใจที่ช่วยคนไว้ไม่ผิด.... เพราะดาวเชื่อป้า ทุกอย่างเลยลงตัวง่ายแบบนี้.... เออ ...วันนี้ดาวไม่ทำงานเหรอจ๊ะ... นางลำเจียกเปลี่ยนเรื่องคุยไปสัพเพเหระ ไม่อยากให้หญิงสาวกังวลเรื่องเจ็บป่วยที่เห็นตรงหน้ามากเกินไป เป็นเพราะรู้ว่าเอื้อมดาวเป็นคนดี แต่โชคร้ายในชะตาชีวิต ...หญิงสาวคนนี้เป็นคน กตัญญูต่อตัวนาง สู้ทำงานหนักเอาตัวเข้าแลกเงินเพื่อให้ได้มาซึ่งความสะดวกสบายกับบรรเทาท้องไส้ที่กำลังหิวโหยในทุกเมื่อเชื่อวัน ... นางรู้ดีว่าการขายตัวหากินเป็นเรื่องไม่ดี แต่ชีวิตคนจนๆ ไม่มีหนทางให้เลือกมากนัก .... เอ่อ ...คือ...ดาว หยุดทำงานสักระยะน่ะป้าเจียก... หยุดทำงานที่วิกตอเรียน่ะเหรอดาว ทำไมล่ะมีอะไรกับนังประคองมันหรือเปล่า... ป้าคองไม่ได้มาเกี่ยวเรื่องนี้หรอกจ๊ะป้า .... ดาวหนีออกมาทำงานข้างนอกเอง .... อะไรนะนวล.. ตอนนี้ดาวออกมาทำงานข้างนอก ...ที่ไหน ...อย่าบอกนะว่าข้างสวนสาธารณะใกล้อนุสาวรีย์... ในเมืองนี้จะมีที่ไหนอีกล่ะป้าเจียก ... ดาวไปหาแขกที่นั่นแหละ... เวรกรรม ... นี่พวกเราจะหมดหนทางทำมาหากินกันไปแล้วเหรอนี่.... นางลำเจียกประคองถอนหายใจอย่างปลงตก สบตามองอีกฝ่ายที่น้ำตาจะไหลขึ้นมาอีกครั้งตามประสาคนใจอ่อน รับความรู้สึกที่สื่อกันได้ดี .. ก็พอมีลูกค้าบ้างบางคนที่จำได้ว่าดาวเคยอยู่ที่ร้าน ไม่ลำบากอะไรหรอกป้า ... อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้หมด... แล้วนังคอง ...มันไม่โวยวายเอาดเหรอดาว ที่หนีออกมาแบบนี้.... ป้าคองเข้าใจเหตุผลที่ดาวหนีออกจากร้านกะทันหัน .... มันสุดวิสัยจริงๆ ทำอะไรมากกว่านี้ไมได้.. แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ อยู่ทั่น่นมันก้ดีแล้ว มีข้าวกิน มีคนคุ้มครอง มีงานทำ ถึงแม้มันจะเป็นงานที่ใครๆต่างก็รังเกียจก็เหอะ แต่ก็ยังดีกว่าพวกโกงกินบ้านเมือง สร้างความร้าวฉานให้คนหมู่มาก... ดาวหนีออกมากับสีนวล เพราะเหตุผลส่วนตัวงี่เง่าอะไรก็ไม่รู้ป้าเจียก ... ถ้าไว้ใจป้าก็เล่าให้ป้าฟังก็ได้นะดาว เราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล... ที่ดาวมาหาป้าวันนี้ก็จะมาเล่าเรื่องนี้ให้ป้าฟังนี่แหละ... พอดาวเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางลำเจียกฟังอย่างละเอียด ทั้งสองจับมือกันแน่นถ่ายทอดความรู้สึกเป็นห่วงจับใจให้แก่กัน กระทั่งพยาบาลเวรเดินมาพร้อมถาดยานางลำเจียกพยักหน้าบอกให้หญิงสาวกลับไปก่อนแล้วค่อยมาใหม่วันหลัง ... ดาวค่อยกระเถิบตัวออกมานั่งข้างนอกจนเจอกับหมอวิชาญที่เดินมาทักทาย พร้อมกับหยอกล้อว่าจำได้ว่าเป็นญาติคนเดียวของนางลำเจียก .... ดาวหลบสายตาหมอหนุ่มแห่งโรงพยาบาลจิตเวชที่กำลังจ้องมาไปมองพื้น การสนทนาเป็นไปอย่างฝืดเฝือ ก่อนจะจบลง ... เมื่อดาวขอตัวเลี่ยงเดินออกมาว่ามีธุระที่จะไปทำในตัวเมือง .... พอเดินมาถึงมุมตึกหน้าใกล้ถนนใหญ่เอื้อมดาวต้องหลบเข้ามุมบังตัวเองอย่างรวดเร็วเมื่อมองเห็นร่างสูงใหญ่แสนคุ้นเคยของใครสักคนกำลังเดินตรงมาจากรถสปอร์ตสีแดงเพลิงคันโตใกล้ถึงจุดที่หญิงสาวยืนอยู่ ห่างออกไปไม่ถึงห้าสิบเมตร .. หัวใจที่เต้นแรงเหมือนกองระรัว ... เมื่อหลบทันบอกตัวเองว่าต้องหนีให้ห่างชายคนนี้ เพราะเป็นอันตรายต่อหัวใจข้างในเหลือเกิน ... เกินที่จะยับยั้งให้ได้กลับมาเหมือนเดิม เหมือนแต่ก่อนที่จะเจอกันเมื่อคืนนี้ ... แต่แล้วดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเมื่อคนตัวสูงแวะมาแค่ฝากของสองชิ้นแล้วผละเดินขึ้นรถสปอร์ตออกไป... ดาวถอนหายใจโล่งอกออกมาอย่างเบาใจ มองรถคันหรูลับตาจึงเดินหลบจากที่ซ่อนขึ้นฟุตบาธตรงออกปไปยังป้ายรถเมล์ เพื่อกลับบ้านเช่าไถ่ถามสีนวลว่าจะเอายังไงต่อไปดี --------------------------------- พอผลักบานประตูสังกะสีเข้าไปในบ้านเช่าราคาถูก พอคุ้มแดดคุ้มฝนได้ในราคาไม่ถึงพันเข้าไปก็มองเห็นว่าสีนวลกำลังนั่งสบาย ๆ กับพื้นเสื่อน้ำมันตาจ้องเป๋งอยู่บนจอโทรทัศน์สิบสี่นิ้ว พร้อมจานส้มตำปูปลาร้าวางตรงหน้าพร่องลงไปเล็กน้อย ... เหลือบตามามองรับรู้ว่ามาถึงแล้วเหรอสีนวลจึงถามขึ้นว่า ... อ้าวดาวกลับมาถึงแล้ว ... เป็นยังไงบ้าง แขกเมื่อคืนใจป้ำดีหรือเปล่า... เอ้อ ... เรื่องมันยาว เดี๋ยวขอไปอาบน้ำแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะจ๊ะนวล... ได้ตามสบายเลย เสื้อผ้าดาวที่แช่ไว้เมื่อวาน เราซักให้หมดแล้ว... เฮ้ยทำทำไมนวล ฉันบอกแล้วไม่ต้องซักเสื้อผ้าเราอีกแล้ว... ก็ฉันเห็นมันวางทิ้งไว้ แล้วดาวก็ไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่ ... แต่ไม่เป็นไร แค่นี้เรื่องเล็กน้อยน่า.. ไม่ดีเลย เหมือนเราเอาเปรียบนวลยังไงไม่รู้... คิดอะไรมากจ๊ะดาว เราเป็นเพื่อนกันต้องช่วยเหลือกันซี ... ฉันว่าเธอรีบไปอาบน้ำก่อนเหอะ แล้วค่อยมาเล่าสิว่าเมื่อคืนเป็นยังไงบ้างตื่นเต้นสนุกสนานอะไรดีไหม... ดาวคล้อยหลังไป สีนวลยังคงตาจ้องเป๋งอยู่รายการโปรดทางทีวี พอสักครู่ใหญ่ดาวก็เดินออกมาพร้อมกลิ่นหอมฉุยจากสบู่ราคาถูก เส้นผมที่เปียกลวกๆถูกเช็ดให้แห้งเรียบร้อยดีแล้ว ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างสีนวลแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางอย่างคนมีกังวล ... เธอหนีคนรูปหล่อคนนั้นมา ทั้งๆที่เขาดีกับเธอขนาดนั้นน่ะเหรอจ๊ะดาว... ยังไงก็ต้องออกมาจากที่นั่น ... คุณวินเขาดีเกินไป ... ดีเกินกว่าที่คนเลวอย่างพวกเรา ๆ จะไปเกลือกกลั้วสวรรค์ชั้นฟ้านั่นได้อีกต่อไป และที่สำคัญฉันกำลังกลัวว่าเรื่องราวจะเหมือนตอนเจอคุณแทน... โธ่ดาวเอ๊ย ... ทำไมไม่อยู่รอเยี่ยมวิมานให้มันหนำใจก่อนน้อ ... ค่อยกลับมาบ้านเช่าสับปะรังเคนี่ก็ได้ ... ฉันนอนคิดดีแล้วทั้งคืนจ๊ะนวล ...ว่าถึงแม้คุณวินจะพูดว่าชอบฉัน หลงในตัวฉันยังไงก็ตาม แต่สุดท้ายพวกเราก็หลอกตัวเองว่าไม่ได้เป็นอีตัวข้างถนนไปไม่ได้ ..จริงมั้ยนวล ... สีนวลนิ่งมองคนเล่าไปครู่ใหญ่ ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ หนักใจในความคิดของเพื่อนร่วมชะตากรรมคนนี้เสียเหลือเกิน คนเราจะหนีความเป็นจริงในชีวิตไปได้ยังไงกัน ในเมื่อทุกอย่างในชีวิตเราไม่ได้เป็นผู้ควบคุมมันได้เลยสักเรื่องเดียว ฉันขอออกความเห็นว่าคุณวิน คุณแวนอะไรนี่น่ะ เขาคงไม่สนใจหรอกว่าเธอจะเป็นใคร มีอาชีพอะไร ขายตัวแลกข้าวสามมื้อหรือไม่ เพราะอะไรรู้ไหมดาว ... ก็เพราะเขาประกาศตัวออกมาแล้วว่าชอบเธอ ทั้งๆ ที่มันไม่มีทางจะเป็นไปได้สักนิดเดียว ...เขายังกล้าจะเสี่ยง ฉันเชื่ออีกอย่างหนึ่งนะดาว เชื่อว่าคนที่มีเงินทอง มีสมบัติล้นฟ้า ... บางทีความสุขที่เขาอยากจะหาได้ตลอดชีวิตอาจจะเป็น แค่ แค่อยากจะมีใครสักคนให้ได้รัก ... เท่านั้น... ฉันไม่อยากจะคิดแบบนี้ เพราะมันไม่มีทางจะเป็นไปได้ ... คนเราพบเจอกันคืนเดียว จะมาผูกพันกันมากมายได้ยังไงกัน และที่สำคัญ ฉันก็ยังไม่รู้ความคิดเขาแน่ชัด ... เอาเป็นว่าป่านนี้เขาคงตามหาเธอให้ขลัก ... เมื่อกี้ฉันแวะไปหาป้าเจียกก็เจอเขาอยู่ที่นั่น หลบเสียแทบตายแนะนวล... เป็นไปได้ไหมที่เขาสจะรู้ว่าป้าเจียก ญาติคนเดียวของดาวพักรักษาตัวที่นั่น... โนเวย์ ไม่มีทางจ๊ะนวล .... เขาอาจจะมีธุระอะไรบางอย่างก็ได้ ... ช่างมันเถอะนะดาว ถ้าเขาเป็นคู่เธอจริง สักวันคงได้เจอกันอีกแน่นอน... ไม่ ไม่หรอกจ๊ะนวล ... ฉันไม่อยากเจอเขาอีกแล้ว ... อยากจะทำงานหาเงินอย่างเดียว.... โธ่ดาว ... อย่าปิดกั้นตัวเองอย่างนั้นสิ ถ้าเขาไม่รักเธอคงไม่ไปเฝ้าอยู่เป็นเดือนขนาดนั้นหรอก และที่สำคัญเขากล้าคนอย่างพวกเราไปถึงที่พักหลับนอนของเขา แถมให้พักค้างแรมโดยไม่ตั้งข้อรังเกียจในเนื้อตัวของเราเลย นี่ก็คงจะพิสูจน์ได้เพียงพอแล้วใช่ไหมว่าคุณมาวินคนนี้ เขาชอบเธอจริง ... ดาวนั่งบิดตัวสีหน้ากระสับกระส่ายที่ได้ยินความคิดเห็นของสีนวล ... ซึ่งความจริงทั้งหมดที่หญิงสาวพูดมาดาวรับรู้อยู่แล้ว แต่ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นตามมานี่สิ ไม่อยากจะคิด ลำพังแค่ปัญหาหลบหนีการตามหาของแทนคุณก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว ถ้ามาเจอปัญหาเกือบซ้ำซากของมาวินอีกคงไม่ดีแน่ ๆ ... จึงถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า ... ตอนนี้ช่างมันเถอะ ... อะไรจะเกิดมันคงต้องเกิด ฉันไม่อยากจะคิดอะไรล่วงหน้า ปวดหัว... ว่าแต่ว่าตอนนี้นวลอิ่มส้มตำข้าวเหนียวหรือยัง ... ทำไมเหรอจ๊ะดาว ... จะไปไหนเหรอ.. เราจะไปไหว้พระที่วัดป่าสาลวันสักหน่อย นวลไปเป็นเพื่อนเราหน่อยสิ... ได้ ได้สิดาว เราอิ่มพอดี ...ขอเวลาอาบน้ำสิบห้านาที ... ขอบใจจ๊ะนวล ไม่ต้องรีบก็ได้ เราจะดูทีวีรอ... กว่าที่ทั้งสองสาวจะเดินออกจากบ้านเช่าเพื่อไปไหว้พระที่วัดป่าสาละวันก็ในอีกสามสิบนาทีต่อจากนั้น ... รถสองแถวสายสิบเอ็ดสภาพกลางเก่ากลางใหม่ได้พาทั้งสองมาถึงภายในวัดในอีกสิบห้านาที ติดสองไฟแดงเท่านั้น ... สีนวลปลีกตัวออกไปบูชาธูปเทียนดอกไม้ พร้อมถังสังฆทานในฝั่งตรงข้ามกำแพงวัด ส่วนดาวขอนั่งพักเหนื่อยคุยกับแม่ค้ารถเข็นขายผลไม้ไปพลาง ๆ ... มาไหว้พระเหรอจ๊ะหนู ... หญิงชราท่าทางเหนื่อยยากการทำมาหากินมาตลอดชีวิต ผมหงอกขาวโพลนเต็มหัว ผิวหนังเหยี่ยวย่นชราภาพเกินหกสิบปีเอ่ยทักหญิงสาวทันที่ทรุดตัวลงนั่งที่ม้าหินอ่อน... จ๊ะยาย...ใกล้วันพระใหญ่ หนูก็เลยมาถวายสังฆทานล่วงหน้า กลัวถึงวันนั้นจะไม่มีเวลา... ดีนะนี่อีหนู ... อายุน้อย ๆ หัดทำบุญทำทาน บั้นปลายชีวิตจะได้สบายๆไม่ต้องลำบากอย่างป้าตอนนี้ ... ทำไมจ๊ะยาย ยายเคยสบายมาก่อนใช่หรือเปล่า... ดาวขมวดคิ้วด้วยความสงสัยที่ทำไมหญิงชราแม่ค้าผลไม้ในวัดถึงมีชีวิตที่สบายมาก่อนลำบากในตอนนี้ จนพอเพ่งพิศสังเกตเนื้อตัวของหญิงชราก็พบว่า เค้าโครงใบหน้าหญิงชราคนนี้มีความสวยงามอยู่พอได้เห็นเป็นเลาๆ แถมหูตากระพริบยิบพรายแปลกประหลาดพิกล ... จึงถามต่อไปว่า .. ยายเคยทำงานอะไรมาก่อนหรือจ๊ะ... หญิงสาวหยิบผลไม้ที่อุดหนุนขึ้นมาเคี้ยว แล้วยิงคำถามเด็ด จนหญิงชราถึงกับเบือนหน้าไปมองยอดเจดีย์ในวัดที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล แล้วหันค่อยมาเล่าว่า ... ยายก็เป็นเหมือนกับเรานั่นแหละ .. อะ ...อะไรนะจ๊ะยาย ... ทำไม เอ่อ ... จะถามว่ายายรู้ได้ไงน่ะเหรอ ... ง่ายนิดเดียวหนึ่งไม่มีใครจะมาทำบุญที่วัดในเวลาบ่ายสองบ่ายสามในสภาพอิดโรยหรือเพิ่งตื่นนอนมาหมาด ๆ นอกเสียจากพวกอาชีพคนกลางคืน ... ข้อสองดูจากสภาพร่างกายแววตา ท่าทางแล้วเอ็งกำลังเป็นทุกข์เพราะอะไรสักอย่าง ไม่รู้จะหันหน้าไปเพิ่งใครจึงมาที่นี่ และข้อที่สามเอ็งลองมองเสื้อผ้าที่สวมใส่ กับการแต่งหน้าตาของตัวเองดูสิวะอีหนู มันมีสีสันที่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาที่ไหน ... อย่าบอกนะว่านี่เป็นชุดที่เรียบร้อยที่สุดในตู้ของเอ็งแล้ว... จ๊ะชุดเรามีแค่สามสี่ชุด ต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันใส่กับเพื่อน ...โชคดีที่ขนาดตัวเท่ากัน.... ที่นี่รู้หรือยังว่าทำไมยายถึงมองแปร๊ดเดียวก็รู้ว่าเราเป็นใคร ทำอาชีพอะไร... จ๊ะยาย ... แล้วทำไมยายมาขายผลไม้ได้ล่ะจ๊ะ... หญิงชรามองไปยังรอบ ๆ อีกครั้งแล้วถอนหายใจ เล่าไปว่า ... ช่วงที่ยายยังสาว ๆ ก็ถูกล่อลวงมาขายจากผู้ไม่หวังดี ... ถูกนำตัวเร่ไปทั่วประเทศ ชีวิตลุ่มดอนๆ อดมื้อกินมื้อ เสี่ยงติดโรคภัยเหลือเกิน ... จะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ระหกระเหินเกือบตายหลายครั้งในช่วงนั้น... หนูว่าชีวิตหนูลำบากแล้ว .. ตอนนี้คงไม่ได้ครึ่งของยายเลยจริงๆ ก็ช่วยไม่ได้นี่นาอีหนูเอ๊ย ... เราเสือกเกิดมาจน เลือกเกิดได้ที่ไหนกัน... ทำไมยายไม่หนีพวกนั่นล่ะจ๊ะ... หนีเรอะ ... เฮอะเคยทำอยู่เหมือนกัน แต่พอมันจับยายได้ มันซ้อมซะเราเจ็บปางตาย หยอดข้างต้มอยู่ร่วมเดือน .. อยู่รอดมาแก่ได้ในวันนี้ก็ถือมามีบุญคุ้มหัวติดตัวมากโขแล้ว ... พวกมันเป็นใคร ร้ายกาจนักเชียวจ๊ะยาย... พวกที่คอยไถ่เงินเอ็งทุกวันนี้ไงล่ะ ... พวกแมง ... งั้นเหรอยาย... ช่าย ... พวกห่านี่แหละ เหลือบสังคมชิงนรกมาเกิดชัดๆ ... เราไม่ยุ่งกับมันไม่ได้เหรอยาย อย่างพวกหนูต่างคนต่างอยู่ยังได้เลย... ถึงจะมาขอค่าธรรมเนียม ค่าคุ้มครอง ค่าอะไรต่อมิอะไร พวกหนูก็ให้พวกมันตามสำมาพาควร ... ไม่มากมายจนเราอยู่ไม่ได้ ... เออ ... นับว่าโชคดีไป อาจเป็นเพราะสมัยนี้ตำรวจมันคงแยะกว่าแต่ก่อน แล้วผู้คนก็มีทางรอดเลี้ยงปากท้องกันมากยิ่งขึ้น ... ไม่อดอยากปากหมองเหมือนตอนสงครามจบลง ครานั้นมั้ง ... ยามสงครามอะไรหรือจ๊ะยาย .... ก็สงครามโลกไงเล่าอีหนู ตอนนั้นพอมันจบลง ข้าวของในตลาดแพงขึ้นจนผู้คนไม่มีจะจับจ่าย บ้านเมืองระส่ำระสายเพราะไม่รู้จะทำมาหากินอะไรกันแล้ว ... บ้านเมืองเข้าสู่ความทุกข์เข็ญแท้จริง พวกขโมยขโจรเกลื่อนเมืองทุกหัวระแหง ... พวกมิจฉาชีพแทบจะเดินไหล่ชนกัน ... แม่บ้านไม่มีเงินเลี้ยงลูกหลานก็ออกมาหากินในอาชีพพิเศษ ... พวกยายที่ทำอยู่แล้วก็เดือดร้อนขึ้นสองสามเท่าเพราะต้องแย่งลูกค้ากันกับแม่พวกนี้ ... สุดท้ายพวกชั่วพวกนั่นก็เข้ามาจัดการ ..พวกยายก็ต้องรับเงื่อนไขที่มันตั้งไว้ ... จนสุดท้ายแทบเอาชีวิตไม่รอดเพราะทำงานหนักจนเกินไป ... พอเราจะหมดค่าพวกชั่วนั่นก็ลงมือซ้อมบังคับให้ทำทุกอย่าง ... ยายหนีออกมาจากซ่องไปหลบในท่อน้ำ ... โชคดีที่เจอคนดีๆ คนหนึ่ง ... หญิงชราเล่าไปพรางขายผลไม้ที่อยู่ในรถเข็นไปเมื่อมีลูกค้ามาซื้อเป็นพัก ๆ เขาเป็นนายไปรษณีย์ บ้านอยู่หลังสนามม้าใกล้ๆกับโรงสุรา เขานี่แหละเป็นเหมือนเทวดามาโปรดยาย มา ช่วยคนยากให้พ้นทุกข์ ... เขาเป็นคนดี ชาติตระกูลดี จนยายหาไม่ได้อีกเลยในชีวิตนี้ ... คุณลุงที่อยู่ในภาพใช่ไหมจ๊ะยายจ๋า.... ดาวชี้ไปยังภาพถ่ายขาวดำสีซีดจางที่แปะติดกับคันบังคับรถเข็นด้านหน้า ดูมองเห็นว่าเป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาประพิมพ์ประพายงดงามประจักษ์ตา เสริมสง่าราศีด้วยเครื่องแบบที่สวมใส่ รอยยิ้มที่มองเห็นเหมือนกำลังเปิดโลกที่มืดดำกลับมาสว่างในทันใด ... ใช่รูปคุณรังสรรค์ คนนี้แหละ ... ลุงคนนี้ ... เขาเป็นคนดีใช่ไหมยาย .. ดีไม่มีที่เปรียบได้เชียวล่ะอีหนู น่าเสียดายที่ยายเห็นเพชรเป็นก้อนกรวด ...เห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปซะก่อน ไม่งั้นชีวิตที่เหลือของยายทั้งหมดคงไม่มาจบกับการเป็นแม่ค้าขายผลไม้แลกข้าวกินอย่างทุกวันนี้แหละ... งั้นหมายความว่า ยายแยกกับคุณลุงรังสรรค์ นั่นเป็นเรื่องที่ยายเสียใจมาตลอดชีวิต จนมาถึงทุกวันนี้ ... ทำไม ทำไมนะ ทำไมยายไม่เลือกที่จะอยู่กับเขา แทนที่จะทำเป็นอวดดีกับชีวิตต่ำค่า ... หาเลี้ยงชีวิตด้วยร่างกายที่เหี่ยวย่นไปทุกวัน จนเหลือแต่กระดุกอย่างวันนี้ ... มีใครบ้างล่ะมาเหลียวแลอีแก่คนนี้บ้าง... ใจเย็นจ๊ะยายจ๋า ... ทุกอย่างมีทางแก้ไขนะจ๊ะ... มันสายเกินไปแล้วอีหนู ชีวิตยายคงขายผลไม้จนตายคารถเข็น หรือไม่ก็อาจจะแก่ตายเพราะกรรมตามมาทัน... ไม่เอาน่ายาย ... คิดอะไรมาก แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ เรื่องในอดีตช่างมันเหอะนะ ... เอ็งดูท่าจะเป็นคนดีน่ะอีหนู ถ้าเป็นไปได้ขอให้เลิกอาชีพถูกสาปนี้เสียเถอะนะ ... ยายขอเถอะ... ไปทำอาชีพที่มันดีกว่านี้ มีศักดิ์ศรีความเป็นคนมากกว่านี้เดีกว่า ... ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินแก้ ดูยายเป็นตัวอย่างไว้ลูก ดูเอาไว้ให้ดี ... ถ้าไม่ทำอาชีพนี้แล้วจะไปทำอะไรกินจ๊ะยาย ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี คนตกงานเป็นแสน ... ดาวคงอดตายไปก่อนที่จะต้องรอคอยงานที่ดี สุจริต มีเกียรติในสังคม ... ถ้าเอ็งขยัน ไม่มีวันอดตายหรอกลูกเอ๊ย เชื่อยายเถอะ... แล้วเอ็งทำงานที่ไหนกันตอนนี้... หนูชื่อดาวนะจ๊ะยาย หนูทำงานที่ร้านคาราโอเกะชื่อวิกตอเรีย พอจะเคยได้ยินไหม... อ้อ ... ที่แท้เอ็งก็เป็นลูกสาวนังคองมันน่ะเอง ... หญิงชราแค่นเสียงสูง หัวเราะออกมาคล้ายขบขันที่ได้ยินชื่อร้านวิกตอเรีย ซึ่งดาวรู้สึกแปลกใจที่นางทำท่าเหมือนรู้จักกับวิกตอเรียเป็นอย่างดี จึงถามว่า ... ยายรู้จักร้านด้วยเหรอจ๊ะ... ทำไมฉันจะไม่รู้จักจ๊ะอีหนู ก็ร้านนี้เป็นร้านของฉันมาก่อนที่นังคองมันจะทำต่อ ...ฉันเป็นคนแรกที่สร้างร้านนี้ขึ้นมาสมัยพวกจีไอเกลื่อนเมืองโคราช ... จริงเหรอจะยาย .... อย่าบอกนะว่ายายชื่อ ราตรี ... ใช่ยายชื่อนั่นแหละ ชื่อเต็มก็คือราตรี มณีนพรัตน์ เป็นเจ้าของร้านวิกตอเรียคนแรกคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก อยู่นี่แล้วไง... ดาวหยุดสนทนาไปพักใหญ่เพราะมีเด็กกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งกำลังกรูกันเข้ามาเลือกผลไม้สด ก่อนจะแยกย้ายจากไป ด้วยเวลาอันรวดเร็ว พอเหลียวหันซ้ายขวาก็มองเห็นว่าสีนวลได้ซื้อของที่เตรียมไหว้เรียบร้อยแล้ว ... หญิงสาวจึงหันไปล่ำลาหญิงชราที่หันกลับมามองอยู่พอดี ... นั่นเพื่อนคงซื้อของได้หมดแล้วสินะ... จ๊ะยาย ... กำลังคุยกันสนุกอยู่พอดี ยายจะรีบไปไหนไหมถ้าหนูจะขอตัวเข้าไปไหว้พระอาจารย์ข้างในกุฏิ สักพักใหญ่ค่อยออกมาคุยกับยายอีกรอบ อย่าเพิ่งไปไหนนะจ๊ะ... เพราะดาวรู้ดีว่ากำลังจะแยกตัวจากหญิงชราผู้มีประวัติชีวิตมาอย่างโชกโชน เพื่อเข้าไปหาร่มธรรมนำชีวิตทางด้านในกับสีนวลเพื่อนรักที่ยืนรออยู่ไกลๆแล้ว ... ไปเถอะอีหนู ... เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีก ขอให้จำคำยายเอาไว้ว่าอย่ารีรอที่จะทำอะไรสักอย่าง ตัดสินใจไปเลยว่าชีวิตนี้ควรจะเดินเส้นทางไหน อย่าเป็นเหมือนยายเลยนะ ... เพราะตัดสินใจผิดพลาด ชีวิตเลยต้องเป็นทุกข์ตลอดชีวิตเช่นนี้... จ๊ะยายดาวจะจำเอาไปใช้ ขอตัวก่อนนะจ๊ะ... ดาวยกมือขึ้นไหว้แล้วเดินเลี่ยงไปหาสีนวลที่มีสีหน้าตั้งคำถามรออยู่แล้ว ... ยายคนนี้ใครน่ะดาว ...เป็นญาติป้าเจียกหรอ... ไม่หรอกนวล ยายเป็นแค่คนเคยทำงานอย่างเรา พอแก่ตัวมาเลยไม่มีใครเหลียวแลและเลี้ยงดู... น่าสงสารเนอะดาว ดูท่าทางป้าขายผลไม้สดเหมือนได้กำไรไม่ค่อยจะดีเลย... ช่วงนี้คนกำลังลำบากกับเศรษฐกิจ จะกินจะอยู่ต้องอัตคัดตัวเอง เพื่อจะได้อยู่รอดในประจำวัน... มันก็จริงอย่างเธอว่านะดาว ... ดูนี่สิแค่สังฆทานกับดอกไม้ และของถวายเพลนิดหน่อยเกือบห้าร้อยบาทแนะ .. แล้วถ้ามันยังแพงอยู่แบบนี้ ใคร้เขาจะมาทำบุญกันเยอะ ๆ นะ... เราก็ทำตามจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาและกำลังทรัพย์เรามีก็พอ ไม่ต้องโอเว่อร์ทำบุญเยอะจนสุดท้ายเอาตัวไม่รอดในแต่ละวัน... งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะนะดาว... ไปสิ ... เพราะวันนี้เป็นวันธรรมดา ดาวกับสีนวลจึงทำบุญถวายสังฆทานข้าวสารอาหารแห้งอีกหลายปัจจัยเสร็จสิ้นในเวลาอันรวดเร็วไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พอพระอาจารย์ให้ศีลให้พรเสร็จดาวจึงรีบเดินออกมาดูว่านางราตรี ยังขายผลไม้อยู่ตรงร่มไม้ที่เดิมหรือไม่ ... แต่สุดท้ายก็ไร้เของหญิงชราในบริเวณนั้น ... ดาวถอนหายใจ ก่อนจะเดินออกมาข้างนอกคิดเรื่อยเปื่อยถึงคำสอนของหญิงชราที่เน้นย้ำเอาไว้ ... มองหายายคนนั้นเหรอดาว... ใช่จ๊ะนวล ... ยังไม่ถามบ้านช่องยายแกเลย... ยายคนนี้สำคัญกับดาวมากนักหรือจ๊ะ ... ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยว่าดาวมีญาติเป็นคนเข็นรถขายผลไม้... ไม่หรอกนวล เราก็เพิ่งรู้จักยายราตรี ... ยายคนนี้เคยเป็นอีตัวอย่างเรามาก่อน และที่สำคัญคุณยายคนนี้แหละที่เป็นเจ้าของร้านคาราโอเกะวิกตอเรียของเรา เป็นคนแรก ... ห้า ... ยายคนนี้เหรอที่เป็นเจ้าของวิกตอเรีย เธอล้อเล่นหรือเปล่าน่ะดาว..... ไม่ ไม่ มันเป็นเรื่องจริง ... คุณยายราตรีที่ขายผลไม้รถเข็นคนนี้แหละเป็นเพื่อนกับแม่คองของเรา ร่วมบุกเบิกกันมานาน ... จนวันหนึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ว่าทำไมแม่คองยังอยู่ที่เดิม แต่ยายราตรีกลับต้องตกอับอยู่เช่นนี้... เออ...ดาวฉันจำได้แล้ว เรื่องนี้ป้าคองเคยเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายกันมาอยู่คนหนึ่ง ... งั้นก็คงเป็นคนเดียวกันกับยายราตรีนี่แหละ... ป้าคองเคยเล่าว่า เพื่อนแกคนนี้แหละที่หนีหายไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเธอกำลังมีความรัก .. แล้วก็มีกับคนชนชั้นสูง มากทรัพย์ และยศถาบรรดาศักดิ์ ... หลายไปนานหลายปีดีดัก จนป้าคองคิดถึงเพื่อนที่เคยลำบากกันมามาก ให้ลุงสุเทพไปสืบเสาะหาจนพบว่าป้าราตรีลำบากมาก เพราะผู้ชายคนนั้นได้ทิ้งป้าไป ไม่เหลียวแลใยดีอะไรเลย ... ปล่อยให้ป้าราตรีที่เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ เคยสวยงามและรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด เป็นดาราชื่อก้องฟ้าวิกตอเรีย ... มีเงินทองที่ใช้ได้เป็นเบี้ย ...กลับต้องมามีชีวิตที่อยู่เหมือนตกนรกทั้งเป็น ... เพราะความรักมาบังตาเอาไว้ซะมิดเลย ... สีนวลเล่าไปพรางถอนหายใจไปพราง ... โธ่น่าสงสารยายจัง ... แล้วผู้ชายคนนั้นไปไหนเสียล่ะนวล... ไม่รู้เหมือนกันดาว ต้องไปแอบ ๆ ถามป้าราตรีดู อาจได้ความ... คงไม่ต้องแล้วนวล ... ตอนนี้ดาวไม่อยากรู้แล้วยิ่งเรื่องนี้เคยทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งมาซะขนาดนี้ ... พวกเราไม่รับรู้อะไรน่าจะเป็นการดี ... แต่ก็เชื่อว่าคงเป็นเหตุผลที่คนสองคนที่รู้กันเอง โดยไม่ต้องไปอธิบายให้คนอื่นได้รับรู้ก็ได้... นี่ถ้าดาวไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเราก็คงไม่รู้ข่าวป้าราตรีอีกแล้ว ... เซอร์ไพร์ซหลายเรื่องจริงๆ... ช่างเถอะนะ ...วันหลังเรากลับมาที่นี่อีกครั้งดีกว่า เผื่อเจอยายอีกครั้ง ... คงได้ช่วยเหลือเรื่องการเงินกันบ้าง... จ๊ะดาว ... เรากลับกันเถอะวันนี้อิ่มบุญ อิ่มใจกันมากแล้ว... ไปสินวล ... ทั้งสองเดินเคียงคู่กันออกจากวัดป่าสาลวันด้วยจิตใจที่ครุ่นคิดไปคนละอย่าง ... ดาวคิดว่าจะกลับมาหานางราตรีที่นี่อีกครั้งให้ได้ แต่สีนวลกลับคิดตรงข้ามว่าต้องรับไปบอกนางประคองเพื่อมาพบและทวงทรัพย์สิน เงินทองที่หญิงชราได้ฉกไปจนหมดตัว เมื่อครั้งอยู่ร้านวิกตอเรียเมื่อหลายสิบปีก่อน .... แต่ทว่าทั้งสองหาล่วงรู้ไม่ว่า จะไม่มีวันได้พบเจอกับนางราตรีอีกตลอดชีวิตนี้อีกแล้ว ... -------------------------------------------- หลังจากค่ำคืนในเงียบสงัดค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างเซ็ง เศร้าและผิดหวัง เพราะเมื่อแทนคุณได้ไปตามหาดาวที่ร้านวิกตอเรียก็ได้รับคำตอบว่าหญิงสาวได้หนีออกไปจากร้านโดยไม่มีใครรู้ว่าไปที่ไหน หรือไปกับใคร ... คำตอบที่ได้รับสั้นห้วนและไร้คำอธิบายไว้แค่นั้น .... ชายหนุ่มหงุดหงิดหัวเสียยิ่งนัก ใจ อยากจะเข้าไปค้นภายในร้านก็ทำไม่ได้เพราะกำลังล่วงเข้าสู่วันใหม่อีกไม่กี่ชั่วโมงและเมื่อมองสำรวจคร่าวๆก็เห็นว่าพนักงานต้อนรับภายในร้านไม่มีเหลือทำงานแม้แต่คนเดียว คงออกไปข้างนอกกันหมด ... แทนคุณขับรถกินลมมานอกเมือง เพื่อระบายอารมณ์ที่หงุดหงิดและขุ่นมัว ... ครั้นพอสายลมอุ่น ๆ ปะทะหน้าทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของดาวเลยว่าทำไมต้องหนีในเมื่อตนเองกำลังจะพามาอยู่ในที่ที่ปลอดภัย อยู่ในที่ที่ไม่ต้องลำบากเอาตัวกับศักดิ์ศรีเข้าแลกเช่นนั้น .... แต่ทำไมหล่อนถึงหนีไป โดยไม่เข้าใจในเจตนาที่เขาได้ทำเพื่อเธอคนเดียว ... พอปล่อยอารมณ์ไปกับความคิดมาเรื่อย ๆ แทนคุณก็รู้สึกตัวอีกครั้งว่าตนเองกำลังชะลอรถจอดที่หน้าบ้านจัดสรรหรูหราราคาหลายล้านหลังหนึ่ง .... ชายหนุ่มจึงจอดรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูอัลลอยด์ขนาดใหญ่ แล้วเคลื่อนรถเข้าไปข้างใน บ้านหลังใหญ่ขนาดกลางหลังนี้เป็นบ้านที่ทาสีขาวหลัง ความสูงสองชั้นสามารถใช้สอยประหยัดได้พอดิบพอดีกับครอบครัวเล็กๆ ขนาดสามคนพ่อแม่ลูก ....ชั้นสองมีระเบียงยื่นออกมาเป็นหลังคาของโรงจอดรถ ส่วนภายในบ้านมีสามห้องนอนสองห้องน้ำ ตกแต่งหรูหราทันสมัย ไม่รกรุงรังแต่แฝงไปด้วยความคลาสิคร่วมสมัย ... บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่แทนคุณซื้อไว้เป็นเจ้าของจากเงินทองที่ได้เก็บหอมรอมริบจากการทำงานพิเศษ เมื่อครั้งศึกษาอยู่ต่างประเทศหกเจ็ดปี ... โดยให้อนึก น้องชายร่วมมารดาเป็นคนดูแลและจับจองให้ก่อนจะกลับมาสองสามปี ... บ้านที่เป็นเหมือนความหวังและความฝันทั้งชีวิต ... ความหวังที่จะมีชีวิตที่เหลือกับคนที่รัก กับความฝันที่จะมีครอบครัวน้อยๆ พอเพียงตามอัตภาพ ไม่ฟุ้งเฟ้อแต่เปี่ยมไปด้วยความสุข ระอวลไอด้วยกลิ่นหอมของความรัก ... เท่านี้ก็พอแล้วสำหรับแทนคุณ ... พอเปิดประตูบ้านเข้าไปข้างในก็พบว่าข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ที่วางเรียงรายอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบนักจากการมาคราวก่อน บัดนี้ได้เรียงรายไว้เป็นที่เป็นทางเรียบร้อยจนต้องขอบคุณคนจัดการเรื่องนี้ให้ ... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแทรกความเงียบของรัตติกาลในย่ำรุ่งใกล้สว่าง ... แทนคุณก้มมองดูก็เห็นว่าเป็นสายของอนึก จึงกดรับพ่วงด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่ามีเรื่องอะไรน้องชายร่วมมารดาถึงต้องโทรมาเอาเวลานี้ .... พี่แทนอยู่ที่ไหนเหรอนี่... เสียงอนึกสั่นๆคล้ายคนยังไม่ได้นอน ระล่ำระลักถามชายหนุ่ม อยากจะรู้ที่ตั้งเต็มที่ ... พี่อยู่บ้านชานเมือง มีอะไรเหรอนึก... ตอนนี้ป้าเมียดกำลังแย่ .. แม่ซักไซร์ไล่เรียงจนเสียงดังลั่นบ้านได้ยินไปสามบ้านแปดบ้านแล้ว ... พี่แทนจะให้พวกเราทำยังไงดี แม่อาละวาดสั่งเด็ดขาดว่าคืนนี้จะไม่นอน ถ้าพี่แทนไม่กลับมาที่บ้าน ... แล้วนี่มันก็จะสว่างแล้วด้วย แม่นะแม่ ...ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ ... ไม่เข้าใจจริงๆเลย ... พี่ก็ไม่นึกว่าไอ้การที่ไม่อยู่บ้านคืนเดียว มันจะมีเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ ... ก็ยายปริกนั่นแหละพี่แทนไปฟ้องแม่พี่ไปหาดาวที่รานวิกตอเรีย ...งานก็เลยเข้าน่ะสิพี่... ปริก ...นี่ใช่ไม่ได้จริงๆ เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ... ยายปริกเป็นพวกของแม่ คงรู้เรื่องตอนนี้ผมได้คุยกับพี่แทน บังเอิญได้มาแอบฟังอยู่ตรงบันใด เรื่องก็เลยบานปลายไปกันใหญ่ ... พี่แทนรู้หรือเปล่าว่าแม่รู้เรื่องบ้านพี่แล้ว สั่งให้นึกพาไปหาพี่พรุ่งนี้เช้า ... แต่เอ ไม่ใช่สิ ...อีกประมาณไม่กี่ชั่วโงข้างหน้า พี่จะให้นึกทำยังไงต่อดี ... ตอนนี้มีพี่นี่มาแทรคทีมอีกคน น่ากลัวมากๆพี่แทน... แทนคุณรับรู้เรื่องแล้วส่ายหน้าช้าๆ ไม่คิดนึกว่านางสุนีย์ ผู้เป็นแม่จะยังไม่ลืมเรื่องของดาว... ทั้ง ๆ ที่เวลาได้ผ่านล่วงไปพอสมควรแล้ว ... นายไม่ต้องทำอะไรหรอกนึก ... พี่จะไม่ไปบ้านจนกว่าจะอยู่ที่นี่อย่างพอใจ เข้าใจนะ.. อนึกรู้ดีว่าบทจะเอาแต่ใจตัวเองขึ้นมาของพี่ชายคนโปรดก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่าสาลินีหรือนนนี่ พี่สาวคนรองแต่อย่างใด แต่ถ้าแม่ถามหาพี่แทนล่ะ ...นึกจะโกหกว่าอะไรดี... ไม่ต้องโกหกอะไรหรอกนึก บอกแม่ว่าพี่แทนมีธุระที่ต่างจังหวัด เรื่องจะได้จบ โอเคมั้ยวะนึก... นึกจะพยายามแต่ยังไงก็เบื่อหน่ายพี่นี่เหลือเกิน ..เมาแอ๋เข้ามาบ้านเมื่อกี้นี่เอง ผมอายคนใช้มันมองจะแย่อยู่แล้วพี่แทน ทำไมทำตัวแย่แบบนี้ก็ไม่รู้ เฮ้อ ... เขาเป็นลูกสาวโปรดของแม่ ปล่อยเขาสักคนเถอะนึก .. สรุปก็คือนายทำตามที่เราบอกก็แล้วกัน... ได้ครับพี่แทน.. พออนึกวางสายลง แทนคุณปิดเครื่องไปในทันทีเพราะไม่อยากจะติดต่อกับใครคนไหนอีกแล้ว อยากจะพักผ่อนคลายความเครียดที่นี่จนถึงเช้า แล้วจะกลับไปทำงานที่สำนักงานตามปกติ ..เสียงไก่ขันแว่วดังมาแต่ไกล บอกให้ชายหนุ่มรู้ว่าอีกไม่ถึงกี่ชั่วโมงท้องฟ้าสีทองยามเช้าจะรำไรที่ขอบฟ้าแล้ว ... ความง่วงกลับมาจู่โจมอีกครั้ง ก่อนที่แทนคุณจะหลับตาลงใจประหวัดนึกถึงใบหน้าสวยซึ้งของใครบางคน ที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะทำอะไรที่ไหนอยู่ก็ไม่รู้ แต่ถึงยังไงก็ขอให้เจ้าหล่อนรับรู้ไว้เถอะว่าคนคอยคิดถึงคนไกล ---------------------------------------- นาน ๆ ได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันซะที ค่อยดูเป็นครอบครัวสุขสันต์กันหน่อย ... เสียงใสแจ๋วของสาวสวยแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟันด้วยเสื้อผ้าเครื่องทรงราคาแพงลิบลิ่ว ประดับด้วยเครื่องประดับพราวไปทั้งตัว ... ดูวูบวาบเรืองแสงพิกล .... ได้เอ่ยแทรกความเงียบที่เป็นมานานร่วมห้านาทีของโต๊ะรับประทานอาหารค่ำ จนทำให้ทุกคนที่ร่วมโต๊ะต้องเงยหน้าขึ้นมามองยังร่างเล็กบางของต้นเสียงพร้อมๆกัน ... แกมองฉันทำไมนายนึก ... หรือฉันพูดไม่จริงอะไรไปยะหล่อน... อนึกตาคมวาวสีหน้าไม่พอใจแล้วหันไปตามเสียงที่พาดพิงถึง ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดโต้ตอบไปว่า... อะไรกันพี่นี่ ...อยู่ ๆ ก็มาแขวะกันซึ่งหน้าอยู่ได้ แล้วมันดีไหมล่ะไอ้ที่พูดมาน่ะ... อ้อลืมไป ... คนโปรดพี่แทนแตะต้องไม่ได้นี่นา... ผมไม่ได้เป็นคนโปรดใครหรอกครับพี่นี่ ... โปรดเข้าใจใหม่ไว้ด้วย... ผู้เป็นน้องยื่นช้อนไปตักแกงเขียวหวานไก่ใส่จานตัวเอง แล้วเกริ่นตอบไปโดยไม่เกรงใจคนที่อาวุโสกว่าสองคนที่กำลังนั่งเงียบอยู่โดยไม่กระตุกกระดิก ประหนึ่งจมอยู่ในความคิดตัวเอง เหมือนไม่ได้อยู่ในระหว่างรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว ... ค้าพ่อประคุณทูนหัวทูนเกล้า ... อีฉันจะจดจำไว้ในกระหม่อมตราบนานเท่านานเลย เฮอะ... พี่นี่ก็เป็นอย่างนี้ทุ๊กที ชอบพาลพาโล ถ้าเถียงสู้คนอื่นเค้าไม่ได้... เอ๊ะ .... นายอนึก ตกลงใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่ยะ ...เถียงอยู่ได้ฉอดๆ เดี๋ยวแม่ตบปากด้วยทัพทีเสียหรอก... ถ้ากล้าก็ทำเลยซี้ ... ผมจะได้หนีออกจากบ้านไปอยู่ข้างนอกกับพี่แทนเลย ... ใช่ไหมพี่... อนึกถลึงตาคงจ้องไปยังพี่สาวคู่ปรับ แล้วหันไปพยักเพยิบกับแทนคุณที่นั่งทานข้าวเงียบกริบ ไม่มีส่งเสียงออกมาให้ใครได้รับรู้ว่ายังอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแห่งนี้ ... ตรงกันข้ามกับหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะที่ตอนนี้หัวคิ้วเริ่มขมวด วางช้อนลงแล้วผินหน้าไปทางอื่นที่ไม่ใช่วงสนทนาเผ็ดร้อนของสองพี่น้อง ... ว้ายตายแล้ว ... หยาบคาย ต่ำไร้สกุลรุนชาติมาก ๆ นี่ถ้าแกเป็นคนนอกบ้านหาเช้ากินค่ำ ...ไม่ได้เกิดอยู่ในบ้านชั้น ก็จะไม่แปลกใจเลยที่พูดออกมาแบบนี้ ... เชอะ... ปกป้องกันเข้าไปเถอะ สักวันจะได้ไปอยู่สลัมตามนังบ้านนอกนั่นสมใจแน่ ..ไม่เชื่อคอยดูสิ... ใช่ไหมคะแม่ขา ... สาลินีหรือนนนี่โยนลูกให้หญิงวัยกลางที่เตรียมจะลุกขึ้นให้กลับหันมานั่งโต๊ะอีกครั้ง พร้อมกับสายตาประกาศิตที่กวาดตามองบุตรชายคนเล็กอย่างปรามให้สงบปากสงบคำไว้ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยียบลึกขาดใจมาว่า ... หยุดเสียทีได้ไหมนายนึก ... เถียงพี่เขาเหมือนเด็ก ๆ ไปได้... ก็ผมพูดตามเนื้อผ้าจริง ๆ นี่แม่ ... ขอถามหน่อยเถอะวัน ๆ พี่นี่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เห็นแต่ฉุยฉายไปฉุยฉายมารบกวนเวลาคนโน้นทีคนนี้ที ... น่ารำคาญชะมัด ... นี่ นี่ ไอ้นึก ...แกมาว่าชั้นแบบนี้ได้ไง ฉันไม่ยอมนะ ... แม่ขาดูไอ้นึกมันว่านนนี่สิจ๊ะ... ว่าแค่นี่ทำเป็นสนิมสร้อย เป็นลูกแหง่ไม่รู้จักโตไปได้ ... จะร้อนตัวไปทำไมถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง... แก ...ไอ้น้องทรยศ ...ฉันไม่โพนทะนาเรื่องอีดาวกับแกให้แม่ฟัง ...มันก็คุ้มกะลาหัวแกแค่ไหนแล้ว จำใส่กะโหลกเอาไว้ซะบ้าง ... หญิงสาวมองหน้าผู้เป็นน้องซ้ำ แล้วเหยียดริมฝีปากคล้ายกำลังสะใจเรื่องทีกำลังพูดเต็มที่ ... ก่อนที่จะมีน้ำเสียงประกาศิตดังเน้นย้ำถามมาจนทั้งสองต้องหันไปมอง แล้วทำหน้าปุเลี่ยนไม่รู้จะทำยังไงดี ... มันเรื่องอะไรกันนี่ ... เล่าให้แม่ฟังอีกทีสิ... สาลินี่มองไปยังอนึกแล้วยิ้มเยาะอีกครั้ง ... หนุ่มน้อยหันไปมองพี่ชายเหมือนจะขอตัวช่วย แต่ก็พบกับความว่างเปล่าจึงตอบคำถามผู้เป็นแม่แบบเลี่ยงดำน้ำข้าง ๆ คู ๆ ว่า ... ไม่มีอะไรนี่แม่ ...พี่นี่พูดถึงนับดาว เพื่อนของนึกที่มหาวิทยาลัยน่ะครับ ... ไม่มีอะไร... เชอะเพื่อนมหาวิทยาลัยบ้านแกน่ะสิย่ะนายนึก เดี๋ยวนี้กล้าโกหกแม่ซึ่งหน้าแล้วเหรอพ่อคนเก่ง... พี่นี่พูดอะไรผมไม่เห็นรู้เรื่อง ... ใครไปทำอะไรอย่างไง เมื่อไหร่ ที่ไหน... หน๊อยทำมาย้อน ... ช่างน่าซื่อตาใสดีแท้น้องรัก... พูดให้ดี ๆ นะพี่นี่ ..ถ้ามันไม่ใช่ เห็นทีต้องเกิดเรื่องแน่ .. โอ๊ย ๆ ๆ ๆ กลัวแล้ว กลัวแล้วจ้าพ่อพระของบ้าน ... ฉันไม่นึกเลยว่าแกกับพี่แทนจะปิดแม่ได้นานถึงขนาดนี้ นี่แค่รู้ระแคะระคาย งานยังเข้าขนาดนี้ ... ถ้ารู้เรื่องทั้งหมด มันจะเกิดอะไรขึ้นนะ ... ไม่อยากจะคิดเลย ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ๆ ... พี่นี่ ...พี่รู้ตัวเปล่าว่าตัวเองกำลังจะเหมือนนังแม่มดใจร้ายขึ้นทุกวัน ๆ เสียดายหน้าตาก็สะสวยดีอยู่หรอก ..ไม่น่าเล้ย อะไร...แกพูดให้จบนะไอ้บ้า... สาลินีใบหน้าหน้าแดงกล่ำด้วยอารมณ์โกรธจัด ลุกยืนขึ้นตบโต๊ะอาหารดังปังพร้อมจานข้าวตรงหน้าลอยวืดข้ามหัวอนึกไปหล่นลงบนพื้นดังเพล้ง ... เป็นที่ตกตะลึงกันทั้งโต๊ะ อนึกยิ้มเยาะพร้อมทำท่ายียวนกวนโมโหอีกต่อไป... โอะโอ ... อารมณ์ก็รุนแรงไม่เปลี่ยนด้วย เสียดายจานสวยๆใบนี้เหมือนกันนะ... กรี๊ด ๆ ๆ ๆ ไอ้น้องชั่ว ... ฉันอยากจะฆ่าแก กรี๊ด ๆ ๆ แม่ช่วยนี่ด้วย ... แม่ แม่ แม่... เสียงกรีดร้องของหญิงสาวทำเอาบรรดาคนรับใช้ต่างหลบไปบังอยู่หลังเสากันเป็นแถว ... นางสุนีย์กำหมัดแล้วลุกยืนขึ้นตรงไปยังอนึกแล้วทำบางอย่างที่ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่นั่งตรงกันข้ามและนิ่งเงียบมานานถึงกับลุกขึ้นเพราะทนนิ่งอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ... .. เพลียะ .... เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าหนุ่มน้อยฝีปากกล้าดังสนั่นไปทั่วห้องโถงที่เป็นห้องรับประทานอาหารของบ้าน ทำเอาหลายคนที่อยู่บริเวณนี้ถึงกับอ้าปากค้างตกตะลึง แต่ผู้กระทำหาได้สนใจไม่ กลับทำตาลุกวาวแล้วขู่สำทับไปว่า ... นี่เป็นการสั่งสอนแก จำเอาไว้ให้ดีนะอนึก ... แม่กำลังจะบอกว่าเราเป็นเด็กควรรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ พี่เขาก็เป็นพี่ไม่ควรไปเถียงฉอดๆ ไม่ตกฟากแบบนั้น ... ไม่รู้ใครสั่งใครสอนกัน ... อนึกยืนนิ่ง เอามือลูบแก้มที่แดงเถือกพร้อมน้ำตาที่หยอดรินไหลปริ่มขอบตา ... คราวนี้เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปแล้วจริงๆ แม่หยุดเถอะ .... อย่าทำแบบนี้กับน้องอีกเลย แทนขอร้อง... คนร่างสูงดินตรงไปตบบ่าผู้ป็นน้องแล้วพยักหน้าเป็นเชิงปลอบใจ ก่อนจะต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบก้องกังวาร แม่ทำแบบนี้ทำไม ... แทนผิดเองที่ทำอะไรไม่ปรึกษา ... อนึกไม่รู้เรื่องอะไรมากนักหรอก... ก็เพราะเห็นชั้นเป็นหัวหลักหัวตอนะสิ .. มันถึงเกิดเรื่องอับอายฉาวโฉ่เหม็นคุ้งไม่ดีไม่งามไปจนคนเขาเอาไปนินทาทั่วบ้านทั่วเมือง เป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่ตอนนี้ไงล่ะ ... แม่จะไปแคร์ทำไม ... ในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของบ้านเรา ... พวกเขาไม่เกี่ยว ... ฉันจะไม่แคร์ได้ยังไงแทน ... แค่ฉันไปเข้าสมาคมไหนใครก็ถาม ใครก็ชัก ...ขี้เกียจจะปั้นหน้าโกหก หรือส้รางเรื่องว่าแกบริสุทธิ์ จบด็อกเตอร์จากเมืองนอกเมืองนา ไม่มีรอยราคินเพราะไปเกลือกกลั้วกับอีโสเภณีชั้นต่ำนั่น... นางสุนีย์แค่นน้ำเสียงออกมาคล้ายเยาะอยู่ในที สาลินี่เข้าไปโอบกอดผู้เป็นแม่แล้วยิ้มเยาะด้วยความสะใจ ... อนึกเมินหน้าหนีแล้วส่ายหน้าด้วยความระอาในญาติวงศ์พงศา ...แต่คนที่สำคัญถูกกล่าวพาดพิงกับยืนนิ่ง แล้วเอ่ยถ้อยคำพูดออกมาแผ่วเบาว่า ที่แท้ก็เป็นเรื่องของดาวนี่เอง ... แทนขอถามแม่หน่อยจะได้ไหม... นางสุนีย์คอตั้งเชิด ไม่มองมายังแทนคุณเลย ... แทนจะถามว่า ..... ดาวเขาทำอะไรให้แม่โกรธนักหนา ถึงได้ผูกใจเจ็บเขาไม่จบไม่สิ้น... แกก็เป็นเหมือนพ่อแกไม่มีผิด ทั้งๆที่มีชาติตระกูลจะสูงเป็นหงส์เยี่ยมเทียมฟ้า แต่จิตใจข้างในหาได้สูงไปตามไม่ พยายามทำตรงกันข้ามเสียอีก ... ใจคออ่อนแอ ปรกเปียก โลเล ไม่อดทนขี้ใจอ่อน .. .ยอมให้คนอื่นหลอกใช้หรือสนสะพายอยู่ได้ตลอดเวลา ...ทำไมไม่เอานิสัยที่ดี ๆ อย่างชั้นบ้างแทน แม่ขอถามแกหน่อยเถอะ... ใช่พี่แทนไฝ่ต่ำเพราะไปเกลือกกลั้วโคลนตมอย่างนังดาว... สาลินีพูดเสริมนางสุนีย์ แต่ผู้เป็นแม่กลับตวาดหญิงสาวคล้ายไม่พอใจที่พูดแทรกไม่ถูกจังหวะในตอนนี้ ... หยุดเถอะนนนี่ ...จะขึ้นห้องไปเลยไหม... แม่ก็...ฮึ... ชายหนุ่มทั้งสองยังคงยืนนิ่งฟังผู้เป็นแม่ปรามจนจบก่อนที่คนตัวใหญ่กว่าจะพูดประโยคที่นางสุนีย์ถึงกลับอยากจะกรีดร้องออกมาให้ลั่นบ้านเหมือนสาลินีเมื่อตะกี้ ... เราเคยพูดเรื่องนี้กันมาหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอครับแม่ ... แทนบอกไปแล้วว่าจะรับดูแลดาวเขาเอง ... แม่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าเรื่องค่าใช้จ่าย ความเป็นอยู่ หรื้อแม้แต่เงินทองที่แทนหามาได้กำลังจะไปหยิบยื่นให้ดาวเขาเร็ววันนี้ ... แทนขอถามหน่อยว่าทำไมแม่ยังเป็นทุกข์กับเรื่องนี้อีก ... เราทำผิดกับเธอมากมาก ชาตินี้คนตระกูลเราไม่มีวันที่จะไถ่โทษที่ทำไว้กับเธอได้อีกแล้ว ถ้าแม่ยังตามไปรังครวญดาวแบบนี้ ... แม่ยังจำวันที่เราไปรับเขามาจากบ้านเด็กกำพร้าได้ใช่ไหม ... วันนั้นแม่ยิ้มแก้มแทบฉีกเพราะดีใจที่บ้านเราจะได้มีลูกสาวกับเขาเสียที .... พ่อก็เหมือนกันที่พออกจากที่นั่นก็อุ้มดาวไม่ยอมวางลงด้วยความเห่อ วันนั้นครอบครัวเรามีความสุขกันมาก คุณย่ามอบสร้อยทองรูปหัวใจให้ แล้วอวยพรว่าดาวคือดวงใจของคนในบ้าน ทุกคนรวมทั้งคุณปู่คุณย่าด้วย .... แล้วเด็กหญิงน่ารักคนนั้นก็ยิ้มทั้งน้ำตาพูดอ้อแอ้ว่าพ่อจ๋าแม่จ๋า หนูมีพ่อกับแม่เหมือนคนอื่นเขาแล้ว .. เห็นไหมครับแม่ ดาวเขาน่ารักมากมายมาตั้งแต่เด็ก ... ผมรักน้อง เพราะเขาเป็นตัวแทนของพวกเราในวันที่เรากำลังทุกข์ยากตอนเสียน้องกลางไป ... แม่คงจำได้นะครับว่าดาวเขาเรียนเก่ง ชอบมาอ้อนแม่ขอกินไอติมกะทิของโปรด ... แต่ก็ไม่ได้กินเลยสักครั้งเพราะแม่ขู่เขาว่าจะอ้วนฉุเหมือนตือโป้ยก่าย หรือจะมีน้ำหนักร่วมร้อยกิโลเหมือนน้าอุไรพรข้างบ้าน ... คืนนั้นดาวร้องไห้สะอึกสะอื้นฝันร้ายมาหาแทน แล้วบอกว่าปีศาจหมูไล่เขาทั้งคืน ... แม่ยังหัวเราะเขาท้องดัดท้องแข็ง ปลอบอยู่ทั้งคืนจนสว่างคาตา แล้วลงไปตักบาตรเลย ... แม่ยังจำลูกสาวแม่คนนี้ได้อยู่ไหมครับ ... สิ่งที่แทนคุณไม่เห็นในตอนนี้นอกจากสาลินีก็คือนางสุนีย์ฟังชายหนุ่มเล่าไปพร้อมปาดน้ำตาอย่างไว้เชิง คอยังคงเชิดตั้งอย่างไม่เปลี่ยนแปลง .... แกเล่าเรื่องปีมะไว้มาเพื่ออะไรกันแทน ... ฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย ... ผมเชื่อว่าแม่ไม่รู้สึกอะไร เพราะสิ่งที่แม่ทำไว้กับดาว มันบอกโต้งๆอยู่แล้ว... เอ๊ะแทน ... จะให้แม่ไปกราบตีน มันหรือไงถึงจะเจ๊ากันไปน่ะ... ผมแค่อยากบอกบางเรื่องที่แม่อาจจะลืมไปแล้ว หรือพยายามจะลืมมันไปจากชีวิตของแม่... แทนคุณ ... แม่ผิดหวังในตัวแกมาก เสียเวล่ำเวลาที่ได้ส่งเสียไปเรียนเมืองนอก ... หมดเงินหมดทองไปตั้งหลายล้าน หวังไว้ว่าจะฝากฝีฝากไข้ในยามแก่เฒ่า เป็นที่เชิดหน้าชูตากับวงศ์ตระกูล แต่แกกลับทำเหมือนคนสิ้นคิด คิดสั้นแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ... ทำความดีบ้าบอไร้สติ ... แล้วยังจะมาประณามแม่ผู้ให้กำเนิดเกิดแกมาลืมตาดูโลกว่าเนรคุณ ไม่รู้จักคุณคน ... แถมยังตำหนิว่าครองตนทั้งความคิดและสติไม่ถูกครรลองครองธรรมไปอีกนั่น ... ฉันคิดว่าชีวิตในชาตินี้ ... ฉันขอตายเสียดีกว่าที่ทำตัวผิดพลาดและเลี้ยงดูเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้แย่ถึงเพียงนี้ .... นางสุนีย์ร่ำไห้โฮออกมาด้วยความขุ่นข้องหมองใจ โดยมีสาลินีเคียงข้างตาคว่ำตาเหลือกอยู่ไม่ห่าง ... พี่แทนทำไมทำกับแม่แบบนี้ ... มีลูกที่ดีที่ไหนที่เขาทำร้ายแม่ด้วยคำพูดแบบนี้กันหรือคะพี่ ... ที่แม่ทำไปทั้งหมดก็เพราะใคร ไม่ใช่เพราะพี่หรอกหรือ ... ถ้านังดาวมันมีดีจริง ทำไมไม่อยู่ส่วนเขา เราก็อยู่ส่วนเรา ไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว ... เขาเติบโตมาจากเด็กจนเป็นสาวที่บ้านเรา เราเลี้ยงดูเขามาจนโต ...เขาตอบแทนเราด้วยแรงงาน มันก็เหมาะสมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอคะพี่แทน ยังจะมาเรียกร้องเอาอะไรอีก... ใช่เราเลี้ยงดูเขาด้วยข้าวสามมื้อ พร้อมการศึกษาขึ้นพื้นฐาน.... แต่ตอนที่เรารับเขามาจากบ้านเมตตา ในฐานะลูกสาว ไม่ใช่คนใช้เข้าใจหรือยังยายนี่ ... พอเธอเกิดมา ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป ... ลดตำแหน่งดาวไปเป็นคนใช้ ชีวิตที่สุขสบายกลับตกสวรรค์ไปซะงั้น ... นนนี่ถ้าลองเอาใจเขาไปใส่ใจเราดูสิจะรู้ได้ทันทีว่า ... เขาต้องเจ็บปวดมากมายแค่ไหน ... พี่แทนก็เป็นซะแบบนี้ ใจอ่อนไม่เข้าท่า ... เธออาจจะว่าพี่ใจอ่อนไม่เข้าท่า ... ใช่พี่ยอมรับ แต่มันก็คงไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดาวหลังจากถูกพ่อของเธอหลอกไปข่มขืนที่บนห้องนอนตัวเอง ... หยุด หยุดได้แล้วนายแทน .... จะไปไหนก็ไป อย่ากลับมาบ้านนี้อีกเลย ... แม่ครับ ... แทนขอโทษที่ก้าวล่วงแม่ ... แต่มันจำเป็นที่ต้องรับผิดชอบชีวิตของดาวที่เหลือให้ดีขึ้นอีกตลอดไป ... สิ่งที่พ่อทำกับดาวในคืนนั้น เปลี่ยนชีวิตเขาทั้งชีวิต เขาไม่มีทางเลือก เขาไปขายตัวเพื่อแลกเงินมาเลี้ยงสองชีวิต ... ชีวิตต้องตกต่ำไม่มีวันได้ผุดได้เกิดเหมือนคนทั่วๆไป ไปที่ไหนก็มีแต่คนรังเกียจ สกปรกโสโครกเหมือนกากเดนสังคมที่เดินยัวะเยี้ยตามท้องถนนอนาคตไม่ต้องพูดถึง ไม่มีอะไรให้ได้เห็นนอกจากเลี้ยงท้องไปวันๆ ... เธออยู่อย่างลำบากกว่าเราไม่รู้กี่ล้านเท่า ... ใครคนไหนยังไม่รู้สึกว่าได้ทำลายคนดี ๆ มีอนาคตคนหนึ่งให้จมดิ่งอยู่ในบ่อโคลน ไม่มีวันผุดขึ้นมาเหนือน้ำตลอดชีวิตก็แล้วแต่ ... ถึงยังไงแทนก็จะขอดูแลเธอในชีวิตที่เหลือทั้งหมดด้วยตัวแทนเอง ... ถ้าทำไม่ได้ขอบวชไม่สึกตลอดชีวิต ... แม่คงเข้าใจนะครับ... พี่แทน พี่แทนบ้าไปหรือเปล่า ... เสียงกรีดร้องของสาลินีดังลั่นบ้านอีกครั้งเมื่อนางสุนีย์ ตัวอ่อนละทวย ใบหน้าซีดเผือดทรุดกองไปกับอ้อมกอดของลูกสาว ภายหลังที่แทนคุณขับรถคันเก่งพร้อมอนึก น้องชายพ้นจากประตูรั้วไปแล้ว ... แทนคุณเปิดประทุนหลังคารถสปอร์รับลมที่พัดมาจากภายนอกรถ แล้วถอนหายใจออกมาดังๆคล้ายอยากจะระบายความอึกอัดที่อยู่ในใจให้ออกมาอีกครั้ง ก่อนะหันไปถามคนข้างตัวว่า ... นายว่าพี่ทำแบบนี้ถูกหรือเปล่าวะนึก ... มันดูเหมือนลูกเนรคุณยังไงไม่รู้... ถ้าถามความเห็นผม ผมก็ว่าพี่แทนทำถูกต้อง อย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน ... แทนคุณอมยิ้มที่น้องชายปล่อยมุขออกมาแก้ความเคร่งเครียดในยามคับขันทั้งการจราจรบนถนนมิตรภาพ ทั้งเรื่องราวจากเหตุการณ์ระทึกขวัญวันแห่งครอบครัวเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ... ฟังดูเหมือนโฆษณาผ้าอนามัยยังไงก็ไม่รู้สินึกเอ๊ย ... ผมพูดจริงนะพี่แทน ... คนอย่างพี่นนนี่ต้องเจอพริกที่เผ็ดร้อนพอฟัดพอเหวี่ยงอย่างนึกนี่แหละ ส่วนแม่ต้องใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวแบบพี่แทน ถึงจะสมน้ำสมเนื้อแท้จริง .... แต่แหมยังไม่รู้ผล ระฆังดันหมดยกไปซะงั้น วัยรุ่นเซ็งชะมัดญาติ ... นี่ถ้าระฆังต่อเวลาให้อีกสามนาที คงได้รู้ผล แพ้ชนะชัวร์ ๆ ... คนเล่าดีดนิ้วเปลาะสะใจในเรื่องเล่า ก่อนที่ผู้เป็นพี่จะปรามออกมาว่า ... นายคิดอย่างนี้ก็ไม่ถูกทั้งหมดนะนึก อย่าลืมสิว่านั่นก็แม่ นั่นก็พี่สาวเรา ... โถพี่แทนยังกะพี่ไม่รู้จักนิสัยทั้งสองคนนั่นดี ... เมื่อกี้แม่ตบหน้านึก แล้วยัยพี่นี่ยังแลบลิ้นยกคิ้วหัวเราะให้อีก พี่แทนไม่เห็นเหรอว่า ...มีแม่ มีพี่คนไหน ...ตบหน้าลูกตัวเองโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้บ้าง เล่าให้ใครฟังอายเขาถึงนั้น .... ดู ๆ ไปแล้วผมกับพี่เหมือนไม่ได้เป็นลูกแม่ ส่วนพี่นี่ก็เหมือนกันร้ายกาจ ผิดพี่ผิดน้อง ..ตอนเกิดน้าเอาขี้เถ้ายัดปากซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย จะได้ไม่ไปเสี้ยมแม่กับแสดงฤทธิ์เดชได้ขนาดนี้ ... เฮ้อกลุ้มชะมัดพี่ ... เฮ้ย เฮ้ย นายนึก...ฟังพี่ให้ดีนะโว้ย ... ตอนนี้รู้สึกนายกำลังจะฟุ้งซ่านไปกันใหญ่แล้ว ... แม่กับยายนี่คือแม่กับพี่สาวเอ็งชัดเจนมั้ย ที่พี่กล้าว่าแม่วันนี้ก็เพราะอยากจะให้เรื่องจบ ๆ ไปเร็วๆ ถ้าดาวเขาตกลงจะมาอยู่กับพี่ที่บ้านจอหอ เรื่องมันก็ลงตัว เขาจะเป็นแม่บ้านให้พี่ พี่จะมีลูกกับเขา ...เราจะเริ่มต้นกันใหม่ ... ใช้ชีวิตเรียบง่ายพอเพียงตามอัตภาพ ไม่ร่ำรวย ไม่ฟุ้งเฟ้อหรือเห่อไหลกับกระแสวัตถุนิยมเหมือนคนในทุกวันนี้ .. แค่นี้ชีวิตที่เหลือของพี่ก็น่าจะสงบ มีความสุขที่สุดแล้ว ... ถ้าทำได้อย่างที่ฝันไว้มันก็ดีนะพี่ ... แต่ไม่รู้ว่าดาวเขาจะเอาด้วยกับพี่หรือเปล่าน่ะสิ คิดแล้วชักกลุ่มดีมั้ย... นายพูดก็ถูก .. ตอนนี้พี่ยังไม่รู้ว่าดาวเขาหนีจากร้านวิกตอเรียไปอยู่ที่ไหน เราสองคนจะได้คุยกันอีกเมื่อไร นั่นคือปัญหาหลักล่ะนึกเอ๊ย ... งั้นเราลองไปเลียบเคียงถามที่ร้านวิกตอเรียอีกครั้งมั้ยพี่แทน เผื่อได้ข่าวดาวขึ้นมาบ้าง... ไปกันเลยนึก ...พี่ก็ใจร้อนอยากรู้เรื่องดาวเหมือนกัน ... อนึกพยักหน้ารับคำชวนแทนคุณที่กำลังหักเลี้ยวพวงมาลัยไปตามถนนมิตรภาพ-หนองคายมุ่งตรงไปยังวอยสามย่านอันเป็นที่ตั้งของร้านคาราโอเกะขึ้นชื่อที่สุดของเมืองโคราชที่ชื่อ ... วิกตอเรีย.. ------------------------------------------------------ แสงเดือนแสงดาวของท้องฟ้าที่กระพริบพราวยามค่ำคืนในคืนนี้ดูเหมือนจะไม่อาจจะเทียบแข่งกับรัศมีสร้อยเพชรพวงระย้าที่วาบวิบอวดแสงอยู่บนคอระหงของหญิงสาวร่างบอบบางน่าทะนุถนอมสวมชุดราตรีสีดอกพิกุลเดินกรุยกรายกระย่องกระแย่งนวยนาถลงจากรถสปอร์ตคันหรูด้วยท่าทีขัดๆเขินๆ เก้งๆ ก้างๆแตกต่างกับชายหนุ่มที่สวมสูทสีดำสง่าผูกเนคไทสีสดตัดกันแบบดูดีมีระดับเดินตรงเข้ามายังคลับวีไอพีใต้ถุนโรงแรมเลิศหรูห้าดาวแห่งนี้ด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติ ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลาเหมือนคนกำลังอ่มความสุขอย่างเต็มที่ ... ทำตัวตามสบายนะดาว ไม่ต้องเกร็ง ... แถวนี้ไม่มีเสือสิงห์ มีแต่คนสนิทรู้จักกันทั้งนั้น... ขอโทษด้วยค่ะคุณวิน ... ดาวไม่เคยใส่ชุดแบบนี้ มันคันยิบๆที่คอ แล้วชุดที่ใส่ก็ดูโป๊กับดีเกินไป.. ผมเตรียมไว้ให้คุณโดยเฉพาะ เดาขนาดเอวเอาไว้ ไม่คิดเหมือนกันว่าคุณจะใส่ได้พอดี แถมยังสวยดูดี ใครก็มองมาตั้งแต่ลงมาจากคอนโดนั่นแล้ว ... เป็นไงบ้างครับน้าเพลง ช่างเสริมสวยส่วนตัวผมเอง แกใจดีไหมครับดาว.. น้าเพลงที่มาวินพูดถึงคือช่างเสริมสวยกิตติมศักดิ์ เป็นเสมือนญาติห่างๆ มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมทั้งเรื่องบางเรื่องที่อยากจะปรึกษาเป็นพิเศษก็สามารถจะบอกกล่าวได้ อย่างเรื่องการแต่งตัวดาวด้วยเครื่องทรงที่หรูหราเกินกว่าที่หญิงสาวจะหามาใส่ได้ในชีวิตนี้ ... น้าเพลงคนนี้นี่เองเป็นผู้จัดการบันดาลความงามได้อย่างที่ใคร ๆ เห็นก็ต้องชื่นชม แม้กระทั่งมาวินที่พบเจอดาวหลังจากแปลงโฉมถึงกับอึ้งตะลึง ไม่เชื่อว่าเด็กสาวกะโปโลบอบบางจะกลายเป็นนางหงส์ นางพญาที่ผู้ชายคนไหนคนใดเห็นต้องคาราวะในความงามนี้ ... ค่ะน้าเพลงใจดีมาก กรุณาดาวทุกเรื่อง .. ไม่ถามว่าเป็นใครหรือซักไซ้ร์เรื่องส่วนตัว น่ารักมากค่ะ... นี่แหละคนที่ผมนับถืออีกคน รองจากแม่ ... เมื่อพูดถึงมารดาผู้ให้กำเนิดดาวสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มมีน้ำเสียงเป็นกังวลใจอะไรบางอย่าง แต่ไม่พูดออกมาให้ได้ฟัง นอกจาแววตาที่หลุบหลูลงมาจนมองเห็นแว่บเดียวเท่านั้น .. มันสวยงามและดีเกินไปที่คนอย่างดาวจะมีโอกาสใส่มัน... ไม่ต้องคิดอะไรมากนะครับ .. ผมพอใจและดีใจที่คุณใส่มันได้ ก็แค่นั้น... ขอบคุณ ขอบคุณค่ะคุณวิน... พอคำสนทนาจบลง ทั้งสองก็เดินล่วงเข้าไปในห้องสูทหรู บรรยากาศอบอวลไปด้วยมิตรภาพและแอร์เย็นฉ่ำ เสียงสนทนาของคนแต่ละกลุ่มดังแทรกเสียงดนตรีที่บรรเลงเป็นระยะๆ เสริมให้งานเลี้ยงคืนนี้มีอะไรน่าสนใจกว่าปกติ ... มาวินเดินควงแขนดาวเข้าไปในงานกาล่าดินเนอร์ด้วยท่าทีองอาจ เรียกร้องทุกสายตาให้มามองด้วยความรู้สึกแปลกแตกต่างกว่าทุกครั้งที่พารัศมิยาเข้ามาที่นี่ ชายหนุ่มเดาคำถามแรกที่เพื่อนร่วมก๊วนสนิทจะซักถามก็คือ ... ดาวเป็นใคร.. และแล้วก็เป็นจริงอย่างที่มาวิน คิด เพราะทันทีชายหนุ่มเดินเจอกลุ่มชายหนุ่มฉกรรจ์วัยทำงานเดียวกันสามสี่คน ทุกคนถามคำถามทันทีที่หยุดสนทนาว่า ... เอ้ามาถึงแล้วพระเอกของเรา ... แนะมากับสาวสวยเสียด้วย... ดาวก้มหน้าต่ำมองพื้นเมื่อชายรูปร่างสันทัด ท่าทางและบุคลิกดูอารมณ์ดี หันมาจ้องเต็มตาแล้วทักมาวินด้วยความสนิทสนมกว่าคนอื่นๆ ที่เข้ามารุมล้อมจับจ้องมองหญิงสาวอย่างพินิจพิเคราะห์เต็มที่ ... นี่คุณดาว ... เพื่อนสนิทของกันเอง ... ดาวจ๊ะนี่เพื่อนๆ คนรู้จักกันมานาน นั่นสมชาย ชื่อเล่น แอ๊ดเพื่อนสนิทของผมหรือพิภพ โน้นพาที อาเสี่ยใหญ่โรงน้ำแข็ง คนโน้นที่ดื่มไวน์แกล้มสาวตาหวานฉ่ำก็ภวัณ เจ้าของรีสอร์ทหรูวังน้ำเขียว คนสุดท้ายอารมณ์ดีสุดสมคะเนเจ้าของโรงน้ำแข็งเอเอชื่อดัง .. สวัสดีค่ะ... ดาวหลบตาเพื่อมาวินมองพื้นห้อง แต่มาวินยังคงถามเรื่องทุกข์สุขต่อไป ... พวกนายมานานกันหรือยังวะ.. พักใหญ่วะวิน วันนี้ไหงมากับสาวน้อยคนนี้ได้ รัศมิย่าคนเด่นไปอยู่ไหนแล้วล่ะเพื่อน... เสียงทุ้มนุ่มของร่างสูงใหญ่มาดสุขุมที่ซ่อนตัวในมุมมืดเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ดาวรู้สึกไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย มันดูทั้งไม่จริงใจและเย้ยหยันแปลกพิกล ... มาวินระบายยิ้มอย่างเคย เดินตรงเข้าไปโอบไหล่ชายผู้นี้แล้วดึงออกมาแนะนำกับหญิงสาวด้วยท่าทีสนิทสนมคุ้นเคยกันดี ... อ้าวไอ้ชาติ ... วันนี้นายก็มางานเลี้ยงกับเขาเป็นด้วยเหรอวะ... เห็นกลัวเมียหงอ.. งานแบบนี้จะพลาดได้ไงล่ะเพื่อน....ว่าแต่นายน่ะพาใครมาด้วย หน้าคุ้นๆนะ ... ชายชื่อสมชายยิ้มมุมปากเอียงคอมองจ้องดาวจนหญิงสาวต้องก้มไปมองพื้นด้วยความกลัว ... ดาวเป็นแฟนของเรา ...เพื่อนๆรู้จักไว้ก็ดีนะ.. เสียงหัวเราะแข่งกับเสียงคุยกันดังเมื่อครู่เเงียบเสียงลงเมื่อได้ยินประโยคที่มาวินพูดเมื่อครู่ ... ทุกคนมีสีหน้าประหลาดใจจนมองเหมือนมีเครื่องหมายคำถามตั้งอยู่บนหน้าชัดเจน แต่ก็เป็นชายแปลกหน้าอีกเช่นเคยที่ยื่นหน้าเข้ามาเคลียร์เหตุการณ์เอาไว้เหมือนพระเอกขี่ม้าขาว ... ยินดีที่รู้จักครับคุณดาว สวย ๆ อย่างนี้มิน่านายวินถึงทิ้งมิย่าลงคอ... เป็นอีกประโยคที่บาดหัวใจหญิงสาวเสียเหลือเกิน ... อยากจะออกไปจากที่แห่งนี้เสียโดยเร็วจะยิ่งดี ... แต่เมื่อเห็นแววตาแห่งความดีใจที่ได้สังคมกับเพื่อนฝูงของคนข้างตัวแล้วทำเอาหญิงสาวถึงกับเปลี่ยนใจ ... เพราะตั้งแต่ได้เจอหน้าตาพูดคุยหรืออยู่ร่วมคอนโดมาพอสมควร ตนยังไม่เห็นชายหนุ่มยิ้มกว้าง หรือหัวเราะร่าเริงได้เต็มเสียงได้ขนาดนี้มาก่อน ... แต่คำพูดที่วกวนชวนคิดได้ออกมาจากปากเพื่อนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนั้นอย่างสม่ำเสมอ กระทั่งเวลาเข้าสู่วันใหม่ ... กลุ่มเพื่อนสนิทของมาวินได้แยกย้ายกลับไปบางส่วน โดยทีเหลือได้มารวมกันนั่งที่โต๊ะข้างๆเวทีนักดนตรี หัวข้อสนทนายังคงมีมากมายอยู่ต่อไป ... มาวินส่งสายตามาดูแลหญิงสาวเป็นบางครั้ง แต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ แล้วหันไปสนใจการสนทนาที่ออกรสพร้อมแอลกอฮอล์ที่เพิ่มมากขึ้นไปตามด้วยเช่นกัน .... แต่ดาวเริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะเป็นเหมือนส่วนเกิน จึงขอตัวออกมาด้านนอกห้องงานเลี้ยง ... สายลมโชยพัดเอาอากาศเย็นตามธรรมชาติเข้าปะทะใบหน้านวลจนต้องเบี่ยงตัวหลบไปมุมเสา ... ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อชายร่างสูงที่อยู่ในมุมมืดตลอดเวลามายืนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า จนสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าชายคนนี้มีใบหน้าหวานคมผสมกันอย่างลงตัว โครงหน้าโดดเด่นจนดูว่าหน้าตาดี สำอางกว่าคนปกติ ที่สำคัญคือแววตาที่จ้องมายังหญิงสาวมีทั้งเยาะเย้ยปะปนไปกับความเชิดหยิ่งในความเป็นตัวของตัวเอง ... หาตั้งนานที่แท้คุณดาวแห่งบ้านวิกตอเรียก็มาหลบมุมหนีควันบุหรี่ที่ด้านนอกด้วยเหมือนกัน ... เอ่อ ..คุณชื่ออะไรนะคะ... ชายหนุ่มทำท่าปั้นปึ่งไม่พอใจ ก่อนจะตั้งสติกลับคืนได้อย่างรวดเร็วแล้วพูดด้วยความประชดประชันว่า ... ผมจะชื่ออะไรไม่สำคัญนักหรอกคุณดาว .. แต่ขอให้รู้ไว้อย่างหนึ่งว่า ผมรู้ประวัติของคุณดีทุกอย่าง ตั้งแต่คุณมาเป็นดาราประจำร้านคาราโอเกะโนเนม จนโด่งดัง ใครๆก็รู้จัก และเผลอไปใช้บริการ... คุณต้องการอะไรกันแน่คะคุณชาติ.. ดาวเริ่มเข้าใจเจตนาของชายหนุ่มคนนี้ดีจากการพูดจาเพียงประโยคเดียว ดูท่าทางแล้วไม่มีเจตนาดีแน่ เมื่อเห็นตามออกมาถึงด้านนอกและปลอดผู้คนถึงเพียงนี้ ... เธอก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจนะดาว ว่าสังคมที่นี่ไม่ต้องการโสเภณีค้างคืนแบบเธอ... ช่างเป็นถ้อยคำที่เสียดแทงหัวใจหญิงสาวเสียเหลือเกิน แต่ยังไงความจริงก็เป็นสิ่งไม่ตายอยู่วันยังค่ำ ดาวเชิดหน้าตั้งตรงหันกลับไปจ้องชายหนุ่มร่างสูงจนอีกฝ่านรู้สึกงงๆ ... ก่อนจะพูดออกมาว่า... ฉันรู้จักตัวเองดีค่ะคุณ ... รู้ว่าตนเองเป็นใคร ต่ำต้อยถูกเหยียบติดดินได้สักแค่ไหน แต่ก็อยากจะขอถามคุณสักหน่อยจะได้ไหมว่า อาชีพขายของเก่าที่ฉันทำอยู่เป็นอยู่ในตอนนี้ มันสุจริตพอที่สังคมจะเรียกว่าคนดีได้หรือเปล่า แล้วถ้าคนที่ขายตัวแลกเงินอย่างฉันทำงานด้วยความสุจริตไม่คดโกงหรือเอาเปรียบใคร มันจะดีกว่าพวกนักการเมืองหรือพ่อค้าท้องถิ่นที่โกงชาติบ้านเมืองอยู่ทุกวันนี้ .... คุณคิดว่าอย่างไหนที่ควรจะยกย่องมากกว่า... ก็ทางเลือกมีตั้งมากมายทำไมไม่เลือก มาขายตัวทำไม... คุณชาติคะ ฉันอยากจะถามว่าคนจน ๆ อย่างพวกเรามีทางเดินให้เลือกมากมายนักเหรอ ..ขอถามหน่อย... อย่างน้อยก็ไม่น่ามาขายตัว... แต่คนขายตัวอย่างพวกเราอาจจะมีจิตใจที่ดีกว่าพวกที่ฉันกล่าวอ้างก็ได้ ... งั้นแสดงว่าตอนนี้เธอกำลังจะสบายด้วยการมาเกาะนายวิน เพื่อนของฉันงั้นซี... มาเกาะคุณวิน ... ให้ตายเถอะคุณชาติอะไรทำให้คุณคิดไปได้ถึงขนาดนั้น ... ฉันไม่ได้คิดอะไรนอกลู่นอกทางอะไรเลยสาบานกันเลยก็ได้ ... อันนี้ฉันรู้ว่านายวินกำลังชอบและหลงเธออย่างหนัก ไม่งั้นคงไม่ทิ้งยัยมิย่ามาคั่วแล้วพาออกงานสังคมแบบนี้ได้.. ขอบอกเอาไว้เลยนะคะคุณว่าฉันไม่คิดอะไรแบบนั้น แค่คุณวินพามางานหรูหราของคนชั้นสูง สวมเสื้อผ้าที่ล้อมเพชรวูบวาบยังกะไฟงานวัด รองเท้าส้นสูงคล้ายอยู่บนปากเหว แล้วอะไรต่อมิอะไรที่ทั้งชีวิตนี้ฉันไม่เคยรู้จักหรือแม้จะสัมผัสก็นับว่าเป็นบุญของฉันแล้วในชาตินี้ ... ขอคุณอย่าซ้ำเติมความต่ำต้อยของฉันอีกเลยนะคุณชาติ ฉันขอร้อง... อ้าวก็นึกว่าทำงานแล้วจะรวย เห็นเป็นงานง่ายๆเหนื่อยแป๊บเดียวก็สบาย... เสียงหัวเราะขื่นๆที่ดังลอดริมฝีปากออกมา ทำเอาดาวถึงกับเพิ่มความเกลียดชังมากขึ้นไปอีกหลายเท่า แต่งานเลี้ยงของมาวินยังไม่จบ ต้องอดทนเอาไว้อย่างถึงที่สุด ... เพื่อนคนดี ๆ อย่างมาวิน ... ความจริงมันก็คือความจริง จะเสริมหรือปรุงแต่งมากมาย สุดท้ายก็คือตัวตนของตัวเราเอง ... คารมจากร้านวิกตอเรียหรือเปล่านี่.... ไม่ใช่หรอกค่ะคุณชาติ มันคือความจริงที่คนขายของเก่าทุกคนต้องตระหนักถึงความไม่แน่นอนของสังขารที่ร่วงโรยตามวันเวลา หรือไม่ก็เรื่องหากินไม่พอยาไส้ ... จะอดตายถ้าไม่ออกไปทำงานทั้ง ๆ ที่กำลังเจ็บป่วยปางตายก็ต้องทำ เพื่อปากท้อง เพื่อญาติที่รออยู่ข้างหลัง ... คุณคิดว่าพวกเราจะไปทำอะไรถ้าไม่หากินด้วยวิธีนี้ ... งั้นก็แสดงว่าอาชีพขายของเก่าเป็นอาชีพที่ดี สมควรที่เยาวชนควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างงั้นล่ะสิ... หึ หึ ... เสียงหัวเราะที่แฝงเจือปนไปด้วยความเย้ยหยันเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่อยากรู้ ทำเอาหญิงสาวถึงกับมีอารมณ์อยากจะตะบันหน้าคนพูดขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ... แต่คิดไปคิดมาเรื่องคำพูดแค่นี้ ไม่อาจจะทำอะไรได้อีกแน่นอน... จึงเงียบเสียงเอาไว้ฟังดีกว่า ... ทำไมเงียบไปล่ะครับคุณดาวคนสวย หรือว่าผมพูดอะไรไม่จริงออกไป... ดาวถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับผู้ชายที่หน้าตาแสนเปอร์เฟคตรงหน้า แต่คำพูดคำจาสุนัขไม่รับประทานเลย ... ถ้าคิดได้อย่างนี่มันก็สุดแต่ความเข้าใจของคุณ แต่ฉันขอบอกไว้อีกครั้งนะว่า ... ไม่ว่าใครจะเป็นอะไร ที่ไหน อย่างไร หรือทำอะไรเมื่อไหร่ฉันจะไม่ขอรับรู้ ...ฉันไม่อาจจะเป็นตัวอย่างแก่เด็ก เรื่องความถูกต้องหรือศีลธรรมอะไรพรรณนั้นได้ แต่ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตในอาชีพ ฉันก็เล่าให้พวกเขาได้อย่างเต็มปากว่า ... ฉันเอาหยาดเหงื่อแรงงานเข้าแลก ไม่ได้คดโกงกินเหมือนใครหลายคนๆที่กำลังทำกันอยู่ในบ้านเมืองนี้ ... และที่สำคัญถึงพวกเราจะขายของเก่า แต่พวกคุณอย่าลืมว่าสิ่งที่คุณได้กลับไปก็คือความสุข ไม่ใช่เหรอ ... เชอะความสุขที่แลกมากับน้ำกามงั้นเหรอ... คุณจะคิดอะไรก็แล้วแต่ ... ถึงยังไงพวกเราก็เป็นคน เป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ เต้นเร่ารับรู้ความรู้สึกเหมือนกัน ... มันน่าแปลกที่คุณวินมีเพื่อนอย่างคุณได้... ดาวพูดสวนไปด้วยคำถามเด็ดทำเอาสมชายถึงกับสะอึกและหน้าตาแดงกร่ำขึ้นมาด้วยความโกรธ ก่อนจะตรงเข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวแล้วขู่ตะคอกออกมาว่า ... ทำปากดีนักนะเธอ ... อย่าลืมกำพืดตัวเองสิว่าเป็นใคร... คุณพูดอย่างนี้ยิ่งไม่น่าจะเป็นเพื่อนคุณมาวินได้เลย ... ทำไม ...เธอมีดีอะไร หรือมีลีลาท่าทางรักท่าทางใหม่คิดประดิษฐ์ขึ้นมามัดใจนายวิน มันถึงกล้าพามาออกงานได้.. เขาเป็นสุภาพบุรุษ ... ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงแบบที่คุณกำลังทำอยู่ในตอนนี้... เอ๊ะอีบ้า... แกวอนซะแล้วนะ.. สมชายเง้อมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อจะพาดเปรี้ยงลงใบหน้าของหญิงสาว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อห้าวลึกดังก้องมาจากด้านหลังพร้อมแรงเหวี่ยงที่กระชากตามมาอย่างรุนแรง ... หยุดเดี๋ยวนี้นะ... ดาวหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นหมัดหลุนๆของใครคนหนึ่งกำลังแหวกลอยไปในอากาศแล้วเลี้ยวโค้งปะทะหน้าของสมชายเข้าอย่างจัง (จบตอน ๓) |
สมาชิกหมายเลข 4063778
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |