ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
Group Blog
 
<<
มกราคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 มกราคม 2557
 
All Blogs
 

###ม่วงมหากาฬรีวิว### "ด อ ย บ่ อ - ด อ ย ผ้ า ห่ ม ป ก" เพียงสายลมพัดพา ให้ฉันได้มาเจอเธอ

ติดตาม พูดคุยข่าวสารเรื่องการท่องเที่ยวแบบกันเองได้ที่เพจผมนะครับ 

https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP
-------------------------------------------------------------------------------------------------
เวลาที่เราได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เป็นความรู้สึกที่ดีเสมอสำหรับผม 
การได้ออกเดินทางท่องเที่ยวในแบบฉบับที่ตัวเองชอบ 
ไม่ต้องมีอะไรมากำหนด ไม่ต้องมีเงื่อนไขข้อแม้
เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมมีความสุขแล้ว “เพียงสายลมพัดพา ให้ฉันได้มาเจอเธอ”


เริ่มต้นการเดินทางจากตัวเมืองจังหวัดเชียงราย 
ผมมุ่งหน้าสู่ตำบลแม่ยาว จุดหมายคือยอดดอยบ่อ ระยะทางราว 35 กม.


เสน่ห์ของการเดินทาง จุดหมายเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่รายละเอียดระหว่างทางก็งดงามไม่แพ้กัน  
เส้นทางสีเขียวที่รายล้อมไปด้วยทิวเขา 
ดอกหญ้า สายน้ำ ก่อนขึ้นดอยบ่อ ช่วยเติมเต็มให้เส้นทางสายนี้มีค่ามากกว่าคำว่า “การเดินทาง”


ดอกหญ้าปลิวไสว กลิ่นไอดิน ผสมสายลมหนาว ทำให้รู้สึกสดชื่นมากๆ 
ชาวบ้านแถบนี้ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพทำไร่ 
ปลูกพืชสวนชนิดต่างๆ รอบๆ ดอย หรือบางทีก็ปลูกกันบนดอยเลยทีเดียว


อากาศด้านบนค่อนข้างเย็น รายล้อมด้วยทิวเขาน้อยใหญ่
ดอยที่ผมเพิ่งได้ยินชื่อ เพิ่งรู้จักไม่นานนัก มีดีกว่าที่คิดไว้จริงๆ


ลานหญ้ากว้างสำหรับแค้มป์ปิ้ง บางวันที่ฟ้าเปิด หากโชคดีอาจพบเจอทะเลหมอก 
นักท่องเที่ยวไม่มากนัก เหมาะสำหรับคนที่รักความเงียบสงบ


สายลมที่ผัดผ่านฤดูเหมันต์ อาจทำให้หนาวเหน็บ 
แต่สายลมแห่งความสวยงามทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น และมีความสุข


จากดอยบ่อ เมื่อลงมาจากยอดดอย ไม่ไกลออกไปนักเป็นที่ตั้งของ น้ำตกห้วยแม่ซ้าย 


เคยตั้งคำถามในใจหลายครั้ง ว่าทำไมภาคเหนือ น้ำตกถึงมีน้ำตลอดปี และภูเขาเขียวขจี แม้ในยามหน้าแล้งก็ตาม และที่แห่งนี้คงจะเป็นการทบทวนคำถาม ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ตามเคย


ดอกไม้ริมทางชักชวนให้เข้าไปหาคำตอบ เชื้อเชิญให้ย่างก้าวเข้าไปเชยชมน้ำตกห้วยแม่ซ้าย


ทางเดินไปยังน้ำตกที่ไม่ลำบากมากนัก ระยะทางไม่กี่ร้อยเมตร รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี


น้ำตกห้วยแม่ซ้าย น้ำตกที่สูงราวๆ สิบกว่าเมตร 
สายน้ำที่ไหลลงมากระทบก้อนหิน ดูสวยงามทีเดียว


สายน้ำที่กระเซ็นเป็นละออง ผสมกับสายลมหนาว ทำให้ทั่วบริเวณเย็นยะเยือก ชุ่มชื้น สดชื่นเอามากๆ


จากลาน้ำตกห้วยแม่ซ้ายไปด้วยภาพแห่งสายน้ำที่สวยงาม 
เพื่อมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านกระเหรี่ยงรวมมิตร 
หมู่บ้านที่ขึ้นชื่อเรื่องช้าง และวิถีชีวิตที่สวยงาม
หมู่บ้านกระเหรี่ยงรวมมิตร เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก 
เป็นที่อาศัยของชาวกระเหรี่ยง และชาวเขาเผ่าต่างๆ


คุณยายชาวเขานั่งเก็บเมล็ดกาแฟในมูลช้าง 
เป็นอาชีพที่แปลก และน่าสนใจทีเดียว จนผมอดที่จะพูดคุย สอบถามไม่ได้


คุณยายเล่าให้ฟังด้วยภาษาพื้นบ้าน พอจับใจความได้ว่า เมล็ดกาแฟเหล่านี้ จะถูกนำมาให้ช้างกิน 
เมื่อช้างถ่ายมูลออกมา ก็จะมาเก็บเมล็ดกาแฟเหล่านี้ แล้วนำมาแกะเปลือกออก เพื่อนำไปตากแห้ง ก่อนจะบดเป็นผงกาแฟเพื่อรับประทานต่อไป


ด้วยความสงสัย ผมยังถามคุณยายต่ออีกว่า ทำไมต้องผ่านกระบวนการในท้องช้าง รสชาติจะดีขึ้นอย่างนั้นหรือ 
คุณยายตอบแบบซื่อๆ ว่า เห็นเกาหลีทำแบบนี้ก็เลยทำมั่ง 
คุณยายเล่นตอบแบบนี้ ทำเอาชาวต่างถิ่นอย่างผมถึงกับไปไม่เป็น


ที่หมู่บ้านแห่งนี้นอกจากมีการจำหน่ายของพื้นบ้านให้นักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีการให้นักท่องเที่ยวได้นั่งหลังช้างท่องเที่ยว ชมวิถีชีวิต ชมธรรมชาติที่สวยงาม ผมนั่งมองสายตาของช้างที่ดูอ้อนวอน ไม่รู้ว่าจะคิดเหมือนที่ผมกำลังคิดหรือไม่ 


ช้างกับคนไทยเป็นของคู่กัน และพื้นฐานของคนไทยคือความสงสาร 
บางทีการรวมกลุ่มกันของคนเลี้ยงช้าง เพื่อทำอาชีพแบบหมู่บ้านแห่งนี้ น่าจะดีกว่าการพาช้างมาเร่ร่อนในเมืองกรุง


สายน้ำกกที่ไหลเชี่ยวขนานไปกับหมู่บ้านกระเหรี่ยงรวมมิตร คงไม่ต่างจากวิถีชีวิตของชาวเขา และช้าง ที่ดำเนินชีวิตหาเลี้ยงปาก เลี้ยงท้องเพื่อความอยู่รอดต่อไป


บันทึกการเดินทางชุดนี้ผ่านมาครึ่งทาง สายลมที่พัดพาให้ผมได้มาสัมผัสทั้งธรรมชาติ วิถีชีวิต และความสุข ทำให้ผมได้แง่คิดอะไรมากมายจริงๆ


ดอกทิปลิปดอกไม้ทรงคุณค่าในงานเชียงรายดอกไม้งามที่ผมแวะเข้าไปสัมผัสบรรยากาศตอนกลับเข้ามาในเมือง หลังจากเดินทางท่องเที่ยวกันทั้งวัน ดูมีเสน่ห์ สวยงาม อลังการ ทีเดียว


หากมาเชียงราย ไม่แวะมาชมงานดอกไม้งาม คงเหมือนมาไม่ถึงเชียงรายดีนัก เพราะในงานจัดได้สวยงามมากๆ
ตะวันกำลังจะลาลับไปพร้อมกับการหยุดพักการเดินทาง แสงสีทองส่องประกายอวดพลัง 
วันนี้ดวงตะวันดูดวงใหญ่กว่าทุกวันที่ผมเคยเห็น 
สายลมยังคงวนเวียนเพิ่มความหนาวเย็นสวนทางกับดวงตะวันที่กำลังดับแสง 


จากเชียงรายผมใช้เส้นทางไปยัง อ.แม่สรวย มุ่งหน้าสู่ อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก


ยอดดอยผ้าห่มปกคือจุดหมายหลักในการเดินทางครั้งนี้ 
ส่วนจุดหมายรองคือการมาชมน้ำพุร้อน ซึ่งตั้งอยู่ในที่ทำการอุทยานดอยผ้าห่มปก หรืออีกชื่อหนึ่งว่าน้ำพุร้อนฝาง


ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นกับตา รู้สึกตื่นเต้นดีเหมือนกัน 


นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในอุทยานฯ ค่อนข้างเยอะทีเดียว รวมไปถึงนักเรียนที่มาทัศนศึกษา ทำให้ดูคึกคักสนุกสนาน สวนทางกับชาวเขาที่ดูเงียบเหงาในการเร่ขายของพื้นบ้านที่ประดิษฐ์เอง 


สิ่งของประดับที่ทำจากไม่ไผ่ดูสวยงามแลกกับเงินพียง 10 บาท ที่อาจดูน้อยนิดของใครๆ แต่อาจใหญ่สำหรับพวกเขา


จากอุทยานฯ ผมมายังจุดเริ่มต้นเพื่อขึ้นสู่ยอดดอยผ้าห่มปก 
ยามเช้าแบบนี้สายหมอกยังปกคลุมไปทั่ว และสายลมกำลังพัดพาให้ผมไปยังจุดหมาย “ยอดดอยผ้าห่มปก” ดอยที่สูงเป็นอันดับสองของประเทศ



ระหว่างทางที่ลัดเลาะไปตามไหล่เขา ยังพบเจอหมู่บ้านชาวเขาที่ดูจะรักษาเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี แววตาของเด็กชาวเขาที่วิ่งมาทักทายเมื่อรถหยุดจอด ดูใสซื่อดีจริงๆ


คงมีนักท่องเที่ยวจอดรถแวะให้ของกับเด็กๆ ชาวเขาเป็นประจำแน่ๆ เพราะเมื่อผมจอดรถเพื่อถ่ายภาพหมู่บ้าน ก็จะมีเด็กๆ เหล่านี้กรูกันเข้ามาหาไม่ต่ำกว่า 20 คนเลยทีเดียว


ผมกำลังอ่านใจคุณตาชาวเขาอยู่ ว่ากำลังนั่งคิดอะไรเมื่อเห็นผม คุณตาคงแปลกใจที่มีคนมาถ่ายภาพ มาให้ความสนใจในตัวเองกันทำไม หรือว่าคุณตาเคยชินแล้ว


ลานกางเต็นท์กิ่วลม บนดอยผ้าห่มปกในวันนี้ดูคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาสัมผัสธรรมชาติ ผมใช้เวลาเดินทางจากที่ทำการอุทยานฯ ถึงลานกางเต็นท์นี้ ราวๆ เกือบชั่วโมงด้วยระยะทางเพียง 23 กิโลเมตร ทางยังไม่ดีนัก เป็นถนนลูกรัง และชันพอสมควร 


ระดับความสูงเกือบ 2 พันเมตร ทำให้มองเห็นทัศนียภาพได้สุดลูกหูลูกตา อากาศเย็นมากๆ ลมพัดค่อนข้างแรงตลอดเวลา


จุดชมวิวบริเวณลานกางเต็นท์ด้านทิศตะวันตก ก่อนตะวันจะตกดินดูอลังการด้วยทิวเขาสลับซับซ้อน สวยงามจริงๆ


ขอบคุณสายลมแห่งความรักที่พัดพาให้ผมมาไกลจากดอยบ่อจนถึงดอยผ้าห่มปก หากสายลมมองเห็นหัวใจของผมที่กำลังมีความสุข ขอจงอย่าพัดพามันไป เพราะผมอยากอยู่กับมันให้นานๆ


ดวงตะวันกำลังจะลาลับไปอีกวัน อุณหภูมิลดต่ำลงมากๆ อากาศหนาวเย็นสุดๆ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ บอกกับผมว่าวันก่อนอุณหภูมิอยู่ที่ 6 องศา 


เช้าวันใหม่ดวงตะวันดวงเดิมกำลังกลับมาอีกครั้ง เวลาที่ดูรวดเร็วสวนทางกับความสุขที่อยากให้อยู่นานๆ


จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่ คือการเดินเท้าขึ้นไปสัมผัสบนยอดดอย ซึ่งต้องใช้การเดินทางร่วมๆ 3.5 กิโลเมตรเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น 


ดวงตะวันทำหน้าที่ในการเดินทางอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง ความอบอุ่นเริ่มมาเยือน การเดินทางของผมก็กำลังจะเริ่มอีกครั้งเช่นกัน


ผมเดินทางมายังหน่วยต้นน้ำเพื่อชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งไม่ห่างจากลานกางเต็นท์กิ่วลมมากนัก ถนนที่เข้ามายังหน่วยต้นน้ำค่อนข้างจะไม่ดีนัก ลาดชัน แต่ก็ร่มรื่นสวยงาม 


ดอกนางพญาเสือโคร่งที่หน่วยต้นน้ำแห่งนี้มีหลายต้นทีเดียว ดูจากสายตาน่าจะเกิน 50 ต้น แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ออกดอกมาให้เชยชมมากนัก


มีเพียงบางต้นที่ออกดอกออกมานิดหน่อย แต่ถ้าหากบานพร้อมกันทุกต้น ต้องเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สวยงามมากๆ แน่ๆ 


ดอกไม้ที่ใครๆ ต่างหลงใหล มีให้อวดโฉมไม่น้อยหน้าสถานที่โด่งดังอื่นๆ เช่นกัน 


ถัดจากหน่วยต้นน้ำไม่ไกลนัก เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาเยือนดอยผ้าห่มปก นั่นคือจุดชมวิวทิวสน 


จุดชมวิวทิวสน เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองทัศนียภาพได้กว้างไกล มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนที่สวยงาม สามารถมองเห็นดอยต่างๆ ได้หลายดอย รวมถึงดอยอ่างขางด้วย


ด้านซ้ายมือ เมื่อมองออกไปไกลๆ ยังสามารถมองเห็นทะเลหมอกที่สวยงามอีกด้วย ธรรมชาติบรรจงสร้างสรรค์ได้อย่างงดงามจริงๆ


จะมีซักกี่ครั้งในชีวิตที่ได้มายืนดูอะไรแบบนี้ ลองทำตัวเบาๆ ทิ้งภาระทุกอย่างลง แล้วสายลมก็จะหอบคุณให้มายืนแบบผมเอง


ความรัก...เปรียบดั่งสายลมที่โอบล้อมรอบตัวเรา
บางครั้ง...สายลมนี้นำพามาซึ่งความร่มรื่นชื่นหัวใจ
บางครั้ง...สายลมก็ทำให้เราหนาวยืนสั่นไหว


สายลมแห่งรักพัดมา...ขอจงอย่าพารักไป
อย่าพัดให้เธอห่างไกลให้เราห่างกัน


หากลมได้ยินหัวใจ...ขอจงเมตตาบ้างซักครั้ง
ให้รักได้อยู่คู่กัน...ให้เธอได้อยู่คู่ฉันตลอดไป


ตลอดการเดินทางร่วม 2 พันกิโล การได้เดินทาง ได้สัมผัสสิ่งที่ผมรัก มันมีค่า และมีความสุขมากสำหรับผม 


สิ่งที่ผมรักคือความสวยงามที่อยู่ตรงหน้า ผมจะไม่มีวันลืมความสวยงามเหล่านี้


ทะเลหมอกสีขาวดั่งปุยนุ่น เทือกเขาที่ลดหลั่น จะอยู่ในใจผมตลอดไป


เวลาที่เรามีความสุข สายลมที่พัดหมุนเวียนรอบตัวเราจะดูอบอุ่น  ละมุนละไม แม้จริงๆ แล้วจะหนาวเหน็บเพียงไหนก็ตาม


ยืนมองทิวเขาที่รายล้อมเหมือนการโอบกอดหัวใจให้ผมได้ตราตรึงในความงาม เวลาดีๆ แบบนี้ อีกไม่นานคงเหลือแต่ความทรงจำที่สวยงาม


เวลาหมุนเวียน การเดินทางจากลาก็จำต้องเริ่มต้น ภาพความทรงจำดีๆ เหล่านี้ ได้ถูกบันทึกลงในเมมโมรี่ความจำของกล้อง และความทรงจำของจิตใจ


จากลาดินแดนที่ทำให้ผมมีความสุข ความสวยงามของธรรมชาติจะอยู่คู่สายลมหนาวตลอดไป รอเวลาสายลมพัดพาให้ผู้คนได้เดินทางมาเยือนต่อๆ ไป หากวันนี้สายลมแห่งความรักได้รายล้อม อบอวล หมุนเวียนอยู่รอบๆ ตัวผม วันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปสายลมแห่งความรักจะยังคงไม่จากผมไม่ไปไหน จะอยู่ในใจผมไปตลอดกาล






















 

Create Date : 13 มกราคม 2557
2 comments
Last Update : 13 มกราคม 2557 14:52:59 น.
Counter : 2388 Pageviews.

 

วิวสวยมาก

ยังไงก็ทำใจกับกาแฟขี้ช้างขี้ชะมดไม่ไหวค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 13 มกราคม 2557 20:24:07 น.  

 

thx u crab

 

โดย: Kavanich96 14 มกราคม 2557 7:58:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ม่วงมหากาฬ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




บล็อกของคนชอบเที่ยว
https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP
Friends' blogs
[Add ม่วงมหากาฬ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.