ร ะ เ บี ย ง ด า ว ม่ อ น แ จ่ ม แ ม่ ก ล า ง ห ล ว ง ความงดงามแห่งสายฝน
ภาพถ่ายและเรื่องราวของสถานที่แห่งหนึ่งบนโลกโซเชียลได้สร้างแรงบันดาลใจ อีกหนึ่งฝันที่ยังคงเฝ้ารอคอยและอยากเข้าไปสัมผัส ระเบียงแห่งความสุขที่เคยฝันว่าซักวันหนึ่ง จะขอไปยืนอยู่ตรงนั้นซักครั้ง .......ระเบียงดาว
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
บันทึกการเดินทางฉบับนี้ผมเริ่มต้นการเดินทางที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ในวันที่สายฝนเริ่มต้นทำงานพร้อมๆ กับการเริ่มต้นออกเดินทาง ม่อนแจ่ม ส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย บนเส้นทางที่ลัดเลาะไต่ระดับความสูงผ่านหมู่บ้านม้งสู่ยอดดอย นี่คงเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตลำดับต้นๆ เมื่อมาเยือนเชียงใหม่ ยามนี้ดอกไม้หลากสีสันผลิบานเคล้าไปกับสายหมอก เป็นความสวยงามและความสดชื่น ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว กลิ่นไอของสายฝนผสมกับละอองหมอกประหนึ่งเหมือนได้อยู่ในฤดูหนาว คงเพราะก้าวย่างแรกที่ได้สัมผัสม่อนแจ่มที่รับรู้ได้ถึงความหนาวเย็น วิวทิวทัศน์ในมุมสูง 360 องศา ที่ในเวลานี้อาจมองเห็นได้ไม่ครบทุกองศา สายหมอกเพิ่มความสดชื่นในจิตใจแต่ก็ลดความเด่นชัดในมุมมองขององศา โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนเชียงใหม่เท่าไหร่นัก ยิ่งเป็นทางโซนแม่ริม ยิ่งไม่เคยมาเลยซักครั้ง การเดินทางครั้งนี้จึงเหมือนการได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ เส้นทางเชียงใหม่-แม่ริม ระยะทางราว 50 กิโล สู่ยอดดอยม่อนแจ่ม เส้นทางค่อนข้างดีและไม่ชันมากนัก นอกจากม่อนแจ่มแล้ว โซนนี้ยังมีสถานที่ให้ได้เที่ยวชมอีกมากมาย ทั้งม่อนต่างๆ ที่บรรยากาศคล้ายคลึงกับม่อนแจ่ม และโครงการหลวงที่เน้นไปทางด้านเกษตรกรรมและธรรมชาติที่สวยงามบนความสูง ความรู้สึกสดชื่นปลุกเร้าความมีชีวิตชีวา และยิ่งเพิ่มความตื่นตาตื่นใจเมื่อสายหมอกค่อยๆ เปิด แลเห็นพืชไร่เป็นทิวแถวอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม
ดอกไม้นานาพันธุ์ผลิบาน มีมุมน่ารักๆ ให้ได้ถ่ายภาพ บรรยากาศแบบนี้คงทำให้ใครต่อใครต่างมีความสุข ความมหัศจรรย์ที่รับรู้ได้ถึงความเพียรพยายามและความมานะอดทน พืชไร่ที่ปลูกกันเป็นทิวแถวไต่ระดับความชันดูงดงามตระการตา แต่กว่าจะได้ผลผลิตมาคงต้องใช้พละกำลังและหยาดเหงื่อไม่ใช่น้อย ภาพของม่อนแจ่มที่คุ้นตาคงเป็นเพิงไม้ไผ่มุงด้วยใบจากที่เรียงรายตามแนวยาว เพิงเล็กๆ สำหรับรับประทานอาหารในวันที่มองออกไปเห็นแต่ไอหมอกปกคลุม เวลาของความสุขที่ไหลผ่านไปอย่างช้าๆ นั่งมองวิวทิวทัศน์ มองไอหมอกที่บางช่วงจังหวะเผยให้เห็นถึงเบื้องล่าง คงเป็นช่วงเวลาแบบนี้นี่เองที่หลายคนต่างหลงใหลและแวะเวียนมาสัมผัสกันอย่างไม่ขาดสาย จากม่อนแจ่มผมลงมายังโครงการหลวงแม่สาใหม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก กับวิวมุมสูงที่เผยให้เห็นถึงทิวเขาสลับซับซ้อนที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอก โครงการหลวงแม่สาใหม่จัดตั้งขึ้นเพื่อนำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดีสู่ชุมชนชาวเขา สร้างอาชีพและรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ ลดการบุกรุกทำลายป่าและการปลูกฝิ่น นี่คือแผนที่การเดินทางที่ผมกำลังมุ่งหน้าสู่เชียงดาวในวันนี้ และวกกลับมาบ้านแม่กลางหลวงในวันถัดไป จากโครงการหลวงแม่สาใหม่ผมมุ่งหน้าสู่ อ.เชียงดาว โดยใช้เส้นทางหลัก 107 ถึงปากทางเข้าสู่ถ้ำเชียงดาวซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกันกับบ้านระเบียงดาวจุดหมายปลายทางหลักในครั้งนี้ สองข้างทางที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางที่ทอดยาวขนานไปกับดอยหลวงเชียงดาว จากความฝันส่งต่อสู่อีกหนึ่งความฝัน จากภาพถ่ายของใครคนหนึ่งส่งต่อความรู้สึกและแรงบันดาลใจ จากจินตนาการสู่ความเป็นจริงที่สัมผัสได้และผมกำลังใกล้เข้าสู่สัมผัสนั้น เส้นทางจากปากทางสู่บ้านระเบียงดาวระยะทางราว 17 กิโลเมตรไต่ระดับความสูงคดเคี้ยว ทางจะค่อนข้างแคบและปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เบื้องหน้าคือดอยหลวงเชียงดาวความยิ่งใหญ่แห่งขุนเขาในความรู้สึก บ้านระเบียงดาว บ้านพักในแบบเรียบง่ายในหุบเขา ก้าวย่างแรกก็รับรู้ได้ถึงความเป็นธรรมชาติและอากาศที่บริสุทธิ์ บ้านไม้มุงจากที่ปลูกสร้างลดหลั่นไปตามความลาดเอียงของขุนเขา จุดเด่นของแบบบ้านคือมีระเบียงที่ยื่นออกไปจากตัวบ้าน สมกับชื่อ ระเบียงดาว และก็เป็นระเบียงไม้ไผ่เก่าๆ นี่เองที่สร้างความรู้สึกใหม่ๆ เป็นความรู้สึกของความสุขที่ยิ่งใหญ่เคียงคู่ดอยหลวงเชียงดาวที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เทือกเขาดอยหลวงถูกชโลมโอบกอดด้วยสายหมอก กำแพงภูผาที่ครั้งหนึ่งผมเคยฝันว่าอยากมายืนมองให้เต็มตา จากภาพถ่ายสู่ความเป็นจริง ความยิ่งใหญ่ที่ดูอลังการกว่าในรูปภาพใบนั้น บ้านพักของผมในคืนนี้ที่วิวทิวทัศน์และระเบียงไม้ ดูสวยงามไม่ต่างจากบ้านหลังอื่นๆ ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่น ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณเน็ต ไม่มีแอร์ มีไฟฟ้าที่ได้จากแสงแดด มีมุ้งไว้กันยุง และมีความสุขในแบบเรียบง่าย ประตูไม้ไผ่ที่ดูเรียบง่ายในแบบธรรมดา สู่ความยิ่งใหญ่ของภูผาเมื่อเปิดแง้มออกมอง สายฝนเริ่มโหมกระหน่ำในช่วงเย็นวันนั้น หลังจากโปรยปรายมาตลอดเวลา เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากที่ได้เคยสัมผัส สายฝนที่รุนแรงแต่ไร้สายลม มองไปรอบกายที่ดูอ้างว้าง แต่ผมกลับรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก หลังสายฝนหยุดตก สายหมอกก็เริ่มทำงานอย่างหนักหน่วง อาหารที่ดูธรรมดาแต่กลับรู้สึกอร่อยที่สุดเมื่อได้ทานควบคู่ไปกับวิวตรงหน้า ที่มาเสริฟกันถึงห้องพักรวมไปถึงอาหารเช้าที่มีให้เป็นอย่างดี ในราคาเพียงหัวละ 500 บาท รวมที่พัก เช้าวันใหม่อากาศยังคงครึ้มฟ้าครึ้มฝนและมีสายหมอกล่องลอยอยู่ตลอดเวลา เก้าอี้ไม้เก่าๆ ที่ดูธรรมดาบนระเบียงแห่งความฝัน แต่สิ่งที่พิเศษที่สุดคือ ดอยหลวงเชียงดาว ที่ตั้งตระหง่านราวกับประการยักษ์ตรงเบื้องหน้า และนี่คือขุนเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย อาหารเช้าที่ไม่ได้โดดเด่นกลับดูมีคุณค่าเมื่อได้อยู่คู่กับวิวตรงหน้า บางครั้งที่พักที่ดีที่สุดอาจไม่ต้องเริดหรูก็ได้ และบางครั้งความสุขก็ไม่ได้อยู่ที่วัตถุที่มีค่า บริเวณด้านบนของบ้านระเบียงดาวก็ดูเหมือนว่าจะมีที่พักที่กำลังก่อสร้างใหม่ วิวจากบ้านพักที่กำลังก่อสร้างใหม่ก็งดงามไม่แพ้บ้านระเบียงดาว ตลอด 24 ชม.ที่ได้อยู่ที่นี่มีสายหมอกยังคงวนเวียนเป็นเพื่อนอยู่ตลอดเวลา หมอกในฤดูฝนอาจแตกต่างจากหมอกในฤดูหนาวที่สงบนิ่ง แต่ก็เชื่อมโยงซึ่งความสุขไม่ต่างกัน สายหมอกที่ดูจะเพิ่มขึ้นสวนทางกับความสุขที่กำลังจะหมดไป เวลาในความฝันที่เหลือน้อยลง และผมกำลังจะจากลาระเบียงสวรรค์ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป จากบ้านระเบียงดาวผมวกกลับเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่ ข้ามจากอีกฟากไปยังอีกฟากหนึ่งที่ อ.จอมทอง สู่เส้นทางดอยอินทนนท์ น้ำตกวชิรธาร หนึ่งในไฮไลท์ของการมาเยือนดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ราว 80 กว่ากิโล สายน้ำที่ฟุ้งกระจายไหลลงสู่หน้าผาสูงรู้สึกได้ถึงความเย็นและชุ่มชื้น บริเวณน้ำตกยังมีร้านค้าสวัสดิการ ห้องน้ำสะดวกสบายและมีลานจอดรถที่กว้างขวาง บ้านแม่กลางหลวง อีกจุดหมายหลักของการเดินทางในช่วงฤดูฝน บ้านแม่กลางหลวง อยู่เลยจากน้ำตกวชิรธารราว 7 กิโลเมตร ริมทางหลักสายจอมทอง-อินทนนท์ ยามนี้วันที่ 19 ก.ค. 58 ที่ผ่านมา ผืนนาขั้นบันไดแลดูเขียวขจี ผืนนาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในรูปแบบนาขั้นบันไดที่เพิ่งปักดำต้นกล้าได้ไม่นาน และคงเป็นช่วงเวลาต่อจากนี้ที่ดินแดนแห่งทุ่งนาจะพร้อมรอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยี่ยมเยือน มาที่นี่ผมใช้เวลาไปเรื่อยๆ ไม่มีแผนอะไรในหัวมากนัก หนึ่งวันทำอะไรที่นี่ได้บ้าง คำตอบสำหรับผมคือไม่ได้ทำอะไร
เดินเล่นเรื่อยเปื่อยไปตามคันนา ดูหอย ดูปู ดูปลา ค่อยๆ ละเลียดไปกับเวลาที่หมดลงไป ผมว่ามันเป็นความสุขที่สัมผัสได้และเป็นความสบายใจในแบบที่ไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวายหัว บางครั้งเราเลือกที่จะเจอกับสิ่งดีหรือไม่ดี..ไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะเก็บสิ่งดีนั้นไว้ และปล่อยให้สิ่งไม่ดีนั้นผ่านไปคงเหมือนกับการเดินทาง ที่เราสามารถเลือกที่จะเก็บเอาความประทับใจในสิ่งที่ดีนั้นไว้ ...ให้อยู่ในความทรงจำตลอดไปขอบคุณทุกท่านที่เป็นส่วนหนึ่งในบันทึกการเดินทางของผม แล้วพบกันใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไป... สวัสดีครับ อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
Create Date : 19 มกราคม 2559 |
Last Update : 19 มกราคม 2559 10:47:31 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1050 Pageviews. |
|
|