บรืน ...
หญิงสาวหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้จนเมื่อบิดามารดากลับจากวัดและเข้ามานั่งนั่นและ หล่อนจึงลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย
ฮ่าฮ่า วันนี้ พ่อมีความสุขจัง นานๆได้คุยกับท่านต้น เป็นไงบ้างคุณ หายคิดถึงลูกหรือยัง คุณประภาสหันไปถามภรรยายิ้มๆด้วยใบหน้าอิ่มเอมใจ ที่มีลูกชายอยู่ในร่มผ้ากาเสาวพัฒน์เบาใจไปได้เยอะจากที่เคยเกเรเกตุงจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนท่านกินไม่ได้นอนไม่หลับมานาน ตอนนี้เหมือนหลุดจากแวดวงนั้น มีโชคเข้าข้างที่ทำให้ลูกทั้งสองก้าวถึงฝั่งอย่างไร้กังวล
อ้าว.แม่ยุพ่อเมฆกลับไปนานแล้วหรือลูก" มารดาเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทั้งเดินไปรินน้ำมาวางให้สามีและตนเองก่อนมาหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามลูกสาวที่เพิ่งลุกขึ้นยุกันดามองผู้บังเกิดเกล้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนทำหน้ายู่ด้วยความเจ็บปวดจนทั้งสองมองหน้ากัน เมื่อสังเกตใบหน้าลูกสาว
มีอะไรหรือเปล่าลูก เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหน หรือมีอะไรจะเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง คุณประภาสบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ยุกันดาส่ายหน้าก่อนจะขอตัวขึ้นไปพักผ่อนต่อเพราะปวดหัว คุณประภาสและคุณจันทร์โฉมมองตามด้วยความห่วงใย ด้วยปรกติลูกสาวไม่เคยมีสีหน้าที่อมทุกข์เช่นนี้
คุณนายจันทร์โฉมทำอาหารคุณประภาสถือโอกาสเดินขึ้นไปหาลูกสาวที่ห้อง เห็นประตูเปิดจึงเคาะส่งสัญญาณ
ก๊อก ก๊อก..
เชิญค่ะอนุญาตทั้งไม่หันมามอง หน้ายังเอียงซบอยู่กับหมอนเหมือนเดิมนั่นยิ่งเพิ่มความห่วงใยให้คุณประภาสหนักเข้าไปอีกฝ่ามือหนาที่แผ่ความอบอุ่นเอื้อมไปแตะที่แขนเบาๆ
มีอะไรไม่สบายใจไหนเล่าให้พ่อฟังสิ เราพ่อลูกกันมีปัญหาอะไรจะได้ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้
คราวนี้ยุกันดาเบือนหน้ามา ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง และโผเข้าหาอ้อมอกบิดา เท่านั้นน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลลงมาเป็นทาง ตามด้วยเสียงสะอื้นเบาๆ ใบหน้าส่ายไปมาคุณประภาสไม่เซ้าซี้ เพียงแต่บอกว่า
งั้นอยากบอกพ่อตอนไหนก็ค่อยบอกแล้วกันอย่าลืมว่าพวกเราจะไม่ปกปิดปัญหากันนะลูก
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคร้ามเข้มของบิดาตรงๆหัวคิ้วขมวดมุ่น เพราะไม่รุ้จะเริ่มยังไงดี
ทั้งคู่ต่างเงียบกันไปพักหนึ่งหล่อนค่อยๆ ดันร่างถอยออกมาจากอ้อมอกกว้าง ยกมือปาดน้ำตาออกจนหมดเงยหน้ามองบิดาอีกครั้งพร้อมถอนหายใจแรงๆ เหมือนกำลังตัดสินใจ
เอ่อ...คำพูดติดอ่างเสียอย่างนั้น
เอ้า.! มีอะไรก็พูดมาเถอะลูกถอนหายใจจนพ่อเหนื่อยแทนแล้วคุณประภาสแซวลูกสาว ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เอ่อ.! คุณพ่อคะถ้าหนูอยากจะยกเลิกการแต่งงานกับเมฆละคะ คุณพ่อจะโกรธหนูไหม สิ้นประโยคนั้น ใบหน้าคุณประภาสขรึมลงไปทันทีจนหล่อนหายใจไม่ทั่วท้อง
เพล้ง...
ทั้งสองสะดุ้งรีบหันไปทางต้นเสียงนั้นอย่างเร็วยุกันดามองมารดาที่ยืนใบหน้าซีดเผือดอยู่หน้าประตูด้วยความตกใจ แต่ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมา แม้ชามข้าวต้มอุ่นๆ ที่ถือจะตกแตกน้ำร้อนๆกระเซ็นไปโดนขาท่านก็ไม่ส่งเสียง
คุณ... คุณประภาสเรียกภรรยาเสียงดัง
คุณแม่.. หล่อนเรียกอย่างตกใจแล้วทั้งสองก็ถลันเข้าไปหาร่างนั้นพร้อมกัน
อย่าแตะต้องตัวฉันนะ.. เป็นคำขาดจากปากท่านอย่างเย็นชา ไหน แกพูดใหม่อีกทีซิแม่ยุ ว่ายังไงนะ ย้ำถามเสียงต่ำบ่งบอกอารมณ์โกรธ
คุณแม่คะ.!
แกไม่ต้องมาเรียกฉัน ไหนพูดมาใหม่อีกทีซิ คำนั้นทำให้หล่อนรู้ว่าท่านกำลังโกรธจัดแต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงจะไม่มีทางเลือก
หนูไม่อยากแต่งงานกับเมฆค่ะ เอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก
ฉันไม่ยอม ทำไม? ตาเมฆมีอะไรที่ไม่ดีงั้นรึหรือพ่อเมฆไปทำอะไรไว้ไม่ดี แกถึงคิดจะล้มเลิกงานแต่งนี้น่ะ ห๊า ! แม่ยุ น้ำเสียงนั้นตัดพ้อแทนชายหนุ่มหล่อนรู้ดีว่าพ่อกับแม่รักเมฆ แต่หญิงสาวไม่ตอบ เดินไปคุกเข่าลงตรงหน้าก้มกราบแทบเท้าท่านทั้งสอง แล้วร้องไห้ออกมาต่อหน้าอย่างอัดอั้นตันใจ
หนูขอกราบขอโทษคุณพ่อคุณแม่ด้วยค่ะ หนูก็ไม่รู้แต่หนูไม่อยากแต่งงาน เมฆไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย หนูผิดเองหนูอยากอยู่อย่างนี้อีกหน่อย อยากจะอยู่คนเดียว นะคะ คุณพ่อ คุณแม่ให้หนูอยู่อย่างไม่มีพันธะได้ไหม น้ำเสียงที่กล่าวออกมาวิงวอน
เท่านี้หรือที่แกต้องการ จริงหรือแม่ยุเท่านี้หรือที่แกกล้าล้มเลิกงานแต่งงานที่เตรียมไว้อย่างหรูหรา หืม..แกไม่คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่และตาเมฆบ้างหรือที่ไปเชิญญาติผู้ใหญ่มาเป็นพยานไว้แล้วน่ะ เหตุผลไม่มีเอาเสียเลยท่านตำหนิแล้วหยุดไปนิดหนึ่ง แกช่วยไปนอนคิดให้รอบคอบหน่อย ว่าที่ทำนะถูกแล้วหรือไม่ ท่านกล่าวไว้เท่านั้นก่อนจะก้าวออกไป
ยุกันดาหันมองบิดานิ่งๆหล่อนเห็นบิดายืนกำมือเข้าหากันแน่นอย่างระงับอารมณ์
เดี๋ยวเก็บชามที่แตก แล้วไปพบพ่อที่ห้องทำงาน น้ำเสียงสั่งเฉียบขาดจนอดใจสั่นไม่ได้
ค่ะ..คุณพ่อ
ท่านเดินจากไปอีกคนหล่อนยืนเหงื่อชื้นเต็มฝ่ามือ ยามนี้หล่อนยอมแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเมื่อตัดสินใจพูดออกไปขนาดนี้ เรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร ก็ต้องพร้อมจะยอมรับค่อยๆ ยกมือขึ้นไล้ปอยผมไปด้านหลัง ก่อนจะเริ่มเก็บเศษแก้วที่แตก
อะไรจะเกิดก็ให้เกิดจะไม่สน ไม่แคร์อะไรแล้ว เมื่อทุกอย่างมาถึงทางของมัน มีแต่ต้องกล้าเผชิญในเมื่อหล่อนกล้ารักกล้าหักหาญน้ำใจของคนรอบข้าง หล่อนก็พร้อมและกล้าจะเปลี่ยนแปลง