ห้องชีวิต ลิขิตละคร

~*ชั่วนิจนิรันดร์*~ ตอนที่ ๒

บรืน ...

หญิงสาวหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้จนเมื่อบิดามารดากลับจากวัดและเข้ามานั่งนั่นและ หล่อนจึงลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย

“ฮ่าฮ่า วันนี้ พ่อมีความสุขจัง นานๆได้คุยกับท่านต้น เป็นไงบ้างคุณ หายคิดถึงลูกหรือยัง ” คุณประภาสหันไปถามภรรยายิ้มๆด้วยใบหน้าอิ่มเอมใจ ที่มีลูกชายอยู่ในร่มผ้ากาเสาวพัฒน์เบาใจไปได้เยอะจากที่เคยเกเรเกตุงจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนท่านกินไม่ได้นอนไม่หลับมานาน ตอนนี้เหมือนหลุดจากแวดวงนั้น มีโชคเข้าข้างที่ทำให้ลูกทั้งสองก้าวถึงฝั่งอย่างไร้กังวล

“อ้าว.แม่ยุพ่อเมฆกลับไปนานแล้วหรือลูก" มารดาเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทั้งเดินไปรินน้ำมาวางให้สามีและตนเองก่อนมาหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามลูกสาวที่เพิ่งลุกขึ้นยุกันดามองผู้บังเกิดเกล้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนทำหน้ายู่ด้วยความเจ็บปวดจนทั้งสองมองหน้ากัน เมื่อสังเกตใบหน้าลูกสาว

“มีอะไรหรือเปล่าลูก เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหน หรือมีอะไรจะเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง” คุณประภาสบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ยุกันดาส่ายหน้าก่อนจะขอตัวขึ้นไปพักผ่อนต่อเพราะปวดหัว คุณประภาสและคุณจันทร์โฉมมองตามด้วยความห่วงใย ด้วยปรกติลูกสาวไม่เคยมีสีหน้าที่อมทุกข์เช่นนี้

คุณนายจันทร์โฉมทำอาหารคุณประภาสถือโอกาสเดินขึ้นไปหาลูกสาวที่ห้อง เห็นประตูเปิดจึงเคาะส่งสัญญาณ

ก๊อก ก๊อก..

“เชิญค่ะ”อนุญาตทั้งไม่หันมามอง หน้ายังเอียงซบอยู่กับหมอนเหมือนเดิมนั่นยิ่งเพิ่มความห่วงใยให้คุณประภาสหนักเข้าไปอีกฝ่ามือหนาที่แผ่ความอบอุ่นเอื้อมไปแตะที่แขนเบาๆ

“มีอะไรไม่สบายใจไหนเล่าให้พ่อฟังสิ เราพ่อลูกกันมีปัญหาอะไรจะได้ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้”

คราวนี้ยุกันดาเบือนหน้ามา ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง และโผเข้าหาอ้อมอกบิดา เท่านั้นน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลลงมาเป็นทาง ตามด้วยเสียงสะอื้นเบาๆ ใบหน้าส่ายไปมาคุณประภาสไม่เซ้าซี้ เพียงแต่บอกว่า

 “งั้นอยากบอกพ่อตอนไหนก็ค่อยบอกแล้วกันอย่าลืมว่าพวกเราจะไม่ปกปิดปัญหากันนะลูก”

หล่อนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคร้ามเข้มของบิดาตรงๆหัวคิ้วขมวดมุ่น เพราะไม่รุ้จะเริ่มยังไงดี 

ทั้งคู่ต่างเงียบกันไปพักหนึ่งหล่อนค่อยๆ ดันร่างถอยออกมาจากอ้อมอกกว้าง ยกมือปาดน้ำตาออกจนหมดเงยหน้ามองบิดาอีกครั้งพร้อมถอนหายใจแรงๆ เหมือนกำลังตัดสินใจ

“เอ่อ...”คำพูดติดอ่างเสียอย่างนั้น

“เอ้า.! มีอะไรก็พูดมาเถอะลูกถอนหายใจจนพ่อเหนื่อยแทนแล้ว”คุณประภาสแซวลูกสาว ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เอ่อ.! คุณพ่อคะถ้าหนูอยากจะยกเลิกการแต่งงานกับเมฆละคะ คุณพ่อจะโกรธหนูไหม” สิ้นประโยคนั้น ใบหน้าคุณประภาสขรึมลงไปทันทีจนหล่อนหายใจไม่ทั่วท้อง 

เพล้ง...

ทั้งสองสะดุ้งรีบหันไปทางต้นเสียงนั้นอย่างเร็วยุกันดามองมารดาที่ยืนใบหน้าซีดเผือดอยู่หน้าประตูด้วยความตกใจ แต่ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมา แม้ชามข้าวต้มอุ่นๆ ที่ถือจะตกแตกน้ำร้อนๆกระเซ็นไปโดนขาท่านก็ไม่ส่งเสียง

“คุณ...” คุณประภาสเรียกภรรยาเสียงดัง

“คุณแม่..” หล่อนเรียกอย่างตกใจแล้วทั้งสองก็ถลันเข้าไปหาร่างนั้นพร้อมกัน

“อย่าแตะต้องตัวฉันนะ..” เป็นคำขาดจากปากท่านอย่างเย็นชา “ไหน แกพูดใหม่อีกทีซิแม่ยุ ว่ายังไงนะ” ย้ำถามเสียงต่ำบ่งบอกอารมณ์โกรธ

“คุณแม่คะ.

“แกไม่ต้องมาเรียกฉัน ไหนพูดมาใหม่อีกทีซิ” คำนั้นทำให้หล่อนรู้ว่าท่านกำลังโกรธจัดแต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงจะไม่มีทางเลือก

“หนูไม่อยากแต่งงานกับเมฆค่ะ” เอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก

“ฉันไม่ยอม ทำไม? ตาเมฆมีอะไรที่ไม่ดีงั้นรึหรือพ่อเมฆไปทำอะไรไว้ไม่ดี แกถึงคิดจะล้มเลิกงานแต่งนี้น่ะ ห๊า  ! แม่ยุ” น้ำเสียงนั้นตัดพ้อแทนชายหนุ่มหล่อนรู้ดีว่าพ่อกับแม่รักเมฆ แต่หญิงสาวไม่ตอบ เดินไปคุกเข่าลงตรงหน้าก้มกราบแทบเท้าท่านทั้งสอง แล้วร้องไห้ออกมาต่อหน้าอย่างอัดอั้นตันใจ

“หนูขอกราบขอโทษคุณพ่อคุณแม่ด้วยค่ะ หนูก็ไม่รู้แต่หนูไม่อยากแต่งงาน เมฆไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย หนูผิดเองหนูอยากอยู่อย่างนี้อีกหน่อย อยากจะอยู่คนเดียว นะคะ คุณพ่อ คุณแม่ให้หนูอยู่อย่างไม่มีพันธะได้ไหม” น้ำเสียงที่กล่าวออกมาวิงวอน

“เท่านี้หรือที่แกต้องการ จริงหรือแม่ยุเท่านี้หรือที่แกกล้าล้มเลิกงานแต่งงานที่เตรียมไว้อย่างหรูหรา หืม..แกไม่คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่และตาเมฆบ้างหรือที่ไปเชิญญาติผู้ใหญ่มาเป็นพยานไว้แล้วน่ะ เหตุผลไม่มีเอาเสียเลย”ท่านตำหนิแล้วหยุดไปนิดหนึ่ง “แกช่วยไปนอนคิดให้รอบคอบหน่อย ว่าที่ทำนะถูกแล้วหรือไม่” ท่านกล่าวไว้เท่านั้นก่อนจะก้าวออกไป

ยุกันดาหันมองบิดานิ่งๆหล่อนเห็นบิดายืนกำมือเข้าหากันแน่นอย่างระงับอารมณ์

“เดี๋ยวเก็บชามที่แตก แล้วไปพบพ่อที่ห้องทำงาน” น้ำเสียงสั่งเฉียบขาดจนอดใจสั่นไม่ได้

“ค่ะ..คุณพ่อ”

ท่านเดินจากไปอีกคนหล่อนยืนเหงื่อชื้นเต็มฝ่ามือ ยามนี้หล่อนยอมแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเมื่อตัดสินใจพูดออกไปขนาดนี้ เรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร ก็ต้องพร้อมจะยอมรับค่อยๆ ยกมือขึ้นไล้ปอยผมไปด้านหลัง ก่อนจะเริ่มเก็บเศษแก้วที่แตก 

อะไรจะเกิดก็ให้เกิดจะไม่สน ไม่แคร์อะไรแล้ว เมื่อทุกอย่างมาถึงทางของมัน มีแต่ต้องกล้าเผชิญในเมื่อหล่อนกล้ารักกล้าหักหาญน้ำใจของคนรอบข้าง หล่อนก็พร้อมและกล้าจะเปลี่ยนแปลง

*************** 
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2557
0 comments
Last Update : 10 กรกฎาคม 2557 21:43:26 น.
Counter : 915 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แพรอักษร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
10 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แพรอักษร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.