บทที่ ๗
ณ บ้านพักตากอากาศริมเชิงเขา อากาศที่นี่ตอนย่ำรุ่งเย็นจัดบวกกับสายลมที่โบกพัดจนกิ่งไม้ไหวเอนไปมาเสียงกอไผ่เสียดสีดังเอี๊ยดอ๊าดหวีดหวิวดูวังเวงนกปรอทเริ่มส่งเสียงแข่งกับจิ้งหรีดดังแว่วสอดรับกับเป็นทอดๆ อยู่ภายนอกด้านในเงียบเชียบเพราะเครื่องปรับอากาศที่เปิดจนเย็นฉ่ำไปทั่วห้อง หญิงสาวพลิกร่างป้ายมือเปะปะเพื่อไขว่คว้าหาแผงอกกว้างที่กอดหล่อนอย่างอบอุ่นเมื่อคืน พยายามจะปรือตาที่หนักอึ้งนั้นขึ้น ก่อนจะปิดมันลงไปอีกครั้ง
ฮื่อ..! หล่อนครางออกมาทั้งครึ่งหลับครึ่งตื่นหญิงสาวส่ายหัวไปมาเหมือนรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศ ร่างกายเหมือนล่องลอยเคว้งคว้าง หล่อนก็พยายามจะกลืนน้ำลาย
คอแห้งสินะ? เสียงของเขาแว่วมากระทบประสาทหูอย่างอาทร อยากจะลืมตามองใบหน้าคมเข้มนั้นนักแต่ทว่าเปลือกตามันหนักจนปรือไม่ขึ้น ม่านตาเปิดแง้มแค่นิดเดียวแล้วก็ต้องปิดมันลง ก่อนจะพยายามปรือมันขึ้นอีกครั้งอย่างยากลำบาก
หล่อนหรี่ตาหยีจนเห็นเขาลุกเดินไปที่โต๊ะยกเหยือกน้ำเทใส่แก้วแล้วดื่ม ก่อนจะเดินกลับมาหาหล่อนที่เตียง
ชายหนุ่มค่อยๆ ก้มใบหน้าลงเพื่อแนบริมฝีปากตนเองกับปากนุ่มละมุนของหล่อน เขากดปากแช่ไว้นิ่งนาน ก่อนจะถอนปากออกมาเพ่งตามองใบหน้าหล่อน รอยยิ้มแต้มที่มุมปากหยักได้รูปบางๆ
ยุครับ..! เป็นยังไงบ้างค่อยยังชั่วไหม เขาถามเมื่อเห็นหล่อนลืมตามองเขาตาแป๋วแววตาใสซื่อจนเขาอดใจยื่นหน้าไปแนบใกล้ด้วยความรัก ส่ายหน้าซุกไซร้เบาๆ
ยุคงม่อยหลับไป ใช่ไหมคะ หล่อนถามและเลื่อนสายตามองออกไปนอกกระจก ยังเห็นว่าข้างนอกนั้นมืดแม้จะมีแสงสว่างรำไร แต่ก็เลือนรางเต็มที เขาเฉยไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา ยุกันดาปรายตามองใบหน้าของเขาที่ผงกขึ้นมาลอยอยู่เหนือลำตัวหล่อนในตอนนี้
ยังไม่เช้าเลยหรือคะ รู้สึกว่ามันตั้งนานแล้วนะคะหล่อนพึมพำถามเขาเบาๆ ก่อนจะทอดตามองออกไปอีกครั้ง
ฮือ..! ใช่จ้ะ ราตรีนี้ยังอีกนานเพื่อพวกเรา คืนนี้จะไม่รุ่งเช้าชั่วนิรันดร์ครับยุ
เขาโน้มใบหน้าลงต่ำเพื่อควานหาริมฝีปากบางของหล่อนที่ยกมือขึ้นมาประคองใบหน้าเขาเอาไว้อย่างนุ่มนวล กอดกระชับรอบต้นคอ เปลือกตาหล่อนปิดลงอย่างเป็นสุขกับการสัมผัสของเขากับคนที่รักและคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
แต่เขาอยากจะลืมไม่อยากคิดว่าตนเองเป็นใคร ก่อนเขาจะดับชีวิตลง เขาคิดถึงยุกันดาและเหมือนคนนี้คนเดียวที่ยึดเขาให้กลับมาอีกครั้ง เพื่อยืดเวลาอยู่กับหล่อนจนทำให้เขาอยากลืมทุกอย่าง คิดแต่จะพาคนรักท่องวิมานอย่างไม่รู้เบื่อ
ยุรักคุณค่ะ คุณดิษฐ์!
ผมก็รักคุณยอดรัก
****************
เวลาเดียวกันที่วัดธาตุทอง
คืนแรกของการทำพิธีสวดอภิธรรมศพของดิษฐ์ ศิรชน ทางศาสนา แขกเหรื่อยังมีไม่เยอะนักเพราะคนยังไม่รู้คืนนี้จึงมีแต่พนักงานของบริษัท ที่ต่างพร้อมใจกันมาครบทุกคนมีแขกต่างประเทศที่ทราบข่าวคราวมาร่วมงานบ้างแต่ประปราย
ทุกคนคาดว่าคืนพรุ่งนี้คงจะมีแขกมากันมากขึ้นเมื่อรู้และเห็นข่าวในจอทีวีและหนังสือพิมพ์กระจายออกไป
ยุกันดาไม่ได้มาหรือเธอ เพื่อนที่มาร่วมงานต่างก็ถามกันเอง เมื่อไร้เงาของหญิงสาวเจ้าของดวงใจของหัวหน้าหนุ่มหล่อสีหน้าของแต่ละคนจึงต่างกังวลและเป็นห่วงเป็นใย ในการจากไปหนนี้ของเพื่อนร่วมงาน
ทำไงได้ล่ะเธอ ยุเขาคงจะทำใจไม่ได้น่ะก็ทั้งสองรักกันจะขนาดนั้น ใครที่ไหนจะทำใจได้เพื่อนร่วมงานอีกคนกล่าวอย่างเข้าใจ
นั่นสินะ ป่านนี้ยุจะเป็นอย่างไรบ้างน่าเป็นห่วงจัง
แม้เสียงที่พูดออกมาจะไม่ดังนัก แต่เมฆก็ได้ยินเพราะเขาก็คอยชะเง้อมองออกไปนอกศาลาบ่อยครั้ง เผื่อจะเห็นร่างบางของหล่อนปรากฏขึ้น
แต่..ก็ไร้ผล...
ยุกันดา!ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ ผมชักเป็นห่วงคุณแล้วสิ
เขานึกจนพึมพำออกมาด้วยความห่วงใยใบหน้าเริ่มแสดงความกังวลและเคร่งขรึม จะว่ายังไม่รู้ข่าวก็ไม่น่าเป็นไปได้ชายหนุ่มเริ่มนั่งไม่ติดจนต้องลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก มองซ้ายทีขวาทีพอดีกับที่พระสงฆ์เริ่มเดินเข้ามาในศาลา เขาจึงทรุดลงนั่งยองๆยกมือพนมจนพระสงฆ์ก้าวผ่านไป เขาจึงลุกขึ้นเดินตามเข้าไปนั่งที่เก่า
****************
ทางด้านบ้านพักตากอากาศชายเขา
ดิษฐ์ลูบไล้ฝ่ามือไปตามเรือนร่างของหล่อนอย่างทนุถนอมเขาใช้ปากอุ่นๆ ครอบครองปลายยอดอกเต่งตึงให้หายไปกับริมฝีปากของเขาดึงดูดจนหญิงสาวแอ่นหลังเป็นแนวโค้ง ทรวงอกหยัดสูงให้อีกฝ่ายเชยชมอย่างถนัด
ฝ่ามือเขาเคล้าคลึงไปทุกตารางนิ้วก่อนจะถอนริมฝีปากออกจากทรวงอกอิ่มนั่นทำให้ยุกันดาหายใจอย่างกระหืดกระหอบ เมื่อเขาไล้ใบหน้าต่ำลงไปถึงหน้าท้องแบนราบนวลเนียนร่างกายหล่อนไหวสะท้านหนาวยะเยือก ดุจจะเรียกความร้อนจากเรือนกายของเขาให้เลือดสูบฉีดเหมือนอยู่ในกองเพลิงเร่าร้อนเจ็บปวด ทรมาน ประหนึ่งว่าหากไม่ได้พากันท่องวิมานจะทำให้ขาดใจตายไปกระนั้น
ยุครับ ผมมีความสุขจัง พวกเรารักกันมากขนาดนี้ ยอดไปเลยที่รัก...
เสียงกระซิบของเขาดังกระเส่าปลุกเร้าอารมณ์ของหล่อนจนทำให้ต้องครวญครางออกมา
นั่นสิยอดรักกอดคุณสักกี่ครั้งก็ยังไม่เคยพอ ยุกันดากระซิบตอบริมกกหูของเขา
ความตึงแน่นด้วยวัยหนุ่มของเขาที่ครัดเคร่งกับเลือดเนื้อร้อนรุ่มของวัยสาวที่ขาวผุดผ่องเปิดเปลือยทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองนัก ด้วยเนื้อนวลของหล่อนปลุกกระแสเลือดลมความรู้สึกของเขาให้ปั่นป่วนอยู่ไม่น้อย
สิ่งดีๆแบบนี้จะยืนยาวถึงเมื่อไหร่กันนะ ทั้งสองต่างพึมพำด้วยความร้อนของอารมณ์ที่รุมเร้าจนแทบจะเผาร่างให้มอดไหม้ก่อนจะสะท้านไปกับรสสัมผัสของกันและกัน
ดิษฐ์โอบประคองร่างบางไว้ให้หล่อนนอนหนุนแผงอกกว้างอย่างทนุถนอม ความรักของเขาที่มีต่อร่างบางในวงแขน นั้นมีมากเกินจะยื้อเอาไว้เขาจะไม่จากหล่อนไปไหน จะคอยประคองกอดเอาไว้แบบนี้เรื่อยไปจะไม่ยอมให้ใครมาพรากเขาจากหล่อนไปเด็ดขาด
ยุกันดาเงยหน้าขึ้นมองสบตาคร้ามคมเข้มคู่นั้นแล้วก้มหน้าจุมพิตแผงอกกว้างแรงๆ และโอบมือกระชับพาดบนอกเขา แนบหน้ากดทับอีกทีเมื่อความกังวลฉายชัดบนผิวหน้า หล่อนไม่อยากให้เขากังวลกับงานมากเกินไป
คุณดิษฐ์คะ ตอนนี้จะเช้าหรือยังยุอยากเดินลงไปดูรอบๆ และสวนไม้ดอกจัง ถามพร้อมกับพูดเปรยให้เขารับรู้
ยังจ้ะ หากยุจะดู เราลงไปก็ได้คืนนี้พระจันทร์ส่องแสงสว่างสวยงาม น่าจะเดินชมสวนเหมือน ไป บทเขาจะไปก็ลุกแล้วชวนดื้อๆ ส่งมือให้หล่อนฉุดตัวลุกขึ้นสวมเสื้อคลุม ก่อนจะประคองกอดกันเดินออกประตูไป
ฟิวส์ ว วูบ บ บ...
เมื่อประตูเปิดสายลมพัดผ่านเข้าปะทะลำตัวของคนทั้งสองอย่างแรงจนหญิงสาวต้องปล่อยมือที่เกาะแขนเขาออกมาเพื่อจับเสื้อคลุมและกระชับเข้าตัวอย่างเร็วด้วยความหนาวยะเยือก
โบร๋น โบ๋ บรู๋ว ว ว โฮ่งๆ ๆ
เสียงหมาเริ่มส่งเสียงหอนรับกันโหยหวนพร้อมสายลมที่พัดดังอื้ออึงมาเป็นระยะๆ
หมาเยอะจังนะคะ แถวนี้ยุกันดาเปรยออกมาดังพอได้ยิน เขาเอียงหน้ามองหล่อนนิ่งยิ้มระบายที่มุมปากหยักได้รูปชวนมอง
กลัวหรือจ้ะเขาถามหล่อนกลับเหมือนหยั่งเชิง แต่หญิงสาวกลับยิ้มอวดฟันขาวใส่เขาและคล้องแขนเขากอดแนบลำตัว
กลัวทำไมคะ มีคุณอยู่ด้วยยุไม่กลัวอะไรทั้งนั้นคำตอบของหล่อนทำให้เขาหยุดเดินและหันหน้ามาเผชิญก่อนจะโน้มปากมาแนบหน้าผากมนด้วยความรัก
ชื่นใจจัง ยอดรักของผมตราบใดที่ผมยังอยู่ จะไม่มีใครทำร้ายคุณได้ คำพูดของเขา
เหมือนเป็นคำมั่นสัญญาที่มีอานุภาพความขลังทำให้หล่อนดูมีพลังอย่างประหลาด
ดิษฐ์พาหญิงสาวเดินชมสวนท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่าง ที่ถูกแทรกแซงด้วยเสียงเห่าหอนของหมาบริเวณนั้นเป็นระลอกๆ
****************
วัดธาตุทอง
นี่ก็เป็นคืนที่สองของงานศพหัวหน้าแผนกแต่ที่วัดก็ไร้เงาของยุกันดา
เมฆเป็นห่วงกลัวว่าเพื่อนสาวจะเป็นอะไรเมื่อกลับบ้านเขานอนไม่หลับ จนต้องลุกขึ้นขับรถออกไปหาที่คอนโดห้องชุดของทั้งคู่ที่ใช้เป็นรังรักเพื่อดูให้เห็นกับตาว่าหล่อนอยู่กินยังไง ทำไมไม่ไปงานสวดศพ หรือว่าหล่อนจะไม่สบายยิ่งเมื่อวานนี้เขาทำงานแทบจะไม่รู้เรื่อง บวกกับเพื่อนๆ ต่างช่วยกันพูดและเร่งเร้าให้เขาขับรถมาดู
เอี๊ยด...
เขาขับรถไปจอดสนิทตรงช่องทางด้านขวาก่อนจะผลักประตูให้เปิดออกด้วยความรีบร้อน และผลักปิดอย่างแรง และถลาร่างเข้าไปกดลิฟต์ด้วยความร้อนรนเพราะความห่วงใยในตัวอดีตแฟนสาวจนแทบทนไม่ไหว ลิฟต์จอดตามชั้นที่เขากดเมฆเดินเร็วๆ ไปกดกริ๊งหน้าห้อง
ติ๊งต่อง....
เขากดออดหน้าห้องถี่ๆ ด้วยอาการร้อนรน
ติ๊งต่องติ๊งต่อง...
เงียบ ไม่มีความเคลื่อนไหวด้านในทำให้เขาเริ่มใจเสีย ระรัวกดกริ่งหน้าห้องสุดท้ายเขากดแช่ไว้อีกมือก็ทุบรัวเสียงดัง
ปัง ปังๆ
หวังว่าคงไม่ได้ฆ่าตัวตายตามนะ ใจเขาคิดไปสารพัดเมื่อยังไม่มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น
ยุ ยุกันดา ออกมาเปิดประตูให้ผมหน่อยอยู่ไหมยุ เขาเรียกและถามเสียงดัง แต่ก็ยังไร้วี่แววจนต้องเอื้อมมือหมุนลูกบิดประตู
แอ๊ดดด...
เปิดได้ !
ภายในห้องเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำงานชายหนุ่มเริ่มใจชื้นขึ้น เพราะคิดว่า ยังไงก็ต้องมีคนอยู่ข้างใน เขาผลักประตูออกจนกว้างและเดินเข้าสำรวจภายในไปตามห้องต่างๆ แต่ไร้เงาของเจ้าของบ้านสาว เมฆสอดส่ายสายตาไปรอบๆห้องอีกครั้งก่อนจะสาวเท้าเข้าห้องกินข้าว
อุบ๊ะ!
เขารีบยกมือขึ้นอุดปากปิดจมูกเอาไว้เมื่อกลิ่นอาหารบูดเน่าโชยเข้าหาอย่างแรง และล้วงมือหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อปิดจมูกกลั้นลมหายใจเอาไว้แล้วค่อยๆ ผ่อน ก่อนจะเดินไปชะโงกหน้าใกล้ๆแต่แล้วก็รีบเดินเร็วๆ ออกไปปิดประตูตาม
เขาหลับตาแน่นเพื่อสะกดกลั้นอาการผะอืดผะอมมวนในช่องท้องที่พากันตีขึ้นจนต้องผวาไปที่ห้องน้ำโก่งคออาเจียนของเก่าออกมาจนหมดทั้งน้ำหูน้ำตา
อ๊วกกก !
เมื่อปล่อยของเก่าออกไปจนหมดแล้วเขาเปิดน้ำบ้วนปากวักน้ำใส่หน้าและยืนอิงข้างฝาหายใจแรงๆ ด้วยความเหนื่อยหอบ
ยุกันดา คุณไปไหนนะ เขาถามกับตัวเองเบาๆสาวเท้าออกมาเริ่มเดินไปเรียกไปเสียงดัง
ยุ ยุครับอยู่ไหนคุณช่วยกรุณาส่งเสียงหน่อยได้ไหม ขอร้องละยุ
เงียบ...ไม่มีเสียงใดๆสอดแทรกขึ้นเลย เมฆทอดสายตามองไปทางห้องรับแขก ในใจก็คิดถึงอาหารที่ยังอยู่เต็มจานบนโต๊ะเหมือนว่ายังไม่มีใครกิน จนบูดเน่าส่งกลิ่นตลบอบอวลผักก็เหี่ยวแห้งเพราะเครื่องปรับอากาศยังทำงานตอนเขาเข้ามา โต๊ะอาหารก็ยังไม่มีการนั่งแชมเปญก็ยังแช่อยู่ในถัง แม้จะไม่มีน้ำแข็งแล้ว
เอ๋ บ้านตัวเองก็ไม่อยู่ติดต่อก็ไม่ได้ หากไม่หมดอาลัยตายอยากอยู่คนเดียวจนตายตามก็ ทำไมไม่ขานรับบ้างนะยุ
เมฆเดินบ่นพึมพำและเริ่มตรวจดูไปทุกห้องทุกจุดของบ้านอีกครั้ง
ยุ คุณไปไหนนะ เขาเดินออกมาห้องนั่งเล่น ที่ตรงนั้นยังมีอัลบั้มรูปถ่ายกางแผ่หลาอยู่บนพื้นใกล้เบาะรองนั่งเขาไม่ทันสนใจเดินข้ามมันไป
แต่ทว่า..!
อัลบั้มกลับพลิกไปอีกด้านจนเขารีบหันกลับมามอง
มันเปิดอยู่..!
เมฆก้มลงมองไปใกล้ๆ รูปที่เปิดอ้าออกนั้น เป็นรูปบ้านริมเชิงเขาที่ร่มรื่นน่าอยู่มีธรรมชาติล้อมรอบ ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย เขาทำท่าจะหันกลับไปทางเก่าแต่แล้วในวินาทีนั้น...!
รูปในอัลบั้มนั้นมีความเคลื่อนไหวเขามีความรู้สึกว่า มีคนเดินผ่านหน้าประตู แต่อยู่ในรูป ขาเขาทรุดลงนั่งมองอย่างไม่เชื่อสายตาตนเองจนต้องยกมือขยี้ตาแรงๆ ก่อนจะเพ่งมองให้แน่ใจอีกรอบ
ยุกันดา..! ชายหนุ่มเบิกตาจนกว้างอกใจหวั่นระทึก สมองเขาเริ่มคิด
ทำไมยุกันดาไปอยู่ในรูปล่ะมือไวเท่าความคิด เขารีบพลิกดูรูปอื่นๆ ช้าๆ
โอ้ ให้ตายเถอะ !
นี่เขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?
ยุกันดาเดินอยู่ในรูปที่เขาถือ...
มันเป็นไปได้ยังไง..?
มือเขาเริ่มสั่นจนไม่มีแรงจับ..รูปแต่ละแผ่นเริ่มพลิกไปเองอัตโนมัติ
ยุกันดา. ยุกันดา เขาเรียกด้วยน้ำเสียงที่ดัง
เอ๋...! ได้ผลร่างบางของหญิงสาวชะงักก้าวอยู่กับที่ ก่อนจะหมุนตัวไปรอบๆ เพื่อมองหาต้นเสียง
ยุกันดาๆ.. เมฆละล่ำละลักเรียกซ้ำๆ อีกหลายครั้งร่างนั้นหมุนซ้ายแลขวาเพื่อมองหาคนเรียก แต่ก็เหมือนหล่อนไม่เห็นเขาชายหนุ่มมองสถานที่ในรูปภาพอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วผลุนผลันเดินออกไปด้วยความเร็ว
****************