|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
รวบยอด Antwerp Paris and น้อง Ethan
ลูกชายหน้าเป็น........ ลูกใครหว่า?
เดี๋ยวจะคิดถึงน้องอีธานกัน เลยขอแม่เค้าเอารูปมาฝากจ้า
ใครคิดถึงมากๆ ตามไปบลอกแม่ปิ๋มนะคะ ดูกันเต็มๆแบบไม่มีเซนเซอร์ ฮ่าๆๆๆ แม่เค้าเอาเรื่องลูกชายมาแฉ แหะๆ อุ๊ยยยย ทำไมอวบยังงี้ลูก
แล้วก็มาต่อเรื่องเที่ยว
Antwerp and Paris day 1
31-August-07 ศุกร์เช้าสองสาวก็จับรถไฟจากฮาร์เลม ข้ามประเทศไปแอนเวิรพ์พ ใช้เวลาแค่ สองชม.ค่ะก็มาถึงเมืองศูนย์กลางการค้าขายเพชรของโลก ไหนๆมาแล้วเลยเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเพชร (Diamant Museum) ค่าเข้าคนละ 6 Euro อยู่ตรงหน้าสถานีรถไฟ Antwerp Central พอดี ที่ชอบก็คงเป็นงานแสดงพิเศษ งานออกแบบ ของชิ้นงานที่เข้าประกวดรางวัลของ HRD ภายใต้หัวข้อ The night at the opera อลังการมากๆ วิบวับๆเล่นไฟได้งามตาจริงๆ (ของจริงสวยกว่าในรูปมากๆจ้ะ)
Taking the top prize in the competition was Alina Sossou-Alamorean (39) of France.
//www.hrd.be/index.php?id=99
จากนั้นก็ออกมาเดินดูค่ะ ได้แต่ดูจริงๆ ตะลุยดงร้านเพชรใกล้ๆบริเวณสถานีรถไฟน่ะแหละ(Diamond district) ส่วนมากก็ดำเนินกิจการโดยคนเชื้อสายยิว ไดอ้างอิง ร้านก็จะเป็นร้านเล็กๆไม่หรูหรามากมายค่ะ แต่จะมีเยอะมาก มาคราวนี้ในย่านธุรกิจ เห็นคนอินเดียเดินกันพลุกพล่าน อินเดียนี่เป็นแหล่งเจียรอันดับหนึ่งค่ะ ประมาณ 90 กว่าเปอร์เซนต์ รองลงมาก็ในจีน แล้วก็ไทยเป็นอันดับสาม
ร้านเล็กๆแบบนี้ล่ะ ทั้งนอกและในตึก ร้านเพชรกันทั้งแถบ ติดประตูนิรภัยกัน เวลาเราจะเข้าร้านต้องกดกริ่งให้เค้าเปิดให้ (Look only
.. no money
hi hi hi)
Prior to the 1930s, diamond rings were rarely given as engagement rings. Opals, rubies, sapphires and turquoise were deemed much more exotic gems to give as tokens of one's love. This idea of connecting diamonds to romance was captured in a brilliant ad campaign begun in the 1940s, causing demand for diamonds to increase. Surely you've heard the De Beers advertisement telling you that "A Diamond is Forever." This ad campaign, which was created by the N.W. Ayer advertising agency in 1947, changed the diamond market. More infor. : //science.howstuffworks.com/diamond1.htm
อากาศก็ไม่เป็นใจ สองคนก็เดินๆหยุดๆค่ะ หยุดหาของกินกะชอปปิ้งซะเป็นส่วนใหญ่ ฮ่าๆๆ อ๊าวมาถึงเบลเยี่ยม ไม่ซื้อชอคโกแลตก็กระไรอยู่ Belgian Chocolate is our favorite.
ใช่มะ? น่าอร่อยทั้งนั้น Dont you agree?
ผ่านสแควร์ Stadhuis หรือ Townhall มีรูปหล่อ Silvius Brabo ขว้างมือทิ้งลงแม่น้ำ Schelde เรื่องเล่าในตำนานคือเมื่อก่อนเมืองท่านี้โดนยักษ์ใจร้าย Antigoon กักเก็บภาษีอย่างสูง สำหรับเรือที่ใช้เส้นทางผ่านไปมา ท้ายสุดเลยโดนพระเอกตัดมือ เขวี้ยงทิ้งเลยฮ่าๆสะใจ
Legend has it that at the beginning of time the bend in the River Scheldt was in hands of the giant Antigoon, who demanded a heavy toll from each passing shipmaster. Those who refused to pay had a hand chopped off. A Roman soldier, Silvius Brabo, brought an end to this awful practice, by slaying the giant, chopping off his hand and throwing it into the river. Hence 'Hantwerpen' or 'hand throwing'. The H disappeared over time, but 'Antwerpen' stuck. So much for the legend.
จาก //www.antwerpen.be
รอๆกันก็เลยหา Brusselse wafel มาหม่ำซะเลย (While we were waiting for P Henk
. What to do
ummmmm better eat smth
)
เย็นๆตาขายาวก็ขับรถมารับ เพื่อจะเดินทางต่ออีกประมาณ สามชม.สู่ปารีสค่ะ (รู้สึกผิดเล็กน้อย ปล่อยคุณสามีขับรถมาคนเดียวอิอิ นานๆทีเนาะ) ขึ้นรถมาน้องเต็นก็หลับเลย ศรีภรรยาอย่างเราก็เลยต้องเป็นเน +นกแก้ว (บ้านนี้ไม่นิยมTom Tom ค่ะ มันแพง แหะๆ)
ขับรถไปจอดไว้ที่ตึกจอดของคาร์ฟูร์ ฟรีค่ะจอดฟรี(บ้านนี้ชอบนักล่ะ ฮ่าๆ) ใกล้ๆเมโทร(รถไฟใต้ดิน) สถานี Porte de Montreuil แล้วก็แบกกระเป๋าขึ้นเมโทรอีกสามสถานีไปที่โรงแรม ที่พักเราอยู่ใกล้สถานี Nation ค่ะ โอยขอบอกยังกะเขาวงกต เป็น interchange station ที่ทำได้งงมากๆ มาเจอโรงแรมเล็กๆนี่ก็รับได้ล่ะค่ะ ประมาณสามดาวบ้านเราที่สะอาดๆ อาหารเช้าก็มีให้เลือกใช้ได้(ทานตุนตอนเช้า ฮ่าๆประหยัด) ราคาก็ประมาณ 50 ยูโรต่อคนต่อคืน แต่เธอซับซ้อนเหลือเกิน ในโรงแรมเองยังมีแผนที่ให้เลยค่ะคิดดู กว่าจะถึงห้อง ผ่านสองตึกขึ้นลิฟท์อีกสองตัว ป๊าดดด
1-September-07 ตื่นขึ้นมาเช้าวันแรกในปารีส ก็เจอฟ้ามัวๆซะแล้ว แต่กองทัพมดอย่างเราก็ไม่หวั่น รองท้องกันด้วยอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ อิชั้นก็ฟาดครัวซองต์ชอคโกแลตไปซะสาม ฮ่าๆเสร็จโจร อร่อยอะ อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าสู่เมโทรค่ะ ซื้อตั๋วกันแบบสามวันไม่จำกัดเที่ยว สองโซน 18 ยูโรนิดๆ เพราะกะว่ามุดขึ้นมุดลงเมโทรนี่แหละ สะดวกสุดละ
ที่แรกไปโผล่ใกล้ๆกับ Hotel les Invalides จริงๆไม่ใช่โรงแรมนะคะ แต่เป็น Hospital ที่พักรักษาตัวของทหารผ่านศึกในอดีต ตั้งแต่ปี 1671 นู้น ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ทางทหาร และมี Dome Chapel สีทองเห็นเด่นมาแต่ไกล ด้านในมีหลุมฝังศพของ นโปเลียน โบนาปาร์ต (De tombe van Napoleon Bonaparte) จักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส
In front of Hotel les Invalides.
Dome Chapel, where the tomb of Napoleon is.
แล้วก็เดินต่อไป ต่อไป เห็นยอดหอไอเฟลอยู่ลิบๆ มุ่งหน้า Champ de Mars ลานสนามหญ้ากว้างๆหน้าหอไอเฟลนั่นเอง
ด้านนี้มีงานกระจก Peace ในภาษาต่างๆ
น้องเต็นเธอทำท่าเลียนแบบคนดัชท์ (Imitate Dutchs Crazy ha ha)
Eiffel Toren
รูปคู่หน้าไอเฟลซะหน่อย เดี๋ยวหาว่าไม่ได้มาด้วยกัน
ทะลุมาที่ trocadero ข้ามสะพาน ต่อมาจาก Eiffel Tower
แล้วก็ลงเมโทรมุดไปโผล่ที่ Avenue des Champs Elysees ค่ะ ถนนสายหลักที่มี ประตูชัย Arc de Triomphe ตั้งอยู่ (เห็นมั๊ยคะ เงาๆอยู่ด้านหลังนู๊น) แต่เราก็ออกเดินในอีกทิศนึง จริงๆจะไปหาชอกโกแลตเค้กทานกัน เดินไปๆๆ จนเท้าบวมไปตามๆกัน (สองสาว เริ่มตรีนนนนเปิ่มค่า ฮ่าๆๆ แต่ปากยังบอก โอเคๆ เพราะอยากกินเค้ก) (With our sored feet we still kept walking.)
ผ่าน Place de la Concorde ก็แล้ว อีแท่ง Obelisk จาก Luxor อียิปต์ มันตามมาหลอกหลอนจากทริปอิตาลี อีช้านก็ยังไม่เห็นแม้แต่ขอบแก้วกาแฟ
หน้า Place Vendome la Colonne โดนไปอีกหนึ่งแท่ง กะจะไปทานที่ Ritz Hotel Paris น๊าน เค้าไม่ให้เข้า ฮ่ะๆๆๆๆ คุณน้องเต็นซบเสาละค่ะ (เค้กจ๋าเค้ก)
Finally we got our coffee break at the Westin.
อ้อ...(อุทาน) บอกแล้วครั้งนึงว่า วันก่อนนั้นพอดีเป็นวันครบรอบสามปีค่ะ (ที่มาเจอกัน) ก็เลยมีฉลองพิเศษกันนิดโหน่ย สามปี สามคน The more the merrier. (toch?) We went out for dinner at Le Train Bleu. (the Blue Train.) อาหารอร่อย บริการดีค่ะ อยู่ที่สถานีรถไฟ Gare de Lyon
กลับโรงแีรมสลบเหมือด ด้วยความเหนื่อยและอิ่ม
Create Date : 07 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 7 ตุลาคม 2550 4:02:30 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1004 Pageviews. |
|
|
|
โดย: mai&cris วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:5:06:57 น. |
|
|
|
โดย: kutepim วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:21:47:18 น. |
|
|
|
โดย: fairy_tells วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:23:48:30 น. |
|
|
|
โดย: Dublina วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:4:11:16 น. |
|
|
|
โดย: ostojska วันที่: 10 ตุลาคม 2550 เวลา:18:49:46 น. |
|
|
|
โดย: ostojska วันที่: 10 ตุลาคม 2550 เวลา:18:52:56 น. |
|
|
|
โดย: NACBIZ วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:34:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
สาว(เหลือ)น้อย พบรักหนุ่มขายาว ชีวิตที่เคยร่อนเร่เป็นนกขมิ้น ก็หยุดลงอยู่ที่เมืองเล็กๆแห่งแดนกังหันลม บลอกนี้สร้างขึ้นเพื่อเก็บบันทึกเรื่องราวบางส่วน ที่ผ่านมาในชีวิต ถ้าจะบังเอิญเป็นประโยชน์ให้ข้อมูล ข้อคิดกับใครบ้าง ก็คงจะดีค่ะ
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย
|
|
|
|
|
|
|