บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
กันยายน 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
9 กันยายน 2564
 
All Blogs
 
ตอน 10 (1) - จาก London Tower ถึง St. Paul's Cathedral


บล๊อคที่แล้ว เราแวะไปสถานีรถไฟ Paddington มาล่วงหน้าแล้ว เช้านี้ไปหอคอยลอนดอน
 (London Tower) กันเลยค่ะ

รายละเอียดของ London Tower อ่านได้ที่บล๊อคแม่เปี๊ยก ลิงค์นี้ค่ะ   
https://www.bloggang.
com/viewdiary.php?id=kapeak&month=11-2015&date=22&group=41&gblog=32
  
 (ตอนที่ 12 # London Tower & London bridge)


London Tower เป็นพระราชวังหลวงและป้อมปราการริมฝังแม่น้ำ Thames สร้างโดยพระเจ้า
William ที่ 1 (William the Conquor)  ปี 1078  มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน --- นอกจาก
เป็นพระราชวัง และป้อม ยังเป็นที่จำขังโดยเฉพาะนักโทษที่มียศศักดิ์สูง เป็นลานประหาร
และทรมาน คลังเก็บอาวุธ ท้องพระคลัง สวนสัตว์ โรงกษาปณ์หลวง หอเก็บเอกสาร หอดู 
ดาวและตั้งแต่  ปี 1303 เป็นที่เก็บรักษามงกุฏและเครื่องราชาภิเษกของสหราชอาณาจักร

London Tower เป็นรูปแบบที่มีปราสาทเป็นศูนย์กลาง  มีแนวป้องกัน หรือ ป้อม เรียงราย
ต่อเนื่อง  มีกำแพง 2 ชั้น -- หอคอยแรกที่สร้าง เรียกว่า White Tower (43) เป็นศิลป
แบบโรมาเนสก์ 
 (Romanesque architecure - คือมีความหนักแน่น ทึบคล้ายป้อมโบราณ ·
มีโครงสร้างวงโค้งอย่างโรมัน 
 มีหอสูง 2 หอ หรือมากกว่า)

หลังผ่านไปหลายร้อยปี และหลายรัชกาล  หอคอยแห่งนี้ขยายต่อไปเรื่อย ๆ โดย
กษัตริย์ในยุคกลาง  มีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันในแต่สมัย  -- นับรวมเป็นอาณาจักร
หอคอยที่มีโครงสร้างที่ยิ่งใหญ่  และมี ถึง 21 หอคอยด้วยกัน  (ตามผังภาพด้านล่าง) 



เลขสีแดงเป็นส่วนที่เปิดให้ชม


เมื่อเข้ามาภายในหอคอย จะมีภาพวาดที่ผนังกำแพงเป็นระยะ ๆ 



 Guy Fawkers ถูกสอบปากคำว่า "ทำไมถึงต้องการฆ่าพระราชินี"





Who is the beared lady? (ใครคือสตรีที่มีหนวด)  Earl แห่ง Nithsdale หนีจาก
พระราชวัง ในปี 1716


ปี 1715 ข้าพเจ้าได้มีส่วนร่วมในการล้มราชบัลลังก์ของ พระเจ้า George I  เพื่อให้ 
James Stuart ขึ้นแทน  เราล้มเหลว  ข้าพเจ้าถูกจับและถูกตัดสินประหารชีวิต  --- 
วันก่อนการประหาร ข้าพเจ้าได้หนีออกมาด้วยความช่วยเหลือจากภรรยา ข้าพเจ้า
ปลอมตัว โดยใส่ชุดแม่บ้านของเธอ  จึงหนีจากหอคอยได้โดยไม่เป็นที่สังเกตุ


บางหอคอย และอาคาร ภายใน London Tower




 Water Loo Block (40)



ภายใน  St. Thomas's Tower (32)


                                                                                                                                         

Lanthorn Tower (20)  และ Salt Tower (29)


King of the Beasts (เจ้าแห่งสัตว์)




สิงโตเป็นสัตว์ที่สำคัญที่สุดของราชวงศ์ ที่อยู่ที่ London Tower และอยู่มานานถึง 600 ปี
 บริเวณที่อยู่อาศัยของสัตว์ เรียกว่า Lion Tower (23)  กษัตริย์ และพระราชินี ต้องการให้มี
สิงโตที่หอคอย และจะภาคภูมิใจเป็นพิเศษ ถ้ามีลูกสิงโตใดเกิดที่หอคอยนี่

 สิงโตอังกฤษได้กลายมาเป็นสัญญลักษณ์ที่สำคัญ อันหมายถึงความภาคภูมิใจ และอำนาจ
 มีประติมากรรมรูปสิงโต ตั้งแต่จตุรัส Trafalgar จนถึงเสื้อยืดของนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ
และแม้กระทั่งรอบ ๆ หอคอยเอง





แม้อังกฤษจะไม่ใช่แผ่นดินเกิดของสิงโต  ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอังกฤษ จึงใช้สิงโตเป็น
สัญญลักษณ์ของประเทศ  ตราแผ่นดินอังกฤษเป็นรูปโล่ ที่มีรูปสิงโตสีทอง 3 ตัว บนพื้นสีแดง


Beefeaters @London Tower




Beefeaters  เป็นคำเรียกเดิมของ Yeoman Warders ผู้พิทักษ์ London Tower  --
แต่ในช่วงปี 1800  มีการจ่ายเงินเดือนส่วนหนึ่งด้วยเนื้อวัว  เมื่อมีเทศกาลสำคัญต่าง ๆ
กลุ่มผู้พิทักษ์นี้ จะรวมตัวกันมาดื่มกินกัน และอาหารหลักก็คือเนื้อวัวนั่นเอง

ปัจจุบัน Beefeaters มีหน้าที่เพิ่ม คือ เป็นมัคคุเทศก์ให้กับนักท่องเที่ยว  
ทั้งยังเป็นพรีเซนเตอร์ ร่วมถ่ายภาพกับนักท่องเที่ยว จนกลายเป็นหน้าที่หลักไปแล้ว




ผ่านทาง Salt Tower (29) ไป
Tower Bridge 



Tower Bridge สะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ในลอนดอน เป็นสะพานแบบผสมผสาน ระหว่าง
สะพานที่ยกเปิด-ปิดได้ (bascule)  กับสะพานแขวน  สร้างขึ้นระหว่างปี 1886 -1894 
มีความยาว 244 เมตร





เป็นสัญญลักษณ์ระดับโลกของกรุงลอนดอน มีชื่อเสียง โดดเด่น และงดงาม ด้วย
สถาปัตยกรรมแบบ Neo Gothic 
(ศิลปะแบบ Gothic มีลักษณะโปร่งบาง ดูไม่ดูหนาและมืดทึบ
เหมือนศิลปะแบบโรมาเนสก์ และดูอ่อนช้อยมากกว่า)


ชม Tower Bridge แล้ว ก็กลับเข้ามาที่หอคอยอีกครั้ง แล้วก็ไปต่อค่ะ เดินอย่างเดียวจริง ๆ 

The Shard @London




The Shard - LondonThe Shard  แปลว่าเศษแก้วหรือเศษกระจก 




เป็นอาคารทรงปิรามิด ไม่สม่ำเสมอ ตัวตึกใช้กระจกล้วนเป็นผนัง  ---The Shard เป็นตึก
ระฟ้าที่สูงทึ่สุดในยุโรป  สูง 309.6 เมตร มี 72 ชั้น -- ที่ความสูง 245 เมตร จะมีระเบียง
เพื่อชมทัศนียภาพของกรุงลอนดอน  เปิดอย่างเป็น ทางการเดือน กพ. 2013

จากTower Bridge ไปทางต้นน้ำ 800 เมตร เป็น
London Bridge





London Bridge เป็นสะพานคอนกรีตยาว 269 เมตร สร้างขึ้นมาทดแทนสะพานโค้งหินจาก
ยุค  ศต. ที่ 19 ที่สร้างทดแทนสะพานหินยุคกลางอายุกว่า 600 ปี  



London Bridge สะพานโค้งหิน ยุคกลาง ปี 1682  (ขอบคุณภาพจาก internet)




สะพานโค้งหินจากยุค ศต.ที่ 19

"New" London Bridge  สะพานลอนดอนที่สร้างใหม่ (1832-1968)  ภาพโดย :
Michael Jefferies - CCSearch จาก
 https://www.golakehavasu.com/london-bridge


ช่วงต้น ศต. ที่ 20 เริ่มมีการขนส่งด้วยพาหนะหนัก สะพานทรุดลงไปเรื่อย ๆ  แต่ก็ยังรอดมาได้
และไม่เคย
"ล้มลง" จริง ๆ อย่างที่เพลงกล่อมเด็กที่บอกเป็นนัย (ที่เรามักได้ยิน และร้องตอน
เป็นเด็ก ๆ ว่า London Bridge is falling down, falling down )   





London Bridge ที่ Lake Havasu  (ขอบคุณภาพจาก https://www.golakehavasu.com/london-bridge)

 อย่างไรก็ตาม ในที่สุดสะพานเดิมก็ถูกรื้อถอนในปี 1804 เพราะว่าสร้างใหม่คุ้มกว่าการ
ซ่อมแซม --  ปี 1968  Robert P. McCulloch, Sr 
ากสหรัฐอเมริกา ได้ประมูลซื้อ
London Bridge ในราคา U$2.4 ล้าน และนำไปสร้างใหม่ที่เมือง Lake Havasu รัฐอริโซนา 

จาก London Bridge เมย์พาไปจนถึง
Borough Market  ก็บ่ายแก่ ๆ แล้ว  ผู้คนก็ยัง
แน่นขนัด แม่เปี๊ยกถ่ายรูปมาแยะเลยค่ะ  ดูแล้วหิวกันแน่ ๆ









อ่านรายละเอียดได้จาก บล๊อคแม่เปี๊ยก (ตอนที่ 13 # ตลาดโบโรห์ สวรรค์ของนักชิม)  https://www.
bloggang.com/viewdiary.php?id=kapeak&month=12-2015&date=24&group=41&gblog=33
  

 
 ติดกับ Borough market เป็น Southwark Cathedral





Southwark Cathedral  เป็นโบสถ์สไตล์ Gothic ที่เก่าแก่ที่สุดในลอนดอน เป็นสถานที่
สักการะบูชามามากกว่า 1000 ปี  ปี 606 เป็นคอนแวนต์ ปี 1106 เป็นที่พำนักของนักบวช 
 ปี 1540  เป็นโบสถ์ประจำตำบล  และเป็นมหาวิหาร ตั้งแต่ปี 1905 เป็นต้นมา






นักเขียน นักประพันธ์ และกวีที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น Gower, Chaucer, Massinger,
Bishop Andrewes และ Dickens ล้วนอยู่ในบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับโบสถ์ทั้งนั้น

ท้องอิ่ม -- ชมมหาวิหารแล้ว ก็เดินต่อจนถึง
St. Paul's Cathedral 






St. Paul's Cathedral  (มหาวิหารเซนต์ปอล) เป็นมหาวิหารนิกายอังกลิคัน  ตั้งอยู่บน
Ludgate Hill  ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของนครลอนดอน  ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอาคารอนุรักษ์
 เกรด I  --- สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่ St. Paul อัครสาวก  สืบทอดมาจากโบสถ์หลังเดิม
ที่จุดเดียวกันนี้ ตั้งแต่ปี 604





St. Paul's Cathedral ปัจจุบัน เป็นผลงานชิ้นเอกของ Sir Christopher Wren  สถาปนิก
ที่มีชื่อเสียงที่สุดของสหราชอาณาจักร 
เปิดเมื่อปี 1708 --- ออกแบบและสร้างขึ้นใหม่ หลังเกิด
เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในกรุงลอนดอน ในปี 1668 






เป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบ English Baroque -style Cathedral  
(Baroque - เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมตะวันตกที่เริ่มต้นราว ศต. ที่ 17 ที่อิตาลี  บ่งถึงความหรูหรา
โอ่อ่า ความมีอำนาจของคริสตศาสนา  และการปกครอง  จะเน้นเรื่องแสง สี เงา และคุณค่าของประติมากรรม) 
 





มหาวิหารมี ความสูงจากพื้นถึงโดม  111 เมตร  ทำให้เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในลอนดอน
ตั้งแต่ปี 1710 - 1963 มีบันไดไปถึงโดม 560 ขั้น

St. Paul's Cathedral เคยเป็นฉากในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Mary Popins,  Harry Potter


บล๊อคนี้ต้องหยุดกระทันหันแค่นี้ค่ะ ช่วงต่อไปเสียหาย พยายามแก้ไขอยู่
บล๊อคหน้าเราจะได้ไปชมสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ที่ลอนดอน จบลงที่ หอนาฬิกา Big Ben ค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ 
 
 



Create Date : 09 กันยายน 2564
Last Update : 23 กันยายน 2564 15:09:36 น. 1 comments
Counter : 929 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtuk-tuk@korat


 
ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 18 กันยายน 2564 เวลา:12:25:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.