บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2564
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 ตุลาคม 2564
 
All Blogs
 

ตอน 11 - ชม Changing of the Guard แล้วไปเมือง Oxford


หลังจากลากสังขารกันบ้าเลือดตั้งแต่วันแรกที่ลอนดอน วันที่ 2 เมย์จัดเบาหน่อยค่ะ  เราออกกัน 8 โมงกว่า เพื่อไปดู  Changing of the Guard (การเปลี่ยนเวรยามของทหารองค์รักษ์) ที่หน้าพระราชวัง Buckingham  



 เดินทะลุ Green Park หรือ Hypark ไม่แน่ใจค่ะ












ผ่านสัญญาน
Horses Signs  - ไฟจราจรสำหรับม้า   และเดินไปตามเส้นทางส่วนหนึ่งของ  Jubilee Greenway เดิมเรียกว่า Silver Walkway เปิดเป็นทางเดินกาญจนาภิเษก เพื่อรำลึกถึงการเข้ารับตำแหน่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 .... มีความยาวรวมถึง 15 ไมล์ แบ่งออกเป็น 5 เส้นทางวงรอบ (loop) ที่สั้นกว่า   คือ วงรอบตะวันตก  วงรอบตะวันออก  วงรอบในเมือง  วงรอบ Camden  และวงรอบ Jubilee

แล้วรอที่หน้าพระราชวัง  ไปกันแต่เช้า ตั้งแต่ยังไม่มีคน จนคนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราเลยต้องปักหลัก  นั่งรอด้านหน้า ขืนเดินไปไหน เป็นได้เสียพื้นที่ดีๆ แน่ ๆ รออยู่ 2 ชม. เชียว เพราะพิธีการเปลี่ยนเวลาเป็น 11.30 น. ค่ะ























พิธีเปลี่ยนเวรยามของทหารองค์รักษ์
(Changing of the Guard) ที่พระราชวังบัคกิงแฮม  เป็นพิธีที่องครักษ์ของพระราชินีชุดเดิม มอบความรับผิดชอบในการปกป้องพระราชวังบัคกิงแฮม และพระราชวังเซนต์เจมส์ ให้กับองค์รักษ์ชุดใหม่ 







Changing of the Guard  ก็ต้องให้ The Guard เป็นพระเอกของเราค่ะ








โดยปกติแล้ว กองทหารองครักษ์ของพระราชินีจะมาจาก หนึ่งในห้าของกองทหารรักษาการณ์ ซึ่งขึ้นกับ Household devision (กองกำลังทหารราบทั้งเจ็ดที่รับใช้พระราชินี)




มีเอกลักษณ์ที่จำได้ทันที คือ หมวกหนังหมี และเสื้อคลุมสีแดง




ส่วนวงดนตรีมาจากวงดนตรีทหารกองร้อย หรือหน่วยกลอง บางครั้งก็มีเครื่องเป่าเข้าร่วมพิธีเป็นครั้งคราวด้วย 

เมื่อพิธีเปลี่ยนเวรยามจบลงแล้ว  ก็ไปต่อเรื่อย ๆ จนถึงสถานที่ห้ามพลาด เมื่อมาถึงกรุงลอนดอน คือ  Piccadilly Circus และ M & M World

ทั้งการเปลี่ยนเวรยามทหารองค์รักษ์ และ M & M World เที่ยวตามแม่เปี๊ยกได้ ตามลิงค์นี้ค่ะ  
(ตอนที่ 15 # ไปดูทหารเปลี่ยนเวรยามหน้า Buckingham Palace 
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kapeak&month=02-2016&date=22&group=41&gblog=35)





Piccadilly Circus เป็นทางแยก และพื้นที่สาธารณะในย่าน West End ของลอนดอน --- เป็นพื้นที่ที่คนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวจำนวนมากเลือกที่จะพบปะกัน เนื่องจากทำเลที่ตั้งพิเศษใจกลางกรุงลอนดอน ใกล้กับแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและแหล่งจับจ่ายที่สำคัญ

จัตุรัสในตำนานแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี 1819 และกลายเป็นทางแยกที่สำคัญยิ่งนับแต่นั้นมา





ชื่อ
Piccadilly Circus  ได้มาจากช่างเสื้อที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ ชื่อ Piccadil Roger Baker ที่ทำคอเสื้อแบบจีบ ที่เป็นที่นิยมสมัย ศต. ที่ 17 จนร่ำรวย
(คงประมาณว่ามีคนรวย มีชื่อเสียงอยู่ย่านนี้น่ะค่ะ)  --- คำว่า Circus มาจากภาษาลาติน แปลว่า วงกลม หมายถึงวงเวียนที่มีการจราจรหมุนเวียน 

อีกสถานที่ห้ามพลาด คือ M & M World ที่เป็นไปด้วยซ็อคโคแล็ต M & M 
(เที่ยวตามกันเลยในบล๊อค #15 ของแม่เปี๊ยกนะค่ะ)  ส่วนบล๊อกนี้เอารูปมาฝากค่ะ
















หลังจากนั้นเราก็เดินเที่ยวกันไปเรื่อย ๆ  งั้นเรารวบรัดกันไป
Oxford ก่อนก็แล้วกันค่ะ  ตอนจัดรายการเดินทาง เสียงเมย์เอ่ยมาว่า "อยากไป Oxford, Cambridge แล้วก็ Bath"

"วันนี้เมย์ขอแนะนำ Oxford ค่ะ ตามมาเลย"  แต่คนเขียนเรื่องราวของ Oxford เป็นแม่เปี๊ยก  ต้องตามลิงค์นี้ค่ะ
 (ตอนที่ 16 # ไปเมือง Oxford 
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kapeak&month=03-2016&date=15&group=41&gblog=36)





ขอบคุณภาพจาก internet


ชั่วโมงกว่า ๆ  จากลอนดอน ก็มาถึงเมือง Oxford   ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้
ของอังกฤษ  และ 56 ไมล์ (90 กม.) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงลอน
--- ตัวเมืองตั้งอยู่ตามแม่น้ำเทมส์ตอนบน  และทางเหนือเล็กน้อย ก่อนที่แม่น้ำเทมส์
(รู้จักกันในชื่อ Isis ใน Oxford)  และแม่น้ำ Cherwell จะมาบรรจบกัน

เมืองนี้เป็นเมืองเทศมณฑล (county)  เป็นเมืองที่เป็นทั้งเขตการปกครอง และเมือง
ประวัติศาสตร์ ของมณฑล Oxford (Oxfordshire)  ปี 2017  มีประชากร
152,450 คน  ส่วน Oxfordshire มีประชากรราว 635,600 คน 




Oxford ถูกครอบครองครั้งแรกในสมัยชาว Saxon  มีการกล่าวถึงเป็นลายลักษณ์อักษร
ครั้งแรก ในพงศาวดาร Anglo-Saxon ปี 912 




เมือง
Oxford รู้จักกันในนาม "City of Spires - เมืองแห่งยอดแหลม"  เนื่องจากมี
หอคอย และยอดแหลมสไตล์โกธิคที่สวยงาม  ส่วนใหญ่เป็นของ ม. Oxford 




 ด้วยมหาวิทยาลัย Oxford 
(University of Oxford)  ที่โด่งดังมีชื่อเสียง  และเป็น
มหาวิทยาลัยที่ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ตั้งอยู่ที่เมืองนี้ 

Oxford วันที่เรามาเงียบมาก เพราะอยู่ในช่วงสอบ เปิดให้เข้าชมบาง College เท่านั้น 




University of Oxford  เป็นหนึ่งในสถาบันระดับอุดมศึกษา  ชั้นนำของโลก  มีรูปแบบ
เป็นเอกเทศ และปกครองตนเอง 




มีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีการเรียนการสอน ที่ Oxford ตั้งแต่ปี 1069   ในปี 1167 พระเจ้า
Henry II  ห้ามนักศึกษาอังกฤษเข้าเรียนที่ มหาวิทยาลัย  Paris  จึงมีการจัดตั้ง
มหาวิทยาลัย Oxford ขึ้น อย่างเป็นทางการ ใช้รูปแบบเดียวกับมหาวิทยาลัยปารีส  




ให้เครดิตคนพาเที่ยวหน่อยค่ะ




เริ่มต้นด้วยคณะเทววิทยา (theology)  กฏหมาย (law)  การแพทย์ (medicines) 
และศิลปศาสตร์ (liberal arts)





















อาคารมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่สร้างขึ้นใน ศต. ที่ 15, 16 และ 17  วิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของ
ม. Oxford คือ University College (1249),  Ballilol (1263),  และ Merton (1264)





Ballilol College ด้านหน้าติด Broad Street ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมากที่สุด




  สร้างในปี 1263 โดย John I de Ballilol ภายใต้คำแนะนำของ Walter of Kirkham
(Bishop แห่ง Durham)    Ballilol college อ้างว่าเป็น college ที่เก่าที่สุด เพราะที่พัก
นักศึกษา สร้างในปี 1263  --- ส่วน Merton ปี 1274 และ U. College ปี 1280 

(ก็ไม่รู้ college ไหนเก่าแก่ที่สุดแล้ว ใช้ข้อมูล wikipedia เป็นฐานค่ะ)




Sheldonian theatre สร้างปี 1664-1669 เป็นสถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิค ออกแบบโดย
Christopher Wren  ได้ชื่อมาจาก Gilbert Sheldon  (Archbishop แห่ง
Canterbury) ผู้เป็นอธิการบดีในขณะนั้น และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินหลักของโครงการ 




Sheldonian theatre ใช้สำหรับพิธีต่าง ๆ ที่จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัย เช่น การแสดงดนตรี
การบรรยาย การสำเร็จการศึกษา




Hertford College สร้างปี 1280 ในชื่อ Hert Hall  ต่อมากลายเป็นส่วนหนึ่งของ
Magdalen Hall ที่ขยายออกมา  ปี 1874 Magdalen Hall จัดตั้งเป็นวิทยาลัย และใช้ขื่อ
 Hertford College --- ปี 1974 Hertford College อยู่ในกลุ่มแรกของวิทยาลัย
ที่รับนักศึกษาสตรีเข้ามา 

(รายละเอียด Bridge of Sighs ดูในบล๊อคที่ 16 ของแม่เปี๊ยกได้เลยค่ะ)







 

 
 







 

 
 



ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมี 39 colleges ซึ่งปกครองตนเอง และเป็นอิสระทางการเงิน  แต่
ก็เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยกลาง ลักษณะเดียวกับรูปแบบการปกครองระบบสหพันธรัฐ






นอกจาก Colleges ต่าง ๆ แล้ว  ยังมี  Permanent Private Halls (PPHs)  อีก 6 แห่ง
PPHs  เป็นสถาบันการศึกษาส่วนตัว ที่เกี่ยวข้อง ม. Oxford  แต่ก่อตั้งโดยคริสเตียนนิกาย
ต่าง ๆ  แต่ละแห่งควบคุมสมาชิกภาพ มีโครงสร้าง และกิจกรรมภายในของตนเอง  รวมทั้งมี
การดำเนินการให้สอดคล้อง และรักษาลักษณะทางศาสนาของแต่ละนิกายที่ก่อตั้ง PPHs - 

ทั้ง Colleges และ PPHs ทำงานร่วมกันในฐานะองค์ประชุมของ College เป็นตัวแทนร่วม
เพื่อหารือประเด็นที่เกี่ยวข้องร่วมกัน เช่น การติดต่อกับมหาวิทยาลัยกลาง
(University of Oxford)


 
 
หนึ่งในความงาม และความเก่าแก่ของ ม. Oxford



ขอบคุณภาพจาก internet

ถึงตรงนี้ เราก็พอนึกภาพ ม.  Oxford กันได้บ้างนะค่ะ  มหาวิทยาลัยใหญ่มากตามภาพล่าง  อีกอย่างที่เป็นที่สังเกตุ คือ นักศึกษาต่างชาติส่วนใหญ่ที่เห็น จะเป็นชาวอินเดียค่ะ






ชม ม. Oxford แล้ว ก็ชมเมือง Oxford ต่อ 
 





 
แล้วก็ได้เวลากลับ 




ถึงลอนดอนแล้ว ผ่านถนน Shepherd Bush ที่ร่มรื่นมาก ๆ 


บล๊อคหน้าไป University of Cambridge กันค่ะ
 
ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย และ
 
https://www.britannica.com/topic/University-of-Oxford
https://changing-guard.com/changing-the-guard-buckingham-palace.html

 




 

Create Date : 05 ตุลาคม 2564
0 comments
Last Update : 14 ตุลาคม 2564 15:01:07 น.
Counter : 1334 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.