บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
กันยายน 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
20 กันยายน 2564
 
All Blogs
 

ตอน 10 (2) - จาก Millennium Bridge ถึงหอนาฬิกา Big Ben

บล๊อคที่แล้ว เราเริ่มจากหอคอยลอนดอน Tower of London จบลงที่ St. Paul's Cathedral 
คราวนี้ก็เริ่มเดินเรียบแม่น้ำเทมส์ต่อค่ะ  ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ทั้งหลาย เริ่มจาก
Millennium Bridge จนถึง Hungerford & Jubilee Bridges ..พาไปเรื่อย ๆ จนถึง
หอนาฬิกา Big Ben 


Millennium Bridge เป็นสะพานที่สามารถมองเห็นจากมหาวิหาร St. Paul's 



Millennium Bridge หรือที่รู้จักอย่างเป็นทางการว่า London Millennium Footbridge  
เป็นสะพานแขวนเหล็กสำหรับคนเดิน ข้ามแม่น้ำเทมส์ เชื่อม Bankside กับเมืองลอนดอน
เริ่มสร้างเมื่อปี 1998


 
เปิดในปี 2000 โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชอาณาจักร



Millennium Bridge และ Southwark Bridge ที่เห็นเลยออกไป

สะพานนี้มีตอม่อรองรับ 3 ส่วนหลัก จากเหนือจรดใต้ มีความยาวโครงสร้าง 325 เมตร  ดาดฟ้าอลูมิเนียมกว้าง 4 เมตร  และมีสายเคเบิลแขวน 8 เส้น ถูกดึงด้วยแรง 2,000 ตัน กับตอม่อที่ตั้งอยู่ระหว่างกลาง และแต่ละฝั่งของสะพาน เพียงพอที่จะรับน้ำหนัก 5,000 คน ในแต่ละครั้ง


Blackfriars Railway Bridge และ ฺBlackfriars Bridge สะพานข้ามแม่น้ำเทมส์  2 สะพาน คือ สะพานรถไฟ และสะพานสำหรับยานพาหนะ และคนเดินเท้า



Blackfriars Railway Bridge  -- สะพานรถไฟเปิดใช้ครั้งแรก ปี 1864  สะพานที่ 2 สร้างถัดไปทางตะวันออกเล็กน้อย ออกแบบโดย John Wolfe-Barry  และ  Henry Marc Brunel  ทำด้วยซุ้มเหล็กดัด



จะเห็น Blackfriars Bridge
(สะพานยานพาหนะ และคนเดินเท้า) อยู่ด้านหลัง

เดิมชื่อ สะพ่านรถไฟ St. Paul's  เปลี่ยนเป็นชื่อสะพานรถไฟ Blackfriars ในปี 1937  

 
Blackfriars Bridge -- สำหรับยานพาหนะ และคนเดินเท้า  เดิมออกแบบโดย Robert Mylns  สถาปนิกชาวสกอต ในสไตล์อิตาเลี่ยน  สง่างามและคลาสสิค ด้วยส่วนโค้งกึ่งวงรี 9 โค้ง สร้างจากหินพอร์ตแลนด์  เป็นสะพานที่มีการเก็บค่าผ่านทาง  เปิดใช้ปี 1796  สะพานนี้เดิมชื่อ William Pitt Bridge  ตามชื่อนายกรัฐมนตรี  ต่อมาเปลี่ยนเป็น Blackfriars ตามสะพานรถไฟ 

สะพานเสียหายจากการจราจล ช่วงปี 1866-1840



Blackfriars Bridge ปัจจุบัน
(ขอบคุณภาพจาก internet)

สะพานปัจจุบันออกแบบโดย Joseph Cubitt  เป็นสะพานที่ประกอบด้วยซุ้มเหล็กดัด 5 ซุ้ม  แล้วเสร็จและเปิดใช้ปี 1869  โดยสมเด็จพระบรมราชินีนาถวิคตอเรีย

ปี 1910 และหลาย ๆ ครั้งต่อ ๆ มา มีการขยายสะพาน เพื่อรองรับยานพาหนะที่เพิ่มมากขึ้น  จนปัจจุบันสะพาน Blackfriars  เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ในลอนดอน ที่กว้างที่สุด คือ 31.5 เมตร 


Waterloo Bridge เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ในลอนดอนอีกแห่งหนึ่ง อยู่ระหว่าง  Blackfrairs Bridge กับ  Hungerford และ Golden Jubilee Bridges  
ชื่อ Waterloo นี้ เพื่อรำลึกถึงชัยชนะอย่างเด็ดขาดของกองกำลังกษัตริย์แห่งอังกฤษ กับพันธมิตร ในสงคราม Waterloo  วันที่ 18 มิถุนายน 1815





Waterloo Bridge ปัจจุบัน (สะพานที่ 2)  ออกแบบโดย Gile Gilbert Scott - คนเดียวกับที่ออกแบบโรงไฟฟ้า Battersea และ Bankside  รวมถึงตู้โทรศัพท์คลาสสิคสีแดง ที่เป็นเอกลักษณ์ของอังกฤษ



เริ่มออกแบบและก่อสร้างช่วงทศวรรษที่ 1930  -- การก่อสร้างชะงักเป็นระยะ ๆ  เพราะผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2  ท้ายสุดแล้ว เสร็จสมบูรณ์และเปิดใช้ ในเดือนธันวาคม 1945  สะพานนี้มักเรียกอีกชื่อว่า
"Lady Bridge"  เพราะสร้างในช่วงสงคราม จึงใช้แรงงานสตรีเป็นส่วนใหญ่



Waterloo Bridge เป็นสะพานคอนกรีตแห่งแรกที่ข้ามแม่น้ำเทมส์  แบ่งเป็น 5 ช่วง ๆ ละประมาณ 250 ฟุต  ดาดฟ้ามีคานรองรับ ตรึงด้วยเส้นโค้ง 2 เส้น  ซึ่งคงความสง่างามแบบสะพานแรก  สะพานกว้าง 24 เมตร ยาว 370 เมตร 

เรามาถึง Waterloo Bridge หอนาฬิการ Big Ben บอกเวลา 2 ทุ่ม แล้ว ยังสว่างไสวอยู่เลยค่ะ แต่คนไม่สว่างแล้ว

ถัดจาก Waterloo Bridge ไป ก็เป็น
สะพานรถไฟ  Hungerford  และ สะพาน Golden Jubilee



Hungerford Bridge เป็นสะพานรถไฟที่ทำด้วยเหล็ก  ขนาบข้างด้วยสายเคเบิลขนาดใหญ่  ข้ามแม่น้ำเทมส์ จากสถานี Charing Cross ไปทางใต้ใกล้กับ สถานี Waterloo  บางครั้งเรียกว่า  Charing Cross Bridge

Golden Jubilee Bridges  เป็นสะพานเดินทาง คู่ขนานไปกับสะพานรถไฟ Hungerford  ทั้ง 2 ด้าน 



สะพานรถไฟ Hungerford แรก ออกแบบโดย Isambard Kingdom Brunel
(มีรายละเอียดในบล๊อค 9 ค่ะ)  เปืดใช้ปี 1845  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งสะพานรถไฟ และสะพานเดินเท้า มีการปรับปรุง และขยายหลายครั้ง 



สะพานรถไฟ Hungerford ได้รับรางวัลหลายครั้ง และหลายด้านด้วยกัน  เช่น ปี 2003 รับรางวัลจาก Royal Fine Art Commission Building  ประเภทผู้เชี่ยวชาญ  -- ปี 2014 รางวัลจาก Institutional of Structure Engineers ประเภทความสำเร็จด้านโครงสร้าง  และ จาก Civic Trust ด้านการออกแบบระบบแสงสว่าง

จาก Hungerford Bridge แล้ว จะเห็น London Eye  และ อาคารรัฐสภา (Houses of Parliament) ชัดเจนขึ้น



London Eye  หรือ Millennium Wheel




London Eye เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในยุโรป  สูง 135 เมตร  กว้าง 120 เมตร ตั้งอยู่ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำเทมส์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากแห่งหนึ่ง 




London Eye มีแคปซูลผู้โดยสารรูปไข่ แบบปิดสนิท และปรับอากาศ   ทั้งหมด 32 แคปซูล มีหมายเลข 1 - 33 (ไม่มีหมายเลข 13)



แสงยามค่ำ ทำให้ London Eye และ Houses of Parliament สวยมากค่ะ


Houses of Parliament (อาคารรัฐสภา) ของสหราชอาณาจักร แห่ง Great Britain และไอร์แลนด์เหนือ  ประกอบด้วยที่นั่งของ 2 สภา  รวมถึง House of Lords และ House of Commons  ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ ในเขต Westminster กรุงลอนดอน



Houses of Parliament ยังเรียกอีกชื่อว่า "Palace of Westminster - พระราชวังเวสต์มินสเตอร์"

ประวัติศาสตร์ของพระราชวังแห่งนี้ยาวนานกว่าพันปี  นับจากสมัย Anglo-Saxon  ถึงปัจจุบัน  พระราชวังสร้างในปี 1016 (1,005 ปีมาแล้ว)  -- ปี 1512 ได้รับผลกระทบจากเพลิงไหม้ จึงเลิกใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์



ต่อมาในปี 1834 ถูกทำลายลงในเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่กรุงลอนดอนอีก  ซึ่งเผาทำลายพระราชวังเกือบทั้งหมด ยกเว้น Westminster Hall อันเก่าแก่, Jewel Tower, อาราม และห้องใต้ดินของ St. Stephen's Chapel

ปี 1837 Sir Charles Barry  ด้วยความช่วยเหลือของ Augustin Pugin  ร่วมกันออกแบบอาคารพระราชวังปัจจุบัน  เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ Gothic แนวตั้ง
(Perpendicular Gothic Revival - ซึ่งได้รับความนิยมช่วง ศต. ที่ 15  และกลับมาอีกครั้งช่วงฟื้นฟู Gothic ใน ศต. ที่ 19)  --- การก่อสร้างเริ่มในปี 1840 แล้วเสร็จในปี 1860




 พระราชวัง Wesminster แห่งใหม่ใช้หินปูน Aston สีทราย
(หินปูนที่ก่อตัวในยุค Jurassic อายุราว 172-168 ล้านปี)  แต่ไม่นานหินปูนก็เริ่มสลายตัว จากคุณภาพของหินบางส่วน และมลภาวะ  ประจวบกับเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  อาคารหลายส่วนถูกทำลายลง จึงต้องมีการบูรณะอีก และเปิดอีกครั้งในปี 1950 ดังที่เห็นในปัจจุบัน  -- โดยมี 





ห้อง House of Lords ที่ประดับตกแต่งแล้ว ยาว 29.5 เมตร 
(ขอบคุณภาพจาก internet)




 ห้อง House of Commons ยาว 21 เมตร   
(ขอบคุณภาพจาก internet)




มี Victoria Tower หอคอยด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ สูง 102 เมตร  และ Elizabeth Tower (เดิมคือ St. Stephen's Tower)  สูงราว 97.5 เมตร เป็นที่ตั้งของหอนาฬิกา Big Ben ที่มีชื่อเสียง



แล้วเราก็ลากสังขารมาถึงหอนาฬิกา Big Ben  เอาเมื่อเวลา 3 ทุ่ม 


Big Ben มีชื่อเล่นว่า Great Bell
ตั้งอยู่ด้านเหนือสุดของพระราชวัง Westminster  ออกแบบโดย Augustin Pugin รูปแบบสไตล์ neo-Gothic  แล้วเสร็จในปี 1859






  ขณะที่เปิดนั้นเป็นนาฬิกา 4 ด้าน ที่ตีระฆังบอกเวลาแม่นยำที่สุดในโลก  ตัวหอนาฬิกาสูง 96 เมตร  จากพื้นถึงหอระฆัง มีบันได 334 ขั้น  ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส แต่ละด้านกว้าง 12 เมตร  หน้าปัดนาฬิกามีเส้นผ่าศูนย์กลาง 6.9 เมตร 





แนวโล่ห์ 
 (ขอบคุณภาพจาก internet)

เหนือหอระฆังทั้ง 4 ด้าน และเหนือ Ayrton Light (คล้ายตะเกียง ซึ่งจะให้แสงสว่างเมื่อใดก็ตามที่ Houses of Parliament มืดลง สร้างปี 1885)  เป็นแนวโล่ห์ที่ได้รับการบูรณะใหม่  ตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสหราชอาณาจักร และประวัติศาสตร์  มีรูปกุหลาบ - Rose แทนอังกฤษ, Thristle แทนสกอตแลนด์,  Shamrock แทนไอร์แลนด์เหนือ และ Leek แทน Wales

 

วันที่ 31 พฤษภาคม 2006 มีการเฉลิมฉลองหอคอยครบ 150 ปี  ปี 2012 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Elizabeth Tower เพื่อเฉลิมฉลอง Diamond Jubilee ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2  แห่งสหราชอาณาจักร




 3 ทุ่มกว่าแล้ว เมย์กำลังหาทางพา 2 สว. กลับที่พัก ส่วนแม่เปี๊ยกก็ลืมตาไม่ขึ้นแล้วค่ะ




รูปสุดท้ายก่อนกลับที่ริมแม่น้ำเทมส์

จาก St. Paul's Cathedral เมย์พาเดินไปตามแม่น้ำเทมส์ ผ่าน Millennium Bridge แล้วก็ bridge และ bridge ทั้งหลาย จนมาจบที่หอนาฬิกา Big Ben  วันนี้ทั้งวันคงเดิน 10 กว่า กม. 
 เฉพาะที่เดินเท้า....ไม่นับที่เดินหลง เดินอ้อมค่ะ เหมือนกับที่แม่เปี๊ยกเล่าในบล๊อคของเธอว่า  -- สภาพของเราเหมือนซอมบี้เลย เมื่อกลับถึงที่พัก

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ
 
 
 




 

Create Date : 20 กันยายน 2564
0 comments
Last Update : 28 กันยายน 2564 15:04:00 น.
Counter : 1411 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.