"ชมรมจริยธรรม โรงพยาบาลพนมสารคาม" ศีล และ ธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
27 เมษายน 2551
 
All Blogs
 

"ดวงตาเห็นธรรม"



พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต/ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต)
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร
กรุงเทพมหานคร และ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ...

ธรรมะวันอาทิตย์ วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2551 นี้
พระธรรมโกศาจารย์ท่านทรงเมตตาเทศนาเรื่อง



“ดวงตาเห็นธรรม”

หมายถึง ได้ฟังธรรมแล้วเกิดความเข้าใจ และ ต้องเข้าใจไปตลอดชีวิตไม่หลงลืม หรือ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเข้าใจไปถึงกระดูกดำ เป็นนิสัย ไม่ใช่รู้แล้วลืม ต้องทบทวนถึงจะจำได้
เข้าใจอะไร หรือ เห็นอะไร ??? ตอบว่า เข้าใจ
“ธรรมะแก่นแท้ของพุทธศาสนา”
ที่พระพุทธเจ้าค้นพบ เพื่อดับทุกข์ เข้าใจธรรมชาติตามที่เป็นจริง(ปรมัตถสัจจะ) ไม่ใช่เข้าใจตามสมมติกันขึ้น(สมมติสัจจะ) การเข้าใจธรรมชาตินี้ อย่างตลอดเวลา หรือ ทุกลมหายใจ นี้ จึงเรียกได้ว่าได้
“ดวงตาเห็นธรรม”
พระพุทธเจ้าได้ “ดวงตาเห็นธรรม” ด้วยการตั้งมั่นแสวงหาด้วยพระองค์เอง หรือ “ตรัสรู้” ได้ทราบความจริงของธรรมชาติ ว่า สรรพสิ่งทุกอย่างเป็น “ไตรลักษณ์” คือ มีลักษณะ ๓ อย่าง เหมือนกัน คือ
๑.เป็นทุกข์(ทุกขัง)
๒.ไม่เที่ยง(อนิจจัง) และ
๓.ไม่มีตัวตน(อนัตตา)
เมื่อทราบความจริงของสรรพสิ่งแล้วทำให้คลายความยึดมั่น ถือมั่นว่าเป็นเรา เป็นเขา เป็นของเรา เป็นของเขา หมด “กิเลส” :โลภ โกรธ และ หลง จึงหลุดพ้นจากทุกข์ได้ แล้วทรงมีพระเมตตา อยากให้สัตว์โลกได้รู้ ได้ดวงตาเห็นธรรมด้วย ท่านจึงได้พิจารณาหาผู้ที่จะสามารถเข้าใจคำสอนนี้ได้ทรงเห็นว่า “ปัญจวัคคีย์”จะสามารถรู้ได้ จึงเสด็จไปโปรด



เทศนาแรกที่เทศน์สอน คือ
“ธรรมจักรกัปวัฒนสูตร”
ปัญจวัคคีย์ ชื่อโกณฑัญญะ ฟังธรรมนี้แล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระโสดาบัน พระพุทธเจ้าทรงทราบและกล่าวว่า
"อัญญาสิ ๆ ๆโกญฑัญญะ"
เป็นคำอุทานแปลว่า
“โกญฑัญญะ รู้แล้ว ได้เห็นสรรพสิ่งเป็นไตรลักษณ์ ได้แก่ ทุกขัง เป็นทุกข์ เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง และ เป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน ไม่ควรยึดมั่นเป็นเราเป็นเขา” ได้ดวงตาเห็นธรรม จึงมีคำนำหน้าพระโกญฑัญญะ ว่า
“อัญญาสิโกญฑัญญะ”

ท่านได้เล่านิทานให้ฟังว่า มีชายเลี้ยงม้าครอบครัวหนึ่ง วันหนึ่งม้าตัวโปรดเกิดหายเข้าป่าไป ชาวบ้านก็มาแสดงความเสียใจ ชายเลี้ยงม้า ก็บอกว่า ตนไม่ได้เสียใจที่เสียม้าไป เพราะว่า ทุกอย่างที่เกิดเป็นไปตามธรรมชาติ ต่อมาปรากฏว่า ม้าที่หายไป ได้กลับมาจากป่า พา ม้าป่ามาเพิ่มอีก 1 ตัว ชาวบ้านมาแสดงความยินดี คนเลี้ยงม้า ก็ไม่ได้แสดงความดีใจ ยังคงบอกว่า มันเป็นธรรมชาติเท่านั้น ต่อมาลูกชายเจ้าของม้า เห็นม้าป่า ยังพยศ จึงต้องการปราบพยศ โดยการขึ้นขี่เพื่อปราบพยศ ม้าป่าก็ต่อต้าน ลูกชายเจ้าของม้า ต้านแรงไม่ได้ จึงตกจากหลังม้าป่า แขนขาหัก ชาวบ้านก็มาแสดงความเสียใจ เจ้าของม้าก็พูดเช่นเดิมอีก ต่อมามีข้าศึกเข้ามารุกราน ต้องเกณฑ์คนหนุ่มไปต่อสู้กับข้าศึก หนุ่ม ๆ ที่ไปต่อสู้ข้าศึกล้มตายกันจำนวนมาก
ครั้งนี้ชาวบ้าน จึงไม่ได้มาแสดงความดีใจกลับเจ้าของม้าอีก เพราะ เริ่มเห็นสรรพสิ่งเป็น"ไตรลักษณ์” เป็นไปตามธรรมชาติเท่านั้นไม่สามารถบังคับได้ เป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัยทั้งนั้น เริ่มเข้าใจในธรรม

หวังว่าพวกญาติโยมได้ฟังธรรมะนี้แล้ว จงได้ดวงตาเห็นธรรมเพื่อพ้นทุกข์ได้กันทุก ๆ คนเทอญ
………………………………………………………………………………………

จบคำบรรยายแล้วมีคำถามจากชาวบ้านว่า จำเป็นต้องทำบุญกับพระสงฆ์หรือไม่



พระมหาวุฒิชัย วชิระเมธี (ว.วชิระเมธี)
วัดเบญจมบพิตรดุลิตวนาราม มหาวรวิหาร กรุงเทพ
ได้เมตตาตอบดังนี้
พระสงฆ์ที่ปฏิบัติตัวดี ตามวินัยสงฆ์ เป็นเนื้อนาบุญที่ให้ประชาชนได้หว่านบุญด้วยการใส่บาตรให้อาหาร และ ช่วยงานท่านให้ไม่ต้องมากังวล เรื่อง ปัจจัยสี่ เพื่อท่านจะได้ทำหน้าที่ศึกษาธรรม เป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา และ ทำตนเป็นแบบอย่างที่ดี ตามวินัยสงฆ์ และเผยแพร่ธรรมะ ให้ประชาชนได้เข้าถึงคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา การทำบุญกับพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี จึงได้อานิสงส์มาก



แล้วจำเป็นต้องทำบุญกับพระสงฆ์เท่านั้นหรือ
ท่านตอบว่าไม่ใช่ต้องทำบุญกับพระสงฆ์เท่านั้น การทำบุญมีใน บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ หรือ ที่ตั้งแห่งการทำบุญ มีดังนี้
๑.ทานมัย คือ บุญสำเร็จด้วยการให้ทาน การให้ทาน มีหลายชนิด เช่น การให้ทรัพย์สิ่งของ เงิน การให้ที่ไม่ใช่ทรัพย์สิ่งของ เช่น การให้อภัยกับคนที่ล่วงเกินเรา เป็นต้น
๒.ศีลมัย คือ บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล มีเจตนาที่จะงดเว้นการประพฤติอันมิชอบ
๓.ภาวนามัย คือ บุญสำเร็จด้วยการเจริญสมาธิภาวนาอบรมจิต มี ๒ ภาวนา คือ
๓.๑สมถะภาวนา เจริญด้วยสมาธิ กำหนดใจตั้งหมั่นกดกิเลสไว้ไม่ให้เกิดขึ้นมา แต่จะไม่ถาวร
๓.๒วิปัสสนาภาวนา เจริญด้วยปัญญา ใช้ปัญญา รู้ตามความเป็นจริง ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของกิเลศ จะถาวรกว่าสมถะภาวนา ถ้ามีปัญญารู้ตามความจริงตลอดเวลา สรรพสิ่งทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์ จะทำให้พ้นจากกิเลส ได้
๔.อปจายนมัย คือ บุญสำเร็จด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนมีสัมมาคารวะแก่ผู้ใหญ่
๕.เวยยาวัจจมัย คือ บุญสำเร็จด้วยการช่วยขวนขวายทำงานที่ถูกที่ชอบ การรับใช้ช่วยบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ การสละแรงกายเข้าช่วย เช่น การกวาดลานวัด ช่วยลงแรงจูงคนแก่ข้ามถนน เป็นต้น
๖.ปัตติทานมัย คือ บุญสำเร็จด้วยการทำให้ผู้อื่นได้บุญ หรือ ทำบุญมาแล้วนำมาบอกกล่าวให้ผู้ที่เราอยากให้ได้รับบุญด้วยได้ทราบและร่วมอนุโมทนา
๗.ปัตตานุโมทนามัย คือ บุญสำเร็จด้วยการยินดีที่ผู้อื่นได้บุญหรืออนุโมทนาส่วนบุญ มีความยินดีในการทำความความดีของผู้อื่น(การอนุโมทนา)
๘.ธัมมัสสวนมัย คือ บุญสำเร็จด้วยการฟัง-อ่านหนังสือธรรมะ เป็นการศึกษาสัจธรรมอันประเสริฐ
๙.ธัมมเทสนามัย คือ บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรมการช่วยเทศนาสั่งสอนธรรม ช่วยประกาศธรรมแก่ผู้อื่น รวมทั้งความรู้ที่เป็นประโยชน์ ไม่มีโทษอื่นๆ ด้วย ถือเป็นธรรมทาน
๑๐.ทิฏฐุชุกัมม์ คือ บุญสำเร็จด้วยการทำความเห็นให้ถูกตรง มีสัมมาทิฐิ เช่น รู้ดี รู้ชั่ว รู้เหตุ รู้ผล เชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง

ที่มาแห่งบุญมี ๑๐ วิธี เมื่อทราบบุญกริยาวัตถุข้างต้นแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องถามว่า ต้องทำบุญกับพระสงฆ์หรือไม่ มีวิธีทำบุญให้เลือก ดังกล่าวแล้วอาตมาขอถามญาติโยมกลับไปบ้างว่า

"แล้ววันนี้ท่านทำบุญกันบ้าง หรือ ยัง ซึ่งสำคัญกว่าการทำบุญ กับ ใครเสียอีก"

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX




 

Create Date : 27 เมษายน 2551
1 comments
Last Update : 27 เมษายน 2551 21:08:52 น.
Counter : 3809 Pageviews.

 

อนุโมทนาค่ะ

 

โดย: ลูกแม่ดอกบัว 27 เมษายน 2551 21:50:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


panomsarakham
Location :
ฉะเชิงเทรา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




นายแพทย์สำเริง ไตรติลานันท์
นายแพทย์เชี่ยวชาญ
หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมชุมชน
แพทย์ครอบครัว ร.พ.พนมสารคาม และ
ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพ ต.เขาหินซ้อน
ประธาน"ชมรมจริยธรรม ร.พ.พนมสารคาม"
..................................................

เธอจงระวังความคิดของเธอเพราะความคิดของเธอจะกลายเป็นความประพฤติของเธอ จงระวังความประพฤติของเธอเพราะความประพฤติของเธอจะกลายเป็นความเคยชินของเธอ จงระวังความเคยชินของเธอเพราะความเคยชินของเธอจะกลายเป็นอุปนิสัยของเธอเธอ จงระวังอุปนิสัยของเธอเพราะอุปนิสัยของเธอจะกำหนดชะตาชีวิตของเธอชั่วชีวิต....หลวงพ่อชา
Friends' blogs
[Add panomsarakham's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.