บุญทำให้มีผลออกไปอย่างไร

บุญทำให้มีผลออกไปอย่างไร

ธรรมะวันอาทิตย์ ที่ 6 เมษายน 2551



พระพรหมคุณาภรณ์
เจ้าอาวาส วัดญาณเวศกวัน อ.สามพราน จ.นครปฐม
รางวัล "สังข์เงิน" สาขาเผยแพร่พระพุทธศาสนา ปีพ.ศ.2533 รางวัลการศึกษาเพื่อสันติภาพปีพ.ศ.2537 จากยูเนสโก

บุญทำให้มีผลออกไป ถวายอาหารพระภิกษุ ทำให้ท่านมีกำลังประกอบศาสนกิจ สืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไป เป็นประโยชน์ต่อสังคม
เลี้ยงสุนัข ทำให้สุนัขหายจากความอดยากทุกข์ทรมาน ผู้เลี้ยงได้ความสุข

บุญที่เกิด ระวังอย่าไปยึดมั่น เพราะ บุญกับบาป อยู่ใกล้ชิดกัน
ถ้าถวายอาหารพระภิกษุ แล้วไปยึดมั่นว่าพระภิกษุ ที่รับบาตร จะต้องทำตัวสมกับสมณเพศ ถ้าไปพบท่าน ไม่เป็นไปดังใจยึดมั่น ก็จะทุกข์
เลี้ยงสุนัขแล้วยึดมั่นว่าสุนัขเป็นของเรา เมื่อเจ็บป่วย ก็ไปยึดมั่น ทุกข์เกินกว่าเหตุ ไม่ปล่อยวาง

ทำบุญต้องคู่กับปัญญา ทำบุญ ด้วยปัญญา จะพัฒนาบุญให้สูงขึ้น

ถ้าเชื่อชาติหน้ามีจริงก็จะได้ผลสุคติเป็นที่ไป
แต่ถึงแม้ไม่มีแต่การกระทำบุญ ขณะทำจิตใจเราก็เป็นสุข ได้บุญในปัจจุบันที่กระทำ แล้ว

……………………………………………………



พระเทพวิสุทธิกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร
และ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธ ศาสนาแห่งประเทศไทย

จบพระธรรมเทศนา เรื่อง “บุญทำให้มีผลออกไป” แล้ว
พระเทพวิสุทธิกวี ได้เมตตาตอบปัญหาทางบ้าน

เรื่อง ทำไมคนไทยที่ มากกว่า 90% เป็นชาวพุทธ ยังนับถือ(ศรัทธา)เครื่องรางของขลัง

ท่านเทศน์ให้เห็นว่า ศรัทธา ต้องมีปัญญา กำกับด้วย ถ้าไม่มีปัญญา จะเรียกว่า งมงาย

ดังนั้น ถ้าใช้ปัญญา ทบทวนดูว่าสิ่งที่ศรัทธา นั้นทำให้เกิดประโยชน์จริง หรือ ไม่
พวกเราชาวพุทธ ต้องศรัทธา หรือ ถึงพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่ง ด้วยปัญญา ว่า

พระพุทธ
เป็นตัวแทนของพระศาสดาผู้ตรัสรู้ ประกาศพระพุทธศาสนา ด้วยการระลึกถึงพระคุณ 3 ของท่าน คือ
1. พระวิสุทธิคุณ เป็นผู้บริสุทธิ ปราศจากกิเลศ
2. พระเมตตาคุณ ทรงตรัสรู้ พ้นทุกข์แล้ว แต่ยังคงมีจิตอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ให้พ้นทุกข์ตาม ด้วยการเผยแพร่ธรรมะที่ท่านตรัสรู้ และ
3. พระปัญญาคุณ มีความสามารถ จนใจเกิดโยนิโสมนสิการ รู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ตามที่เป็นจริง ไม่ยึดมั่น ถือมั่นไปตามกิเลศ ของตน เห็นไตรลักษณ์ หลุดพ้นจากสิ่งสมมติ

พระธรรม
เป็นตัวแทนคำสอนของพระพุทธเจ้า มีหัวใจพระธรรม คือ



ทำดี ละเว้นชั่ว ทำใจให้ผ่องใส


หลวงพ่อเทียน จิตตะสุโภ

พระสงฆ์
เป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา

หลวงพ่อเทียน จิตตะสุโภ พระอริยสงฆ์ เมื่อ ปีพ.ศ.๒๕๐๐ เมื่ออายุได้ ๔๕ ปีเศษ ท่านได้ออกจากบ้านโดยตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่กลับจนกว่าจะพบธรรมะที่แท้จริง
ท่านได้ปฏิบัติธรรมที่วัดรังสีมุกดาราม ตำบลพันพร้าว อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย (ปัจจุบันคือ อำเภอศรีเชียงใหม่)
โดยทำกรรมฐานวิธีง่ายๆ คือ ทำการเคลื่อนไหว แต่ท่านไม่ได้ภาวนาคำว่า “ติง-นิ่ง” (ติง แปลว่า ไหว) อย่างที่คนอื่นทำกัน
ท่านเพียงให้รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของร่างกายและจิตใจเท่านั้น ในชั่วเวลาเพียง ๒-๓ วัน ท่านก็สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ได้อย่างเด็ดขาดโดยปราศจากพิธีรีตองหรือครูบาอาจารย์ ในเช้ามืดของวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ ปี พ.ศ. ๒๕๐๐
หลวงพ่อได้ละสังขารอย่างสงบ ณ ศาลามุงแฝกบนเกาะพุทธธรรม สำนักปฏิบัติธรรมทับมิ่งขวัญ ตำบลกุดป่อง อำเภอเมือง จังหวัดเลย เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๑ เวลา ๑๘.๑๕ น. รวมอายุได้ ๗๗ ปี และได้ใช้เวลาอบรมสั่งสอนธรรมะแก่คนทั้งหลายเป็นเวลา ๓๑ ปี

ขอพวกเราชาวพุทธจงนับถือ และ ศรัทธา ในพระรัตนตรัย สมกับการเป็นชาวพุทธ แทนการนับถือเครื่องลางของขลัง นอกคำสอนของพระพุทธเจ้า

พระพุทธองค์ทรงสอนให้ นับถือ ตนเอง ให้ตนเอง เป็นที่พึ่งแห่งตน

Create Date : 08 เมษายน 2551		0 comments
Last Update : 8 เมษายน 2551 22:50:52 น.
Counter : 555 Pageviews.
Share Tweet