|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
คำสารภาพของคนบาป(ความในใจ)
""" หมื่นพันคำถาม ที่รุมเร้าหัวใจ น้องเกือบทนไม่ไหว ย้านแต่อ้ายคิดมาก เมื่อเขาคนนั้นมาทำให้ลำบาก ในฐานะคนรักไม่อยากให้อ้ายกังวล ที่ต้องอดทนคือเธอเป็นคนของใจ เก็บอาการเอาไว้อย่าให้นำตาร่วงหล่น ถึงแม้ข้างในหัวใจของน้องสับสน ย่านเขามาเล่นกล หลอนใจดึงอ้ายไปครอง"""
ฟังเพลงนี้แล้วเศร้าจัง ทำไมปัญหามันมีเข้ามาไม่รู้จบ เหนื่อยใจจัง อยากหยุดพักเพื่อให้ทุกอย่าดีขึ้นกว่านี้ วันนี้มาบ่นมาเล่าเรื่อง มาสารภาพบาปในใจของตัวเอง หลายๆปัญหาที่ผ่านเข้ามาให้เราแก้ไข ถูกบ้างผิดบ้างก็พยายามกันไป นี่คือข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งที่นางหล้าและสามี ตัดสินใจแต่งงานเร็วเกินไป เราสองคนไม่มีเวลาแม้แต่จะเรียนรู้กัน ถ้าหากเลือกได้ถึงตอนนี้นางหล้าก็ยังอยากจะพูดอยู่คำเดิมว่าฉันยังอยากครองตัวเป็นโสด  ตั้งแต่วันแรกที่เจอสามีที่สนามบิน(วันที่ไปรับ) ตัวนางหล้าเองก็ไม่ได้ประทับใจอะไรเลย ในตอนนั้น ความรู้สึกถูกชะตาก็ยังไม่มีเกิดขึ้น แต่ในใจรู้สึกเฉยๆมากกว่า (อาจจะเป็นเพราะว่ามันเจ็บซำมาจนชินแล้ว) แต่ในทางตรงกันข้าม สามีของนางหล้ากลับหลงรักสาวไทยคนนี้ ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบเจอ (สามีบอกเองว่าเขารักเรามากตั้งแต่เห็นที่สนามบิน) และคนนี้แหละที่เขาจะแต่งงานด้วย จะเอามาเป็นภรรยาให้ได้ เวลาแปดวันในครั้งแรกที่แกอยู่เมืองไทย มีแต่คำพูดของญาติพี่น้องที่บอกให้นางหล้ารับผู้ชายคนนี้เป็นแฟน รวมทั้งครอบครัวของนางหล้าก็เห็นดีด้วย พ่อบอกว่าเขาเดินทางมาตั้งไกล ข้ามนำข้ามทะเลมาหาเพราะว่ารักแก ทำไมถึงจะปฎิเสธเขาเสียล่ะ? ด้วยใจที่ขี้สงสารและอีกอย่างตอนนั้นเรายังไม่มีใครเข้ามาในชีวิต ก็เลยคิดว่าน่าจะลองคบหาดูก่อน เพราะเราก็อยู่บ้านคนเดียว บางครั้งก็กลัวๆกล้าๆ ถ้ามีใครสักคนมาดูแลห่วงใยก็น่าจะดี(คิดแค่นี้จริงๆ) ครอบครัวเราก็จะไม่ได้เป็นห่วงมากถ้าเรามีแฟน
  พอมาถึงวันที่สามีต้องเดินทางกลับบ้าน นางหล้าก็อาสาขับรถไปส่งถึง ทางเข้าสนามบินตรงแท๊กซี่จอดส่งผูโดยสาร (ไม่ยอมลงจากรถ ส่งเสร็จก็โบกมือบ๊าย บาย)หลังจากนั้นก็ขับรถออกไปเพื่อเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ไม่มีแม้แต่จะเดินเข้าไปส่งแก ปล่อยให้แกเดินข้ามถนนไปเอง พอขับไปได้สักพักถึงทางด่วนบางนาก่อนเข้าฉะเชิงเทรา เสียงโทรศัพย์ก็ดังขึ้น นางหล้าจัดการจอดรถเลียบข้างถนน เพื่อรับโทรศัพย์ ต้นสายก็คือสามีนี่เอง แกโทรมาทั้งร้องให้น้อยใจที่เราไม่แคร์แม้กระทั่งจอดรถไว้เดินไปส่งแกบ้างก็ไม่ยอมทำ (รู้ตัวว่าเราทำผิดจริงๆ) ทำไมถึงใจร้ายจัง แกบอกนางหล้าว่าเธอรู้ใช่ไหมว่าฉันรักเธอมากขนาดไหน แม้ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ฉันก็ยังเตรียมเอกสารเพื่อยื่นวีซ่ามาให้เธอเลย ฉันเตรียมทุกอย่างมาให้ เพราะว่าฉันจริงใจกับเธอมาก ไม่เคยคิดแม้แต่จะหลอกลวง ให้เธอต้องเสียใจ มาถึงตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงกับฉัน แต่ก็ช่างเถอะ ฉันจะทำให้ดีที่สุด ทำให้เธอเชื่อใจและมั่นใจในตัวฉันให้ได้  ฉันขอให้เธอนำเอกสารไปยื่นวีซ่าให้เร็วที่สุด เพื่อเดินทางมาหาฉันที่ฮอลแลนด์มาเรียนรู้ มาดูว่าฉันเป็นอยู่ยังไง แล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ นางหล้าจึงตอบกลับไปว่า ฉันจะเชื่อเธอก็ต่อเมื่อฉันเห็นการกระทำเท่านั้น ไม่ใช่ดีแต่พูด สามีก็รับปากบอกว่าคอยดูก็แล้วกันว่าฉันเป็นคนยังไง
หลังจากกลับถึงบ้านนางหล้าก็ได้คิดไตร่ตรองปรึกษาพ่อดีแล้ว ก็เลยเดินทางมายื่นวีซ่าเยี่ยมเยียน แต่ผลวีซ่าไม่ผ่าน เพราะว่าเราเพิ่งเจอกันครั้งแรกด้วยระยะเวลาสั้นๆ นางหล้าจึงจำเป็นต้องติดต่อสามีทางอินเตอร์เน็ต ต่อไป ทุกวันที่เราคุยกันนางหล้าแซททีละหลายคนพร้อมๆกัน ทางฝั่งสามีก็รู้ เพราะเขาสามารถดึงเอาวินโด้เราไปดูได้ แล้วตลอดเวลานั้นเขาก็แอบแฮ๊ค ข้อมูลอีเมลย์เราไปทุกอย่างด้วยช่วงที่อยู่เมืองไทยด้วยกัน
  แกรู้ว่าเราติดต่อหลายคน แต่ไม่โกรธเพราะรักมากนั่นเอง จนในที่สุดแกทนไม่ไหวเห็นเราแซทกับหนุ่มหลายคน อารมย์หึงหวงกลัวมีคนชิงตัดหน้าไปก่อน แกเลยขอแต่งงานแบบรถด่วนไม่ยอมจอดซักสถานี
  หักหน้าผู้บ่าวอีกหลายคนที่ติดต่อนางหล้าอยู่ในตอนนั้นให้อกหักกันไปเป็นแถว เพราะหลายรายเตรียมเดินทางมาดูตัว บางรายซื้อตั๋วลงบอกวันเดินทางเรียบร้อย แต่ไม่ทันพ่อหม้ายลูกสามจากฮอลแลนด์ เรียกว่าใครเร็วใครได้ แกกะเข้าเส้นชัยก่อนใครผองเพื่อน ในสังคมบ้านนอกนั้นหากมีผู้ชายมาหาถึงบ้านถ้าไม่แต่งงานก็จะเป็นเรื่องไม่ดี จะโดนติฉินนินทาเอาได้ว่าใจง่ายเป็นคนไม่ดี เมื่อเขากล้าขอแต่งงานเราก็กล้าที่จะรับปากเพื่อไม่อยากให้ใครต่อใครเอาไปนินทาเราได้ แม้จะเคยแต่งงานมาแล้วกับคนไทย และเป็นแม่หม้ายตั้งแต่ยังสาว อย่างน้อยก็ยังมีคนเห็นในความดีเราบ้าง นั่นแหละการแต่งงานแบบกระทันหันจึงเกิดขึ้น ไม่ได้แต่งเพราะใจรัก แต่ยอมแต่งเพราะศักดิ์ศรี (อันนี้เรื่องจริง) คิดว่าในเมื่อเขาเป็นคนดีทำไมเราจะรักเขาไม่ได้ แค่ให้เวลาฉันเสียหน่อยทุกอย่างมันควรจะเป็นไปในทางที่ดี นางหล้าบอกสามีว่าขอเวลาฉันสักหน่อยนะ แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้รักเธอ แต่วันข้างหน้าฉัน จะต้องรักเธอให้ได้หากเธอเป็นสามีที่ดีของฉัน  สามีจอมตื้อก็รับปาก ต่อให้รอทั้งชีวิตฉันก็ยอม เพราะฉันรักเธอคนเดียวก็พอแล้ว (อันนี้ขอบอกว่าสงวนลิขสิทธ์ห้ามผู้ใดลอกเลียนแบบ) เพื่อนๆ เชื่อไหมคะ แม้กระทั่งคำว่ารักก็ไม่เคยเอ่ยปากกับสามีจนถึงเดี๋ยวนี้ จะมีก็แต่เขียนการ์ดให้แกใน วันสำคัญหรือ วันเกิด วันครบรอบแต่งงานแค่นั้นที่จะมีคำหวานๆเขียนลงไปบ้าง เพื่อให้แกได้ชื่นใจ
 แต่หน้าที่ของภรรยา เราไม่ได้บกพร่อง เราทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้ผ่านมาสามปีกว่าแล้ว ความรู้สึกมันยิ่งดำลึกลงไปอีกยากนักที่จะหยั่งถึงรวมทั้งเหตุการณ์แย่ๆหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ยิ่งทำให้เราหาใจตัวเองไม่เจอ บางครั้งเจอเรื่องหนักๆ อยากจะเดินออกไปจากจุดนี้ ไปในที่ไม่มีใครรู้จักเรา แต่พอมองเห็นหน้าสามีคนที่เขารักเรามากกว่าสิ่งใด ก็ทำให้รู้สึกสงสารและเห็นใจอย่างมาก เป็นห่วงว่าถ้าหากเราเดินออกไปจากชีวิตแกแล้ว เขาจะอยู่ยังไง ใครจะดูแลเขา ใครจะอยู่เคียงข้างเขาในวันที่เราไม่อยู่  เราเคยสัญญากันว่า จะอยู่ดูแลกันจนแก่เฒ่า แม้จะยังไม่รักมากก็ขอให้อยู่ด้วยใจแบบเพื่อนดูแลเพื่อน ตราบจนคนหนึ่งตายจากไป พอคิดถึงจุดนี้ที่แกเคยบอกก็ทำให้หยุดคิด สัญญากับตัวเองเราต้องอดทนนะ อย่างน้อยสามีก็รักเรามากกว่าสิ่งใด บางครั้งสามีก็ถามรู้สึกรักแกขึ้นบ้างหรือยัง?  นางหล้าก็เอาแต่ยิ้ม เพราะไม่อยากทำให้บรรยากาศการสนทนาต้องจบลงแบบบูดเน่า บางครั้งไม่อยากพูดอะไรเลย เพราะไม่อยากบอกว่ารักเดี๋ยวจะหาว่าเราโกหกอีก แต่บางครั้งหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็จะพูดไปทางอื่นให้มันจบๆๆ
  เราสองคนนิสัยต่างกันมาก รวมทั้งความคิดความอ่าน ความต้องการในสิ่งที่ตนเองคิดว่าดี แต่มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่ก็คือ ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม ไม่ฟุ่มเฟือย ชอบวางแผนอนาคต นอกนั้นต่างกันเหมือนมือคนละด้าน นางหล้าจะแข็งเหมือนผูชาย(ง่ายๆยังไงก็ได้) ส่วนสามีจะนิสัยเหมือนผู้หญิง(คือจู้จี้จุกจิก ขี้บ่น น่ารำคาญ) บางครั้งเราก็อดที่จะดักคอไม่ได้ วันที่เกิดปัญหาหนักๆ นางหล้าได้พูดกับสามีว่า แม้ฉันไม่อาจจะรักเธอได้ในตอนนี้ แต่ข้อดีของเธอก็มีเยอะมากเกินกว่าที่ฉันจะปล่อยให้เธอต้องใช้ชีวิตคนเดียว เธอดีกับฉันมาก เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งสามี เป็นทั้งแฟน เป็นพี่ชายเป็นได้ทั้งพ่อ เธอเป็นทุกอย่างของฉันได้ และฉันสามารถพูดเปิดใจกับเธอได้ทุกเรื่อง แต่ไม่ต้องห่วงฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธอแน่ๆ   หากวันหนึ่งถ้าหากฉันมีความรักกับใครสักคนที่มีความรู้สึกตรงกันและเขาเป็นคนดีอย่างที่เธอเป็นได้ฉันจะเดินเข้ามาบอกเธอให้รู้ด้วยตัวฉันเองนะ สัญญาว่าจะบอกด้วยตัวเอง สามีก็เลยบอกนางหล้าว่าเรียนให้จบ เพราะว่ามันคืออนาคตของเธอ จบแล้วค่อยมาคุยกันใหม่ ถ้าเธอจบโรงเรียนเมื่อไหร่เราจะมานั่งคุยกันเรื่องอนาคต ถ้าหากเธออยากจะหย่าจริงๆ (อันนี้นางหล้าเป็นฝ่ายถามตลอดเวลาเราทะเลาะกัน) ฉันก็ดำเนินเรื่องให้ แต่ว่าหย่าแล้วห้ามไปไหน เราต้องอยู่เป็นเพื่อนกันไปแบบนี้ดูแลกันไปเรื่อยๆ (friendship) และจะหางานให้ทำเป็นหลักแหล่งด้วย เพื่อที่เราจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้    เฮ่อ...พอได้คำตอบแบบนี้ นางหล้าค่อยสบายใจขึ้นหน่อย อย่างน้อยก็ไม่อยากให้ใครมาเป็นเจ้าของชีวิต ถ้ารักกันชอบกัน ทะเบียนสมรสไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตคู่(สำหรับนางหล้านะคะ) จิตใจต่างหากที่ผูกมัดคนสองคนให้อยู่ร่วมกัน ต่อให้คนหนึ่งรักมากแค่ไหน แต่อีกคนไม่มีใจก็ไม่สำคัญอยู่ดี ก็ได้แต่หวังว่าในอนาคตสามีจะ ไม่ลืมคำพูดที่เคยเอ่ยปากไว้ก่อนหน้านี้ ถึงตอนนั้นก็คงต้อง ใช้ใจวัดใจกันไปเลย เดี่ยวจะมาหาว่าเรารอเอาสมบัติสามีอีก อย่างงี้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ให้และผู้รับ ลูกๆเลี้ยง บรรดาเมียๆทั้งหลาย ก็ไม่ต้องมานั่งเถียงกันเรื่อง มรดกที่ลูกๆทุกคนจะได้รับ เพราะอย่างน้อยนางหล้า ก็จะแสดงความบริสุทธ์ใจ ด้วยการหย่า นั่นหมายถึงการสละสิทธิประโยชน์ทั้งหลายที่จะได้รับจากผู้เป็นสามีหลังจากการหย่าร้างเกิดขึ้น ญาติทางสามีก็จะไม่ต้องมานั่งระแวงว่าเรารอเอาสมบัติ เราเอาเฉพาะที่เราควรจะได้นั่นคือการหางานทำด้วยตัวเอง เก็บหอมรอมริบไปเดี๋ยวก็ได้เอง แก่แล้วก็กลับไปอยู่เมืองไทย บ้านเราเองก็มีแล้ว ที่ดินที่หามาด้วยตัวเองก็พอประมาณอยู่ แม้ไม่มีสามีก็ไม่ลำบากเท่าไหร่ (ขนาดทรัพย์สินของพ่อแม่นางหล้าเองยังขอสละสิทธ์ให้น้องๆหมด)
 ตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้ ส่วนที่มีอยู่ก็ให้ลูกหลานไปสร้างอนาคตกัน หากมีวาสนาหาเงินได้สักก้อนที่ดินเปล่าสองแปลงที่ จ.สระแก้ว นางหล้าซื้อไว้หลายปีแล้ว(ตอนนี้มีคนวิ่งหาเจ้าของวุ่นอยากซื้อต่อให้ราคางามเสียด้วย) ก็อาจจะทำห้องเช่าไว้เก็บกินตอนแก่ถึงตอนนั้นก็คงมีคนมาอาศัยเต็มไปหมด รับรองว่าหมาแมวได้อยู่ฟรีแน่งานนี้ ถ้าหากไม่มีลูกสักคน อย่างนี้นางหล้ามั่นใจว่าหากต้องอยู่คนเดียวไม่มีทางเหงาแน่นอน
  
บางครั้งชีวิตคู่ดูภายนอกก็เหมือนช่างสูขขีเสียจริง แต่เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ไม่สามารถไปอธิบายให้ใครเข้าใจได้ ตัวเราเองเองเท่านั้นที่จะรู้ดีกว่าใคร ในความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะยืนอยู่ในความถูกต้อง ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน มันย่อมจะเป็นการดีไม่ใช่หรือ เกิดมาแค่ชาติเดียวขอทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเป็นดีกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ต้องไปยึดติดกับอะไรมาก ยิ่งเราแสดงความเป็นเจ้าของเขาก็ยิ่งวิ่งหนี ไม่มีใครเป็นเจ้าชีวิตของใครได้ หากมีถนนสองเส้นขนานกัน จงเลือกเดินทางเส้นที่ปลอดภัยที่สุด   นางหล้าพอใจในสิ่งที่ตนมี แค่นี้เราก็ดีใจหายแล้ว เมื่อก่อนตอนที่เรายังไม่แต่งงาน บ้านนางหล้าเองอยู่ติดบ้านท่านสารวัตรตำรวจภูธร จ.สุรินทร์ (เราอยู่คนเดียวเป็นหมู่บ้านจัดสรร ) โอ๊ย ขี้คร้านจะมีหนุ่มๆแวะเวียน ทั้งทหาร ทั้งตำรวจ แต่ทำไมไม่เคยใส่ใจเอาซะเลย สุดท้ายก็มาได้บักสีดา
  ดันพานางหล้ามาลำบากหัวใจอีกต่างหาก เขาว่ากันว่า ..คนไม่รักมักจะได้ คนไม่ได้แต่เป็นคนที่รัก สงสัยจะจริง แต่คนที่นางหล้ารักทั้งหลาย มันก็ตายสูญพันธ์ไปมีเมียใหม่กันหมดแล้ว ตอนนี้ปลงจริงๆ กับเรื่องชีวิตคู่ ดูมันจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับเรา สงสัยจะต้องอยู่กับบักสีดาผู้ซื่อสัตย์คนนี้แหละ หากตราบใดที่เขายังยอมรับในความเป็นเราได้ ก็คงต้องอยู่กันไปแบบนี้แหละ โบราณว่าเอาคนที่เขารักเราดีกว่า ถ้าหากอยู่กันได้ ไม่ตายหรือจากลากันไปก่อน อีกไม่กี่ปีคงเห็นนางหล้าหลั่นล้าอยู่เมืองไทยแน่ๆ เพราะในอนาคตสามีบักสีดาผู้นี้หมายมั่นปั้นมืออย่างนักหนา ที่จะไปอยู่เมืองไทยให้ได้ แกรักเมืองไทยมากถึงขนาดที่ว่า ตายแล้วเผาที่นั่นเลยไม่ต้องส่งศพกลับ เพราะเกิดชาติหน้าฉันจะได้เกิดเป็นคนไทยกับเขาบ้างแกว่างี้  วันนี้แอบบ่นปนเล่ามาเสียนานทนอ่านกันหน่อยนะคะ ที่อยากบ่นวันนี้ก็เพราะว่าปัญหามันประดังเข้ามาหลายด้านเหลือเกิน บางทีคิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย แต่เรามาถึงจุดนี้แล้วต้องอดทนให้มาก ถ้าเรียนจบแล้วก็คงจะดีขึ้นหน่อยหางานทำ เก็บเงินสักพัก ค่อยกลับไปทำธุระกิจเล็กๆ เลี้ยงปากเลี้ยงท้องไป   ถึงตอนนั้น ถ้าบักสีดายังรักมั่นคงก็จะได้เห็นนางหล้า พาบักสีดาไปรับจ้างดำนาอยู่แถวบ้านกันละคราวนี้ เสร็จจากนาก็คงจะพาขนขี้ควาย ขี้ไก่ไปกองทำปุ๋ย  พาไปให้ลำบากมั่ง ให้รู้รสชาติของกรรมกรแบกหามว่ามันเหนื่อยแค่ไหน หน้าแล้งก็จะพาขายไก่ย่าง ตำบักหุ่ง เพราะว่าตรงข้ามที่ดินของเรากำลังมีโรงงานทำกระดาษมาสร้างอย่างใหญ่โต แต่ยังไม่เสร็จดี ต้องรออีกสีกพัก คาดว่าอีกไม่นานคงเปิดรับพนักงานเป็นพันคน ตอนนั้นบักสีดา แกได้เป็นคนผิวหมึกแน่ ก่อเตาถ่านย่างไก่ทุกวัน   ไม่รู้ใครเป็นใครล่ะงานนี้จะเผ่น เพราะทนลำบากไม่ไหว ถึงตอนนั้นก็คงจะเป็นบทพิสูทธ์รักแท้ยังมีเหลืออยู่ในโลกนี้อีกหรือเปล่า ถึงตอนนั้น ถ้าหากนางหล้าสายตาไม่พล่ามัว มองเห็นแป้นพิมพ์อยู่ ก็จะกลับมาเขียนบล๊อคเล่าเรื่องราวในแต่ละวันให้ฟังกัน อีกนานแสนนานเลยทีเดียวเชียว   
วันนี้ลงรูปพระนาง เพื่อนๆบอกว่าเหมาะสมกันขนาดนี้เนื้อคู่แน่ๆ แต่พระเจ้าจะเป็นใจให้นางหล้าอดทนได้แค่ไหนหนอ? อ้าวมาดูคู่สร้างคู่สม คนที่ยอมพลีหัวใจให้นางหล้า

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2553 5:33:05 น. |
|
20 comments
|
Counter : 819 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: อนุมานน้อย วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:6:24:30 น. |
|
|
|
โดย: army_wifey วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:7:42:31 น. |
|
|
|
โดย: สาวปราจีนบุรี IP: 203.121.167.241 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:16:54 น. |
|
|
|
โดย: เรไรไอด้า วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:03:58 น. |
|
|
|
โดย: Ramaekers วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:33:30 น. |
|
|
|
โดย: Duna@Budapest IP: 188.36.128.86 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:52:41 น. |
|
|
|
โดย: กูย IP: 192.168.51.229, 182.52.102.29 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:53:40 น. |
|
|
|
โดย: natto (natto-kita ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:26:39 น. |
|
|
|
โดย: ใกล้แค่สายลม IP: 183.89.41.202 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:31:23 น. |
|
|
|
โดย: ขอบคุณทุกกำลังใจ (Ramaekers ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:11:31 น. |
|
|
|
โดย: nanaandtom วันที่: 27 พฤศจิกายน 2553 เวลา:7:03:23 น. |
|
|
|
โดย: LoveParadise วันที่: 27 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:02:30 น. |
|
|
|
โดย: Apples in my eyes IP: 124.171.51.235 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:49:27 น. |
|
|
|
โดย: Ramaekers วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:29:16 น. |
|
|
|
โดย: pimiya IP: 110.49.128.136 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:51:18 น. |
|
|
|
โดย: filmgus วันที่: 13 ธันวาคม 2553 เวลา:21:08:23 น. |
|
|
|
โดย: แพท IP: 180.180.35.59 วันที่: 16 มกราคม 2554 เวลา:17:15:50 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
Maastricht Netherlands
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
หนึ่งสมอง สองมือ ต้องไขว่คว้า เมื่อมีปัญหา ขึ้นมา ต้องแก้ไข เหนื่อยและท้อ ขอพักหน่อย ไม่เป็นไร ให้มีแรง ลุกขึ้นใหม่ ได้อีกครา
คนเราก็เป็น แบบนี้ กันทั้งนั้น มีสุขสันต์ โศกเศร้า เท่ากันแหละหนา ความสำเร็จ แต่ละครั้ง กว่าจะได้มา ต้องแลกด้วย เหงื่อและน้ำตา แทบทุกคน
ขอเป็นอีก หนึ่งแรงใจ ให้คนสู้ ให้เธอรู้ ว่าเธอ ยังมีหวัง ขอส่งแรงใจ ให้เธอ มีแรงพลัง ไปยังฝั่งฝัน ที่เธอวาดหวัง และตั้งใจ


|
|
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ลอกเลียน หรือนำส่วนใดส่วนหนื่ง ,รูปภาพ ในบล๊อคแห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ และเพื่ออ้างอิง โดยไม่ได้รับอณุญาติ มิฉะนั้นแล้ว จะถูกดำเนินคดี ตามที่ กฏหมายบันญัติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|
|
ฟังที่คุณเล่า
มันจริงหรือเปล่านะที่เขาว่า " คนดีๆผู้หญิงไม่รัก "
สำหรับชั้นแล้ว ถึงรักแต่เป็นคนไม่ดีก็ขอบายเหมือนกัน