Sweet Swiss - เหินฟ้าสู่ zurich
11 ส.ค. 50ตื่นมาตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง พี่เล็กกลับไปแล้วเมื่อคืนนี้ วันนี้เราต้องนั่ง taxi ไป airpot คนเดียว เริ่มเหงาตั้งแต่ต้นทางซะแล้วไหมพัดชาออกจากโรงแรมตอนตี 5 ไปถึง Ataturk airport ของอิสตันบูล จัดการไป Check In ไฟลท์จะออกจากตอน 7 โมงครึ่ง เนื่องจากขาออกมาจากอิรัก เจอยึดแบตกล้องถ่ายรูปไปซะเกลี้ยง เซ็งมาก เค้าบอกว่า battery AA ของเรา อาจจะทำให้เกิด explosion ได้ T___T มาถึงอิสตันบูล เราก็เลยต้องไปถอยมาอีก 2 ชุดแต่ปรากฏว่าเมื่อคืนนี้ พบว่า ถ่านก่อนนึงมันชาร์จไม่เข้าอ่ะ เลยฝากให้พี่เล็กช่วยดูให้ที่ airportพอไปถึง airport ก็เลยต้องไปจัดการสอยมาอีก 1 ชุด ราคา 13 ยูโร แล้วด้วยความที่เราไม่เคยถือเงินเยอะๆไว้กับตัวเลย เลยรู้สึก panic ตลอดเวลา ว่าชั้นลืมมันไว้ที่ไหนหรือเปล่ารู้สึกเหมือนลืมโน่นลืมนี่ตลอดเวลา ไปถึงปรากฏว่า ไม่รู้ซองโทรศัพท์มือถือหายไปไหนจนได้สิพัดชาเครื่องออกจากอิสตันบูลช้าไปหน่อย แต่ไปถึงสนามบินซูริค ณ สวิสเซอร์แลนด์ตอน 9 โมงกว่าฝนตกตั้งแต่เช้าตรู่เลยวุ้ยยย อยู่นี่ อากาศแปรปรวนเสมอ ต้องเช็คกันวันต่อวันผ่านด่าน ตม. ของสวิส อย่างง่ายดาย ไม่ถึงห้านาที เป็นงงคับพี่น้องเพราะกว่าเราจะผ่านด่านที่อิสตันบูล ทั้งด่าน scan กับด่าน ตม. นี่เล่นไป 2 ชั่วโมงกว่าไปถึงก็ต้องนั่งรถไฟฟ้า ไปอีก terminal นึง เพื่อไปเอาของเค้าก็มีประกาศต้อนรับสู่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ แล้วก็ปิดท้ายด้วยเสียงมอมอของวัว น่ารักดีพอไปถึงที่เอากระเป๋า ปรากฏว่ามันเป็นรางเล็กๆอ่ะ ประมาณเท่าของที่อิรักเลยผิดคาดมาก อาจจะเพราะเราจินตนาการไว้ว่า ประเทศทางยุโรปมันต้องประมาณหรูหรูหน่อยพอมาอยู่จริงๆ รู้สึกได้เลยว่า เมืองไทยหรูกว่าเยอะเลย ทั้งพวกห้าง หรือโรงหนัง อลังการกว่ากันแยะด้วยความที่เรามัวแต่ไปล้างหน้าแปรงฟัน (แถมดันประเดิมไปลืมชุดแปรงสีฟันไว้ที่ airport ซะอีก)พี่แหม่ม เลยไปประกาศตามหาคนหายซะเรย เหอๆเจอพี่แหม่ม เอ๋ กะบอม มารับที่สนามบินหลังจากนั้น เราก็เอาของไปเก็บในรถ คุณวอลเตอร์ แฟนพี่แหม่มมารับด้วยได้นั่งรถเบนซ์ใหม่เอี่ยมกันเลย มีระบบ GPS บอกทิศทางในเวอร์ชั่นเยอรมันด้วย ดูไฮโซจังหลังจากนั้น เราก็ไปรับพี่เจี๊ยบกะลูกชาย ที่โรงแรมเซ็นทรัลกันไปเข้าห้องน้ำที่โรงแรมเซ็นทรัล ปรากฏว่า ตอนที่เรากด flush แล้ว ที่รองนั่งมันจะหมุนเพื่อไปเช็ดด้วยอ่ะแล้วก็เริ่มทัวร์ zurich กัน ณ บัดนี้เลยคับพี่น้องเมือง zurich น่าจะเมืองที่นักท่องเที่ยวคุ้นหูมากที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์แต่จริงๆ มันไม่ใช่เมืองหลวงของสวิสหรอกนะ เมืองหลวงของสวิสคือเมือง Bern เจ้าค่ะเรานั่งรถบัสไปลงที่สถานีรถไฟซูริคใหญ่มากมากเลยค่ะมีหลายชั้น มีหลายสิบชานชาลา แถมป้ายบอกตารางส่วนใหญ่ยังเป็นภาษาเยอรมันอีกต่างหากวันนี้ที่สวิสมีงาน Street Parade จะมีคนแต่งชุดแฟนซีมาเดินกันเต็มถนนเลยค่ะข้อเสียของสถานีรถไฟซูริค คือ คนจะสูบบุหรี่จัดมากมาก ไปไหนก็มีแต่คนสูบบุหรี่กว่าจะหลุดออกมาจากตัวสถานีได้ พัดชาแทบจะเป็นลมเนื่องจากวันนี้เป็นวันแรก และสมาชิกยังมากันไม่ครบ เราก็จะไปเดินกินลมชิวชิวกันก่อนจ้าอันนี้เป็นนางฟ้าอ้วน สัญลักษณ์ของสถานีรถไฟซูริคออกมาด้านหน้าสถานีรถไฟแล้วค่ะ เห็นรูปปั้นกะน้ำพุ กะเหรี่ยงไทยตื่นตาตื่นใจค่ะ มันดูยูโร๊ป ยุโรป เหอๆอันนี้อาหารมื้อแรกในสวิสจ้า เนื่องจากไปอยู่อิรักอดอยากหมูมานาน ขออะไรที่มีหมูนิ๊ดนึงนะ อาหารที่นี่ก็ราคาแพงสมชื่อกับเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพติดอันดับโลกเลยทีเดียวพี่แหม่มบอกว่า นี่เป็นแบบ self service นะ จะถูกหน่อยนึงจริงๆอยากได้ ketchup ด้วยอ่ะ แต่พี่แหม่มบอกว่าอะไรที่ตั้งไว้ หยิบที ก็เสียตังค์ทีอย่าง ketchup ซองเล็กๆ ที่เค้าแจกใน MAC อ่ะ ราคา 0.3 ฟรังส์ ก็ประมาณ 10 บาท ก็เลยยอมกินมันเลี่ยนๆอย่างงี้แหล่ะ :-)พาสต้ากะหมูค่ะ กะน้ำชามะนาว (อยากกินชาเย็นจัง) ราคา 13.5 ฟรังส์ ก็หย่อนๆ 400 บาทจ้ารสชาติเลี่ยนๆ แต่ด้วยความเสียดายเลยพยายามกินให้หมดจนชาวบ้านบอกว่า เห็นเรากินแล้ว ดูท่าทางค่อยอร่อย เหอๆๆ หลังจากท้องอิ่ม ก็เป็นเวลาออกสำรวจเมืองซูริคกันแล้วพี่แหม่มพาพวกเราเดินขึ้นไปที่ Lindenholf ซึ่งเป็นลานสาธารณะกลางเมืองระหว่างทาง ก็จะมีตึกร้านเล็กๆแต่งน่ารักๆ เต็มไปหมดเลยค่ะ ถึงแล้วจ้า ลาน Linderholf มองเห็นวิวของเมืองซูริค และเห็นโบสถ์ที่มี 2 ยอดอยู่ไกลๆซึ่งก็คือโบสถ์โกร๊สมึนสเตอะ สัญลักษณ์ของเมืองซูริค (อีกแล้ว) ค่ะหลังจากนั้น เราก็เดินไปตามถนน Bahnhofstrasse (ภาษาเยอรมันวันละคำ Bahnhof = สถานีรถไฟ strasse = ถนน จ้า)แต่เนื่องจากวันนี้เป็น street parade ก็จะมีคนมาแต่งตัวแฟนซีเดินเต็มถนนไปหมดเลยถนนเส้นนี้เป็นถนน shopping ค่ะ มีร้าน brandname เต็มไปหมดตึกสวยๆ บนถนน Bahnhofstrasse มีอาคารใหญ่ๆ เช่นพวกธนาคาร โรงแรม เดินไปจนสุดถนน Bahnhofstrasse ก็จะเป็น Zurich Lakeวันนี้เราจะล่องเรือ ท่ามกลางบรรยากาศครื้มๆ อากาศเย็นดีจังเลยเตรียมตัวไปล่องเรือทะเลสาปซูริคกันเถอะ บรรยากาศบนเรือ มองเห็นชิงช้าสวรรค์ยักษ์ มีเรือยอร์ช เต็มทะเลสาปไปหมด ในเรือค่ะ ไว้วิ่งมาหลบหาไออุ่น เพราะลมข้างนอกหนาวดีจริงจริงอากาศที่สวิสตอนนี้กำลังเย็นสบายดีเลย น่าจะซัก 15 องศาได้ใช้เวลาล่องทะเลสาปอยู่ชั่วโมงครึ่ง หลังจากนั้น เราก็มานั่งรถกลับไปสนามบินเพื่อไปรอรับเพื่อนร่วมทริปอีกสองคนจากอังกฤษคือเอื้อยกะเดียวแล้วก็นั่งรถไฟไปยังเมือง Brienz ซึ่งจะเป็นที่พักของเราตลอดอาทิตย์แรกนี้ไปถึง Brienz เกือบ 5 ทุ่มค่ะ กว่าจะลากกระเป๋าใบเป้งไปเข้าห้องพักก็ตาแทบจะปิดที่พักของพวกเราจะเป็นอพาร์ทเมนท์หลังใหญ่เบ้อเริ่ม ข้างในแบ่งเป็นห้องๆในห้องพักของเรา จะเป็นวิวภูเขา ให้วิวทะเสลาปกับคู่ฮันนีมูนเขาในห้องมี 2 ห้องนอน ห้องครัว แล้วก็ห้องรับแขกห้องน้ำที่นี่แปลกมาก ล็อคไม่ได้ เดาเอาว่าเค้าคงกลัวแขกเป็นอะไรในห้องน้ำไปเพราะคนที่มีเที่ยวที่สวิสส่วนใหญ่ เป็นคุณตาคุณยายทั้งนั้นเราก็เลยต้องมาทำป้ายกระดาษ ไว้แปะหน้าห้องน้ำเวลาเข้ากว่าจะได้เข้านอนในคืนนั้นก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่าเราได้นอนห้องเดียวกะพี่เจี๊ยบกะน้องซุป ดีที่พี่แหม่มเอาเตียงเสริมมาให้ ช่วยกันยกเข้าห้อง ทำให้เราไม่ต้องนอนหนาวที่โซฟาคนเดียวเท่าที่รู้มาส่วนใหญ่ โรงแรมที่สวิสไม่ค่อยมีแอร์อย่างห้องที่เรานอน มีหน้าต่างสูงๆเล็กอยู่บานเดียว เพราะห้องเป็นหลังคาทรงสูงช่วงที่มาเดือนสิงหานี้ เป็นช่วง summer ของทีนี่ แต่สำหรับคนไทยขี้หนาวอย่างเรา แค่นี้ก็หนาวยะเยือกแล้วจ้า ต้องนอนขดตัวในผ้านวมหนาๆพรุ่งนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีโปรแกรมไปเที่ยวไหน พี่แหม่มบอกว่า ต้องขึ้นกับอากาศตอนเช้า ถ้าอากาศดี เราจะขึ้นไปบนเขากันแต่ถ้าฝนตก เราก็จะไปเที่ยวในเมืองเพี้ยงงง ขอให้อากาศดีดีตลอด 2 อาทิตย์ที่เราอยู่ที่นี่หน่อยเถิ๊ดดดด
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
ชอบนะครับ เมืองนี้เคยไปมาเหมือนกัน 1 ครั้ง
ผมมักชอบเมืองที่อยู่คู่กับทะเลสาปอย่างนี้ล่ะครับ เห็นแล้วชื่นตาสบายใจดีครับ...
ปล.เห็นพ่อหนุ่ม..ตัวทอง นั่นแล้ว..รู้สึกเหมือนเค้าขาดอะไรไปนะครับ